ขออนุญาตเชื่อมโยงกับบทความที่ท่านเคยลงไว้ที่
http://prachatai.org/journal/2014/08/55212
ต่อไปนี้คือข้อความในบทความของท่านบางส่วน
และขอนำบางข้อความที่ปรากฏในบทความดังกล่าวมาอ้างอิงถึง เนื่องจาก ไม่เห็นด้วย
ย้ำ ... เพียงบางข้อที่ไม่เห็นด้วย
ซึ่งในบทความระบุว่า "ผู้เขียนมีทัศนะอีกมุมนำเสนอว่า ท่านที่อยากมาเป็นอาจรย์มหาวิทยาลัยต้องรับให้ได้ในสิ่งดังต่อไปนี้"
ดังนั้นข้อความต่อไปนี้ ก็เป็นทรรศนะ ส่วนตัวของผมเช่นกัน
- ต้องรับให้ได้กับการถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี
แม้ท่านจบปริญญาเอก จบปริญญา 2 - 3 ใบ แต่หากเป็นนักเรียนทุน ก็ไม่สามารถหนีไปทำงานเอกชนได้
เพราะติดสัญญาชดใช้ทุน ต้องมาบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ทรรศนะของผม -- (ข้าราชการ ก็ หนีไปทำงานเอกชนไม่ได้เหมือนกันครับ เอาเงินเอาเวลาไปใช้ ตอนทำสัญญา เขาก็ระบุชัดเจนไม่ใช่เหรอ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านจะขาดเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยตำแหน่งของท่านมีสัญญาจ้าง มีกำหนดเวลา
หากพูดหรือวิจารณ์ไม่เข้าหูผู้มีอำนาจ ไปโวยวายมากก็อาจไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้าง
มีกรณีศึกษาเรื่องนี้เยอะมาก และพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายแรงงาน
ทรรศนะของผม -- เขาจึงมีศาลปกครองอย่างไรล่ะครับ หากท่านโดนกลั่นแกล้ง โดยเหตุผลมิชอบ
การประเมินคุณออกโดยไม่มีเหตุผลอันควร ก็ต้องแย้ง ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่รักษาผลประโยชน์ของตน ก็ทำให้คนที่มันมีอำนาจรู้ซะบ้างสิ
ตัวเองไม่ทำอะไร แล้วมาโทษระบบ เรียนให้จบสูงไปทำไม
- ต้องรับให้ได้ว่า หากท่านถูกปลดออกจากงาน ท่านจะอุทธรณ์ไปที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ของกระทรวง
ศึกษาธิการไม่ได้ เพราะท่านไม่ใช่ข้าราชการ มีหนทางเดียวคือฟ้องศาลขอความเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันใช้เวลานานมากกว่า 3 - 5 ปี
(เท่าที่เจอ ก็เห็น
คุ้มครองชั่วคราว)
- ต้องรับให้ได้กับคำพูดดูถูกจากเพื่อนร่วมงานบางคน และจากผู้บริหารบางคนที่ขาดความเข้าใจในระบบพนักงานมหาวิทยาลัย
มีคำสบประมาทดูถูกเพื่อนร่วมอาชีพที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม
(อันนี้ยอมรับว่ามีคนแบบนั้นทุก ม. แต่ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นแบบนั้น ก็โฟกัสที่งาน
แล้วเอามาเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวเองแซงหน้า ข้าราชการยุคได้โนเสาร์เหล่านั้น ให้มันอายไปเลยสิครับ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านจะไม่ได้โบนัสเหมือนข้าราชการ
(เห็นทุกครั้งที่มีการเพิ่มเงินพิเศษ พนง.ม. ก็ได้ก่อนข้าราชการทุกที ตกลงยังไงแน่ครับ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านต้องใช้ระบบประกันสังคมของกระทรวงแรงงาน เข้าสถานรักษาพยาบาลในท้องถิ่นได้ 2 แห่ง ยืนต่อแถวกับแรงงานพม่า
(ข้อนี้ จี๊ดที่สุด ท่าน เจ้าของบทความ เคยทำความเข้าใจเงิน 1.7 1.5 1.3 เหล่านี้บ้างหรือไม่ ว่าเพราะเหตุใด
จึงมีอัตราเท่าที่สูงกว่าที่ข้าราชการบรรจุใหม่ๆ ถ้าท่านเข้าใจ บทความนี้ คงไม่เกิด แทนที่ท่านจะเป็น 1 ในกระบอกเสียง อธิบายความหมายต่างๆ ให้
พนง.ม. หรือที่ผมเรียกว่า "ข้าราชการพันธุ์ใหม่" ให้เข้าใจในบทบาท ด้านหน้าที่ มากกว่าสิทธิ ด้วยวุฒิ และตำแหน่งทางวิชาการท่าน ชักนำให้คน
หยุด... และฟัง แต่ท่านกลับนำมาใช้อีกทาง ส่วนตัวผมเชื่อว่า สิทธิ ของ พนง.ม. จะค่อยๆ พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
และถ้าหากท่าน รศ.ดร. อยากให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ท่านคงต้องมือ ปฏิบัติ ในสิ่งที่สะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าจะช่วยกันทำให้มันดีขึ้น
ไม่ใช่รังแต่จะตอกย้ำ ให้มันดูแย่ลง พนง.ม. ขาดกำลังใจในการทำงาน การพัฒนาก็จะไม่เกิด ท่านต้องการสิ่งนี้ จริงๆ เหรอครับ
นี่คือคำถาม จากผม และท่าน...ควรตอบ)
ผมไม่ได้จะดูแคลนสติปัญญาของท่าน แต่อยากให้ท่าน ซึ่งเป็น 1 ในบุคลากรที่ทรงคุณภาพในสังคมการศึกษาไทย "ช่วย" กันหาทางออก ที่ชัดเจน
มากกว่าจะบั่นทอนกำลังใจ ของนักวิชาการยุคใหม่ของเราแบบนี้ครับ
- หากใครจะตำหนิผม ในความคิดผม ผมยินดี และขอรับสิ่งไม่ดีเหล่านั้น ไว้ที่ผมคนเดียวครับ
จดหมายเปิดผนึก ถึงท่าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์
http://prachatai.org/journal/2014/08/55212
ต่อไปนี้คือข้อความในบทความของท่านบางส่วน
และขอนำบางข้อความที่ปรากฏในบทความดังกล่าวมาอ้างอิงถึง เนื่องจาก ไม่เห็นด้วย
ย้ำ ... เพียงบางข้อที่ไม่เห็นด้วย
ซึ่งในบทความระบุว่า "ผู้เขียนมีทัศนะอีกมุมนำเสนอว่า ท่านที่อยากมาเป็นอาจรย์มหาวิทยาลัยต้องรับให้ได้ในสิ่งดังต่อไปนี้"
ดังนั้นข้อความต่อไปนี้ ก็เป็นทรรศนะ ส่วนตัวของผมเช่นกัน
- ต้องรับให้ได้กับการถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี
แม้ท่านจบปริญญาเอก จบปริญญา 2 - 3 ใบ แต่หากเป็นนักเรียนทุน ก็ไม่สามารถหนีไปทำงานเอกชนได้
เพราะติดสัญญาชดใช้ทุน ต้องมาบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ทรรศนะของผม -- (ข้าราชการ ก็ หนีไปทำงานเอกชนไม่ได้เหมือนกันครับ เอาเงินเอาเวลาไปใช้ ตอนทำสัญญา เขาก็ระบุชัดเจนไม่ใช่เหรอ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านจะขาดเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยตำแหน่งของท่านมีสัญญาจ้าง มีกำหนดเวลา
หากพูดหรือวิจารณ์ไม่เข้าหูผู้มีอำนาจ ไปโวยวายมากก็อาจไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้าง
มีกรณีศึกษาเรื่องนี้เยอะมาก และพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายแรงงาน
ทรรศนะของผม -- เขาจึงมีศาลปกครองอย่างไรล่ะครับ หากท่านโดนกลั่นแกล้ง โดยเหตุผลมิชอบ
การประเมินคุณออกโดยไม่มีเหตุผลอันควร ก็ต้องแย้ง ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่รักษาผลประโยชน์ของตน ก็ทำให้คนที่มันมีอำนาจรู้ซะบ้างสิ
ตัวเองไม่ทำอะไร แล้วมาโทษระบบ เรียนให้จบสูงไปทำไม
- ต้องรับให้ได้ว่า หากท่านถูกปลดออกจากงาน ท่านจะอุทธรณ์ไปที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ของกระทรวง
ศึกษาธิการไม่ได้ เพราะท่านไม่ใช่ข้าราชการ มีหนทางเดียวคือฟ้องศาลขอความเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันใช้เวลานานมากกว่า 3 - 5 ปี (เท่าที่เจอ ก็เห็น
คุ้มครองชั่วคราว)
- ต้องรับให้ได้กับคำพูดดูถูกจากเพื่อนร่วมงานบางคน และจากผู้บริหารบางคนที่ขาดความเข้าใจในระบบพนักงานมหาวิทยาลัย
มีคำสบประมาทดูถูกเพื่อนร่วมอาชีพที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม (อันนี้ยอมรับว่ามีคนแบบนั้นทุก ม. แต่ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นแบบนั้น ก็โฟกัสที่งาน
แล้วเอามาเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวเองแซงหน้า ข้าราชการยุคได้โนเสาร์เหล่านั้น ให้มันอายไปเลยสิครับ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านจะไม่ได้โบนัสเหมือนข้าราชการ (เห็นทุกครั้งที่มีการเพิ่มเงินพิเศษ พนง.ม. ก็ได้ก่อนข้าราชการทุกที ตกลงยังไงแน่ครับ)
- ต้องรับให้ได้ว่า ท่านต้องใช้ระบบประกันสังคมของกระทรวงแรงงาน เข้าสถานรักษาพยาบาลในท้องถิ่นได้ 2 แห่ง ยืนต่อแถวกับแรงงานพม่า
(ข้อนี้ จี๊ดที่สุด ท่าน เจ้าของบทความ เคยทำความเข้าใจเงิน 1.7 1.5 1.3 เหล่านี้บ้างหรือไม่ ว่าเพราะเหตุใด
จึงมีอัตราเท่าที่สูงกว่าที่ข้าราชการบรรจุใหม่ๆ ถ้าท่านเข้าใจ บทความนี้ คงไม่เกิด แทนที่ท่านจะเป็น 1 ในกระบอกเสียง อธิบายความหมายต่างๆ ให้
พนง.ม. หรือที่ผมเรียกว่า "ข้าราชการพันธุ์ใหม่" ให้เข้าใจในบทบาท ด้านหน้าที่ มากกว่าสิทธิ ด้วยวุฒิ และตำแหน่งทางวิชาการท่าน ชักนำให้คน
หยุด... และฟัง แต่ท่านกลับนำมาใช้อีกทาง ส่วนตัวผมเชื่อว่า สิทธิ ของ พนง.ม. จะค่อยๆ พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
และถ้าหากท่าน รศ.ดร. อยากให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ท่านคงต้องมือ ปฏิบัติ ในสิ่งที่สะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าจะช่วยกันทำให้มันดีขึ้น
ไม่ใช่รังแต่จะตอกย้ำ ให้มันดูแย่ลง พนง.ม. ขาดกำลังใจในการทำงาน การพัฒนาก็จะไม่เกิด ท่านต้องการสิ่งนี้ จริงๆ เหรอครับ
นี่คือคำถาม จากผม และท่าน...ควรตอบ)
ผมไม่ได้จะดูแคลนสติปัญญาของท่าน แต่อยากให้ท่าน ซึ่งเป็น 1 ในบุคลากรที่ทรงคุณภาพในสังคมการศึกษาไทย "ช่วย" กันหาทางออก ที่ชัดเจน
มากกว่าจะบั่นทอนกำลังใจ ของนักวิชาการยุคใหม่ของเราแบบนี้ครับ
- หากใครจะตำหนิผม ในความคิดผม ผมยินดี และขอรับสิ่งไม่ดีเหล่านั้น ไว้ที่ผมคนเดียวครับ