เรื่องที่จะเล่า เป็นเรื่องจริงของเราเองคะ มันเกิดขึ้นมานานแล้ว และตอนนี้มันจบแล้ว เราก็ดีใจที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ และตัดสินใจถูกที่เลือกเดินออกมา....
เรื่องราวมันเริ่มจาก เมื่อเราเรียนจบมหาลัย พ่อกับแม่ก็ส่งเราไปเรียนต่อเมืองนอก ที่บ้านฐานะปานกลาง พ่อช่วยส่งเสียได้แค่ค่าเทอม แต่ค่าที่พัก ค่ากินอยู่เราต้องทำงานพิเศษหาเองทั้งหมด เราก็เหมือนเด็กไทยคนอื่นๆ ที่ไปเรียน คือ ทำงานพิเศษเป็นพนง.เสริฟตามร้านอาหารไทย ชีวิตก็ราบเรียบปกติดี เรียนเสร็จก็เริ่มทำงานตอนเย็น ร้านปิด 4 ทุ่ม เคลียร์ร้าน กลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน เราทำงานเกือบทุกวัน เงินที่ได้ก็พอใช้ได้อย่างประหยัด สุรุ่ยสุร่ายไม่ได้มาก แต่ก็พอมีเงินเก็บเล้กๆน้อยๆ ตามประสาเด็กนักเรียนที่โน่น สังคมก็มีเพื่อนที่คอลเลจ แต่ก็ไม่ได้ไปแฮงค์เอาท์กะเค้ามากนัก เพราะเวลาว่างก็ต้องไปทำงานพิเศษ เลยจะสนิทสนมกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมากกว่า
และจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมันก็เกิดจากเรากับลูกเจ้าของร้านดันชอบกัน และคบกัน ตอนแรกก็โอเคดี โลกเป็นสีชมพู ทุกคนในร้านก็รู้ตั้งแต่เริ่มจีบกัน เราก็ทำตัวปกติ ทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้มีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น จริงๆเราระวังตัวมากกว่าเดิมด้วย เพราะกลัวจะโดนคนมองไม่ดี จนวันนึงแฟนพาเราไปที่บ้าน ไปเจอพ่อกับแม่ของเค้า เราจำได้ดีเลยครั้งแรกที่เจอ เราก็ไหว้ตามปกติ แต่พ่อกับแม่แฟนทำเหมือนมองไม่เห็น คือไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเค้าอาจจะไม่เห็นมั้ง มาเริ่มแน่ใจเมื่อนั่งเล่นที่บ้านเค้าตั้งนาน แต่คนในบ้านไม่มีใครพูดกะเราเลยคือบรรยากาศมาคุ แปลกๆ เหมือนเราไม่มีตัวตนในนั้น เราอยู่ได้สักชม.ก็ขอลากลับ เราก็ไหว้สวัสดี แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเหมือนเดิม
ณ ช่วงนั้น เราเครียดมาก ด้วยความที่ยังเด็กด้วย คิดวนไปวนมาว่าเราทำอะไรไม่สมควรหรือป่าว แสดงกิริยาไม่ดีหรอ หรืออะไร จนวันนึงได้มีโอกาสคุยกับแฟน แฟนก็ยอมรับว่า ครอบครัวเค้าไม่ชอบเรา เพราะเราเป็นพนง.เสริฟในร้าน....... เราก็พยายามจะเข้าใจนะ แต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด เราเป็นนักเรียน เราไปทำงานเป็นพนง.เสริฟ เพราะเราอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไรผิด หรือคงผิดที่ไม่สมควรคบกะลูกเจ้าของร้าน คนคงมองไม่ดีจริงๆ แต่เรากับแฟนก็ตัดสินใจที่จะไปต่อ ลองดูสักตั้ง
หลังจากนั้น เราก็ยังคงดำเนินชีวิตปกติ ไปเรียนแล้วก็ไปทำงาน คิดแบบเด็กๆ ว่าก็จะพยายามเข้าหาผู้ใหญ่ให้มากขึ้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน เดี๋ยวคงดีเอง ครอบครัวเค้าก็มาที่ร้านบ่อยๆ ทุกครั้งที่เจอ เค้าเห็นเราเป็นอากาศเช่นเคย รับไหว้พูดคุยกับเพื่อนๆพนง.เสริฟ หรือสตาฟคนอื่นๆ เว้นแต่เรา... เราก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้นะ เจ็บอ่ะ มันเป็นเหมือนการไม่ได้รับการยอมรับ เพื่อนๆในร้านก็รู้ปัญหา ก็ให้กำลังใจ.... เราก็ใช้ชีวิตอย่างนั้นต่อไป แฟนก็ดูรักเราดี แต่ในใจเราลึกๆ มันขมมาก เหมือนจะมีความสุข แต่ก็สุขไม่สุด บางทีแฟนอยู่กะเรา แต่ที่บ้านโทรมาให้เค้าไปกินข้าว เค้าก็ต้องไป เราก็บอกแฟนว่าไม่เป็นไร แต่มันเป็นอย่างนี้บ่อยมากๆ จนเรากลายเป็นคนขี้นอยด์ไปเลย.... ก็มีความคิดว่าจะหางานอื่นดีมั้ย แต่ก็อีกนั่นแหละ คิดแบบเด็กๆว่า ถ้าออกไป โอกาสที่จะได้เจอครอบครัวเค้ายิ่งน้อยลงไปอีก (เพราะเค้าไม่เคยให้เราไปเจอที่อื่นอยู่แล้ว) แล้วเมื่อไหร่เราจะชนะใจเค้าได้ล่ะ ..... เพราะความคิดนี้ ทำให้เราทนอยู่ต่อ
จนมีอยู่วันนึง ก่อนที่เราจะออกไปทำงาน เพื่อนของเราโทรมาบอกว่า "ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ" เราก็ถามว่าทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น เพื่อนบอกว่า "แม่เค้าเอาเรื่องเราว่าให้คนในร้านฟัง เค้ามองว่าเราพยายามจะจับลุกเค้า บลาๆๆๆ" ตอนนั้นเราเจ็บมาก แล้วก็ร้องไห้ แต่ก็บอกเพื่อนไปว่า ยังไงก็จะไปทำงาน เหมือนเดิม จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เรารักกันจริงๆ แต่เพื่อนของเราพูดเตือนสติเราว่า " อย่ามาเลย พ่อกับแม่ของเราเลี้ยงเรามาดี คิดมั้ยว่าท่านจะเสียใจแค่ไหน ที่เราเอาตัวเองเข้าไปให้คนอื่นรังแกครั้งแล้ว ครั้งเล่า...." ตอนนั้นต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากๆ ที่พูดให้ได้สติ ไม่งั้นเราคงมีปสก.แย่กว่านี้ในความทรงจำแน่ๆ
หลังจากนั้นเราก็หางานใหม่ ก็คิดนะว่า จริงๆออกมาก็ดีเหมือนกัน ถ้าเค้ารังเกียจเราที่เราเป็นเด็กในร้าน ออกมาก็ดี เราก็ทำงานที่ใหม่ ใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆเป็นปีๆ แต่เหตุการณ์ไม่มีอะไรดีขึ้น เค้าก้อไม่ได้อยากจะรู้จักเรามากกขึ้น หรือจะชอบเรามากขึ้น เราก็ถามแฟนว่า เราสองคนจะยังไงกันต่อ แฟนเราบอกว่าตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อยว่ากัน เราก็พยายามเรียนจนจบ และได้งานทำงานบริษัทที่โน่น..... ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนอยด์ๆ อย่างนี้ต่อไป จนวันนึง รู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว
บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ไหว ทำไมไม่โอเค ในเมื่อแฟนก็ดูรักกันดี อยากจะบอกว่า ทุกคนอยากได้รับการยอมรับคะ เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว เราคบกับแฟน แต่เหมือนคบแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตลอด ไม่มีใครชอบความรู้สึกแบบนี้หรอกคะ และอย่างที่บอกว่าเรากลายเป็นคนขี้นอยด์ บางทีไปเจอเพื่อนๆแฟน ก็รู้สึกอายอ่ะคะ คือทุกคนรู้ว่าครอบครัวเค้าไม่ยอมรับว่าเราเป็นแฟนกัน คือมันไม่มีความสุขที่มองไม่เห็นว่าจะเอาไงต่อ หรือเราจะมีอนาคตร่วมกันจริงๆมั้ย
และเมื่อมาถึงจุดเปลี่ยน...... ที่ทำงานออฟเฟอร์จะทำ work permit ให้เรา อายุ work permit 5 ปี เราก็มานั่งคิดว่าจะเอาไงต่อ ถ้าตอบตกลงกะที่ทำงาน นั่นหมายถึงเราจะต้องใช้ชีวิตที่นี่อีกระยะยาว หรืออาจจะตลอดไป เราก็ปรึกษาแฟนอีก ว่าเรายังมองอนาคตเหมือนกันอยู่มั้ย และเมื่อไหร่จะเคลียร์ปัญหานี้ให้ซะที มันเป็นเรื่องกวนใจมากคะ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ ระยะหลังๆ ก็ทะเลาะกันตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่ เราจะไม่ยอมอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว...
เราปฏิเสธ work permit และขอกลับไทย ในใจตอนนั้นรู้สึกไม่ไหวแล้วที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป และอยากให้แฟนทำอะไรสักอย่างบ้าง คือเคลียร์เรื่องนี้ซะทีเถอะ ......
ใครเคยมีปัญหาครอบครัวของแฟนไม่ปลื้มบ้างคะ
เรื่องราวมันเริ่มจาก เมื่อเราเรียนจบมหาลัย พ่อกับแม่ก็ส่งเราไปเรียนต่อเมืองนอก ที่บ้านฐานะปานกลาง พ่อช่วยส่งเสียได้แค่ค่าเทอม แต่ค่าที่พัก ค่ากินอยู่เราต้องทำงานพิเศษหาเองทั้งหมด เราก็เหมือนเด็กไทยคนอื่นๆ ที่ไปเรียน คือ ทำงานพิเศษเป็นพนง.เสริฟตามร้านอาหารไทย ชีวิตก็ราบเรียบปกติดี เรียนเสร็จก็เริ่มทำงานตอนเย็น ร้านปิด 4 ทุ่ม เคลียร์ร้าน กลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน เราทำงานเกือบทุกวัน เงินที่ได้ก็พอใช้ได้อย่างประหยัด สุรุ่ยสุร่ายไม่ได้มาก แต่ก็พอมีเงินเก็บเล้กๆน้อยๆ ตามประสาเด็กนักเรียนที่โน่น สังคมก็มีเพื่อนที่คอลเลจ แต่ก็ไม่ได้ไปแฮงค์เอาท์กะเค้ามากนัก เพราะเวลาว่างก็ต้องไปทำงานพิเศษ เลยจะสนิทสนมกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมากกว่า
และจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมันก็เกิดจากเรากับลูกเจ้าของร้านดันชอบกัน และคบกัน ตอนแรกก็โอเคดี โลกเป็นสีชมพู ทุกคนในร้านก็รู้ตั้งแต่เริ่มจีบกัน เราก็ทำตัวปกติ ทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้มีอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น จริงๆเราระวังตัวมากกว่าเดิมด้วย เพราะกลัวจะโดนคนมองไม่ดี จนวันนึงแฟนพาเราไปที่บ้าน ไปเจอพ่อกับแม่ของเค้า เราจำได้ดีเลยครั้งแรกที่เจอ เราก็ไหว้ตามปกติ แต่พ่อกับแม่แฟนทำเหมือนมองไม่เห็น คือไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเค้าอาจจะไม่เห็นมั้ง มาเริ่มแน่ใจเมื่อนั่งเล่นที่บ้านเค้าตั้งนาน แต่คนในบ้านไม่มีใครพูดกะเราเลยคือบรรยากาศมาคุ แปลกๆ เหมือนเราไม่มีตัวตนในนั้น เราอยู่ได้สักชม.ก็ขอลากลับ เราก็ไหว้สวัสดี แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเหมือนเดิม
ณ ช่วงนั้น เราเครียดมาก ด้วยความที่ยังเด็กด้วย คิดวนไปวนมาว่าเราทำอะไรไม่สมควรหรือป่าว แสดงกิริยาไม่ดีหรอ หรืออะไร จนวันนึงได้มีโอกาสคุยกับแฟน แฟนก็ยอมรับว่า ครอบครัวเค้าไม่ชอบเรา เพราะเราเป็นพนง.เสริฟในร้าน....... เราก็พยายามจะเข้าใจนะ แต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด เราเป็นนักเรียน เราไปทำงานเป็นพนง.เสริฟ เพราะเราอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไรผิด หรือคงผิดที่ไม่สมควรคบกะลูกเจ้าของร้าน คนคงมองไม่ดีจริงๆ แต่เรากับแฟนก็ตัดสินใจที่จะไปต่อ ลองดูสักตั้ง
หลังจากนั้น เราก็ยังคงดำเนินชีวิตปกติ ไปเรียนแล้วก็ไปทำงาน คิดแบบเด็กๆ ว่าก็จะพยายามเข้าหาผู้ใหญ่ให้มากขึ้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน เดี๋ยวคงดีเอง ครอบครัวเค้าก็มาที่ร้านบ่อยๆ ทุกครั้งที่เจอ เค้าเห็นเราเป็นอากาศเช่นเคย รับไหว้พูดคุยกับเพื่อนๆพนง.เสริฟ หรือสตาฟคนอื่นๆ เว้นแต่เรา... เราก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้นะ เจ็บอ่ะ มันเป็นเหมือนการไม่ได้รับการยอมรับ เพื่อนๆในร้านก็รู้ปัญหา ก็ให้กำลังใจ.... เราก็ใช้ชีวิตอย่างนั้นต่อไป แฟนก็ดูรักเราดี แต่ในใจเราลึกๆ มันขมมาก เหมือนจะมีความสุข แต่ก็สุขไม่สุด บางทีแฟนอยู่กะเรา แต่ที่บ้านโทรมาให้เค้าไปกินข้าว เค้าก็ต้องไป เราก็บอกแฟนว่าไม่เป็นไร แต่มันเป็นอย่างนี้บ่อยมากๆ จนเรากลายเป็นคนขี้นอยด์ไปเลย.... ก็มีความคิดว่าจะหางานอื่นดีมั้ย แต่ก็อีกนั่นแหละ คิดแบบเด็กๆว่า ถ้าออกไป โอกาสที่จะได้เจอครอบครัวเค้ายิ่งน้อยลงไปอีก (เพราะเค้าไม่เคยให้เราไปเจอที่อื่นอยู่แล้ว) แล้วเมื่อไหร่เราจะชนะใจเค้าได้ล่ะ ..... เพราะความคิดนี้ ทำให้เราทนอยู่ต่อ
จนมีอยู่วันนึง ก่อนที่เราจะออกไปทำงาน เพื่อนของเราโทรมาบอกว่า "ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ" เราก็ถามว่าทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น เพื่อนบอกว่า "แม่เค้าเอาเรื่องเราว่าให้คนในร้านฟัง เค้ามองว่าเราพยายามจะจับลุกเค้า บลาๆๆๆ" ตอนนั้นเราเจ็บมาก แล้วก็ร้องไห้ แต่ก็บอกเพื่อนไปว่า ยังไงก็จะไปทำงาน เหมือนเดิม จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เรารักกันจริงๆ แต่เพื่อนของเราพูดเตือนสติเราว่า " อย่ามาเลย พ่อกับแม่ของเราเลี้ยงเรามาดี คิดมั้ยว่าท่านจะเสียใจแค่ไหน ที่เราเอาตัวเองเข้าไปให้คนอื่นรังแกครั้งแล้ว ครั้งเล่า...." ตอนนั้นต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากๆ ที่พูดให้ได้สติ ไม่งั้นเราคงมีปสก.แย่กว่านี้ในความทรงจำแน่ๆ
หลังจากนั้นเราก็หางานใหม่ ก็คิดนะว่า จริงๆออกมาก็ดีเหมือนกัน ถ้าเค้ารังเกียจเราที่เราเป็นเด็กในร้าน ออกมาก็ดี เราก็ทำงานที่ใหม่ ใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆเป็นปีๆ แต่เหตุการณ์ไม่มีอะไรดีขึ้น เค้าก้อไม่ได้อยากจะรู้จักเรามากกขึ้น หรือจะชอบเรามากขึ้น เราก็ถามแฟนว่า เราสองคนจะยังไงกันต่อ แฟนเราบอกว่าตั้งใจเรียนให้จบก่อนค่อยว่ากัน เราก็พยายามเรียนจนจบ และได้งานทำงานบริษัทที่โน่น..... ก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนอยด์ๆ อย่างนี้ต่อไป จนวันนึง รู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว
บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ไหว ทำไมไม่โอเค ในเมื่อแฟนก็ดูรักกันดี อยากจะบอกว่า ทุกคนอยากได้รับการยอมรับคะ เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว เราคบกับแฟน แต่เหมือนคบแบบหลบๆ ซ่อนๆ ตลอด ไม่มีใครชอบความรู้สึกแบบนี้หรอกคะ และอย่างที่บอกว่าเรากลายเป็นคนขี้นอยด์ บางทีไปเจอเพื่อนๆแฟน ก็รู้สึกอายอ่ะคะ คือทุกคนรู้ว่าครอบครัวเค้าไม่ยอมรับว่าเราเป็นแฟนกัน คือมันไม่มีความสุขที่มองไม่เห็นว่าจะเอาไงต่อ หรือเราจะมีอนาคตร่วมกันจริงๆมั้ย
และเมื่อมาถึงจุดเปลี่ยน...... ที่ทำงานออฟเฟอร์จะทำ work permit ให้เรา อายุ work permit 5 ปี เราก็มานั่งคิดว่าจะเอาไงต่อ ถ้าตอบตกลงกะที่ทำงาน นั่นหมายถึงเราจะต้องใช้ชีวิตที่นี่อีกระยะยาว หรืออาจจะตลอดไป เราก็ปรึกษาแฟนอีก ว่าเรายังมองอนาคตเหมือนกันอยู่มั้ย และเมื่อไหร่จะเคลียร์ปัญหานี้ให้ซะที มันเป็นเรื่องกวนใจมากคะ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ ระยะหลังๆ ก็ทะเลาะกันตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่ เราจะไม่ยอมอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว...
เราปฏิเสธ work permit และขอกลับไทย ในใจตอนนั้นรู้สึกไม่ไหวแล้วที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป และอยากให้แฟนทำอะไรสักอย่างบ้าง คือเคลียร์เรื่องนี้ซะทีเถอะ ......