[บทความ] หลางผิง : ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? และคิดว่ามันคุ้มค่า !

กระทู้ข่าว
WGP 2014 ปีนี้สำหรับนักตบลูกยางสาวจีนถือว่าเป็นงานที่ยากลำบากกว่าปีที่ผ่านๆมา  เริ่มต้น WGP  สนามแรกที่อิตาลีได้ไม่สวย มาสนามฮ่องกงเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม  สนามสุดท้ายมาเก๊าและรอบสุดท้ายโตเกียวที่ให้ผู้เล่นดาวรุ่งได้โอกาสแสดงฝีมือ .....  

WGP 4 สัปดาห์ 14 นัด  ในรอบสุดท้ายหลางผิงหาญกล้าเก็บผู้เล่นตัวหลัก 4 คน และใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเด็กใหม่ไปเก็บประสบการณ์  ชุดผู้เล่นของหลางผิงใน WGP รอบสุดท้ายกลายเป็นหัวข้อที่ถูกคนนำมาพูดถกเถียง  ชนะมาก็ชมเชย  แพ้มาก็ให้สงสัยในฝีมือ  แต่หลางผิงไม่สนใจเอาแต่จดจ่อกับการทำงานของตัวเองในแต่ละวัน  ได้นอนหลับเพียงวันละ4-5ชั่วโมง  นอกจากการพาลูกทีมฝึกซ้อมแล้วก็ยังต้องมาดูเทปเพื่อศึกษาการเล่นของคู่แข่งอีก  

รอบสุดท้ายที่โตเกียว  โรงแรมที่พักของทีมวอลเลย์สาวจีนอยู่ไม่ไกลจากชินจูกุย่านช็อปปิ้งชื่อดัง  จวบจนถึงวันอาทิตย์ตอนบ่ายหลังจบการแข่งกับรัสเซียกลับถึงโรงแรม  หลางผิงถึงได้นัดกับนักข่าวไปเดินเล่นพูดคุยกันที่ชินจูกุ  บอกว่าจะได้พักสมองบ้าง  แต่ว่าตลอดทางหลางผิงก็ยังคงพูดเรื่องวอลเลย์บอล เรื่องการแข่งขันอยู่นั่นเอง  


เมื่อถูกถามถึงเรื่องการเอาผู้เล่นดาวรุ่งเด็กใหม่มาเล่นใน WGP รอบสุดท้าย นี่ไม่ใช่เป็นการหาความกดดันใส่ตัวเองหรอกหรือ?
หลางผิงตอบว่า นี่ไม่ใช่ความกดดัน  แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่เราต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก  แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรจะต้องลำบากเหน็ดเหนื่อย  ฉันรู้ดีว่าถ้าแพ้จะต้องมีเสียงออกมาต่อว่าอย่างโน้นอย่างนี้    แต่ว่าฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว?
และฉันคิดว่ามันคุ้ม !!  


ตอนนี้เมื่อให้หวนกลับไปคิด  เรื่องอะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกกับมันมากที่สุด?

หลางผิง : พูดโดยรวมการเล่นถือว่าพอใช้ได้  แต่ลูกที่เล่นเสียมีค่อนข้างเยอะ อย่างเช่นเราทำแต้มนำก่อนอยู่หลายแต้ม  จู่ๆก็มาเสียแต้มติดๆกัน  เมื่อนึกขึ้นแล้วก็รู้สึกเสียดายมาก

สนามแรกที่อิตาลี  เล่นกับบราซิล อิตาลี  ไม่ใช่เราไม่มีโอกาส  หลายครั้งที่เราแต้มนำแต่กลับถูกพลิกแซง  สนามสามที่มาเก๊า  กับเซอร์เบีย ก็แพ้ตรงแต้มสำคัญ  รอบสุดท้ายที่โตเกียว นัดสุดท้ายกับรัสเซีย ก็แพ้ตรง 2 แต้มสำคัญ ถ้าได้ 2 แต้มนี้มาเราก็ได้ที่สาม  เสีย 2 แต้มนี้เราก็ตกไปอยู่ที่ห้า  ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เน้นในเรื่องผลการแข่งขัน แต่เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้  ก็อดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้  


สนามแรก  มีหลายครั้งที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ทำแต้มนำแล้วก็ถูกคู่แข่งพลิกแซงได้ แต่ในสนามสองและสนามสาม สถานการณ์เช่นว่านี้ก็ดีขึ้นมาก   เกี่ยวกับเรื่องนี้เราได้จัดการอะไรไปบ้าง ?

หลางผิง :  สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องสื่อสารกันให้มากขึ้น  ก่อนที่จะมีประชุมก่อนแข่งฉันสั่งให้พวกเขาไปศึกษาด้วยตัวเองก่อน  ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าหลังจากนี้ถ้าไปเจอสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกจะต้องคิดทำยังไงกันบ้าง?  สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  ปกติธรรมดามาก  แต่อยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับมันยังไง?  

คิดหายุทธวิธีการเล่น  จัดการกับปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ  ไม่ใช่เขาทำแต้มจี้ติดมาก็ใจเสีย  เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี?  หรือพอเห็นแต้มตัวเองใกล้ชนะแล้วก็รีบเร่งร้อนจะให้ได้เร็วๆ  เราต้องหาวิธีทำยังไงให้ตัวเองมีความแน่นอนคงเส้นคงวา  

สนามสอง   สถานการณ์ที่ว่านี้ดีขึ้นมาก  แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเว่ยชิวเย่วที่แจกจ่ายบอลได้อย่างเหมาะสมและมีความแน่นอน ทำให้จิตใจทุกคนมีความนิ่ง    


หลังจากสนามสองที่ชนะ 3 นัดติด ทุกคนก็คิดว่าวอลเลย์สาวจีนคงมาแล้วมีความแน่นอนขึ้นแล้ว  ต่างก็คิดกันว่าสนามสามน่าจะยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้นไปอีก  แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลับกลายเป็นยิ่งเล่นยิ่งแย่  แพ้ 2 นัดติด คุณว่าอะไรคือสาเหตุ?

หลางผิง :  อย่างแรก ปัญหาเรื่องพละกำลัง  บวกกับผู้เล่นเราที่เทคนิคยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอามาเป็นหลักประกันได้  ลูกสำคัญหลายครั้งจึงมีข้อผิดพลาด  อีกประการ มือเซ็ตเราเหลือแค่หวางน่าคนเดียว เว่ยชิวเย่วลงเล่น 3 นัดติดที่ฮ่องกง ขาของเธอก็เริ่มจะช้าลง   และนัดที่เล่นกับเกาหลีก็มาเท้าพลิกอีก  เสิ่นจิ้งซื้อที่ไปเล่นรายการกีฬาทหารโลกกลับมาลงทะเบียนไม่ทัน  แน่นอนเว่ยสามารถฝืนลงไปเล่นได้  แต่ฉันเห็นว่าไม่จำเป็น  ตอนนั้นเราก็ได้เข้ารอบสุดท้ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใช้ผู้เล่นให้หนักเปล่าๆ  


WGP รอบสุดท้าย  พักผู้เล่นตัวหลักถึง 4 คน และเปลี่ยนให้เด็กใหม่ไปเล่น  คุณคิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่?  

หลางผิง :  ฉันเชื่อมาตลอดว่าเราไม่สามารถใช้ผู้เล่นชุดเดียวเล่นตลอดได้  ดีที่สุดคือเปลี่ยนตัวผู้เล่นในสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่ว่าความคิดเรื่องนี้มันยังไม่ตกผลึก  พูดได้ว่าก่อนสนามมาเก๊าจะจบถึงได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย  

ที่ฉันมีความคิดเช่นนี้ก็เพราะ WGP ปีที่แล้วเราใช้ผู้เล่นเดิมมาตลอดจนถึงรอบสุดท้ายที่เราได้รองแชมป์ ผลลัพธ์ก็คือพอมาถึงชิงแชมป์เอเชียเล่นไม่ออกแรงไม่มี   ชิงแชมป์เอเชียที่จริงแล้วสำคัญแค่ 2-3 นัดเท่านั้น แต่ต้องมาเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ  ลูกทีมเราที่ปีที่แล้วมีเวลาฝึกซ้อมกันน้อย  พละกำลังจึงยังมีไม่เพียงพอ  แน่นอนพอเล่นกันถึงท้ายก็หมดแรง มาเจอกับทีมไทยคิดอยากจะตีให้ตายแต่ก็ตีไม่ตาย  เล่นบอลโต้ไปมาหลายครั้งเข้า  สติก็เริ่มไม่นิ่ง  ไม่สามารถกุมโอกาสที่มีมาได้  

การแข่งขันปีนี้โหดยิ่งกว่าปีที่แล้ว   แต่ละนัดใน WGP ก็เจอแต่ทีมแข็งๆ  ไม่มีเวลาให้เราได้หายใจหายคอ  และหลังจากนี้อีก 1 เดือนก็เป็นชิงแชมป์โลกแล้ว  ถ้าขืนเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ 13 นัด คงไม่ไหว  


แต่แบบนี้  ก็เท่ากับว่าปล่อย ไม่สนใจผลงาน WGP รอบสุดท้าย ?

หลางผิง  :  ถ้าจะให้เทียบกับผลงานการแข่งขัน ฉันก็ยังเห็นว่าให้พักตัวหลักอยู่ดี  การให้ตัวสำรองได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า  เสี่ยวฮุ่ยข้อศอกบวมมาตลอด  ไม่มีเวลาได้หยุดพัก ไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายจะได้มีเวลา 1 สัปดาห์ในการดูแล   ขาของเว่ยชิวเย่วยังต้องดูแลฟื้นฟูต่อเนื่อง ยังมีสวีหยุนลี่ที่เล่นติดกัน 9 นัด เอวก็ไม่ค่อยดี  จูถิงก็เหนื่อยมาก ให้กลับไปฝึกเรื่องพละกำลัง  อย่างนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ?

อีกอย่างผู้เล่นหลัก 4 คนไม่อยู่  ตัวสำรองก็จะได้มีโอกาสลงเล่น  พวกเขายิ่งต้องการประสบการณ์การแข่งขัน  ทีมวอลเลย์สาวจีนต้องการฝึกให้มีตัวสำรองชั้นดี  สามสนามก่อนหน้าพวกนี้แทบไม่ได้ลงเล่น  นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะสนับสนุนให้พวกเขาได้มีประสบการณ์  ไม่มีรุ่นพี่คอยประคองให้  เป็นการบีบให้พวกเขาต้องหาวิธีฝ่าฝันกันเองในสนาม  ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจลงไป  ถ้าฉันจะเอาผู้เล่นตัวหลักไป ให้กินยาแก้ปวดหน่อย  ก็คงลงไปเล่นได้  แน่นอนผลงานคงได้ดีกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผู้เล่นหลักเรายิ่งต้องเหนื่อยล้า    ตัวสำรองก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์   มันจำเป็นอย่างนั้นเชียวหรือ?


อย่างนี้แล้วความกดดันก็จะตกมาที่ตัวคุณมากขึ้น

หลางผิง :  พูดจริงๆฉันไม่ได้รู้สึกว่ามีความกดดันอะไรมากมาย เพียงแค่มีงานที่ต้องให้ทำเยอะมากขึ้น  เมื่อต้องมาใช้ผู้เล่นสำรองลงเล่น  ฉันบอกพวกเขาว่า รายการนี้ฉันไม่ได้ยึดติดอะไร ฉันลงทุนลงแรงพาพวกเธอมา ดูเทป วิเคราะห์คู่ต่อสู้  ยังต้องพาฝึกซ้อม ก็เพื่ออยากให้พวกเธอได้มีประสบการณ์ ก็ต้องเอาจริงจับเธอปล่อยลงสนาม  ให้ได้รู้จักเรียนรู้แบกรับความรับผิดชอบ  

เรื่องผลแพ้-ชนะซึ่งเราไม่รู้  แพ้ก็ต้องรู้ว่าแพ้ที่ตรงไหน?  เล่นดีมันดีตรงไหน?  ยังบกพร่องมันบกพร่องตรงไหน?   อย่างนี้ถึงแม้คนเป็นโค้ชจะต้องเหนื่อยยากแต่นั่นคือสิ่งที่ฉันควรต้องทำ  ฉันบอกกับพวกเขาไปว่า ฉันอายุ 50 กว่าแล้ว  ก็เหมือนกับพวกเขาที่ยืนหยัดเล่นกันมาตลอด 1 เดือน  นอนหลับก็น้อยกว่าพวกเขา  ต้องกระตุ้นให้กำลังใจพวกเขา  พาไปฝึกซ้อมก่อนแข่ง  ตัวฉันยังไม่ย่อท้อ ใจสู้เสมอ  แล้วพวกเธอที่อายุยังน้อย เมื่อเจออุปสรรคยากลำบากรู้สึกเหน็ดเหนื่อยพร้อมที่จะกัดฟันต่อสู้กันหรือเปล่า?


ผ่านมา 1 เดือน รู้สึกว่าอดนอนเยอะมากใช่หรือไม่?

หลางผิง :  แต่ละวันได้นอนแค่4-5ชั่วโมง  คุณพูดสิว่าอดนอนไหมล่ะ? รอบสุดท้าย 5 นัด  มี 3 นัด แข่ง 12.30 น.  แข่งจบกลับที่พักก็ราวๆ 4โมงครึ่ง  ก็ต้องรีบกิน แล้วก็เริ่มต้นเตรียมพร้อมสำหรับนัดต่อไป  1 ทุ่มกว่าก็ให้ผู้เล่นมาดูเทป   3 ทุ่มกว่ากินมื้อค่ำ  จากนั้นฉันก็ยังต้องเตรียมตัวต่อจนถึงเที่ยงคืน  วันรุ่งขึ้นก็ต้องรีบตื่นแต่เช้า  ต้องประชุมลูกทีมก่อนแข่ง


หลายวันนี้ดูผ่านการถ่ายทอดสด  ได้ยินเสียงคุณสั่งการบอกลูกทีมอยู่ข้างสนาม  เหมือนรู้ว่าเดี๋ยวคู่แข่งจะเล่นยังไง  ทุกคนต่างคิดว่าคุณเหมือนเซียนหยั่งรู้  

หลางผิง :  อย่าพูดว่าเป็นเซียนเลย  จริงๆแล้วที่สำคัญคือเราต้องรู้จักเข้าใจคู่แข่ง  และก็เป็นเรื่องของประสบการณ์  แต่ถึงรู้ว่าคู่แข่งจะเล่นยังไงเราก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้  นี่เป็นการบ่งบอกชัดว่า ลูกทีมของเราเทคนิคฝีมือยังมีไม่พอ  เมื่อคุณรู้ว่าคู่แข่งจะเล่นยังไง?  แต่สกัดกั้นไม่ได้  รับไม่ได้  ก็เพราะมาตรฐานฝีมือยังไม่ได้  ก็มีแต่ต้องกลับไปฝึกซ้อมพวกเขาต่อไป  


รอบสุดท้ายใน 3 นัดแรก  ลูกทีมโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่มาก คุณรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า?  ทั้งที่คุณตั้งใจอดหลับอดนอนเพื่อการเตรียมพร้อม  บอกย้ำเตือนในเรื่องต่างๆแล้ว  

หลางผิง :  ฉันไม่รู้สึกผิดหวัง เพียงแต่รู้สึกร้อนรน  เห็นพวกเขาด้านนี้ก็ยังไม่ไหว ด้านนั้นก็ยังต้องฝึกอีก  ในใจย่อมรู้สึกร้อนรน  แต่ก็รู้ว่าในใจพวกเขาก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้  แต่ละคนก็มีปัจจัยแตกต่างกันออกไป  ความตื่นเต้น  การที่ยังไม่รู้จักคู่แข่งพอ หรือมัวแต่ดูตัวเองไม่สนใจดูคู่แข่ง  เล่นกันยังไม่ดีก็ต้องค่อยๆว่ากันไป  ตัวฉันมีความอดทนมากพอ


ไม่คิดจะดุด่าพวกเขา?

หลางผิง :  น้อยมาก ก่อนแข่งกับตุรกีก็ด่าไปครั้งหนึ่ง  ที่สำคัญที่ทำให้รับไม่ได้ก็คือนัดที่เล่นแพ้ญี่ปุ่น  ฉันรู้สึกไม่พอใจอย่างมากๆ   การประชุมวันนั้นฉันถามพวกเขาว่ารู้จักไหมอะไรที่เรียกว่าความฮึกเหิม ?  เทคนิคฝีมือพวกเธออาจจะยังไม่ถึงแต่เราก็ยังมีจิตใจที่ฮึกเหิมฮึดสู้  ลงสนามไปไม่ต้องเกี่ยงกลัวว่าจะแย่งซีน  ต้องมีความเป็นนักฆ่า  นี่ไม่ใช่แค่พูดกับนัดที่เล่นกับญี่ปุ่นเท่านั้น  ไม่ว่าเล่นกับทีมไหนเราก็ควรต้องมีจิตใจความเป็นนักสู้ฮึกเหิมนี้ออกมา   คู่แข่งเขาบล็อกเราได้หลายลูก ฉันยอมรับได้  แต่นี่ฉันยังต้องมาคิดว่าจะทำยังไงกับพวกเธอในเรื่องนี้อีกงั้นหรือ?  ฉันขอถามพวกเธออะไรคือจิตใจที่ทุ่มเทสุดกำลัง  รู้จักไหม?  เข้าใจไหม?  ฉันบอกหลิวเสี่ยวถงกับหลี่จิ้งว่าอย่าเอาแต่คิดว่าตัวเองอายุยังน้อย  จริงๆแล้วพวกเธอ 24 กันแล้วนะ  อายุน้อยหรือเปล่า?  


2 นัดสุดท้าย ทุกคนทุ่มเทเล่นกันดี   กับรัสเซียถ้าไม่ใช่เซ็ต 5 ขาดไป 2 แต้ม  เราก็ได้ที่ 3  รวมไปถึงหลิวเสี่ยวถงได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมด้วย  นี่เป็นเรื่องที่เกินคาดหวังของคุณหรือไม่?    

หลางผิง :  พูดตามตรงฉันไม่ได้คาดหวังอะไร  เพราะว่ายังไม่เคยจัดผู้เล่นชุดนี้ลงแข่งมาก่อน  ฉันไม่รู้ว่าเด็กชุดนี้จะเล่นออกมาเป็นยังไงบ้าง? และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงคิดจะส่งเด็กพวกนี้เล่น  ฉันอยากจะรู้จักเข้าใจพวกเขา  ถ้าพูดถึงด้านตัวผู้เล่นเองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก  

3 นัดแรกเล่นประสานงานเป็นทีมกันไม่ดี  นัดหลังๆเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ  เสี่ยวถงได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม  แน่นอนว่าเป็นผลดีกับตัวเขา จะช่วยเสริมความมั่นใจให้ตัวเขา  ทุกคนต่างก็ดีใจไปกับเขาด้วย  และนี่ก็เป็นการบ่งบอกได้ว่าการให้โอกาสกับผู้เล่นหน้าใหม่อายุน้อยได้ลงเล่นว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน?    

http://sports.eastday.com/gd/2014/0825/1865822046.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่