WGP 2014 ปีนี้สำหรับนักตบลูกยางสาวจีนถือว่าเป็นงานที่ยากลำบากกว่าปีที่ผ่านๆมา เริ่มต้น WGP สนามแรกที่อิตาลีได้ไม่สวย มาสนามฮ่องกงเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม สนามสุดท้ายมาเก๊าและรอบสุดท้ายโตเกียวที่ให้ผู้เล่นดาวรุ่งได้โอกาสแสดงฝีมือ .....
WGP 4 สัปดาห์ 14 นัด ในรอบสุดท้ายหลางผิงหาญกล้าเก็บผู้เล่นตัวหลัก 4 คน และใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเด็กใหม่ไปเก็บประสบการณ์ ชุดผู้เล่นของหลางผิงใน WGP รอบสุดท้ายกลายเป็นหัวข้อที่ถูกคนนำมาพูดถกเถียง ชนะมาก็ชมเชย แพ้มาก็ให้สงสัยในฝีมือ แต่หลางผิงไม่สนใจเอาแต่จดจ่อกับการทำงานของตัวเองในแต่ละวัน ได้นอนหลับเพียงวันละ4-5ชั่วโมง นอกจากการพาลูกทีมฝึกซ้อมแล้วก็ยังต้องมาดูเทปเพื่อศึกษาการเล่นของคู่แข่งอีก
รอบสุดท้ายที่โตเกียว โรงแรมที่พักของทีมวอลเลย์สาวจีนอยู่ไม่ไกลจากชินจูกุย่านช็อปปิ้งชื่อดัง จวบจนถึงวันอาทิตย์ตอนบ่ายหลังจบการแข่งกับรัสเซียกลับถึงโรงแรม หลางผิงถึงได้นัดกับนักข่าวไปเดินเล่นพูดคุยกันที่ชินจูกุ บอกว่าจะได้พักสมองบ้าง แต่ว่าตลอดทางหลางผิงก็ยังคงพูดเรื่องวอลเลย์บอล เรื่องการแข่งขันอยู่นั่นเอง
เมื่อถูกถามถึงเรื่องการเอาผู้เล่นดาวรุ่งเด็กใหม่มาเล่นใน WGP รอบสุดท้าย นี่ไม่ใช่เป็นการหาความกดดันใส่ตัวเองหรอกหรือ?
หลางผิงตอบว่า นี่ไม่ใช่ความกดดัน แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่เราต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรจะต้องลำบากเหน็ดเหนื่อย ฉันรู้ดีว่าถ้าแพ้จะต้องมีเสียงออกมาต่อว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ว่าฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว?
และฉันคิดว่ามันคุ้ม !!
ตอนนี้เมื่อให้หวนกลับไปคิด เรื่องอะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกกับมันมากที่สุด?
หลางผิง : พูดโดยรวมการเล่นถือว่าพอใช้ได้ แต่ลูกที่เล่นเสียมีค่อนข้างเยอะ อย่างเช่นเราทำแต้มนำก่อนอยู่หลายแต้ม จู่ๆก็มาเสียแต้มติดๆกัน เมื่อนึกขึ้นแล้วก็รู้สึกเสียดายมาก
สนามแรกที่อิตาลี เล่นกับบราซิล อิตาลี ไม่ใช่เราไม่มีโอกาส หลายครั้งที่เราแต้มนำแต่กลับถูกพลิกแซง สนามสามที่มาเก๊า กับเซอร์เบีย ก็แพ้ตรงแต้มสำคัญ รอบสุดท้ายที่โตเกียว นัดสุดท้ายกับรัสเซีย ก็แพ้ตรง 2 แต้มสำคัญ ถ้าได้ 2 แต้มนี้มาเราก็ได้ที่สาม เสีย 2 แต้มนี้เราก็ตกไปอยู่ที่ห้า ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เน้นในเรื่องผลการแข่งขัน แต่เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ ก็อดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้
สนามแรก มีหลายครั้งที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ทำแต้มนำแล้วก็ถูกคู่แข่งพลิกแซงได้ แต่ในสนามสองและสนามสาม สถานการณ์เช่นว่านี้ก็ดีขึ้นมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้เราได้จัดการอะไรไปบ้าง ?
หลางผิง : สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องสื่อสารกันให้มากขึ้น ก่อนที่จะมีประชุมก่อนแข่งฉันสั่งให้พวกเขาไปศึกษาด้วยตัวเองก่อน ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าหลังจากนี้ถ้าไปเจอสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกจะต้องคิดทำยังไงกันบ้าง? สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ปกติธรรมดามาก แต่อยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับมันยังไง?
คิดหายุทธวิธีการเล่น จัดการกับปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ ไม่ใช่เขาทำแต้มจี้ติดมาก็ใจเสีย เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี? หรือพอเห็นแต้มตัวเองใกล้ชนะแล้วก็รีบเร่งร้อนจะให้ได้เร็วๆ เราต้องหาวิธีทำยังไงให้ตัวเองมีความแน่นอนคงเส้นคงวา
สนามสอง สถานการณ์ที่ว่านี้ดีขึ้นมาก แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเว่ยชิวเย่วที่แจกจ่ายบอลได้อย่างเหมาะสมและมีความแน่นอน ทำให้จิตใจทุกคนมีความนิ่ง
หลังจากสนามสองที่ชนะ 3 นัดติด ทุกคนก็คิดว่าวอลเลย์สาวจีนคงมาแล้วมีความแน่นอนขึ้นแล้ว ต่างก็คิดกันว่าสนามสามน่าจะยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลับกลายเป็นยิ่งเล่นยิ่งแย่ แพ้ 2 นัดติด คุณว่าอะไรคือสาเหตุ?
หลางผิง : อย่างแรก ปัญหาเรื่องพละกำลัง บวกกับผู้เล่นเราที่เทคนิคยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอามาเป็นหลักประกันได้ ลูกสำคัญหลายครั้งจึงมีข้อผิดพลาด อีกประการ มือเซ็ตเราเหลือแค่หวางน่าคนเดียว เว่ยชิวเย่วลงเล่น 3 นัดติดที่ฮ่องกง ขาของเธอก็เริ่มจะช้าลง และนัดที่เล่นกับเกาหลีก็มาเท้าพลิกอีก เสิ่นจิ้งซื้อที่ไปเล่นรายการกีฬาทหารโลกกลับมาลงทะเบียนไม่ทัน แน่นอนเว่ยสามารถฝืนลงไปเล่นได้ แต่ฉันเห็นว่าไม่จำเป็น ตอนนั้นเราก็ได้เข้ารอบสุดท้ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใช้ผู้เล่นให้หนักเปล่าๆ
WGP รอบสุดท้าย พักผู้เล่นตัวหลักถึง 4 คน และเปลี่ยนให้เด็กใหม่ไปเล่น คุณคิดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่?
หลางผิง : ฉันเชื่อมาตลอดว่าเราไม่สามารถใช้ผู้เล่นชุดเดียวเล่นตลอดได้ ดีที่สุดคือเปลี่ยนตัวผู้เล่นในสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่ว่าความคิดเรื่องนี้มันยังไม่ตกผลึก พูดได้ว่าก่อนสนามมาเก๊าจะจบถึงได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ที่ฉันมีความคิดเช่นนี้ก็เพราะ WGP ปีที่แล้วเราใช้ผู้เล่นเดิมมาตลอดจนถึงรอบสุดท้ายที่เราได้รองแชมป์ ผลลัพธ์ก็คือพอมาถึงชิงแชมป์เอเชียเล่นไม่ออกแรงไม่มี ชิงแชมป์เอเชียที่จริงแล้วสำคัญแค่ 2-3 นัดเท่านั้น แต่ต้องมาเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ ลูกทีมเราที่ปีที่แล้วมีเวลาฝึกซ้อมกันน้อย พละกำลังจึงยังมีไม่เพียงพอ แน่นอนพอเล่นกันถึงท้ายก็หมดแรง มาเจอกับทีมไทยคิดอยากจะตีให้ตายแต่ก็ตีไม่ตาย เล่นบอลโต้ไปมาหลายครั้งเข้า สติก็เริ่มไม่นิ่ง ไม่สามารถกุมโอกาสที่มีมาได้
การแข่งขันปีนี้โหดยิ่งกว่าปีที่แล้ว แต่ละนัดใน WGP ก็เจอแต่ทีมแข็งๆ ไม่มีเวลาให้เราได้หายใจหายคอ และหลังจากนี้อีก 1 เดือนก็เป็นชิงแชมป์โลกแล้ว ถ้าขืนเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ 13 นัด คงไม่ไหว
แต่แบบนี้ ก็เท่ากับว่าปล่อย ไม่สนใจผลงาน WGP รอบสุดท้าย ?
หลางผิง : ถ้าจะให้เทียบกับผลงานการแข่งขัน ฉันก็ยังเห็นว่าให้พักตัวหลักอยู่ดี การให้ตัวสำรองได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า เสี่ยวฮุ่ยข้อศอกบวมมาตลอด ไม่มีเวลาได้หยุดพัก ไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายจะได้มีเวลา 1 สัปดาห์ในการดูแล ขาของเว่ยชิวเย่วยังต้องดูแลฟื้นฟูต่อเนื่อง ยังมีสวีหยุนลี่ที่เล่นติดกัน 9 นัด เอวก็ไม่ค่อยดี จูถิงก็เหนื่อยมาก ให้กลับไปฝึกเรื่องพละกำลัง อย่างนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ?
อีกอย่างผู้เล่นหลัก 4 คนไม่อยู่ ตัวสำรองก็จะได้มีโอกาสลงเล่น พวกเขายิ่งต้องการประสบการณ์การแข่งขัน ทีมวอลเลย์สาวจีนต้องการฝึกให้มีตัวสำรองชั้นดี สามสนามก่อนหน้าพวกนี้แทบไม่ได้ลงเล่น นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะสนับสนุนให้พวกเขาได้มีประสบการณ์ ไม่มีรุ่นพี่คอยประคองให้ เป็นการบีบให้พวกเขาต้องหาวิธีฝ่าฝันกันเองในสนาม ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจลงไป ถ้าฉันจะเอาผู้เล่นตัวหลักไป ให้กินยาแก้ปวดหน่อย ก็คงลงไปเล่นได้ แน่นอนผลงานคงได้ดีกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผู้เล่นหลักเรายิ่งต้องเหนื่อยล้า ตัวสำรองก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ มันจำเป็นอย่างนั้นเชียวหรือ?
อย่างนี้แล้วความกดดันก็จะตกมาที่ตัวคุณมากขึ้น
หลางผิง : พูดจริงๆฉันไม่ได้รู้สึกว่ามีความกดดันอะไรมากมาย เพียงแค่มีงานที่ต้องให้ทำเยอะมากขึ้น เมื่อต้องมาใช้ผู้เล่นสำรองลงเล่น ฉันบอกพวกเขาว่า รายการนี้ฉันไม่ได้ยึดติดอะไร ฉันลงทุนลงแรงพาพวกเธอมา ดูเทป วิเคราะห์คู่ต่อสู้ ยังต้องพาฝึกซ้อม ก็เพื่ออยากให้พวกเธอได้มีประสบการณ์ ก็ต้องเอาจริงจับเธอปล่อยลงสนาม ให้ได้รู้จักเรียนรู้แบกรับความรับผิดชอบ
เรื่องผลแพ้-ชนะซึ่งเราไม่รู้ แพ้ก็ต้องรู้ว่าแพ้ที่ตรงไหน? เล่นดีมันดีตรงไหน? ยังบกพร่องมันบกพร่องตรงไหน? อย่างนี้ถึงแม้คนเป็นโค้ชจะต้องเหนื่อยยากแต่นั่นคือสิ่งที่ฉันควรต้องทำ ฉันบอกกับพวกเขาไปว่า ฉันอายุ 50 กว่าแล้ว ก็เหมือนกับพวกเขาที่ยืนหยัดเล่นกันมาตลอด 1 เดือน นอนหลับก็น้อยกว่าพวกเขา ต้องกระตุ้นให้กำลังใจพวกเขา พาไปฝึกซ้อมก่อนแข่ง ตัวฉันยังไม่ย่อท้อ ใจสู้เสมอ แล้วพวกเธอที่อายุยังน้อย เมื่อเจออุปสรรคยากลำบากรู้สึกเหน็ดเหนื่อยพร้อมที่จะกัดฟันต่อสู้กันหรือเปล่า?
ผ่านมา 1 เดือน รู้สึกว่าอดนอนเยอะมากใช่หรือไม่?
หลางผิง : แต่ละวันได้นอนแค่4-5ชั่วโมง คุณพูดสิว่าอดนอนไหมล่ะ? รอบสุดท้าย 5 นัด มี 3 นัด แข่ง 12.30 น. แข่งจบกลับที่พักก็ราวๆ 4โมงครึ่ง ก็ต้องรีบกิน แล้วก็เริ่มต้นเตรียมพร้อมสำหรับนัดต่อไป 1 ทุ่มกว่าก็ให้ผู้เล่นมาดูเทป 3 ทุ่มกว่ากินมื้อค่ำ จากนั้นฉันก็ยังต้องเตรียมตัวต่อจนถึงเที่ยงคืน วันรุ่งขึ้นก็ต้องรีบตื่นแต่เช้า ต้องประชุมลูกทีมก่อนแข่ง
หลายวันนี้ดูผ่านการถ่ายทอดสด ได้ยินเสียงคุณสั่งการบอกลูกทีมอยู่ข้างสนาม เหมือนรู้ว่าเดี๋ยวคู่แข่งจะเล่นยังไง ทุกคนต่างคิดว่าคุณเหมือนเซียนหยั่งรู้
หลางผิง : อย่าพูดว่าเป็นเซียนเลย จริงๆแล้วที่สำคัญคือเราต้องรู้จักเข้าใจคู่แข่ง และก็เป็นเรื่องของประสบการณ์ แต่ถึงรู้ว่าคู่แข่งจะเล่นยังไงเราก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้ นี่เป็นการบ่งบอกชัดว่า ลูกทีมของเราเทคนิคฝีมือยังมีไม่พอ เมื่อคุณรู้ว่าคู่แข่งจะเล่นยังไง? แต่สกัดกั้นไม่ได้ รับไม่ได้ ก็เพราะมาตรฐานฝีมือยังไม่ได้ ก็มีแต่ต้องกลับไปฝึกซ้อมพวกเขาต่อไป
รอบสุดท้ายใน 3 นัดแรก ลูกทีมโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่มาก คุณรู้สึกผิดหวังหรือเปล่า? ทั้งที่คุณตั้งใจอดหลับอดนอนเพื่อการเตรียมพร้อม บอกย้ำเตือนในเรื่องต่างๆแล้ว
หลางผิง : ฉันไม่รู้สึกผิดหวัง เพียงแต่รู้สึกร้อนรน เห็นพวกเขาด้านนี้ก็ยังไม่ไหว ด้านนั้นก็ยังต้องฝึกอีก ในใจย่อมรู้สึกร้อนรน แต่ก็รู้ว่าในใจพวกเขาก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ละคนก็มีปัจจัยแตกต่างกันออกไป ความตื่นเต้น การที่ยังไม่รู้จักคู่แข่งพอ หรือมัวแต่ดูตัวเองไม่สนใจดูคู่แข่ง เล่นกันยังไม่ดีก็ต้องค่อยๆว่ากันไป ตัวฉันมีความอดทนมากพอ
ไม่คิดจะดุด่าพวกเขา?
หลางผิง : น้อยมาก ก่อนแข่งกับตุรกีก็ด่าไปครั้งหนึ่ง ที่สำคัญที่ทำให้รับไม่ได้ก็คือนัดที่เล่นแพ้ญี่ปุ่น ฉันรู้สึกไม่พอใจอย่างมากๆ การประชุมวันนั้นฉันถามพวกเขาว่ารู้จักไหมอะไรที่เรียกว่าความฮึกเหิม ? เทคนิคฝีมือพวกเธออาจจะยังไม่ถึงแต่เราก็ยังมีจิตใจที่ฮึกเหิมฮึดสู้ ลงสนามไปไม่ต้องเกี่ยงกลัวว่าจะแย่งซีน ต้องมีความเป็นนักฆ่า นี่ไม่ใช่แค่พูดกับนัดที่เล่นกับญี่ปุ่นเท่านั้น ไม่ว่าเล่นกับทีมไหนเราก็ควรต้องมีจิตใจความเป็นนักสู้ฮึกเหิมนี้ออกมา คู่แข่งเขาบล็อกเราได้หลายลูก ฉันยอมรับได้ แต่นี่ฉันยังต้องมาคิดว่าจะทำยังไงกับพวกเธอในเรื่องนี้อีกงั้นหรือ? ฉันขอถามพวกเธออะไรคือจิตใจที่ทุ่มเทสุดกำลัง รู้จักไหม? เข้าใจไหม? ฉันบอกหลิวเสี่ยวถงกับหลี่จิ้งว่าอย่าเอาแต่คิดว่าตัวเองอายุยังน้อย จริงๆแล้วพวกเธอ 24 กันแล้วนะ อายุน้อยหรือเปล่า?
2 นัดสุดท้าย ทุกคนทุ่มเทเล่นกันดี กับรัสเซียถ้าไม่ใช่เซ็ต 5 ขาดไป 2 แต้ม เราก็ได้ที่ 3 รวมไปถึงหลิวเสี่ยวถงได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมด้วย นี่เป็นเรื่องที่เกินคาดหวังของคุณหรือไม่?
หลางผิง : พูดตามตรงฉันไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะว่ายังไม่เคยจัดผู้เล่นชุดนี้ลงแข่งมาก่อน ฉันไม่รู้ว่าเด็กชุดนี้จะเล่นออกมาเป็นยังไงบ้าง? และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงคิดจะส่งเด็กพวกนี้เล่น ฉันอยากจะรู้จักเข้าใจพวกเขา ถ้าพูดถึงด้านตัวผู้เล่นเองก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก
3 นัดแรกเล่นประสานงานเป็นทีมกันไม่ดี นัดหลังๆเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวถงได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเป็นผลดีกับตัวเขา จะช่วยเสริมความมั่นใจให้ตัวเขา ทุกคนต่างก็ดีใจไปกับเขาด้วย และนี่ก็เป็นการบ่งบอกได้ว่าการให้โอกาสกับผู้เล่นหน้าใหม่อายุน้อยได้ลงเล่นว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน?
http://sports.eastday.com/gd/2014/0825/1865822046.html
[บทความ] หลางผิง : ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? และคิดว่ามันคุ้มค่า !
หลางผิงตอบว่า นี่ไม่ใช่ความกดดัน แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่เราต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรจะต้องลำบากเหน็ดเหนื่อย ฉันรู้ดีว่าถ้าแพ้จะต้องมีเสียงออกมาต่อว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ว่าฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว?
และฉันคิดว่ามันคุ้ม !!
ที่ฉันมีความคิดเช่นนี้ก็เพราะ WGP ปีที่แล้วเราใช้ผู้เล่นเดิมมาตลอดจนถึงรอบสุดท้ายที่เราได้รองแชมป์ ผลลัพธ์ก็คือพอมาถึงชิงแชมป์เอเชียเล่นไม่ออกแรงไม่มี ชิงแชมป์เอเชียที่จริงแล้วสำคัญแค่ 2-3 นัดเท่านั้น แต่ต้องมาเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ ลูกทีมเราที่ปีที่แล้วมีเวลาฝึกซ้อมกันน้อย พละกำลังจึงยังมีไม่เพียงพอ แน่นอนพอเล่นกันถึงท้ายก็หมดแรง มาเจอกับทีมไทยคิดอยากจะตีให้ตายแต่ก็ตีไม่ตาย เล่นบอลโต้ไปมาหลายครั้งเข้า สติก็เริ่มไม่นิ่ง ไม่สามารถกุมโอกาสที่มีมาได้
การแข่งขันปีนี้โหดยิ่งกว่าปีที่แล้ว แต่ละนัดใน WGP ก็เจอแต่ทีมแข็งๆ ไม่มีเวลาให้เราได้หายใจหายคอ และหลังจากนี้อีก 1 เดือนก็เป็นชิงแชมป์โลกแล้ว ถ้าขืนเล่นกันตั้งแต่ต้นยันจบ 13 นัด คงไม่ไหว
อีกอย่างผู้เล่นหลัก 4 คนไม่อยู่ ตัวสำรองก็จะได้มีโอกาสลงเล่น พวกเขายิ่งต้องการประสบการณ์การแข่งขัน ทีมวอลเลย์สาวจีนต้องการฝึกให้มีตัวสำรองชั้นดี สามสนามก่อนหน้าพวกนี้แทบไม่ได้ลงเล่น นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะสนับสนุนให้พวกเขาได้มีประสบการณ์ ไม่มีรุ่นพี่คอยประคองให้ เป็นการบีบให้พวกเขาต้องหาวิธีฝ่าฝันกันเองในสนาม ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจลงไป ถ้าฉันจะเอาผู้เล่นตัวหลักไป ให้กินยาแก้ปวดหน่อย ก็คงลงไปเล่นได้ แน่นอนผลงานคงได้ดีกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผู้เล่นหลักเรายิ่งต้องเหนื่อยล้า ตัวสำรองก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ มันจำเป็นอย่างนั้นเชียวหรือ?
เรื่องผลแพ้-ชนะซึ่งเราไม่รู้ แพ้ก็ต้องรู้ว่าแพ้ที่ตรงไหน? เล่นดีมันดีตรงไหน? ยังบกพร่องมันบกพร่องตรงไหน? อย่างนี้ถึงแม้คนเป็นโค้ชจะต้องเหนื่อยยากแต่นั่นคือสิ่งที่ฉันควรต้องทำ ฉันบอกกับพวกเขาไปว่า ฉันอายุ 50 กว่าแล้ว ก็เหมือนกับพวกเขาที่ยืนหยัดเล่นกันมาตลอด 1 เดือน นอนหลับก็น้อยกว่าพวกเขา ต้องกระตุ้นให้กำลังใจพวกเขา พาไปฝึกซ้อมก่อนแข่ง ตัวฉันยังไม่ย่อท้อ ใจสู้เสมอ แล้วพวกเธอที่อายุยังน้อย เมื่อเจออุปสรรคยากลำบากรู้สึกเหน็ดเหนื่อยพร้อมที่จะกัดฟันต่อสู้กันหรือเปล่า?
3 นัดแรกเล่นประสานงานเป็นทีมกันไม่ดี นัดหลังๆเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวถงได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม แน่นอนว่าเป็นผลดีกับตัวเขา จะช่วยเสริมความมั่นใจให้ตัวเขา ทุกคนต่างก็ดีใจไปกับเขาด้วย และนี่ก็เป็นการบ่งบอกได้ว่าการให้โอกาสกับผู้เล่นหน้าใหม่อายุน้อยได้ลงเล่นว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน?
http://sports.eastday.com/gd/2014/0825/1865822046.html