เป็นเรื่องวิบากกรรมชีวิตที่ตัวผมเพิ่งจะประสบพบเจอในชีวิต
จุดเริ่มต้นของเรื่อง ณ วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
CBR150R ของผมเกิดอาการอืดๆรอบไม่ค่อยมา หลังจากเสร็จธุระกลับถึงบ้านก็ทำการถอดทำความสะอาดกรองอากาศ
แล้วก็ประกอบกลับทำการทดสอบสตาร์ทรถดูรอบเดินเบาบิดเรียกรอบหน่อยๆดับเครื่องเข้าบ้านจบงาน (ไม่ได้ทดสอบอะไร)
เวลาออกอาการของวิบากกรรม ขณะ 07.30น ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2557 (1อาทิตยย์ต่อมา)
ขับ CBR ไปทำธุระด้วยความที่ถนนในวันอาทิตย์ยามเช้ามันโล่งก็ซัดเต็มที่ แล้วขณะซัด red-line (สะกดถูกรึเปล่าหว่า)
ไปได้ 4 เกียร์ รถเริ่มเกิดอาการตื้อๆตันๆ เปิดคันเร่งแล้วเครื่องเริ่มไม่ตอบสนอง ในขณะนั้นก็คิดวิเคราะห์
- น้ำมันไม่ลงหรือลงไม่ทัน
- อากาศไหลผ่านคาร์บูฯไม่สะดวก
- สายคันเร่งที่ยึดลูกชักในคาร์บูฯเริ่มยืดรึเกิดปัญหาทำให้ลูกชักไม่เปิด
แต่ขับๆด้วยปัญหาอยู่ดีๆบิดคันเร่งไปบิดคันเร่งมา อาการหายไปซะงั้น
วิเคราะห์แล้วน่าจะเป็นอยู่ใน 3 อาการไม่น่าเกินนี้ แต่ก็ขี่ประคองไปจนไปถึงที่หมาย จึงได้เริ่มวิเคราะห์และทดสอบอีกรอบ
- สายคันเร่งทดสอบโดยการเปิด-ปิดคันเร่ง ฟังเสียงเครื่อง ฟังเสียงลูกชักกระแทกลง ปัญหาไม่น่าใช่ที่สายคันเร่ง
- น้ำมันไม่ลง หยิบไขขวง(เครื่องมือชิ้นเดียวที่มี) ไขถ่ายน้ำมันถ้วยคาร์บูฯทิ้งเพื่อดูว่าน้ำมันลงรึไม่
สรุปน้ำมันก็มี ลงมาเพิ่มด้วยเป็นปรกติ
- อากาศเดินทางไม่สะดวกกรองอากาศตัด ก็เพิ่งทำความสะอาดไปอาทิตย์ที่แล้ว
คิดไปคิดมา คาร์บูฯตันรึเปล่า? แต่ถ้าตันจริงเดินเบาต้องมีปปัญหา หรือบิดขึ้นรอบสูงๆไม่น่ารอด แต่ก็เป็นไปได้
กรองอากาศ รึว่าไป DIY กรองอากาศจนได้เรื่อง (เริ่มโทษตัวเอง จากฝีมือ บ ร ร ลั ย การช่าง)
แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ณ เวลานั้นไม่มีเครื่องมืออะไรทั้งสิ้นทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เสร็จธุระ เดินทางกลับ ณ เวลาประมาณ 14:00น
ขณะขับกลับก็ลองซัดดูอีกรอบ รอบนี้ทดสอบเต็มต้ว ขึ้น red-lie แล้วปิด-เปิดคันเร่งต่อเนื่องโดยให้รอบค้างอยู่อย่างนั้น
อาการเริ่มกลับมาอีกแล้วเครื่องเริ่มตื้อๆไม่ค่อยตอบสนองแล้ว จนติดไปแดงก็จอดไปอาการไม่ออก เดินเบาเป็นปรกติ
จนเริ่มออกไฟแดงก็ซัดอีกรอบ อาการก็มาอีก จนถึงเลี้ยวเข้วแยก ก็ฉลอตัวเลี้ยวไป อาการใหม่มาเพิ่มอีก
รอบนี้ รอบเครื่องต่ำแล้วจะดับ ระหว่างที่เลี้ยวอยู่นั้นเครื่องเริ่มสะดุดแล้ว ถัดมาอีก 2-3 เมตร เครื่องดับไปเลย
ณ เวลานั้นคิดอย่างเดียว "ชิบ สาบสูญแล้ว" งานเข้า ก็กำครัชแล้วสตาร์ท ปรากฏว่า "ไม่ติด"
โอ้เวรของจริงแล้ว ก็กำครัชไหลอย่างนั้นไปก่อน พยายามสตาร์ทอยู่หลายที่ก็ไม่ติด
จึงเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเลย พอเข้าที่ปลอดภัยแล้ว ก็พยายามสตาร์ทอีก 2-3 ทีก็ไม่ติดจึงเปิดโช็คช่วย
ก็มีอาการดีขึ้นเหมือนจะติดแล้วก็ดับ ลองอีก 2-3 ครั้งถึงตึด (โคตรดีใจเลย ณ เวลานั้น)
ก็เบิ้ลเครื่องอยู่ซักพักดูรอบเดินเบาก็ปกติ
จึงเริ่มเดินทางต่อจนไปถึงปั๊มน้ำมันแวะปั๊มเลยครับจอดถ่ายน้ำมันถ้วยคาร์บูทิ้งเลยครับ
แก้อาการไปก่อนไม่ว่าตรงรึไม่ตรง พักทำใจดื่มโค้กซักขวด จึงขับออกจากปั๊มกลับบ้าน
ด้วยความที่อาการมันแปลกๆเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจึงยังไม่กล้าตัดสินอะไร รอทดสอบจริงๆจังๆก่อน
เอ่อ....คือที่กล่าวไปทั้งหมดข้างบนมันเหมือนแค่คำนำนะครับ วิบากกรรมของแท้คือต่อจากนี้
ณ คืนของวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลา 04:00 น (ตี 4 นั่นเอง)
เริ่มทำการทดสอบรถจริงๆจังใส่ชุดเต็มยศ หมวก เสื้อ ถุงมือ สนับเข่า พอสตาร์ทรถเท่านั้นแหละ
เฮ้ย...สตาร์ทยากกว่าจะติด เป็นบ้าไรวะเฮ้ย (เริ่มเครียดแล้ว)
ขับลองตอนแรกทดสอบในซอยก่อนก็ปกติสำหรับรอบ 3-4 พันรอบ
(ในซอยเล่นรอบมากไม่ได้ รบกวนชาวบ้านเค้า)
มันก็ยังดูอาการไม่ออก ไม่รู้จะไปบอกช่างยังไงกลัวแก้กันไม่ถูกจุด
ก็ขับออกถนนใหญ่ซัดเลยครับไม่ต้อองกลัวบ้าอะไรทั้งนั้นเอาให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย
สรุปไปได้ครึ่งทาง อาการเริ่มมาและแต่รอบนี้ไม่กลัวถนนโล่งโว้ย ชี้เป็นชี้ตายไปเลย
(มานั่งคิดตอนนี้ไม่น่าเลย กรู)
สรุปรอบตันเหมือนเดิมแต่รอบนี้เปิดคันเร่งไว้อย่างนั้นแหละ ดูสิจะเป็นยังไง
และแล้วผลลัพธ์ก็ออกมา คือ
เครื่องนิ่งไปเลยที่เครื่องยังทำงานอยู่ได้เป็นโมเมนตั้มและแรงเฉื่อยของรองรถที่ยังวิ่งไป
ถ้ากำครัชเครื่องดับไปเลยจึงปล่อยไหลแบบไม่กำครัชให้เครื่องมันพยายามสตาร์ทตัวเอง
แต่ยิ่งผ่านไปแรงเฉื่อยเริ่มน้อยลงแต่เครื่องไม่มีทีท่าว่าจะติดเลย จึงกดสตาร์ทช่วยแต่ก็ไม่หือไม่อือ
จึงต้องจอดข้างทางเหมือนเดิมถ่ายน้ำมัน น้ำมันก็มีน้ำมันก็ลง ทำไมไม่ติดว่ะ
จึงเปิดโช็คช่วย สตาร์ทอยู่นาน พอมีท่าจะติดก็ดับไปดื้อๆเลย
จนเริ่มคิด เฮ้ย ถ้ามันไม่ติดจริงๆจะทำยังไงดีวะ (ผลจากการอวดดีอยากหาอาการเริ่มส่งผล)
ต้องเข็นสิวะ แล้วกี่กิโลวะนั่นที่ขับมากว่าจะไปถึงอู่ไม่ตายก่อนเหรอวะ (เริ่มเครียดของแท้แล้ว)
บอกกับตัวเองเอาวะอย่าพึ่งยอมแพ้ลองสตาร์ทไปเรื่อง อยู่อย่างนั้นอยู่ซักพักจนเครื่องติด (ณ เวลานั้น "กรูรอดแล้ว")
แต่ที่ติดครั้งนี้เครื่องไม่ปกติอีกเลยทำท่าจะดับซะให้ได้ ต้องเลี้ยงคันเร่งช่วย (จะไปรอดฝั่งป่ะหว่า)
ประคองรถมาอย่างนั้น จนกลับรถใต้สะพานจะเลี้ยวเข้าซอยใหญ่เพื่อไปต่อเข้าซอยบ้าน
เผลอลืมตัวใช้นิสัยปกติชลอรถเบรคปิดคันเร่ง จนรอบต่ำไปจนรถดับ
(ยังมานั่งนึกอยู่ตอนนี้ ว่าถ้าตอนนั้น กำครัชแล้วเลี้ยงคันเร่งไว้ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลง)
แต่ๆๆๆๆๆๆ จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่การดับครั้งนี้แหละ เพราะไม่ว่าจะทำยังไงดันทุรังแค่ไหน
"มันก็ไม่ติดขึ้นมาอีกเลย" จนแบตใกล้จะหมด
ณ ตอนนั้นหมดสิ้นหนทาง ไร้ซึ่งความหวังว่าเครื่องมันจะฟื้นขึ้นมาคุยกับเราได้อีก
แต่ ณ ตอนนั้นมันมาดับตรงจุดที่ว่า เหมือนจะใกล้กับอู่ ย้ำว่า"เหมือน"จะใกล้
ก็เลยตัดสินใจหน้าด้านหน้าทนภายใต้หมวกกันน็อกเต็มใบ ณ เวลา ตี 4:30
"เข็น" มันไป ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาเข็นรถตัวเอง ที่คิดว่าดูแลมาดีพอประมาณ
CBR 150 R ที่น้ำหนักใน spec ระบุไว้ว่าหนัก 115 กิโลกรัม ซึ่งน่าจะเป็นน้ำหนัก รถเปล่า
บวกน้ำมันเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิง อีกประมาณ 5-8 กิโลกรัม
= ผมเข็นรถที่หนัก ประมาณ 120 กิโลกรัม
ความรู้สึกอยากจะบรรยายคือ
คนที่ไม่เคยออกกำลังกายใดๆทั้งสิ้นมาก่อน ต้องมาเข็นของหนัก 120 กิโลกรัม
" จะตายให้ได้ " เหนื่อยแทบขาดใจหอบอยู่ในหมวกกันน็อก เหงื่อท่วมตัว
แล้วทางที่ต้องผ่านมีสะพานอีก....ฆ่ากันเลยดีกว่า ฮึดออกแรงเข็นส่งขึ้นสะพาน
ตอนลงเนี่ยสบายสุดแล้วอาศัยแรงส่งไปได้อีกประมาณ 7 เมตร ก็ต้องลงมาเข็นต่อ
เข็นไปจนถึงอู่จอดทิ้งไว้หน้าอู่นั่นแหละ แล้วเดินกลับบ้านมาทั้งชุดการ์ดนั่นแหละ
ถึงบ้านปุบอาการเริ่มออกมือสั่นขาสั่นร่างกายเหมือนจะหมดแรงคลื่นไส้จะอาเจียนให้ ยืนแทบไม่ไหว จะตายให้ได้
จนได้นอนพักก็ดีขึ้น แล้วจึงมาพิมพ์ระบายในนี้
สรุปตอนนี้รู้อาการรถรึยัง คำตอบเดิมไม่รู้อะไรทั้งนั้น อาการบ้าอะไรก็ไม่รู้ให้ช่างแก้ไปเถอะ (อ้าวซะงั้น)
มันอาจจะเป็นที่หัวเทียนก็ได้ เพราะเครื่องไม่มีการจุดระเบิดเลยซักครั้ง
จากประสการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเริ่มเกิดอาการไขว่ขว้าหารถน้ำหนักเบา ที่เวลาเข็นจะได้สบายหน่อย
(แต่ถ้าเป็นไปได้ไม่เอาอีกแล้วไอ้เข็นของ ร้อยกว่าโลเนี่ยหนักโคตรๆ)
จึงเรียนมาเพื่อประการฉะนี้แล
ขอบคุณครับ
ขอแก้ไขเป็น RED-Lie เป็น Red-line
บางทีชีวิตมันก็.....(สองแดงแต่สบู่)
จุดเริ่มต้นของเรื่อง ณ วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
CBR150R ของผมเกิดอาการอืดๆรอบไม่ค่อยมา หลังจากเสร็จธุระกลับถึงบ้านก็ทำการถอดทำความสะอาดกรองอากาศ
แล้วก็ประกอบกลับทำการทดสอบสตาร์ทรถดูรอบเดินเบาบิดเรียกรอบหน่อยๆดับเครื่องเข้าบ้านจบงาน (ไม่ได้ทดสอบอะไร)
เวลาออกอาการของวิบากกรรม ขณะ 07.30น ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2557 (1อาทิตยย์ต่อมา)
ขับ CBR ไปทำธุระด้วยความที่ถนนในวันอาทิตย์ยามเช้ามันโล่งก็ซัดเต็มที่ แล้วขณะซัด red-line (สะกดถูกรึเปล่าหว่า)
ไปได้ 4 เกียร์ รถเริ่มเกิดอาการตื้อๆตันๆ เปิดคันเร่งแล้วเครื่องเริ่มไม่ตอบสนอง ในขณะนั้นก็คิดวิเคราะห์
- น้ำมันไม่ลงหรือลงไม่ทัน
- อากาศไหลผ่านคาร์บูฯไม่สะดวก
- สายคันเร่งที่ยึดลูกชักในคาร์บูฯเริ่มยืดรึเกิดปัญหาทำให้ลูกชักไม่เปิด
แต่ขับๆด้วยปัญหาอยู่ดีๆบิดคันเร่งไปบิดคันเร่งมา อาการหายไปซะงั้น
วิเคราะห์แล้วน่าจะเป็นอยู่ใน 3 อาการไม่น่าเกินนี้ แต่ก็ขี่ประคองไปจนไปถึงที่หมาย จึงได้เริ่มวิเคราะห์และทดสอบอีกรอบ
- สายคันเร่งทดสอบโดยการเปิด-ปิดคันเร่ง ฟังเสียงเครื่อง ฟังเสียงลูกชักกระแทกลง ปัญหาไม่น่าใช่ที่สายคันเร่ง
- น้ำมันไม่ลง หยิบไขขวง(เครื่องมือชิ้นเดียวที่มี) ไขถ่ายน้ำมันถ้วยคาร์บูฯทิ้งเพื่อดูว่าน้ำมันลงรึไม่
สรุปน้ำมันก็มี ลงมาเพิ่มด้วยเป็นปรกติ
- อากาศเดินทางไม่สะดวกกรองอากาศตัด ก็เพิ่งทำความสะอาดไปอาทิตย์ที่แล้ว
คิดไปคิดมา คาร์บูฯตันรึเปล่า? แต่ถ้าตันจริงเดินเบาต้องมีปปัญหา หรือบิดขึ้นรอบสูงๆไม่น่ารอด แต่ก็เป็นไปได้
กรองอากาศ รึว่าไป DIY กรองอากาศจนได้เรื่อง (เริ่มโทษตัวเอง จากฝีมือ บ ร ร ลั ย การช่าง)
แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ณ เวลานั้นไม่มีเครื่องมืออะไรทั้งสิ้นทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เสร็จธุระ เดินทางกลับ ณ เวลาประมาณ 14:00น
ขณะขับกลับก็ลองซัดดูอีกรอบ รอบนี้ทดสอบเต็มต้ว ขึ้น red-lie แล้วปิด-เปิดคันเร่งต่อเนื่องโดยให้รอบค้างอยู่อย่างนั้น
อาการเริ่มกลับมาอีกแล้วเครื่องเริ่มตื้อๆไม่ค่อยตอบสนองแล้ว จนติดไปแดงก็จอดไปอาการไม่ออก เดินเบาเป็นปรกติ
จนเริ่มออกไฟแดงก็ซัดอีกรอบ อาการก็มาอีก จนถึงเลี้ยวเข้วแยก ก็ฉลอตัวเลี้ยวไป อาการใหม่มาเพิ่มอีก
รอบนี้ รอบเครื่องต่ำแล้วจะดับ ระหว่างที่เลี้ยวอยู่นั้นเครื่องเริ่มสะดุดแล้ว ถัดมาอีก 2-3 เมตร เครื่องดับไปเลย
ณ เวลานั้นคิดอย่างเดียว "ชิบ สาบสูญแล้ว" งานเข้า ก็กำครัชแล้วสตาร์ท ปรากฏว่า "ไม่ติด"
โอ้เวรของจริงแล้ว ก็กำครัชไหลอย่างนั้นไปก่อน พยายามสตาร์ทอยู่หลายที่ก็ไม่ติด
จึงเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเลย พอเข้าที่ปลอดภัยแล้ว ก็พยายามสตาร์ทอีก 2-3 ทีก็ไม่ติดจึงเปิดโช็คช่วย
ก็มีอาการดีขึ้นเหมือนจะติดแล้วก็ดับ ลองอีก 2-3 ครั้งถึงตึด (โคตรดีใจเลย ณ เวลานั้น)
ก็เบิ้ลเครื่องอยู่ซักพักดูรอบเดินเบาก็ปกติ
จึงเริ่มเดินทางต่อจนไปถึงปั๊มน้ำมันแวะปั๊มเลยครับจอดถ่ายน้ำมันถ้วยคาร์บูทิ้งเลยครับ
แก้อาการไปก่อนไม่ว่าตรงรึไม่ตรง พักทำใจดื่มโค้กซักขวด จึงขับออกจากปั๊มกลับบ้าน
ด้วยความที่อาการมันแปลกๆเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจึงยังไม่กล้าตัดสินอะไร รอทดสอบจริงๆจังๆก่อน
เอ่อ....คือที่กล่าวไปทั้งหมดข้างบนมันเหมือนแค่คำนำนะครับ วิบากกรรมของแท้คือต่อจากนี้
ณ คืนของวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลา 04:00 น (ตี 4 นั่นเอง)
เริ่มทำการทดสอบรถจริงๆจังใส่ชุดเต็มยศ หมวก เสื้อ ถุงมือ สนับเข่า พอสตาร์ทรถเท่านั้นแหละ
เฮ้ย...สตาร์ทยากกว่าจะติด เป็นบ้าไรวะเฮ้ย (เริ่มเครียดแล้ว)
ขับลองตอนแรกทดสอบในซอยก่อนก็ปกติสำหรับรอบ 3-4 พันรอบ
(ในซอยเล่นรอบมากไม่ได้ รบกวนชาวบ้านเค้า)
มันก็ยังดูอาการไม่ออก ไม่รู้จะไปบอกช่างยังไงกลัวแก้กันไม่ถูกจุด
ก็ขับออกถนนใหญ่ซัดเลยครับไม่ต้อองกลัวบ้าอะไรทั้งนั้นเอาให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย
สรุปไปได้ครึ่งทาง อาการเริ่มมาและแต่รอบนี้ไม่กลัวถนนโล่งโว้ย ชี้เป็นชี้ตายไปเลย
(มานั่งคิดตอนนี้ไม่น่าเลย กรู)
สรุปรอบตันเหมือนเดิมแต่รอบนี้เปิดคันเร่งไว้อย่างนั้นแหละ ดูสิจะเป็นยังไง
และแล้วผลลัพธ์ก็ออกมา คือ
เครื่องนิ่งไปเลยที่เครื่องยังทำงานอยู่ได้เป็นโมเมนตั้มและแรงเฉื่อยของรองรถที่ยังวิ่งไป
ถ้ากำครัชเครื่องดับไปเลยจึงปล่อยไหลแบบไม่กำครัชให้เครื่องมันพยายามสตาร์ทตัวเอง
แต่ยิ่งผ่านไปแรงเฉื่อยเริ่มน้อยลงแต่เครื่องไม่มีทีท่าว่าจะติดเลย จึงกดสตาร์ทช่วยแต่ก็ไม่หือไม่อือ
จึงต้องจอดข้างทางเหมือนเดิมถ่ายน้ำมัน น้ำมันก็มีน้ำมันก็ลง ทำไมไม่ติดว่ะ
จึงเปิดโช็คช่วย สตาร์ทอยู่นาน พอมีท่าจะติดก็ดับไปดื้อๆเลย
จนเริ่มคิด เฮ้ย ถ้ามันไม่ติดจริงๆจะทำยังไงดีวะ (ผลจากการอวดดีอยากหาอาการเริ่มส่งผล)
ต้องเข็นสิวะ แล้วกี่กิโลวะนั่นที่ขับมากว่าจะไปถึงอู่ไม่ตายก่อนเหรอวะ (เริ่มเครียดของแท้แล้ว)
บอกกับตัวเองเอาวะอย่าพึ่งยอมแพ้ลองสตาร์ทไปเรื่อง อยู่อย่างนั้นอยู่ซักพักจนเครื่องติด (ณ เวลานั้น "กรูรอดแล้ว")
แต่ที่ติดครั้งนี้เครื่องไม่ปกติอีกเลยทำท่าจะดับซะให้ได้ ต้องเลี้ยงคันเร่งช่วย (จะไปรอดฝั่งป่ะหว่า)
ประคองรถมาอย่างนั้น จนกลับรถใต้สะพานจะเลี้ยวเข้าซอยใหญ่เพื่อไปต่อเข้าซอยบ้าน
เผลอลืมตัวใช้นิสัยปกติชลอรถเบรคปิดคันเร่ง จนรอบต่ำไปจนรถดับ
(ยังมานั่งนึกอยู่ตอนนี้ ว่าถ้าตอนนั้น กำครัชแล้วเลี้ยงคันเร่งไว้ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลง)
แต่ๆๆๆๆๆๆ จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่การดับครั้งนี้แหละ เพราะไม่ว่าจะทำยังไงดันทุรังแค่ไหน
"มันก็ไม่ติดขึ้นมาอีกเลย" จนแบตใกล้จะหมด
ณ ตอนนั้นหมดสิ้นหนทาง ไร้ซึ่งความหวังว่าเครื่องมันจะฟื้นขึ้นมาคุยกับเราได้อีก
แต่ ณ ตอนนั้นมันมาดับตรงจุดที่ว่า เหมือนจะใกล้กับอู่ ย้ำว่า"เหมือน"จะใกล้
ก็เลยตัดสินใจหน้าด้านหน้าทนภายใต้หมวกกันน็อกเต็มใบ ณ เวลา ตี 4:30
"เข็น" มันไป ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาเข็นรถตัวเอง ที่คิดว่าดูแลมาดีพอประมาณ
CBR 150 R ที่น้ำหนักใน spec ระบุไว้ว่าหนัก 115 กิโลกรัม ซึ่งน่าจะเป็นน้ำหนัก รถเปล่า
บวกน้ำมันเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิง อีกประมาณ 5-8 กิโลกรัม
= ผมเข็นรถที่หนัก ประมาณ 120 กิโลกรัม
ความรู้สึกอยากจะบรรยายคือ
คนที่ไม่เคยออกกำลังกายใดๆทั้งสิ้นมาก่อน ต้องมาเข็นของหนัก 120 กิโลกรัม
" จะตายให้ได้ " เหนื่อยแทบขาดใจหอบอยู่ในหมวกกันน็อก เหงื่อท่วมตัว
แล้วทางที่ต้องผ่านมีสะพานอีก....ฆ่ากันเลยดีกว่า ฮึดออกแรงเข็นส่งขึ้นสะพาน
ตอนลงเนี่ยสบายสุดแล้วอาศัยแรงส่งไปได้อีกประมาณ 7 เมตร ก็ต้องลงมาเข็นต่อ
เข็นไปจนถึงอู่จอดทิ้งไว้หน้าอู่นั่นแหละ แล้วเดินกลับบ้านมาทั้งชุดการ์ดนั่นแหละ
ถึงบ้านปุบอาการเริ่มออกมือสั่นขาสั่นร่างกายเหมือนจะหมดแรงคลื่นไส้จะอาเจียนให้ ยืนแทบไม่ไหว จะตายให้ได้
จนได้นอนพักก็ดีขึ้น แล้วจึงมาพิมพ์ระบายในนี้
สรุปตอนนี้รู้อาการรถรึยัง คำตอบเดิมไม่รู้อะไรทั้งนั้น อาการบ้าอะไรก็ไม่รู้ให้ช่างแก้ไปเถอะ (อ้าวซะงั้น)
มันอาจจะเป็นที่หัวเทียนก็ได้ เพราะเครื่องไม่มีการจุดระเบิดเลยซักครั้ง
จากประสการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเริ่มเกิดอาการไขว่ขว้าหารถน้ำหนักเบา ที่เวลาเข็นจะได้สบายหน่อย
(แต่ถ้าเป็นไปได้ไม่เอาอีกแล้วไอ้เข็นของ ร้อยกว่าโลเนี่ยหนักโคตรๆ)
จึงเรียนมาเพื่อประการฉะนี้แล
ขอบคุณครับ
ขอแก้ไขเป็น RED-Lie เป็น Red-line