ทุกศาสนา จำเป็นต้องมีหลักคำสอนที่แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธศาสนา
พระไตรปิฏก ถือว่าเป็นแหล่งรวบรวมหลักคำสอนของศาสนาพุทธ ผมไม่แน่ใจว่าเหมือนคัมภีร์ไบเบิ้ล ของคริสต์ หรืออัลกุรอานของอิสลามหรือเปล่า แต่เข้าใจว่าน่าจะเหมือนกัน
ดังนั้น ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ "จำเป็น" ต้องเชื่อในพระไตรปิฏก หรือสิ่งที่เขียนในพระไตรปิฏก ไม่ใช่เอาหลักกาลามสูตรบอกว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ให้เชื่อจากนั้นก็คิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาตามใจ ถ้าเป็นแบบนี้ ศาสนาพุทธก็คงจะเละเทะเพราะจะมีคำสอนใหม่ ทฤษฏีใหม่ เกิดขึ้นมาทุกวัน
หากอยากจะใช้หลักกาลามสูตร ที่ทำได้ก็คือ เชื่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องขอพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวเองให้ได้ และหากพิสูจน์แล้วพบว่าไม่เป็นจริง ก็จะขอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น
การที่ต้องเชื่อในพระไตรปิฏก ไม่ใช่การบังคับ ศาสนาพุทธไม่มีการบังคับ แต่ยังท้าให้พิสูจน์ด้วย
ถ้าอยากจะหาคนที่บังคับ คนนั้นก็คือ พ่อแม่ เพราะกำหนดศาสนาพุทธให้ลูกตั้งแต่เกิด (ที่จริง เด็กที่เกิดมาแล้วมีพ่อแม่ที่นับถือศาสนาพุทธ ถือว่ามีบุญมากพอสมควร) ดังนั้น มันไม่ใช่ความผิดของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธไม่ได้บังคับให้คุณเข้ามานับถือ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณโตขึ้น มีมีวิจารณญาณมากพอ ได้เล่าเรียนศึกษา คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่นับถือศาสนาพุทธ
แต่ไม่ใช่ว่า ในเมื่อพ่อแม่บังคับให้ฉันนับถือพุทธ ฉันไม่เชื่อสิ่งที่เขียนในพระไตรปิฏก เลยขอเปลี่ยนมันซะเลย เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าเชื่อ
สิ่งที่ผมอยากเสนอก็คือ ใครที่ไม่เชื่อพระไตรปิฏก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็น "มิจฉาทิฏฐิ" ไม่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อภพภูมิหรือกฎแห่งกรรม ควรเลิกนับถือศาสนาพุทธ และระบุว่าเป็นคนไม่มีศาสนาครับ หรือจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นก็ได้
ผมมั่นใจว่า จะมีคนเพียงส่วนน้อยที่กล้าระบุว่าเป็นคนไม่มีศาสนา เพราะคงไม่มีคนยอมรับ หางานทำก็ลำบาก ฯลฯ หรือไม่ก็ต้องทำงานกับคนไม่มีศาสนาด้วยกัน โดยจะยังคงแสดงตัวว่านับถือพุทธ เพียงแต่ไม่กล้าบอกใครว่าไม่เชื่อพระไตรปิฏก
เมื่อกรองคนกลุ่มนี้ออกไปแล้ว ศาสนาพุทธจะเข้มแข็งขึ้น คนจะเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด กลุ่มคนที่บอกว่านับถือพุทธแต่ที่จริงไม่เชื่อพระไตรปิฏก จะได้ใกล้ชิดกับพระไตรปิฏกโดยไม่รู้ตัวหรือด้วยความจำเป็น (เช่น บริษัทจัดอบรมธรรมะ ปฏิบัติธรรม ก็จะไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวคนรู้) และในที่สุด เมื่อได้รับการศึกษาที่ถูกต้องก็จะกลับเข้ามานับถือพระพุทธศาสนาในแบบที่ถูกต้องแน่นอนครับ
ควรกำหนดไปเลยว่า ใครที่ไม่เชื่อในพระไตรปิฏก คือคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ
พระไตรปิฏก ถือว่าเป็นแหล่งรวบรวมหลักคำสอนของศาสนาพุทธ ผมไม่แน่ใจว่าเหมือนคัมภีร์ไบเบิ้ล ของคริสต์ หรืออัลกุรอานของอิสลามหรือเปล่า แต่เข้าใจว่าน่าจะเหมือนกัน
ดังนั้น ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ "จำเป็น" ต้องเชื่อในพระไตรปิฏก หรือสิ่งที่เขียนในพระไตรปิฏก ไม่ใช่เอาหลักกาลามสูตรบอกว่าพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ให้เชื่อจากนั้นก็คิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาตามใจ ถ้าเป็นแบบนี้ ศาสนาพุทธก็คงจะเละเทะเพราะจะมีคำสอนใหม่ ทฤษฏีใหม่ เกิดขึ้นมาทุกวัน
หากอยากจะใช้หลักกาลามสูตร ที่ทำได้ก็คือ เชื่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องขอพิสูจน์ให้เห็นด้วยตัวเองให้ได้ และหากพิสูจน์แล้วพบว่าไม่เป็นจริง ก็จะขอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น
การที่ต้องเชื่อในพระไตรปิฏก ไม่ใช่การบังคับ ศาสนาพุทธไม่มีการบังคับ แต่ยังท้าให้พิสูจน์ด้วย
ถ้าอยากจะหาคนที่บังคับ คนนั้นก็คือ พ่อแม่ เพราะกำหนดศาสนาพุทธให้ลูกตั้งแต่เกิด (ที่จริง เด็กที่เกิดมาแล้วมีพ่อแม่ที่นับถือศาสนาพุทธ ถือว่ามีบุญมากพอสมควร) ดังนั้น มันไม่ใช่ความผิดของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธไม่ได้บังคับให้คุณเข้ามานับถือ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณโตขึ้น มีมีวิจารณญาณมากพอ ได้เล่าเรียนศึกษา คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่นับถือศาสนาพุทธ
แต่ไม่ใช่ว่า ในเมื่อพ่อแม่บังคับให้ฉันนับถือพุทธ ฉันไม่เชื่อสิ่งที่เขียนในพระไตรปิฏก เลยขอเปลี่ยนมันซะเลย เพราะพระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าเชื่อ
สิ่งที่ผมอยากเสนอก็คือ ใครที่ไม่เชื่อพระไตรปิฏก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็น "มิจฉาทิฏฐิ" ไม่เชื่อการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อภพภูมิหรือกฎแห่งกรรม ควรเลิกนับถือศาสนาพุทธ และระบุว่าเป็นคนไม่มีศาสนาครับ หรือจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นก็ได้
ผมมั่นใจว่า จะมีคนเพียงส่วนน้อยที่กล้าระบุว่าเป็นคนไม่มีศาสนา เพราะคงไม่มีคนยอมรับ หางานทำก็ลำบาก ฯลฯ หรือไม่ก็ต้องทำงานกับคนไม่มีศาสนาด้วยกัน โดยจะยังคงแสดงตัวว่านับถือพุทธ เพียงแต่ไม่กล้าบอกใครว่าไม่เชื่อพระไตรปิฏก
เมื่อกรองคนกลุ่มนี้ออกไปแล้ว ศาสนาพุทธจะเข้มแข็งขึ้น คนจะเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด กลุ่มคนที่บอกว่านับถือพุทธแต่ที่จริงไม่เชื่อพระไตรปิฏก จะได้ใกล้ชิดกับพระไตรปิฏกโดยไม่รู้ตัวหรือด้วยความจำเป็น (เช่น บริษัทจัดอบรมธรรมะ ปฏิบัติธรรม ก็จะไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวคนรู้) และในที่สุด เมื่อได้รับการศึกษาที่ถูกต้องก็จะกลับเข้ามานับถือพระพุทธศาสนาในแบบที่ถูกต้องแน่นอนครับ