สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงนางนึงที่เริ่มต้นใช้พันทิป
คือดี และคิดว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้จะสามารถเตือนสติใครได้หลายคนทั้งชายและหญิงนะคะ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงของตัวดิฉันเอง โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ ^^
ตั้งแต่เด็กๆดิฉันเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี ติดอันดับต้นๆของห้องเรียนและโรงเรียน ทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนมากมาย ครูอาจารย์หลายท่านรักและเอ็นดูดิฉันมาก เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวและ ทอมบอยนิดๆ ใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือ ร้องเพลงและเล่นดนตรี
แม่ของดิฉันเป็นครู ส่วนคุณพ่อทำงานต่างจังหวัด ดิฉันอาศัยอยู่กับคุณตาและคุณยาย
ชีวิตของดิฉันเป็นชีวิตที่อบอุ่นและเพียบพร้อมมากในความคิดตอนนั้น ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ได้อยู่ได้ก็ตาม
ดิฉันใช้ชีวิตบอยๆ มาได้จนประมาณ ป.5 รู้สึกว่า ทำไมมีเพื่อนผู้ชายแซวหรือทำท่าจะจีบเหมือนเพื่อนผู้หญิงคนอื่นเลย จึงตัดสินใจลดความบอยลง
จนประมาณ ป.6 จึงมีเพื่อนผู้ชายมาขอเป็นแฟนโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่มันก็ได้กลายไปเป็นความรักครั้งแรกของดิฉัน
ไม่ทราบว่าเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ดิฉันฝังใจกับรักครั้งแรกนั้นเป็นเวลา 12 ปี เราคบกันและเลิกกันหลายครั้งโดยที่เค้ามักนอกใจ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อย้ายเข้าสู่โรงเรียนมัธยมแล้ว ดิฉันได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไป หลายคนมองว่าดิฉันเป็นคนหน้าตาดี มีผู้ชายมาตามจีบและชอบพอบ่อยๆ บางคนถึงกับไปตามสืบหาบ้านแล้วมายืนเกาะรั้วเวลา สี่ห้าทุ่ม สมัยนั้นเด็กมัธยมต้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่บรรดาผู้ชายอาจเรียกได้ว่าแฟนคลับ ก็จะโทรเข้าบ้านกันระงม ทำให้ที่บ้านไม่มีใครยอมเดินไปรับโทรศัพท์
วันหนึ่งดิฉันได้ใช้โทรศัพท์มือถือ และ ผู้ชายที่เป็นรักแรกนั้นโทรเข้ามาโดยที่ตัวเค้านั้นอยู่ที่ต่างประเทศ เค้าบอกให้ดิฉันรอ เป็นเวลา 6 เดือนแล้วเค้าจะกลับมาหา ซึ่งบอกได้เลยว่า ดิฉันรอ ผ่านไปไม่ถึงสองเดือน เค้านอกใจดิฉันอีกค่า จบกัน ดิฉันตัดใจเลิกและไม่คิดจะกลับไปคบกันอีก ในขณะเดียวกันดิฉันมีผู้ชายคนนึงมาจีบ ค่อนข้างฮอตมากในสมัยนั้น และเราเป็นแฟนกัน
เบื้องหลังการเป็นแฟนนั้นดิฉันไม่รู้เลยว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นเพื่อนรักของดิฉันเอง มาสารภาพว่าเค้าเคยนอนด้วยกัน ด้วยอายุเพียง 15 ปี ในตอนนั้นดิฉันบอกเลยว่าโลกสดใสของดิฉันมันถูกย่ำยีด้วยโลกี มากๆ และช็อกกับความใจกล้าและสังคมที่ดิฉันอยู่
ถึงจะเป็นอย่างนั้นดิฉันยังเชื่อมั่นว่าดิฉันจะต้องดี และยังคงตั้งใจเรียนควบคู่กับกิจกรรมได้ดีเหมือนเดิม หากแต่โลกโซเชียลเริ่มเข้ามา ดิฉันถูกกล่าวหา ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง แอ๊บแบ๊ว สตอเบอร์รี่ บ้าผู้ชาย ยั่วผู้ชาย ต่างต่างนานา จนทำให้เราเขวเหมือนกัน เพื่อนสนิทกันเองก็นินทาลับหลัง จนต้องอยู่คนละกลุ่ม จนในที่สุดดิฉันก็ขึ้นชั้น มัธยมปลาย
ผลการเรียนของดิฉันเป็นที่น่าพอใจมาก ดิฉันเข้าเรียนในสาย วิทย์ คณิต ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของดิฉันมาจนทุกวันนี้ สาขาวิทย์ คณิต มีการรับน้องใหม่ ทำให้ดิฉันได้เจอรุ่นพี่คนนึงซึ่งคิดว่า อยู่ในกลุ่มแฟนคลับของดิฉัน เค้าแก่กว่า 2 ปี เข้ามาคุยทักทาย และดูแลเป็นอย่างดี จนทำให้ดิฉันชอบเอามากๆ
ควบคู่ไปกับกระแสโซเชียลของโรงเรียนด่าดิฉันเพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะพี่เค้าค่อนข้างป็อป เราเป็นแฟนกันได้ประมาณครึ่งปี เค้าก็มาที่บ้านดิฉันในวันเกิด ซึ่งไม่มีใครอยู่บ้าน และเป็นช่วงปิดเทอม เราเริ่มต้นด้วยกินข้าวดูหนัง และ ห้องนอน วันนั้นเป็นจูบแรกของดิฉัน เราเกือบมีอะไรกันแต่พี่เค้ายังไว้ก่อน จึงทำให้ดิฉันรู้สึกว่าพี่เค้าเห็นคุณค่าของดิฉัน
เราคบกันต่อไปเรื่อยๆจนพี่เค้าเข้ามหาวิทยาลัย เราเริ่มมีปัญหากัน จนในที่สุดพี่เค้าชวนดิฉันไปที่หอ และนั่นเองเป็นครั้งแรกที่เราไม่อะไรกัน ดิฉันรู้สึกแย่มาก รู้สึกผิดมาก สงสารแม่ที่คอยบอกว่า ทำตัวดีๆนะแม่ดีแต่สอนคนอื่นเค้าถ้าลูกตัวเองมาเป็นเองล่ะแย่เลย และตัดสินใจกินยาคุมฉุกเฉิน ในระหว่างนั้นพี่เค้าก็ยังคงดูแลดิฉันเป็นอย่างดีและพร่ำบอกว่ารัก ยิ่งทวีความมั่นใจมากว่าเค้าจะดูแลดิฉันแล้วเราจะแต่งงานกัน ต่อมาไม่นานเราก็ยังคงมีอะไรกันเรื่อยๆ เพราะพี่เค้าขอและฉันอยากให้เค้าอยู่ดิฉัน แต่ก็ไม่ได้นำพา วันหนึ่งเราทะเลาะกันหนักมาก ดิฉันนั่งไปบนรถกับที่เค้าเป็นคนขับ และตัดสินใจจะเปิดประตูลง แต่เค้ากระชากแขนดิฉัน และไปจอดรถที่ร้านอาหารพร้อมกับใช้เล็บจิกต้นคอดิฉันพร้อมกับดึงผม กระชากให้ออกจากรถ ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะน้ำตานองหน้า ร้านอาหารคนเยอะมาก ในใจได้แต่ร้องคิดถึงแม่ ดิฉันขอร้องให้เค้าปล่อยซึ่งเค้าก็กลับกระชากและพากลับมาขึ้นรถแทนและขับพาดิฉันกลับไปส่งบ้านด้วยความโมโห เมื่อใกล้ถึงแล้วจึงคิดได้พร้อมกับขอโทษ ซึ่งดิฉันก็ยกโทษให้แต่ขอให้เลิกกัน เพราะคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้แน่ๆ คำตอบคือไม่ และเค้าพยายามทำตัวดีเพื่อแก้ไข จนทำให้ดิฉันใจอ่อนอีกครั้ง
วันหนึ่งเรามีอะไรกันแล้วเค้าก็หายไปเป็นสัปดาห์ ในใจดิฉันคิดแล้ว่าเค้าคงขอดีด้วยครั้งสุดท้ายแล้วกะชิ่ง บอกเลยว่าดิฉันเองโทรจิกไปยันแม่เค้าซึ่งแม่ก็บอกไม่รู้ คือ เป็นไปได้หรอที่แม่ลูกกันจะไม่รู้ พร้อมใจกันหลอกมาก ดิฉันทุกหนักไม่รู้ว่ารักหรือยึดติดเรื่องเรามีอะไรกัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องห่มร้องไห้จนแม่ไม่สบายใจเอามากๆ เราโทรหาพี่เค้าเค้าบอกให้เราเลือกกัน ดิฉันจึงบอกว่า "ท้อง" ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่จริง ไม่ได้ทำ ตอนนั้นรู้สึกว่าชีวิตพังทลาย หน้าพ่อ แม่ ผู้มีพระคุณลอยมา ทุกคนที่คอยบอกว่าเราเป็นคนเก่ง คนดี หลอกหลอนมาก จนทำให้ดิฉันป่วยเข้าโรงพยาบาล โดยหมอระบุว่าเป็นอาการเครียด และส่งดิฉันพบจิตแพทย์ ดิฉันไม่กล้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้เค้าฟังแต่อ้างไปว่าเป็นเพราะเรียนหนัก และยังหาตัวเองไม่เจอ ดิฉันได้รับยานอนหลับกลับมาบ้าน แต่ตัดสินใจกินทั้งหมดแผงในคืนนั้น และโทรหาเพื่อนสนิทประหนึ่งว่าจะลาตาย โดยนางตกใจมากและโทรหาแม่เดิฉันล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่ตกใจมากลุกจากห้องนอนและให้อ้วกออกมา เรากอดกันร้องไห้ และสุดท้ายดิฉันสารภาพว่าดิฉันมีอะไรกับพี่เค้า ซึ่งแม่เสียใจมาก เพราะช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่แม่ให้ไปเรียนพิเศษข้างนอก แต่ดิฉันกลับไปหาผู้ชาย ซึ่งรู้ตัวตลอดแต่ไม่ไปเพราะอยากเอาชนะพี่เค้า จนสุดท้ายรู้ซึ้งว่ามันเจ็บ และไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานมีรุ่นพี่คนนึงมาจีบ และดิฉันก็ชอบเค้า ซึ่งครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรกแน่ ดิฉันตั้งใจว่าต้องไม่พลาด แต่สุดท้ายดิฉันก็พลาดร้ายไปกว่าเดิมคือ ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ นามสกุลพี่เค้าทั้งๆที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน หนักยิ่งกว่าที่รู้ว่าพี่เค้ามีลูกเมียแล้ว ในสภาพที่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ผิดศีล ข้อ 4 เต็มๆ
หลังจากครั้งที่สองดิฉันเริ่มแย่หนักและไม่พอใจตัวเองเกิดความเครียดมาก โดดเรียน และ กินเหล้า จนไปพบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน หน้าตาดี ค่อนข้างเพลย์บอยมาก หลายคนในโรงเรียนรู้กิตติศัพท์ดี เรื่องฟันแล้วทิ้ง เราคบหากันได้ประมาณ 2 เดือน คงไม่ต้องบอกว่าครั้งนี้ดิฉันก็มีอะไรกับเค้าเช่นกัน และเป็นไปตามที่คาดคือ โดนทิ้ง
ผ่านไปไม่นาน ดิฉันเข้ามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งความคิดที่จะเป็นนักศึกษาแพทย์นั้นได้ดับสูญไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมัวแต่มั่วผู้ชาย แต่ยังอาศัยบุญเก่าที่เคยเรียนดีสอบติดเข้ามาได้ ดิฉันได้รับเลือกเป็นดาวมหาวิทยาลัย และ ได้พบกับเดือน ของคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เราไปปาร์ตี้แล้วกลับไปพร้อมๆกันในอาการที่เมามาย และดิฉันไปนอนกับเค้า จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ตื่นมาทุกอย่างยังปกติไม่มีอะไรระหว่างเราสองคนทั้งนั้น จนกระทั่งได้สติ ดิฉันก็อาบน้ำแล้วมานั่งรอเค้าออกไปส่ง แต่สิ่งที่มันจะเกิดได้ในสถานการณ์นั้นก็คือ เรามีอะไรกัน จุดนี้ดิฉันคิดว่าคนเรามีอะไรกันก็เลิกกันไม่เกี่ยวกัน ไม่จำเป็นต้องเอามายึดติดแล้วเครียดอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดิฉันกับเดือนคบกันเป็นแฟน เรากินอยู่ด้วยกันทุกวัน ฉันสามีภรรยา แล้วเราก็ทะเลาะกัน เค้าตบหน้าดิฉันจนช้ำ บีบคอจนเป็นจ้ำ ขว้างปาข้าวของใส่สารพัด แต่ดิฉันก็ยังอยู่กับเค้า ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมีกรรมอะไรถึงดวงตามืดบอดขนาดนั้น แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่เค้าทิ้งดิฉันไปเจอคนใหม่
ดิฉันฟูมฟายและได้โทรนัดเพื่อนสมัยมัธยมไปปาร์ตี้ และเหมือนเดิมคือ มีอะไรกัน โดยที่เค้าสารภาพว่าเค้ารักดิฉันมานาน แต่เค้ามีแฟนแล้วและจะไปเลิกเพื่อมาหาดิฉัน ซึ่งใจจริงตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่เค้าเลิกมาจริงๆ แล้วมาดูแลเรา แต่แล้วก็ทิ้งเรากลับไปหาแฟนเก่าอยู่ดี
ด้วยความรู้สึกแย่ จึงหันไปพึ่งศาสนา ซึ่งก็อีกนั่นแหละได้เจอกับพี่ชายคนนึงที่อยู่โบสถ์เดียวกัน เค้าดูแลเทคแคร์มาก แต่เป็นคนเรียนหนังสือไม่จบ ซึ่งเราเองแอบหวั่นใจว่าจะไม่มีอนาคตเพราะการคบกับใครแต่ละครั้งเราเห็นอนาคตหมด คาดหวัง เพ้อฝันเอามากๆ แต่ก็คิกว่าคนเราไม่ได้วัดกันที่การศึกษาวัดกันที่ใจมากกว่า เราคบกันเราวางแผนอนาคตกันบ่อยๆ แต่พักหลังเริ่มรู้สึกว่าเค้าใช้เงินดิฉัน ขอเงินดิฉัน ทั้งๆที่บอกว่าตัวเองทำธุระกิจกับที่บ้าน แต่ดิฉันไม่เอะใจหรอก จึงยอมมีอะไรกับเค้า จนหลังๆเข้าเริ่มไม่ไหวขอเงินเรา ใช้เงินเราเหมือนเงินตัวเองในขณะที่เราก็ขอพ่อแม่มาเหมือนกัน คบไม่ได้ เลิก และไม่ไปโบสถ์อีก
หลังจากนั้นเกิอบปี ดิฉันได้พบรุ่นพี่ที่แสนดีคนนึง เราคบกันโดยที่เค้ารู้เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาของดิฉันแต่เค้าก็รักและดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่หนักตรงที่พี่เค้ามีความต้องการสูง ดิฉันมีอะไรกับเค้าวันละ 4 ถึง 5 ครั้งได้ เหนื่อย และ เจ็บมาก จนทำให้มดลูกอักเสบบ่อย หลังๆเราเริ่มห่างกันเพราะเค้าไปทำงานไกล จนดิฉันฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และได้พบเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนนึง เราคุยกันถูกคอมากและจบด้วยการปาร์ตี้ และนอนด้วยกัน นัดไปไหนมาไหนด้วยกันเรื่อยๆ โดยที่แฟนดิฉันและแฟนเค้าไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายดิฉันต้องเลิกราทั้งสองฝ่ายเพราะมันเกิดความเสียหายมาก โดยที่ดิฉันก็ยังรักแฟนอยู่และรู้สึกผิด พร้อมทั้งตัวแฟนดิฉันเองก็มีคนเข้ามาในเวลาที่ห่างกัน ตกลงเลิกกันอย่างเข้าใจ
ดิฉันอยู่คนเดียวมาซักระยะจึงได้พบกับ เจ้าของร้านเหล้าที่หน้าตาน่ารักจึงชอบมาก เราดื่มกันทุกวันคุยกันถึงเช้าที่ร้านเหล้าแห่งนั้น เราไม่ได้คบกันอย่างมีสถานะ แต่เรานอนด้วยกันอยู่ด้วยกันเป็นบางวันก็แฮปปี้ดี แต่แล้วร้านเค้าก็ปิดไปแล้วเราก็ห่างหายกันไป
ปัจจุบันนี้ดิฉันได้ทุนมาศึกษาต่อต่างประเทศ และมีแฟนแล้ว แต่เค้าไม่รู้เรื่องที่ผ่านมาของดิฉันหรอกค่ะ เค้าเป็นคนดีเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนนี้ได้ และเชื่อว่าผู้ชายหลายคนไม่อาจรับคนแบบนี้ได้ ซึ่งดิฉันเริ่มต้นใหม่ค่ะ หยุดชีวิตวัยรุ้นที่เน่าเฟะ และแหลวแหลกนั้นไว้ และเดินหน้าต่อไป
หลายคนพูดว่า ดิฉันโชคดีที่เกิดมาสวยและเก่ง ทั้งการเรียน กิจกรรม การเรือน แต่แท้จริงแล้วดิฉันโชคร้ายนะคะ ที่ไม่มีความคิด ไม่มีสำนึก ทำให้บุพการีเสียน้ำตา ไม่รักและเห็นคุณค่าในตัวเอง ดิฉันทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาแล้วเป็นสิบครั้งในชีวิต ไม่รู้ว่าสุขภาพวันหน้าจะเป็นอย่างไร
จึงอยากเตือนเยาวชน จงดูเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา คนที่ภายนอกดูดีไม่จำเป็นว่าต้องดีเสมอไป คนเราขอให้มีความคิด มีจิตใจที่สำนึกในความถูกต้อง เคารพกตัญญูบิดามารดา เห็นคุณค่าในต้องเอง อย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ หรือสิ่งแวดล้อมที่ชวนให้เกิดเรื่องเสียหาย และที่สำคัญอย่าละทิ้งการเรียน ดิฉันเชื่อเสมอว่าการเรียนเปลี่ยนชีวิต ขอบคุณที่ยังมีความคิดนนี้อยู่จึงไม่ละทิ้งการเรียนไป แม้แท้จริงแล้วดิฉันเองคิดว่าตัวเองจะไปด้สูงกว่านี้ แต่ปัจจุบันนี้การได้ทุนมาเรียนต่างประเทศ ก็เป็นสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นใหม่ของดิฉัน
ขอให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนทำอะไรคิดถึงผลที่ตามมา ถึงตัวเราและครอบครัว น้องๆผู้หญิงให้เห็นคุณค่าในตัวเอง คิดดูว่าคนที่จะมาเป็นสามีเราในอนาคตเค้าจะเจ็บปวดแค่ไหนถ้าเราเป็นคนแบบนี้ ไม่อยากเจ็บและเห็นคนที่เรารักต้องเจ็บ อย่าทำ !!! คิดให้ดีนะคะ
** สังคมสมัยนี้รุนแรงกว่าที่หลายๆคนรู้ เพื่อนดิฉันท้องมีลูกกันไปขณะเรียนไม่จบก็มีมาก มีอะไรเปิดใจคุยกับลูกหลานจะดีกว่า เป็นอุทาหรณ์ให้ดูกันค่ะ
แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่นะคะ ไม่ว่ากัน ^^
เบื้องหลังความเพอร์เฟค
คือดี และคิดว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้จะสามารถเตือนสติใครได้หลายคนทั้งชายและหญิงนะคะ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงของตัวดิฉันเอง โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ ^^
ตั้งแต่เด็กๆดิฉันเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี ติดอันดับต้นๆของห้องเรียนและโรงเรียน ทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนมากมาย ครูอาจารย์หลายท่านรักและเอ็นดูดิฉันมาก เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวและ ทอมบอยนิดๆ ใช้เวลาว่างไปกับการอ่านหนังสือ ร้องเพลงและเล่นดนตรี
แม่ของดิฉันเป็นครู ส่วนคุณพ่อทำงานต่างจังหวัด ดิฉันอาศัยอยู่กับคุณตาและคุณยาย
ชีวิตของดิฉันเป็นชีวิตที่อบอุ่นและเพียบพร้อมมากในความคิดตอนนั้น ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะไม่ได้อยู่ได้ก็ตาม
ดิฉันใช้ชีวิตบอยๆ มาได้จนประมาณ ป.5 รู้สึกว่า ทำไมมีเพื่อนผู้ชายแซวหรือทำท่าจะจีบเหมือนเพื่อนผู้หญิงคนอื่นเลย จึงตัดสินใจลดความบอยลง
จนประมาณ ป.6 จึงมีเพื่อนผู้ชายมาขอเป็นแฟนโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่มันก็ได้กลายไปเป็นความรักครั้งแรกของดิฉัน
ไม่ทราบว่าเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ดิฉันฝังใจกับรักครั้งแรกนั้นเป็นเวลา 12 ปี เราคบกันและเลิกกันหลายครั้งโดยที่เค้ามักนอกใจ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อย้ายเข้าสู่โรงเรียนมัธยมแล้ว ดิฉันได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไป หลายคนมองว่าดิฉันเป็นคนหน้าตาดี มีผู้ชายมาตามจีบและชอบพอบ่อยๆ บางคนถึงกับไปตามสืบหาบ้านแล้วมายืนเกาะรั้วเวลา สี่ห้าทุ่ม สมัยนั้นเด็กมัธยมต้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่บรรดาผู้ชายอาจเรียกได้ว่าแฟนคลับ ก็จะโทรเข้าบ้านกันระงม ทำให้ที่บ้านไม่มีใครยอมเดินไปรับโทรศัพท์
วันหนึ่งดิฉันได้ใช้โทรศัพท์มือถือ และ ผู้ชายที่เป็นรักแรกนั้นโทรเข้ามาโดยที่ตัวเค้านั้นอยู่ที่ต่างประเทศ เค้าบอกให้ดิฉันรอ เป็นเวลา 6 เดือนแล้วเค้าจะกลับมาหา ซึ่งบอกได้เลยว่า ดิฉันรอ ผ่านไปไม่ถึงสองเดือน เค้านอกใจดิฉันอีกค่า จบกัน ดิฉันตัดใจเลิกและไม่คิดจะกลับไปคบกันอีก ในขณะเดียวกันดิฉันมีผู้ชายคนนึงมาจีบ ค่อนข้างฮอตมากในสมัยนั้น และเราเป็นแฟนกัน
เบื้องหลังการเป็นแฟนนั้นดิฉันไม่รู้เลยว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นเพื่อนรักของดิฉันเอง มาสารภาพว่าเค้าเคยนอนด้วยกัน ด้วยอายุเพียง 15 ปี ในตอนนั้นดิฉันบอกเลยว่าโลกสดใสของดิฉันมันถูกย่ำยีด้วยโลกี มากๆ และช็อกกับความใจกล้าและสังคมที่ดิฉันอยู่
ถึงจะเป็นอย่างนั้นดิฉันยังเชื่อมั่นว่าดิฉันจะต้องดี และยังคงตั้งใจเรียนควบคู่กับกิจกรรมได้ดีเหมือนเดิม หากแต่โลกโซเชียลเริ่มเข้ามา ดิฉันถูกกล่าวหา ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง แอ๊บแบ๊ว สตอเบอร์รี่ บ้าผู้ชาย ยั่วผู้ชาย ต่างต่างนานา จนทำให้เราเขวเหมือนกัน เพื่อนสนิทกันเองก็นินทาลับหลัง จนต้องอยู่คนละกลุ่ม จนในที่สุดดิฉันก็ขึ้นชั้น มัธยมปลาย
ผลการเรียนของดิฉันเป็นที่น่าพอใจมาก ดิฉันเข้าเรียนในสาย วิทย์ คณิต ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของดิฉันมาจนทุกวันนี้ สาขาวิทย์ คณิต มีการรับน้องใหม่ ทำให้ดิฉันได้เจอรุ่นพี่คนนึงซึ่งคิดว่า อยู่ในกลุ่มแฟนคลับของดิฉัน เค้าแก่กว่า 2 ปี เข้ามาคุยทักทาย และดูแลเป็นอย่างดี จนทำให้ดิฉันชอบเอามากๆ
ควบคู่ไปกับกระแสโซเชียลของโรงเรียนด่าดิฉันเพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะพี่เค้าค่อนข้างป็อป เราเป็นแฟนกันได้ประมาณครึ่งปี เค้าก็มาที่บ้านดิฉันในวันเกิด ซึ่งไม่มีใครอยู่บ้าน และเป็นช่วงปิดเทอม เราเริ่มต้นด้วยกินข้าวดูหนัง และ ห้องนอน วันนั้นเป็นจูบแรกของดิฉัน เราเกือบมีอะไรกันแต่พี่เค้ายังไว้ก่อน จึงทำให้ดิฉันรู้สึกว่าพี่เค้าเห็นคุณค่าของดิฉัน
เราคบกันต่อไปเรื่อยๆจนพี่เค้าเข้ามหาวิทยาลัย เราเริ่มมีปัญหากัน จนในที่สุดพี่เค้าชวนดิฉันไปที่หอ และนั่นเองเป็นครั้งแรกที่เราไม่อะไรกัน ดิฉันรู้สึกแย่มาก รู้สึกผิดมาก สงสารแม่ที่คอยบอกว่า ทำตัวดีๆนะแม่ดีแต่สอนคนอื่นเค้าถ้าลูกตัวเองมาเป็นเองล่ะแย่เลย และตัดสินใจกินยาคุมฉุกเฉิน ในระหว่างนั้นพี่เค้าก็ยังคงดูแลดิฉันเป็นอย่างดีและพร่ำบอกว่ารัก ยิ่งทวีความมั่นใจมากว่าเค้าจะดูแลดิฉันแล้วเราจะแต่งงานกัน ต่อมาไม่นานเราก็ยังคงมีอะไรกันเรื่อยๆ เพราะพี่เค้าขอและฉันอยากให้เค้าอยู่ดิฉัน แต่ก็ไม่ได้นำพา วันหนึ่งเราทะเลาะกันหนักมาก ดิฉันนั่งไปบนรถกับที่เค้าเป็นคนขับ และตัดสินใจจะเปิดประตูลง แต่เค้ากระชากแขนดิฉัน และไปจอดรถที่ร้านอาหารพร้อมกับใช้เล็บจิกต้นคอดิฉันพร้อมกับดึงผม กระชากให้ออกจากรถ ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะน้ำตานองหน้า ร้านอาหารคนเยอะมาก ในใจได้แต่ร้องคิดถึงแม่ ดิฉันขอร้องให้เค้าปล่อยซึ่งเค้าก็กลับกระชากและพากลับมาขึ้นรถแทนและขับพาดิฉันกลับไปส่งบ้านด้วยความโมโห เมื่อใกล้ถึงแล้วจึงคิดได้พร้อมกับขอโทษ ซึ่งดิฉันก็ยกโทษให้แต่ขอให้เลิกกัน เพราะคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้แน่ๆ คำตอบคือไม่ และเค้าพยายามทำตัวดีเพื่อแก้ไข จนทำให้ดิฉันใจอ่อนอีกครั้ง
วันหนึ่งเรามีอะไรกันแล้วเค้าก็หายไปเป็นสัปดาห์ ในใจดิฉันคิดแล้ว่าเค้าคงขอดีด้วยครั้งสุดท้ายแล้วกะชิ่ง บอกเลยว่าดิฉันเองโทรจิกไปยันแม่เค้าซึ่งแม่ก็บอกไม่รู้ คือ เป็นไปได้หรอที่แม่ลูกกันจะไม่รู้ พร้อมใจกันหลอกมาก ดิฉันทุกหนักไม่รู้ว่ารักหรือยึดติดเรื่องเรามีอะไรกัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องห่มร้องไห้จนแม่ไม่สบายใจเอามากๆ เราโทรหาพี่เค้าเค้าบอกให้เราเลือกกัน ดิฉันจึงบอกว่า "ท้อง" ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่จริง ไม่ได้ทำ ตอนนั้นรู้สึกว่าชีวิตพังทลาย หน้าพ่อ แม่ ผู้มีพระคุณลอยมา ทุกคนที่คอยบอกว่าเราเป็นคนเก่ง คนดี หลอกหลอนมาก จนทำให้ดิฉันป่วยเข้าโรงพยาบาล โดยหมอระบุว่าเป็นอาการเครียด และส่งดิฉันพบจิตแพทย์ ดิฉันไม่กล้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้เค้าฟังแต่อ้างไปว่าเป็นเพราะเรียนหนัก และยังหาตัวเองไม่เจอ ดิฉันได้รับยานอนหลับกลับมาบ้าน แต่ตัดสินใจกินทั้งหมดแผงในคืนนั้น และโทรหาเพื่อนสนิทประหนึ่งว่าจะลาตาย โดยนางตกใจมากและโทรหาแม่เดิฉันล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่ตกใจมากลุกจากห้องนอนและให้อ้วกออกมา เรากอดกันร้องไห้ และสุดท้ายดิฉันสารภาพว่าดิฉันมีอะไรกับพี่เค้า ซึ่งแม่เสียใจมาก เพราะช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่แม่ให้ไปเรียนพิเศษข้างนอก แต่ดิฉันกลับไปหาผู้ชาย ซึ่งรู้ตัวตลอดแต่ไม่ไปเพราะอยากเอาชนะพี่เค้า จนสุดท้ายรู้ซึ้งว่ามันเจ็บ และไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานมีรุ่นพี่คนนึงมาจีบ และดิฉันก็ชอบเค้า ซึ่งครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรกแน่ ดิฉันตั้งใจว่าต้องไม่พลาด แต่สุดท้ายดิฉันก็พลาดร้ายไปกว่าเดิมคือ ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ นามสกุลพี่เค้าทั้งๆที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน หนักยิ่งกว่าที่รู้ว่าพี่เค้ามีลูกเมียแล้ว ในสภาพที่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ผิดศีล ข้อ 4 เต็มๆ
หลังจากครั้งที่สองดิฉันเริ่มแย่หนักและไม่พอใจตัวเองเกิดความเครียดมาก โดดเรียน และ กินเหล้า จนไปพบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน หน้าตาดี ค่อนข้างเพลย์บอยมาก หลายคนในโรงเรียนรู้กิตติศัพท์ดี เรื่องฟันแล้วทิ้ง เราคบหากันได้ประมาณ 2 เดือน คงไม่ต้องบอกว่าครั้งนี้ดิฉันก็มีอะไรกับเค้าเช่นกัน และเป็นไปตามที่คาดคือ โดนทิ้ง
ผ่านไปไม่นาน ดิฉันเข้ามหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งความคิดที่จะเป็นนักศึกษาแพทย์นั้นได้ดับสูญไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมัวแต่มั่วผู้ชาย แต่ยังอาศัยบุญเก่าที่เคยเรียนดีสอบติดเข้ามาได้ ดิฉันได้รับเลือกเป็นดาวมหาวิทยาลัย และ ได้พบกับเดือน ของคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เราไปปาร์ตี้แล้วกลับไปพร้อมๆกันในอาการที่เมามาย และดิฉันไปนอนกับเค้า จำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่ตื่นมาทุกอย่างยังปกติไม่มีอะไรระหว่างเราสองคนทั้งนั้น จนกระทั่งได้สติ ดิฉันก็อาบน้ำแล้วมานั่งรอเค้าออกไปส่ง แต่สิ่งที่มันจะเกิดได้ในสถานการณ์นั้นก็คือ เรามีอะไรกัน จุดนี้ดิฉันคิดว่าคนเรามีอะไรกันก็เลิกกันไม่เกี่ยวกัน ไม่จำเป็นต้องเอามายึดติดแล้วเครียดอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
ดิฉันกับเดือนคบกันเป็นแฟน เรากินอยู่ด้วยกันทุกวัน ฉันสามีภรรยา แล้วเราก็ทะเลาะกัน เค้าตบหน้าดิฉันจนช้ำ บีบคอจนเป็นจ้ำ ขว้างปาข้าวของใส่สารพัด แต่ดิฉันก็ยังอยู่กับเค้า ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมีกรรมอะไรถึงดวงตามืดบอดขนาดนั้น แต่สุดท้ายเราก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่เค้าทิ้งดิฉันไปเจอคนใหม่
ดิฉันฟูมฟายและได้โทรนัดเพื่อนสมัยมัธยมไปปาร์ตี้ และเหมือนเดิมคือ มีอะไรกัน โดยที่เค้าสารภาพว่าเค้ารักดิฉันมานาน แต่เค้ามีแฟนแล้วและจะไปเลิกเพื่อมาหาดิฉัน ซึ่งใจจริงตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่เค้าเลิกมาจริงๆ แล้วมาดูแลเรา แต่แล้วก็ทิ้งเรากลับไปหาแฟนเก่าอยู่ดี
ด้วยความรู้สึกแย่ จึงหันไปพึ่งศาสนา ซึ่งก็อีกนั่นแหละได้เจอกับพี่ชายคนนึงที่อยู่โบสถ์เดียวกัน เค้าดูแลเทคแคร์มาก แต่เป็นคนเรียนหนังสือไม่จบ ซึ่งเราเองแอบหวั่นใจว่าจะไม่มีอนาคตเพราะการคบกับใครแต่ละครั้งเราเห็นอนาคตหมด คาดหวัง เพ้อฝันเอามากๆ แต่ก็คิกว่าคนเราไม่ได้วัดกันที่การศึกษาวัดกันที่ใจมากกว่า เราคบกันเราวางแผนอนาคตกันบ่อยๆ แต่พักหลังเริ่มรู้สึกว่าเค้าใช้เงินดิฉัน ขอเงินดิฉัน ทั้งๆที่บอกว่าตัวเองทำธุระกิจกับที่บ้าน แต่ดิฉันไม่เอะใจหรอก จึงยอมมีอะไรกับเค้า จนหลังๆเข้าเริ่มไม่ไหวขอเงินเรา ใช้เงินเราเหมือนเงินตัวเองในขณะที่เราก็ขอพ่อแม่มาเหมือนกัน คบไม่ได้ เลิก และไม่ไปโบสถ์อีก
หลังจากนั้นเกิอบปี ดิฉันได้พบรุ่นพี่ที่แสนดีคนนึง เราคบกันโดยที่เค้ารู้เรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาของดิฉันแต่เค้าก็รักและดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่หนักตรงที่พี่เค้ามีความต้องการสูง ดิฉันมีอะไรกับเค้าวันละ 4 ถึง 5 ครั้งได้ เหนื่อย และ เจ็บมาก จนทำให้มดลูกอักเสบบ่อย หลังๆเราเริ่มห่างกันเพราะเค้าไปทำงานไกล จนดิฉันฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และได้พบเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนนึง เราคุยกันถูกคอมากและจบด้วยการปาร์ตี้ และนอนด้วยกัน นัดไปไหนมาไหนด้วยกันเรื่อยๆ โดยที่แฟนดิฉันและแฟนเค้าไม่รู้เรื่อง จนสุดท้ายดิฉันต้องเลิกราทั้งสองฝ่ายเพราะมันเกิดความเสียหายมาก โดยที่ดิฉันก็ยังรักแฟนอยู่และรู้สึกผิด พร้อมทั้งตัวแฟนดิฉันเองก็มีคนเข้ามาในเวลาที่ห่างกัน ตกลงเลิกกันอย่างเข้าใจ
ดิฉันอยู่คนเดียวมาซักระยะจึงได้พบกับ เจ้าของร้านเหล้าที่หน้าตาน่ารักจึงชอบมาก เราดื่มกันทุกวันคุยกันถึงเช้าที่ร้านเหล้าแห่งนั้น เราไม่ได้คบกันอย่างมีสถานะ แต่เรานอนด้วยกันอยู่ด้วยกันเป็นบางวันก็แฮปปี้ดี แต่แล้วร้านเค้าก็ปิดไปแล้วเราก็ห่างหายกันไป
ปัจจุบันนี้ดิฉันได้ทุนมาศึกษาต่อต่างประเทศ และมีแฟนแล้ว แต่เค้าไม่รู้เรื่องที่ผ่านมาของดิฉันหรอกค่ะ เค้าเป็นคนดีเกินกว่าจะรับเรื่องพวกนนี้ได้ และเชื่อว่าผู้ชายหลายคนไม่อาจรับคนแบบนี้ได้ ซึ่งดิฉันเริ่มต้นใหม่ค่ะ หยุดชีวิตวัยรุ้นที่เน่าเฟะ และแหลวแหลกนั้นไว้ และเดินหน้าต่อไป
หลายคนพูดว่า ดิฉันโชคดีที่เกิดมาสวยและเก่ง ทั้งการเรียน กิจกรรม การเรือน แต่แท้จริงแล้วดิฉันโชคร้ายนะคะ ที่ไม่มีความคิด ไม่มีสำนึก ทำให้บุพการีเสียน้ำตา ไม่รักและเห็นคุณค่าในตัวเอง ดิฉันทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาแล้วเป็นสิบครั้งในชีวิต ไม่รู้ว่าสุขภาพวันหน้าจะเป็นอย่างไร
จึงอยากเตือนเยาวชน จงดูเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา คนที่ภายนอกดูดีไม่จำเป็นว่าต้องดีเสมอไป คนเราขอให้มีความคิด มีจิตใจที่สำนึกในความถูกต้อง เคารพกตัญญูบิดามารดา เห็นคุณค่าในต้องเอง อย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ หรือสิ่งแวดล้อมที่ชวนให้เกิดเรื่องเสียหาย และที่สำคัญอย่าละทิ้งการเรียน ดิฉันเชื่อเสมอว่าการเรียนเปลี่ยนชีวิต ขอบคุณที่ยังมีความคิดนนี้อยู่จึงไม่ละทิ้งการเรียนไป แม้แท้จริงแล้วดิฉันเองคิดว่าตัวเองจะไปด้สูงกว่านี้ แต่ปัจจุบันนี้การได้ทุนมาเรียนต่างประเทศ ก็เป็นสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นใหม่ของดิฉัน
ขอให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนทำอะไรคิดถึงผลที่ตามมา ถึงตัวเราและครอบครัว น้องๆผู้หญิงให้เห็นคุณค่าในตัวเอง คิดดูว่าคนที่จะมาเป็นสามีเราในอนาคตเค้าจะเจ็บปวดแค่ไหนถ้าเราเป็นคนแบบนี้ ไม่อยากเจ็บและเห็นคนที่เรารักต้องเจ็บ อย่าทำ !!! คิดให้ดีนะคะ
** สังคมสมัยนี้รุนแรงกว่าที่หลายๆคนรู้ เพื่อนดิฉันท้องมีลูกกันไปขณะเรียนไม่จบก็มีมาก มีอะไรเปิดใจคุยกับลูกหลานจะดีกว่า เป็นอุทาหรณ์ให้ดูกันค่ะ
แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่นะคะ ไม่ว่ากัน ^^