ตอนที่ 7 - "ฉันจะเอามันไปส่งเอง"
ต่อจากเหตุการณ์รถไฟชนกันในตอนที่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ฝนตกพายุเข้าดินถล่ม ทั้ง 4 คนติดฝนในโบสถ์ โนอาถามทาคายามะว่าอยากเป็นคนขับรถไฟงั้นเหรอ และถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็อยากลองนั่งรถไฟที่ทาคายามะขับดูเหมือนกัน แล้วก็หันมาแควะซากุไรเรื่องที่พยายามแต่งตัวแต่ไม่เป็นที่สนใจบอกว่าเธอเองก็เคย แต่ซากุไรปฏิเสธไปว่าเป็นเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า โนอาเลยย้อนว่าใครกันแน่ที่เข้าใจผิด ว่าแล้วก็เข้าไปนั่งกอดแขนทาคายามะและบอกว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน (ไอดอลไม่เล็กนะครับ แหม่)
ทำเอาโคอุมิที่นั่งข้างหลังถึงกับต้องลุกขึ้นเพราะทนไม่ไหว (อารมณ์ประมาณ “ดิฉันนี่ยืนเลย”) แต่โดนสายตาค้อนของโนอาจนถึงกับหงอและกลับไปนั่งเหมือนเดิมซะอย่างงั้น โนอาที่เหมือนกำลังได้ใจเลยย้ำว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะแสดงความรู้สึกยังไงกับใครก็ได้ ว่าแล้วก็ทั้งกอดแขนทั้งซบทาคายามะแบบไม่แคร์สายตาโคอุมิกับซากุไรที่กำลังมองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ (แอบสงสารโคอุมิแฮะ)
ระหว่างสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด(มั้ง) อิวาอิซูมิที่มาตามหาพวกทาคายามะก็เปิดประตูเข้ามาพอดี พ่วงด้วยรถไฟขบวนที่ 4 หนูชัชโชนั่นเอง ชัชโชเอากาแฟให้ทาคายามะแต่ทาคายามะเอาไปให้โนอาอีกทอดหนึ่ง โนอาตอนนี้ไม่ได้สนใจกาแฟเลยจ้องที่ชัชโช จนทารายามะต้องอธิบายว่าเขาส่งข้อความขอให้ชัชโชกับอิวาอิซูมิช่วยซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้หน่อย โนอาเหมือนจะไม่ได้สนใจคำอธิบายนั้น เธอลุกขึ้นพร้อมแซวทาคายามะว่าเป็นเสือผู้หญิง แต่ก็บอกแบบนี้ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าเธอไม่เกี่ยงที่จะแข่งขันกันด้วยความรู้สึก ก่อนจะขอตัวกลับเพราะเธอมีซ้อมอยู่
ระหว่างนั้นก็โทรศัพท์เข้ามาหาทาคายามะ จากหัวหน้านาริตะบอกว่าตอนนี้เกิดดินถล่มคุมาโนะทาอิระ นอกจากนี้รถด่วนชินชูของก็ติดอยู่ที่สถานียางาซากิด้วย ทีมของทาคายามะทั้งหมดเลยขอตัวก่อน เพื่อไปอพยพผู้โดยสาร แต่ก่อนไปโนอาเดินเข้าไปหาทาคายามะแล้วบอกว่า ใจจริงเธออยากจะเห็นทาคายามะตอนขับรถไฟ แต่ตอนที่ทำความเคารพเนี่ยก็เท่ดีเหมือนกัน โนอาบอกกับทาคายามะแบบไม่แคร์ชัชโชที่อยู่ด้านหลังกับโคอุมิและซากุไรที่ยืนข้างๆ ทาคายามะกันเลย
ที่สถานียางาซากิทีมของทาคายามะช่วยกันอพยพผู้โดยสารและแจกเสื้อกันฝนเพื่อให้เดินไปยังอีกสถานีหนึ่ง พอเสร็จภารกิจทั้งทีมก็เปียกโชกไปหมด จนหัวหน้านาริตะแซวว่าดูไม่ได้เลยก็แต่บอกขอบคุณเป็นอย่างมากเพราะช่วยได้เยอะเลย
แต่เหตุการณ์เหมือนจะไม่จบแค่นั้น ที่หน้าเคาเตอร์มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ช่วยออกรถไฟหน่อยเพราะเธอต้องไปส่งของบางอย่างที่ด่วนมากๆ แต่กว่ารถไฟจะพร้อมและซ่อมแซมทางเสร็จก็ต้องใช้ร่วม 4 ชม. ซึ่งแบบนั้นคงไม่ทันการแน่ๆ แต่แล้วคนๆ หนึ่งก็เข้ามาบอกว่าให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหน่อย อิวาอิซูมิถามทาคายามะว่าเขาเป็นใคร ทาคายามะบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดาว่าน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตของหน่วยรักษาความปลอดภัยการรถไฟ
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเชิญเข้ามาในห้อง เธอแนะนำตัวว่าชื่อโออิโตะมาจากศูนย์ขนส่งอวัยวะ ตอนนี้กำลังขนส่งอวัยวะสำหรับผ่าตัดฉุกเฉิน เธอคิดว่าการเดินทางด้วยรถไฟจะไวที่สุด แต่กลับเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อีกทั้งเธอต้องไปส่งอวัยวะสำหรับผ่าตัดที่โรงพยาบาลในมาเอะบาชิให้ทันภายใน 2 ชม. เธอเลยขอนายสถานีว่าทำยังไงก็ได้ช่วยออกรถไฟให้ที แต่นายสถานีก็บอกยังไงก็คงไม่ไหวเพราะสถานีอื่นๆ ก็หยุดเดินรถด้วยเหมือนกัน
พอนายสถานีบอกว่าหมดหนทาง โออิโตะก็ได้แต่ขอร้องมาช่วยทำอะไรสักอย่างที จนโคอุมิตะโกนออกมาว่าเธอจะไปส่งให้เอง เมื่อใช้เส้นทางหลักไม่ได้ก็ต้องอีกเส้นทางหนึ่ง ซากุไรก็ค้านว่าไม่มีรับประกันได้ว่าจะไปถึงภายใน 2 ชม.สักหน่อย แต่โคอุมิก็ยังยืนยันว่าถ้าเอานี่ไปส่งได้ทันละก็จะสามารถช่วยชีวิตคนคนๆ หนึ่งได้ เธอไม่ยอมให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปแน่
ทาคายามะที่ยืนจ้องแผนที่อยู่ก็บอกให้รอเดี๋ยว เขาชี้ไปที่แผนที่พร้อมกับบอกว่าถ้าภูเขาถล่มที่คุมาโนะทาอิระแต่ยังสามารถใช้เส้นทางเก่าได้ นายสถานีบอกทางเส้นนั้นไม่ค่อยได้ซ่อมบำรุงเลยไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่จากการซ่อมบำรุงครั้งก่อนไม่มีปัญหาอะไร ทาคายามะเลยบอกแค่นั้นก็พอแล้ว พร้อมกับบอกว่าเขาจะไปกับโคอุมิเอง(ย้ำธงอย่างต่อเนื่อง) แต่อิวาอิซูมิกลับบอกว่าไม่ไหวเพราะของแบบนี้มันต้องใช้แรงนายคงทำแบบนั้นไม่ไหว ซากุไรเองก็บอกว่า 4 คนย่อมดีกว่า 3 อยู่แล้ว สรุปก็ไปกันหมดทีมนี่แหละ
คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตที่ว่า(ยังไม่รู้ชื่อ) เลยบอกนายสถานีให้เอา รถรางสำหรับซ่อมบำรุง (
Draisine – ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยเรียกอะไรครับ) มาให้พวกทาคายามะใช้
นายสถานีจึงพามาที่โรงเก็บ ซึ่งมี EB42 เก็บไว้อยู่ ซึ่ง EB42 มีชื่อเล่นด้วยว่า Abt-kun เป็นรถรางไฟฟ้าสำหรับ 4 คน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากพลังงานของแบตเตอร์รี่ภายในตัว และด้านหลังก็ติดตั้งไดนามิคเบรกที่เรียกว่า D-Unit ไว้ให้ด้วย (ข้างๆ เขียนไว้ว่า ESR – Emergency Sub Resister) นายสถานีบอกมีคู่มือให้ด้วย แต่พอหยิบออกมาเล่มหนาโครต โคอุมิเลยอาสาอ่านให้เอง ว่าแล้วก็ไปนั่งอ่านอยู่มุมรถ
ทั้งหมดเข็นเจ้า EB42 ออกมาเทียบท่าที่ชานชะลา โออิโตะยื่นกระเป๋าให้ซากุไร พร้อมกับบอกเธอโทรให้คนที่สถานีโยโกกาว่าเตรียมพร้อมแล้วและบอกฝากที่เหลือด้วย หัวหน้านาริตะเองก็แจ้งเรื่องให้สถานีต่อไปหมดแล้ว บอกให้ทาคายามะไปโดยไม่ต้องสนสัญญาณไฟเลย เมื่อทั้งหมดพร้อมแล้วก็กะว่าจะไปกันเลยโดยให้ทาคายามะที่เป็นรองหัวหน้าขับและสั่งการ
แต่ว่าแทนที่จะออกตัวได้เลยกลับไม่เป็นอย่างที่คิด นายสถานีบอกว่าแบตเตอร์รี่ไม่ได้ใช้มานานอาจจะหมดแล้วก็ได้ แต่โคอุมิบอกว่าสามารถปั่นเพื่อชาร์จแบตเตอร์รี่ได้ซึ่งมีเขียนไว้ในคู่มือ อิวาอิซูมิก็เลยลองปั่นดูแต่ไม่ขยับเลย ซากุไรเลยโดดลงจากรถราง บ่นว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับชุดแบบนี้จริงๆ ว่าแล้วก็ฉีกประโปรงออกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซากุไรเดินไปที่หลังรถรางพร้อมกับถามว่าถ้าล้อขยับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็จะทำงานใช่ไหม เหมือนกับตอนสตาร์ทรถยนต์ หัวหน้านาริตะนายสถานีพร้อมกับคุณลุงคนใหญ่คนโตที่ยังไม่ระบุชื่อก็ไปช่วยกันเข็นด้วย ทาคายามะก็จะไปช่วยด้วยแต่โดนไล่ไปขับซะก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Banzai
AT-X !!
ปล. ขาวอีกแล้ว 

ทาคายามะถูกบอกให้ส่งสัญญาณเพื่อให้ทุกคนเข็นรถพร้อมกับอิวาอิซูมิที่ปั่นพร้อมกันไปด้วย และในที่สุด EB42 ก็มีกำลังและค่อยๆ เคลื่อนที่ หัวหน้านาริตะบอกให้ซากุไรรีบขึ้นรถไปพวกเขาเอาอยู่ ซากุไรจึงรีบกระโดดขึ้นรถรางไปและพวกทาคายามะพร้อมกับ EB42 ก็ค่อยๆ ออกจากสถานีไป
ระหว่างทางทาคายามะกังวลเล็กน้อยเพราะการขับแบบไม่สนสัญญาณไฟถือเป็นสิ่งที่คนขับไม่ควรทำอย่างมาก หลังผ่านช่วงสัญญาณไฟมาได้ ก็เข้าสู่เส้นทางลงเขาที่เป็นอุโมงค์ ความเร็วของ ED42 ที่กำลังลงเขามันเร็วเกินกว่าที่คาดการไว้ ทาคายามะเลยสั่งให้อิวาอิซูมิหยุดปั่นก่อน จากนั้นทาคายามะก็ค่อยๆ ยกเบรกขึ้น แต่ความเร็วไม่ได้ลดลงเลย อีกทั้งยังมีเส้นทางลงเขามาอีกเรื่อยๆ
โคอุมิบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่อุโมงค์ที่ 9 จากทั้งหมด 16 จากตรงนี้เป็นจุดกึ่งกลางก่อนจะถึงสถานีส่งสัญญาณคุมาโนะทาอิระซึ่งตรงนี้เป็นเส้นทางใหม่และอุโมงค์ขนาดใหญ่ แต่หลังจากนั้นจะเป็นเส้นทางที่สร้างมาตั้งแต่ยุคเมจิต้องระวังให้ดี
พูดไม่ทันขาดคำ EB42 ที่กำลังเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจนเกิดแรงเหวี่ยงทำให้โคอุมิเซจนหน้าอกทิ่มหน้าทาคายามะ ซากุไรรีบบอกทาคายามะว่าตอนนี้รถไฟกำลังเอียงอยู่ ทาคายามะรีบบอกให้อิวาอิซูมิช่วยทำให้บาลานซ์ที อิวาอิซูมิเลยรีบวิ่งเข้าไปกระแทกอีกฝั่งของตัวรถ ทำให้ EB42 กลับมาทรงตัวดังเดิม แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้ความเร็วลดลง โคอุมิจึงบอกให้อาโออิรีบดึงสวิทช์ให้ D-Unit ทำงาน แต่ทำเร็วยังไม่ลดลงเพราะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่า D-Unit จะทำงานอย่างเต็มที
แต่ก่อนที่ D-Unit จะทำงานได้อย่างเต็มที่ก็มาเจอกับโค้งที่กว้างกว่าโค้งก่อนหน้าเสียอีก ทำให้ EB42 เสียการทรงตัวอีกรอบ คราวนี้ล้อลอยจากรางจนเข้าขั้นอันตราย จู่ๆ ซากุไรก็บ่นว่ามากับทาคายามะทีไรมีแต่เรื่องหน้าเบื่อตลอด ก่อนจะออกไปนอกตัวพร้อมกับเหวี่ยงตัวออกไปข้างนอกรถเพื่อสร้างบาลานซ์ให้กับรถ แต่เหมือนว่าด้วยน้ำหนักของซากุไรจะไม่พอ อิวาอิซูมิจึงมาช่วยด้วยอีกแรง EB42 จึงกลับมาบาลานซ์เหมือนเดิม
แล้วก็ทำกันแบบนี้ไปตลอดทางโดยมีโคอุมิเป็นคนบอกว่าข้างหน้าจะเป็นโค้งแบบไหน และในที่สุด D-Unit ก็ทำงานเต็มกำลังทำให้ความเร็วของ EB42 จึงลดลง
แล้วพวกทาคายามะก็มาถึงคุมาโนะทาอิระ พนักงานที่กำลังปฏิบัติงานอยู่มาแสดงความเคารพพวกทาคายามะก่อนจะเตือนว่าทางข้างหน้าเป็นทางเก่าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างให้ระวังให้ดี
โคอุมิบอกว่าตอนนี้เหลืออีก 10 อุโมงค์กว่าจะถึงสถานีโยโกกาว่า นั่นแปลว่าตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ทาคายามะบอกที่ปัญหามันหลังจากนี้ต่างหาก เพราะเป็นเส้นทางเก่าไม่ได้ใช้มานาน แถมฝนก็ตก อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ไม่ทันไร EB42 ก็ชนเข้ากับรากไม้จำนวนมากในอุโมงค์ จึงทำให้ EB42 ความเร็วลดกะทันหัน ทำให้ ซากุไร โคอุมิ และอิวาอิซูมิ กระเด็นไปทางทาคายามะ...
COMMENT
- อีกไม่ถึง 24 ชม. ตอน 9 จะมาแล้วนะครับ

- ไอดอลประกาศสงครามแบบไม่แคร์ขบวน 1, 2, 3 เลย สายรุกเสียด้วย แอบคิดว่าถ้าไม่มีซากุไรกับโคอุมิตามมา พระเอกมันจะโดนไอดอลจับกดคาโบสถ์ไหม ขนาดต่อหน้ายังขนาดนี้ (ไอดอลนี่มาแนวๆ นี้กันหมดเลยหรือเปล่านะ ถ้าเกิดได้หลงพระเอกแล้ว)
- ทำไม JNR ไว้ใจเด็กๆ กันจัง หรือไม่อยากเสี่ยงกับทางเก่าๆ ด้วยตัวเอง

- ผกก. ครับ ชุดซากุไรหนาไปครับ!! ถ้าจะหนาขนาดนี้ เอาชุดเครื่องแบบมาเปียกฝนแบบเดิมดีกว่าาาา
- ตอนคาดหวังกับฉากล้มทับนะครับ ผกก. เปลี่ยนเป็นซากุไรบ้างก็ได้ โคอุมินี่เอานมใส่พานให้ทาคายามะบ่อยไปแล้ว!!
- ตอนนี้คิดมุกไม่ออก
พบกันใหม่กระทู้หน้าครับ
[Spoil] Rail Wars! ตอนที่ 8 - ไอดอลผู้ทำให้บรรยากาศแปรปรวน
ต่อจากเหตุการณ์รถไฟชนกันในตอนที่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ฝนตกพายุเข้าดินถล่ม ทั้ง 4 คนติดฝนในโบสถ์ โนอาถามทาคายามะว่าอยากเป็นคนขับรถไฟงั้นเหรอ และถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็อยากลองนั่งรถไฟที่ทาคายามะขับดูเหมือนกัน แล้วก็หันมาแควะซากุไรเรื่องที่พยายามแต่งตัวแต่ไม่เป็นที่สนใจบอกว่าเธอเองก็เคย แต่ซากุไรปฏิเสธไปว่าเป็นเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า โนอาเลยย้อนว่าใครกันแน่ที่เข้าใจผิด ว่าแล้วก็เข้าไปนั่งกอดแขนทาคายามะและบอกว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน (ไอดอลไม่เล็กนะครับ แหม่)
ทำเอาโคอุมิที่นั่งข้างหลังถึงกับต้องลุกขึ้นเพราะทนไม่ไหว (อารมณ์ประมาณ “ดิฉันนี่ยืนเลย”) แต่โดนสายตาค้อนของโนอาจนถึงกับหงอและกลับไปนั่งเหมือนเดิมซะอย่างงั้น โนอาที่เหมือนกำลังได้ใจเลยย้ำว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะแสดงความรู้สึกยังไงกับใครก็ได้ ว่าแล้วก็ทั้งกอดแขนทั้งซบทาคายามะแบบไม่แคร์สายตาโคอุมิกับซากุไรที่กำลังมองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ (แอบสงสารโคอุมิแฮะ)
ระหว่างสถานการณ์ที่กำลังตึงเครียด(มั้ง) อิวาอิซูมิที่มาตามหาพวกทาคายามะก็เปิดประตูเข้ามาพอดี พ่วงด้วยรถไฟขบวนที่ 4 หนูชัชโชนั่นเอง ชัชโชเอากาแฟให้ทาคายามะแต่ทาคายามะเอาไปให้โนอาอีกทอดหนึ่ง โนอาตอนนี้ไม่ได้สนใจกาแฟเลยจ้องที่ชัชโช จนทารายามะต้องอธิบายว่าเขาส่งข้อความขอให้ชัชโชกับอิวาอิซูมิช่วยซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้หน่อย โนอาเหมือนจะไม่ได้สนใจคำอธิบายนั้น เธอลุกขึ้นพร้อมแซวทาคายามะว่าเป็นเสือผู้หญิง แต่ก็บอกแบบนี้ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าเธอไม่เกี่ยงที่จะแข่งขันกันด้วยความรู้สึก ก่อนจะขอตัวกลับเพราะเธอมีซ้อมอยู่
ระหว่างนั้นก็โทรศัพท์เข้ามาหาทาคายามะ จากหัวหน้านาริตะบอกว่าตอนนี้เกิดดินถล่มคุมาโนะทาอิระ นอกจากนี้รถด่วนชินชูของก็ติดอยู่ที่สถานียางาซากิด้วย ทีมของทาคายามะทั้งหมดเลยขอตัวก่อน เพื่อไปอพยพผู้โดยสาร แต่ก่อนไปโนอาเดินเข้าไปหาทาคายามะแล้วบอกว่า ใจจริงเธออยากจะเห็นทาคายามะตอนขับรถไฟ แต่ตอนที่ทำความเคารพเนี่ยก็เท่ดีเหมือนกัน โนอาบอกกับทาคายามะแบบไม่แคร์ชัชโชที่อยู่ด้านหลังกับโคอุมิและซากุไรที่ยืนข้างๆ ทาคายามะกันเลย
ที่สถานียางาซากิทีมของทาคายามะช่วยกันอพยพผู้โดยสารและแจกเสื้อกันฝนเพื่อให้เดินไปยังอีกสถานีหนึ่ง พอเสร็จภารกิจทั้งทีมก็เปียกโชกไปหมด จนหัวหน้านาริตะแซวว่าดูไม่ได้เลยก็แต่บอกขอบคุณเป็นอย่างมากเพราะช่วยได้เยอะเลย
แต่เหตุการณ์เหมือนจะไม่จบแค่นั้น ที่หน้าเคาเตอร์มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ช่วยออกรถไฟหน่อยเพราะเธอต้องไปส่งของบางอย่างที่ด่วนมากๆ แต่กว่ารถไฟจะพร้อมและซ่อมแซมทางเสร็จก็ต้องใช้ร่วม 4 ชม. ซึ่งแบบนั้นคงไม่ทันการแน่ๆ แต่แล้วคนๆ หนึ่งก็เข้ามาบอกว่าให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหน่อย อิวาอิซูมิถามทาคายามะว่าเขาเป็นใคร ทาคายามะบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เดาว่าน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตของหน่วยรักษาความปลอดภัยการรถไฟ
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเชิญเข้ามาในห้อง เธอแนะนำตัวว่าชื่อโออิโตะมาจากศูนย์ขนส่งอวัยวะ ตอนนี้กำลังขนส่งอวัยวะสำหรับผ่าตัดฉุกเฉิน เธอคิดว่าการเดินทางด้วยรถไฟจะไวที่สุด แต่กลับเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อีกทั้งเธอต้องไปส่งอวัยวะสำหรับผ่าตัดที่โรงพยาบาลในมาเอะบาชิให้ทันภายใน 2 ชม. เธอเลยขอนายสถานีว่าทำยังไงก็ได้ช่วยออกรถไฟให้ที แต่นายสถานีก็บอกยังไงก็คงไม่ไหวเพราะสถานีอื่นๆ ก็หยุดเดินรถด้วยเหมือนกัน
พอนายสถานีบอกว่าหมดหนทาง โออิโตะก็ได้แต่ขอร้องมาช่วยทำอะไรสักอย่างที จนโคอุมิตะโกนออกมาว่าเธอจะไปส่งให้เอง เมื่อใช้เส้นทางหลักไม่ได้ก็ต้องอีกเส้นทางหนึ่ง ซากุไรก็ค้านว่าไม่มีรับประกันได้ว่าจะไปถึงภายใน 2 ชม.สักหน่อย แต่โคอุมิก็ยังยืนยันว่าถ้าเอานี่ไปส่งได้ทันละก็จะสามารถช่วยชีวิตคนคนๆ หนึ่งได้ เธอไม่ยอมให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปแน่
ทาคายามะที่ยืนจ้องแผนที่อยู่ก็บอกให้รอเดี๋ยว เขาชี้ไปที่แผนที่พร้อมกับบอกว่าถ้าภูเขาถล่มที่คุมาโนะทาอิระแต่ยังสามารถใช้เส้นทางเก่าได้ นายสถานีบอกทางเส้นนั้นไม่ค่อยได้ซ่อมบำรุงเลยไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่จากการซ่อมบำรุงครั้งก่อนไม่มีปัญหาอะไร ทาคายามะเลยบอกแค่นั้นก็พอแล้ว พร้อมกับบอกว่าเขาจะไปกับโคอุมิเอง(ย้ำธงอย่างต่อเนื่อง) แต่อิวาอิซูมิกลับบอกว่าไม่ไหวเพราะของแบบนี้มันต้องใช้แรงนายคงทำแบบนั้นไม่ไหว ซากุไรเองก็บอกว่า 4 คนย่อมดีกว่า 3 อยู่แล้ว สรุปก็ไปกันหมดทีมนี่แหละ
คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตที่ว่า(ยังไม่รู้ชื่อ) เลยบอกนายสถานีให้เอา รถรางสำหรับซ่อมบำรุง (Draisine – ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยเรียกอะไรครับ) มาให้พวกทาคายามะใช้
นายสถานีจึงพามาที่โรงเก็บ ซึ่งมี EB42 เก็บไว้อยู่ ซึ่ง EB42 มีชื่อเล่นด้วยว่า Abt-kun เป็นรถรางไฟฟ้าสำหรับ 4 คน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากพลังงานของแบตเตอร์รี่ภายในตัว และด้านหลังก็ติดตั้งไดนามิคเบรกที่เรียกว่า D-Unit ไว้ให้ด้วย (ข้างๆ เขียนไว้ว่า ESR – Emergency Sub Resister) นายสถานีบอกมีคู่มือให้ด้วย แต่พอหยิบออกมาเล่มหนาโครต โคอุมิเลยอาสาอ่านให้เอง ว่าแล้วก็ไปนั่งอ่านอยู่มุมรถ
ทั้งหมดเข็นเจ้า EB42 ออกมาเทียบท่าที่ชานชะลา โออิโตะยื่นกระเป๋าให้ซากุไร พร้อมกับบอกเธอโทรให้คนที่สถานีโยโกกาว่าเตรียมพร้อมแล้วและบอกฝากที่เหลือด้วย หัวหน้านาริตะเองก็แจ้งเรื่องให้สถานีต่อไปหมดแล้ว บอกให้ทาคายามะไปโดยไม่ต้องสนสัญญาณไฟเลย เมื่อทั้งหมดพร้อมแล้วก็กะว่าจะไปกันเลยโดยให้ทาคายามะที่เป็นรองหัวหน้าขับและสั่งการ
แต่ว่าแทนที่จะออกตัวได้เลยกลับไม่เป็นอย่างที่คิด นายสถานีบอกว่าแบตเตอร์รี่ไม่ได้ใช้มานานอาจจะหมดแล้วก็ได้ แต่โคอุมิบอกว่าสามารถปั่นเพื่อชาร์จแบตเตอร์รี่ได้ซึ่งมีเขียนไว้ในคู่มือ อิวาอิซูมิก็เลยลองปั่นดูแต่ไม่ขยับเลย ซากุไรเลยโดดลงจากรถราง บ่นว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับชุดแบบนี้จริงๆ ว่าแล้วก็ฉีกประโปรงออกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซากุไรเดินไปที่หลังรถรางพร้อมกับถามว่าถ้าล้อขยับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็จะทำงานใช่ไหม เหมือนกับตอนสตาร์ทรถยนต์ หัวหน้านาริตะนายสถานีพร้อมกับคุณลุงคนใหญ่คนโตที่ยังไม่ระบุชื่อก็ไปช่วยกันเข็นด้วย ทาคายามะก็จะไปช่วยด้วยแต่โดนไล่ไปขับซะก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทาคายามะถูกบอกให้ส่งสัญญาณเพื่อให้ทุกคนเข็นรถพร้อมกับอิวาอิซูมิที่ปั่นพร้อมกันไปด้วย และในที่สุด EB42 ก็มีกำลังและค่อยๆ เคลื่อนที่ หัวหน้านาริตะบอกให้ซากุไรรีบขึ้นรถไปพวกเขาเอาอยู่ ซากุไรจึงรีบกระโดดขึ้นรถรางไปและพวกทาคายามะพร้อมกับ EB42 ก็ค่อยๆ ออกจากสถานีไป
ระหว่างทางทาคายามะกังวลเล็กน้อยเพราะการขับแบบไม่สนสัญญาณไฟถือเป็นสิ่งที่คนขับไม่ควรทำอย่างมาก หลังผ่านช่วงสัญญาณไฟมาได้ ก็เข้าสู่เส้นทางลงเขาที่เป็นอุโมงค์ ความเร็วของ ED42 ที่กำลังลงเขามันเร็วเกินกว่าที่คาดการไว้ ทาคายามะเลยสั่งให้อิวาอิซูมิหยุดปั่นก่อน จากนั้นทาคายามะก็ค่อยๆ ยกเบรกขึ้น แต่ความเร็วไม่ได้ลดลงเลย อีกทั้งยังมีเส้นทางลงเขามาอีกเรื่อยๆ
โคอุมิบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่อุโมงค์ที่ 9 จากทั้งหมด 16 จากตรงนี้เป็นจุดกึ่งกลางก่อนจะถึงสถานีส่งสัญญาณคุมาโนะทาอิระซึ่งตรงนี้เป็นเส้นทางใหม่และอุโมงค์ขนาดใหญ่ แต่หลังจากนั้นจะเป็นเส้นทางที่สร้างมาตั้งแต่ยุคเมจิต้องระวังให้ดี
พูดไม่ทันขาดคำ EB42 ที่กำลังเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจนเกิดแรงเหวี่ยงทำให้โคอุมิเซจนหน้าอกทิ่มหน้าทาคายามะ ซากุไรรีบบอกทาคายามะว่าตอนนี้รถไฟกำลังเอียงอยู่ ทาคายามะรีบบอกให้อิวาอิซูมิช่วยทำให้บาลานซ์ที อิวาอิซูมิเลยรีบวิ่งเข้าไปกระแทกอีกฝั่งของตัวรถ ทำให้ EB42 กลับมาทรงตัวดังเดิม แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้ความเร็วลดลง โคอุมิจึงบอกให้อาโออิรีบดึงสวิทช์ให้ D-Unit ทำงาน แต่ทำเร็วยังไม่ลดลงเพราะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่า D-Unit จะทำงานอย่างเต็มที
แต่ก่อนที่ D-Unit จะทำงานได้อย่างเต็มที่ก็มาเจอกับโค้งที่กว้างกว่าโค้งก่อนหน้าเสียอีก ทำให้ EB42 เสียการทรงตัวอีกรอบ คราวนี้ล้อลอยจากรางจนเข้าขั้นอันตราย จู่ๆ ซากุไรก็บ่นว่ามากับทาคายามะทีไรมีแต่เรื่องหน้าเบื่อตลอด ก่อนจะออกไปนอกตัวพร้อมกับเหวี่ยงตัวออกไปข้างนอกรถเพื่อสร้างบาลานซ์ให้กับรถ แต่เหมือนว่าด้วยน้ำหนักของซากุไรจะไม่พอ อิวาอิซูมิจึงมาช่วยด้วยอีกแรง EB42 จึงกลับมาบาลานซ์เหมือนเดิม
แล้วก็ทำกันแบบนี้ไปตลอดทางโดยมีโคอุมิเป็นคนบอกว่าข้างหน้าจะเป็นโค้งแบบไหน และในที่สุด D-Unit ก็ทำงานเต็มกำลังทำให้ความเร็วของ EB42 จึงลดลง
แล้วพวกทาคายามะก็มาถึงคุมาโนะทาอิระ พนักงานที่กำลังปฏิบัติงานอยู่มาแสดงความเคารพพวกทาคายามะก่อนจะเตือนว่าทางข้างหน้าเป็นทางเก่าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างให้ระวังให้ดี
โคอุมิบอกว่าตอนนี้เหลืออีก 10 อุโมงค์กว่าจะถึงสถานีโยโกกาว่า นั่นแปลว่าตอนนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ทาคายามะบอกที่ปัญหามันหลังจากนี้ต่างหาก เพราะเป็นเส้นทางเก่าไม่ได้ใช้มานาน แถมฝนก็ตก อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ไม่ทันไร EB42 ก็ชนเข้ากับรากไม้จำนวนมากในอุโมงค์ จึงทำให้ EB42 ความเร็วลดกะทันหัน ทำให้ ซากุไร โคอุมิ และอิวาอิซูมิ กระเด็นไปทางทาคายามะ...
##จบตอน##
สปอยตอนต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
COMMENT
- อีกไม่ถึง 24 ชม. ตอน 9 จะมาแล้วนะครับ
- ไอดอลประกาศสงครามแบบไม่แคร์ขบวน 1, 2, 3 เลย สายรุกเสียด้วย แอบคิดว่าถ้าไม่มีซากุไรกับโคอุมิตามมา พระเอกมันจะโดนไอดอลจับกดคาโบสถ์ไหม ขนาดต่อหน้ายังขนาดนี้ (ไอดอลนี่มาแนวๆ นี้กันหมดเลยหรือเปล่านะ ถ้าเกิดได้หลงพระเอกแล้ว)
- ทำไม JNR ไว้ใจเด็กๆ กันจัง หรือไม่อยากเสี่ยงกับทางเก่าๆ ด้วยตัวเอง
- ผกก. ครับ ชุดซากุไรหนาไปครับ!! ถ้าจะหนาขนาดนี้ เอาชุดเครื่องแบบมาเปียกฝนแบบเดิมดีกว่าาาา
- ตอนคาดหวังกับฉากล้มทับนะครับ ผกก. เปลี่ยนเป็นซากุไรบ้างก็ได้ โคอุมินี่เอานมใส่พานให้ทาคายามะบ่อยไปแล้ว!!
- ตอนนี้คิดมุกไม่ออก