บ่ยั่นอียูแบน! รัสเซียวิ่งสู้ฟัดหาพันธมิตรใหม่ ไทยลุ้นปูตินออเดอร์ทะลัก



ทูตพาณิชย์รัสเซียรุกเจรจาไทย ขยายความร่วมมือการค้า–ลงทุน ระบุต้องการนำเข้าสินค้าอาหาร เกษตรแปรรูป ทดแทนสินค้าที่แบนจากอียู
เล็งนำเข้าล้อยาง ยางพารา ชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่ม

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เปิดเผยว่า
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทูตพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้เข้าหารือกับ ส.อ.ท. กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ในเรื่องการเพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าอาหารจากประเทศไทยไปยังรัสเซีย เพื่อทดแทนสินค้าอาหารจากสหภาพยุโรป (อียู)
ที่รัสเซียได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าจากอียูเป็นเวลา 1 ปี โดยสินค้าหลักๆ ที่จะนำเข้าจากไทยได้แก่ เนื้อ หมู ไก่ ปลา กุ้ง ผักผลไม้ และอาหารกระป๋อง


“ที่ผ่านมาชาวรัสเซียมีความชื่นชอบรสชาติอาหารไทยมากพอสมควรผ่านทางนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เข้ามาในประเทศไทยที่มีจำนวนมากในแต่ละปี
จึงถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญของไทยในการส่งสินค้าเข้าไปเจาะตลาดรัสเซียที่มีประชากร 140 ล้านคน หากสามารถทำให้ผู้บริโภครัสเซียติดใจในคุณภาพ
รสชาติอาหารไทยอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้สามารถยึดครองตลาดอาหารนำเข้าของรัสเซียได้ในระยะยาว ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของ ส.อ.ท. ได้ตอบรับ
กับทูตพาณิชย์รัสเซีย อย่างเต็มที่ที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกอาหารไทยไปรัสเซีย ส่วนคู่แข่งที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ที่จะมีศักยภาพส่งออกไปรัสเซียแข่งกับประเทศไทย
ล่าสุดมีเพียงประเทศเวียดนาม แต่รัสเซียได้ยืนยันว่ารัสเซียมีความต้องการนำเข้าอาหารจากประเทศไทยเป็นหลัก เมื่อเทียบกับอาหารจากเวียดนาม
เพราะมีมาตรฐานและคุณภาพการผลิตที่สูงกว่า”


นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากสินค้าอาหารไทยแล้ว รัสเซียก็ยังให้ความสำคัญกับสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ และยางพาราจากไทย
เนื่องจากรัสเซียได้ตั้งเป้าที่จะยกระดับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของยุโรปรองจากประเทศเยอรมนี และเป็นอันดับ 1 ของยุโรปตะวันออก
คาดว่าจะมียอดการผลิตรถยนต์กว่า 1 ล้านคันต่อปี จึงจำเป็นต้องขยายการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อรถยนต์อีกมาก ซึ่งตรงกับศักยภาพ
การผลิตของไทยที่รองรับกับอุตสาหกรรมของรัสเซียได้ โดยในช่วงเดือนธ.ค.2556 รัสเซียได้นำร่องสั่งซื้อยางพาราแผ่นจากไทย 1,000 ล้านบาท
คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกมาก นักธุรกิจรัสเซียยังได้ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในไทย เพื่อเป็นประตูการเข้าสู่
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รวมทั้งยังสนใจเข้ามาลงทุน ในระบบสาธารณูปโภคในไทย เช่น โครงการรถไฟฟ้า การวางท่อก๊าซธรรมชาติ
โครงการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งจำหน่ายอาวุธ น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ ให้กับไทย เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก
และส่งออกน้ำมันอันดับที่ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย


“สำหรับผลการเยือนรัสเซียในช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาของคณะสภาธุรกิจรัสเซีย-ไทย ปรากฏว่านักธุรกิจชั้นนำของรัสเซียก็ได้ให้การต้อนรับ
คณะนักธุรกิจไทยเป็นอย่างดี โดยมีผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ มาจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ยางพารา อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม
ซึ่งมั่นใจว่าจะมีการสั่งสินค้าตามมาอีกมาก และได้มีการลงนามเอ็มโอยูขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ในปี 2559
จะเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันให้ได้ 1 0,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ
รัสเซียได้เน้นย้ำว่า จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและอียู ทำให้ประธานาธิบดีปูตินได้ตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายจากการทำการค้ากับอียูให้หันมาขยายการค้า
จีนและอาเซียนมากขึ้น โดยในอาเซียนได้ให้ความสำคัญกับไทยมาก เพราะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค”

http://www.thairath.co.th/content/446010
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่