ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆในพันทิพทุกๆท่านเลยนะคะ ที่ให้คำแนะนำและที่เป็นกำลังใจให้เราเข้มแข็ง ทำให้รู้ว่าน้ำใจคนไทยนี่มากล้นจริงๆ แม้เราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยก็ตาม แต่พวกคุณยินดีที่จะหยิบยื่นทั้งกำลังใจและความช่วยในทันที ทั้งตัวเราและครอบครัวขอขอบคุณจริงๆค่ะ
ยังจำกระทู้นี้กันได้มั๊ยคะ
http://pantip.com/topic/32351391 @~ น้ำตามันไหล เมื่อเขาตีค่าชีวิตเราด้วยเงิน 50,000 (ห้าหมื่นบาท)
(และมีแถมอีกอันค่ะ
http://pantip.com/topic/32369793 @~ ณ ห้อง ICU ฉันจะไม่ยอมตายในนั้น vs เพื่อนใหม่ที่ตั้งใจจะเลิกคบถาวร)
หลังจากวันที่เราได้มาตั้งกระทู้ระบายความอัดอั้นตันใจในนี้แล้ว เราก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเราจะฟ้องร้องดำเนินคดี วันรุ่งขึ้นเราไปพบกับคุณตำรวจเจ้าของคดีอีกครั้งเพื่อสอบถามแนวทาง เราไปรพ.เพื่อขอหลักฐานทางนิติเวช ไปคปภ.ขอคำแนะนำตามที่เพื่อนๆได้ชี้แนวทาง กลับมาบ้านก็พยายามหารูปถ่ายตอนเราบาดเจ็บอยู่ที่รพ. ซึ่งมีน้อยมาก คงเพราะไม่มีใครอยากจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ มีแต่ภาพใบหน้ายิ้มแย้มที่พยายามถ่ายลงเฟสบุ๊คตัวเองเพื่อให้เพื่อนๆในเฟสสบายใจว่าเรายังสบายดี แต่ก็ยังพอหาได้ประมาณ 5-6 รูป (ต้องขอบคุณน้องคนนีงมากๆที่อุตส่าห์แหกกฏ ICU. แอบถ่ายภาพมาได้ 1 รูป สภาพไม่น่าดู แต่สำคัญมากๆในการขึ้นศาล) และปรึกษาทนายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เราได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ จากบริษัทประกันของคู่กรณี บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด ขอพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อจะบรรเทาและดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เราก็เลยตอบตกลงไป (ใจเราในตอนนั้นอยากจะเจอเดี๋ยวนั้นเลย อยากถามเขาถึงคนที่พิจารณาให้ค่าชดใช้ให้เราเป็นจำนวน 50,000 บาท ว่าเขาคิดอะไร) จนถึงวันนัด เจ้าหน้าที่บริษัทมิตชุยฝ่ายสินไหมจากสำนักงานใหญ่ ได้ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะในส่วนเอกสารหลักฐานบางอย่างที่ทางสำนักงานใหญ่อาจได้รับล่าช้า และในส่วนของการสื่อสารที่ทางตัวพนักงานบ.มิตชุยอาจใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมไป และก็ได้มีการถามถึงอาการบาดเจ็บของเราอีกครั้ง และทางเจ้าที่อยากให้เราชี้แจงว่าที่เราเรียกไป 900,000 บาท ในตอนแรกนั้นมีค่าอะไรบ้าง เราเลยตอบไปว่าตอนนี้จะให้เราชี้แจง เราคงชี้แจงอะไรไม่ได้แล้ว (จริงๆคือเรากลัวคำตอบจากทางบ.มิตชุย เราไม่อยากรู้สึกแย่แบบนั้นอีก เราเลยจะรอให้ถึงกระบวนการของศาลดีกว่า) สุดท้ายเราก็ถ่ายสำเนาใบรับรองแพทย์ใบล่าสุดให้ทางบริษัทประกันไป เพราะทางบริษัทจะเอาไปพิจารณาอีกครั้ง
แต่ระหว่างนี้เรากับครอบครัวก็ตั้งใจรวบรวมทุกอย่าง เพื่อเตรียมฟ้องศาลอย่างเดียวแล้ว (มีแอบไปออกรายการทีวีด้วย ชื่อรายการสน.บานเย็น อิอิ ขอบคุณรายการที่ช่วยให้คำปรึกษานะคะ) หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ก็ได้รับการติดต่อจากทางบริษัทประกันอีกครั้งว่าถ้าทางบริษัทจะชดใช้ให้ในจำนวน 800,000 บาท เราจะว่าอย่างไร ถ้าเราตกลง จะนัดเราทำหนังสือตกลงในวันรุ่งขึ้น เราเลยบอกขอไปปรึกษาครอบครัวก่อน หลายคนที่ยังเจ็บแค้นแทนเราอยู่ต่างบอกให้เราฟ้องศาล ต่างบอกให้เราสู้ เราเองบอกตรงๆว่าสองจิตสองใจ แต่เราสงสารพ่อแม่ เพราะตั้งแต่ที่เราเกิดอุบัติเหตุ พ่อแม่เราทุกข์ใจมาก ทั้งยังต้องมาเสียเงินไปกับอุบัติเหตุครั้งนี้มากมายจริงๆ เราเลยคุยกับพ่อแม่ สุดท้ายก็ยอมตกลง (เหตุผลคือ ถ้าเราฟ้องเราอาจได้มากกว่าก็จริง แต่เราจะต้องเสียเวลาอีกนานแค่ไหน ท่านเห็นว่าถ้ามันจบได้ จะได้ตัดปัญหาไป เอาเวลามารักษาตัว ถึงเงินจำนวนนี้จะไม่ได้มากพอที่จะชดเชยในสิ่งที่เราเสียไป แต่ก็พอรับได้ในระดับนึง) ทางประกันจึงนัดเรารับเช็คในวันที่ 22 ส.ค. (ยังมีแอบกลัวว่าเงินจะเข้าบัญชีจริงมั๊ย) และในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. เราก็ได้รับเงินครบถ้วน
ตรงนี้ก็ถือโอกาสขอบคุณทางบริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด ที่ชดใช้ค่าเสียหายให้ค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ แต่ขอเใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากไว้สักนิดนะคะ เนื่องจากดิฉันเป็นผู้ประสบเหตุโดยตรง อยากให้ทางบริษัทประกัน (อาจจะอีกหลายบริษัท) ให้ความความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุตามจริงและเป็นธรรมที่สุดตั้งแต่ขั้นตอนแรก อย่าใช้วิธีที่เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อจ่ายให้น้อยที่สุด เพราะผู้สูญเสียต่อให้ชดใช้เท่าไรก็ไม่สามารถชดเชยในสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว แต่การที่ทางบริษัทช่วยเหลือด้วยความเป็นธรรม นึกถึงใจเขาใจเรา มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ ดิฉันเชื่อว่าต่อให้มีใครนำเงินล้านมาให้ เพื่อแลกกับเหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้ คงไม่มีใครอยากได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นได้โปรดอย่าซ้ำเติมพวกเขาอีกเลยค่ะ
ตอนนี้ส่วนตัวเราเอง ก็ยังเดินไม่ได้ กลางเดือนกันยายนต้องผ่าตัดอีกครั้งที่เท้าขวา แต่เราก็ถือว่าเรื่องร้ายๆทุกอย่างกำลังจะผ่านไป ขอให้หลังจากนี้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา เราเองยังหวังว่าสักวันเราต้องกลับมาเดินได้ด้วยขาทั้ง 2 ข้าง ของเราเอง เรายังหวังและเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างที่เราหวัง ถึงแม้ทุกวันนี้จะมองขาตัวเอง เห็นว่าขายาวไม่เท่ากัน (ขาซ้ายดันยาวกว่าซะงั้น) ก็ทำใจว่าตัดรองเท้าเสริมเอาก็ได้ ขอแค่ให้เดินได้แบบเดิมก็พอ
อย่าลืมเป็นกำลังใจ ช่วยส่งกำลังใจ และขอกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
**บทสรุป** @~ น้ำตามันไหล เมื่อเขาตีค่าชีวิตเราด้วยเงิน 50,000 (ห้าหมื่นบาท)
ยังจำกระทู้นี้กันได้มั๊ยคะ http://pantip.com/topic/32351391 @~ น้ำตามันไหล เมื่อเขาตีค่าชีวิตเราด้วยเงิน 50,000 (ห้าหมื่นบาท)
(และมีแถมอีกอันค่ะ http://pantip.com/topic/32369793 @~ ณ ห้อง ICU ฉันจะไม่ยอมตายในนั้น vs เพื่อนใหม่ที่ตั้งใจจะเลิกคบถาวร)
หลังจากวันที่เราได้มาตั้งกระทู้ระบายความอัดอั้นตันใจในนี้แล้ว เราก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเราจะฟ้องร้องดำเนินคดี วันรุ่งขึ้นเราไปพบกับคุณตำรวจเจ้าของคดีอีกครั้งเพื่อสอบถามแนวทาง เราไปรพ.เพื่อขอหลักฐานทางนิติเวช ไปคปภ.ขอคำแนะนำตามที่เพื่อนๆได้ชี้แนวทาง กลับมาบ้านก็พยายามหารูปถ่ายตอนเราบาดเจ็บอยู่ที่รพ. ซึ่งมีน้อยมาก คงเพราะไม่มีใครอยากจะเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ มีแต่ภาพใบหน้ายิ้มแย้มที่พยายามถ่ายลงเฟสบุ๊คตัวเองเพื่อให้เพื่อนๆในเฟสสบายใจว่าเรายังสบายดี แต่ก็ยังพอหาได้ประมาณ 5-6 รูป (ต้องขอบคุณน้องคนนีงมากๆที่อุตส่าห์แหกกฏ ICU. แอบถ่ายภาพมาได้ 1 รูป สภาพไม่น่าดู แต่สำคัญมากๆในการขึ้นศาล) และปรึกษาทนายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เราได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ จากบริษัทประกันของคู่กรณี บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด ขอพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อจะบรรเทาและดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เราก็เลยตอบตกลงไป (ใจเราในตอนนั้นอยากจะเจอเดี๋ยวนั้นเลย อยากถามเขาถึงคนที่พิจารณาให้ค่าชดใช้ให้เราเป็นจำนวน 50,000 บาท ว่าเขาคิดอะไร) จนถึงวันนัด เจ้าหน้าที่บริษัทมิตชุยฝ่ายสินไหมจากสำนักงานใหญ่ ได้ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะในส่วนเอกสารหลักฐานบางอย่างที่ทางสำนักงานใหญ่อาจได้รับล่าช้า และในส่วนของการสื่อสารที่ทางตัวพนักงานบ.มิตชุยอาจใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมไป และก็ได้มีการถามถึงอาการบาดเจ็บของเราอีกครั้ง และทางเจ้าที่อยากให้เราชี้แจงว่าที่เราเรียกไป 900,000 บาท ในตอนแรกนั้นมีค่าอะไรบ้าง เราเลยตอบไปว่าตอนนี้จะให้เราชี้แจง เราคงชี้แจงอะไรไม่ได้แล้ว (จริงๆคือเรากลัวคำตอบจากทางบ.มิตชุย เราไม่อยากรู้สึกแย่แบบนั้นอีก เราเลยจะรอให้ถึงกระบวนการของศาลดีกว่า) สุดท้ายเราก็ถ่ายสำเนาใบรับรองแพทย์ใบล่าสุดให้ทางบริษัทประกันไป เพราะทางบริษัทจะเอาไปพิจารณาอีกครั้ง
แต่ระหว่างนี้เรากับครอบครัวก็ตั้งใจรวบรวมทุกอย่าง เพื่อเตรียมฟ้องศาลอย่างเดียวแล้ว (มีแอบไปออกรายการทีวีด้วย ชื่อรายการสน.บานเย็น อิอิ ขอบคุณรายการที่ช่วยให้คำปรึกษานะคะ) หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ก็ได้รับการติดต่อจากทางบริษัทประกันอีกครั้งว่าถ้าทางบริษัทจะชดใช้ให้ในจำนวน 800,000 บาท เราจะว่าอย่างไร ถ้าเราตกลง จะนัดเราทำหนังสือตกลงในวันรุ่งขึ้น เราเลยบอกขอไปปรึกษาครอบครัวก่อน หลายคนที่ยังเจ็บแค้นแทนเราอยู่ต่างบอกให้เราฟ้องศาล ต่างบอกให้เราสู้ เราเองบอกตรงๆว่าสองจิตสองใจ แต่เราสงสารพ่อแม่ เพราะตั้งแต่ที่เราเกิดอุบัติเหตุ พ่อแม่เราทุกข์ใจมาก ทั้งยังต้องมาเสียเงินไปกับอุบัติเหตุครั้งนี้มากมายจริงๆ เราเลยคุยกับพ่อแม่ สุดท้ายก็ยอมตกลง (เหตุผลคือ ถ้าเราฟ้องเราอาจได้มากกว่าก็จริง แต่เราจะต้องเสียเวลาอีกนานแค่ไหน ท่านเห็นว่าถ้ามันจบได้ จะได้ตัดปัญหาไป เอาเวลามารักษาตัว ถึงเงินจำนวนนี้จะไม่ได้มากพอที่จะชดเชยในสิ่งที่เราเสียไป แต่ก็พอรับได้ในระดับนึง) ทางประกันจึงนัดเรารับเช็คในวันที่ 22 ส.ค. (ยังมีแอบกลัวว่าเงินจะเข้าบัญชีจริงมั๊ย) และในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. เราก็ได้รับเงินครบถ้วน
ตรงนี้ก็ถือโอกาสขอบคุณทางบริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด ที่ชดใช้ค่าเสียหายให้ค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ แต่ขอเใช้พื้นที่ตรงนี้ฝากไว้สักนิดนะคะ เนื่องจากดิฉันเป็นผู้ประสบเหตุโดยตรง อยากให้ทางบริษัทประกัน (อาจจะอีกหลายบริษัท) ให้ความความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเหตุตามจริงและเป็นธรรมที่สุดตั้งแต่ขั้นตอนแรก อย่าใช้วิธีที่เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อจ่ายให้น้อยที่สุด เพราะผู้สูญเสียต่อให้ชดใช้เท่าไรก็ไม่สามารถชดเชยในสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว แต่การที่ทางบริษัทช่วยเหลือด้วยความเป็นธรรม นึกถึงใจเขาใจเรา มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ ดิฉันเชื่อว่าต่อให้มีใครนำเงินล้านมาให้ เพื่อแลกกับเหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้ คงไม่มีใครอยากได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นได้โปรดอย่าซ้ำเติมพวกเขาอีกเลยค่ะ
ตอนนี้ส่วนตัวเราเอง ก็ยังเดินไม่ได้ กลางเดือนกันยายนต้องผ่าตัดอีกครั้งที่เท้าขวา แต่เราก็ถือว่าเรื่องร้ายๆทุกอย่างกำลังจะผ่านไป ขอให้หลังจากนี้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา เราเองยังหวังว่าสักวันเราต้องกลับมาเดินได้ด้วยขาทั้ง 2 ข้าง ของเราเอง เรายังหวังและเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างที่เราหวัง ถึงแม้ทุกวันนี้จะมองขาตัวเอง เห็นว่าขายาวไม่เท่ากัน (ขาซ้ายดันยาวกว่าซะงั้น) ก็ทำใจว่าตัดรองเท้าเสริมเอาก็ได้ ขอแค่ให้เดินได้แบบเดิมก็พอ
อย่าลืมเป็นกำลังใจ ช่วยส่งกำลังใจ และขอกำลังใจให้เราด้วยนะคะ