สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
เอาเป็นว่า คนที่มีรถ กับไม่มีรถ จะมีประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกันครับ
ตอนผมเข้า กทม. ใหม่ๆ ไม่ได้เอารถมาใช้(ไม่กล้าขับรถใน กทม. 555+) ชีวิตก็สบายดี นั่งรถเมลล์ ต่อพี่วิน เข้าบริษัท ไปไหนก็รถเมลล์ รถไฟฟ้า TAXI ไปได้หมด ไม่มีปัญหาอันได ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร กินข้าวราดแกงไป อย่างมากก็ไปกินตามห้าง
พออยู่นานเข้า เริ่มรับงานนอก ต้องไป site ลูกค้า เรื่มออกนอกเส้นทางรถเมลล์ จะไป TAXI ก็ไปได้ แต่กลับไม่ได้ เพราะมันจะไม่มี TAXI ออกมา เลยจำเป็นต้องเอารถมาใช้
พอเอารถมาใช้ ชีวิตก็เปลี่ยน มีสาวๆขอติดรถกลับบ้าน รับสาวคนโน้น พาไปกินร้านโน้น ร้านนี้ สาวๆรุมล้อมขอให้พาไป เพราะร้านอาหารดีๆ มันไม่ค่อยอยู่เส้นทางรถเมลล์ซักเท่าไร อย่างร้านเส้นเลียบด่วน เอกมัย รามอินทราเนี่ย ใครไม่มีรถส่วนตัว ไปยากจริงๆ มี TAXI ไป แต่อาจไม่มี TAXI กลับได้ เพราะมักไม่ว่างตลอด โดยเฉพาะตอนฝนตก
วันหยุด สาวๆก็ชวนไปทะเล ไปเขาใหญ่ ไปโน่นไปนี่ ช่วยกันหารค่าน้ำมัน จะจีบใคร ก็อาสาไปรับ ไปส่ง มีโอกาสใกล้ชิดระหว่างอยู่ในรถ คุยกันกระหนุงกระหนิงระหว่างรถติด
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอทางที่ 3 คือ มีรถ แล้วใช้รถหาเงินมาเก็บให้ได้ครับ คือ จะซื้อรถแล้วไม่เหลือเงิน ก็ไม่ไหว แต่จะไม่ซื้อ ก็อยู่แบบเดิมๆ เสียโอกาสต่างๆไปไม่น้อย สู้ฮึด เก็บเงินโดยการเป็นหนี้ ครบ 5 ปี ก็มีทรัพย์สิน กลับมามีเงินเหมือนเดิม ดีกว่าทำงานไปวันๆแล้วมีเงินเก็บ(มั้ง.. เห็นเงินเหลือ ก็เอาไปซื้อมือถือ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา กินบัฟเฟ่ ลงขวด หมดอยู่ดี 555+) แล้วผ่านไป 5ปี ไม่มีทั้งรถ และเงินเก็บ T T
ชีวิตคนเรามันสั้น ช่วงวัยรุ่น ช่วงวัยทำงาน ลั้นลาปาร์ตี้ ที่มีสีสันชีวิต มันมีแค่ช่วงเดียวครับ ถ้าเลยช่วงนี้ไปแล้ว มีรถก็ไม่ค่อยได้เที่ยวแล้ว
ถ้าคุณเลยช่วงสุดหรรษาช่วงนี้ไป พอแก่แล้ว มีเงินเก็บเป็น 10 ล้าน แต่คุณไม่มีแรงเที่ยว คุณจะมาเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วของชีวิตคุณครับ
ดังนั้น ถ้ามีศักยาภาพพอจะหาได้ ไม่เดือดร้อน รถมือ2 มือ 3 ราคาถูกๆมี ก็น่าจะมีไว้ให้รางวัลชีวิต ไปนั่งชายหาดชิวๆครับ
แต่ถ้าหารายได้ได้ค่อนข้างจำกัด มีรายจ่ายอื่นที่จำเป็นกว่า ก็ไม่ควรซื้อรถครับ รถมันปัจจัยที่ 6 ไม่ต้องรีบ
ชีวิตเรา เราต้องใช้บ้างครับ เราต้องเป็นเจ้าของเงิน ไม่ใช่ให้เงินมาเป็นนายเรา มัวแต่หาเงินสะสมเยอะๆ ไม่พักผ่อน ไม่ใช้ชีวิตบ้าง ระวังถ้าอนาคต เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่ได้ใช้เงินที่อุตส่าทนลำบากเก็บมา คุณจะเสียใจกับโอกาสที่เสียไปครับ
ปล. ไม่ได้บอกให้คนที่ไม่พร้อม ซื้อรถนะครับ ผมแค่บอกว่า การมีรถ มันได้โอกาสอะไรเพิ่มบ้าง ก็เท่านั้นเอง
ตอนผมเข้า กทม. ใหม่ๆ ไม่ได้เอารถมาใช้(ไม่กล้าขับรถใน กทม. 555+) ชีวิตก็สบายดี นั่งรถเมลล์ ต่อพี่วิน เข้าบริษัท ไปไหนก็รถเมลล์ รถไฟฟ้า TAXI ไปได้หมด ไม่มีปัญหาอันได ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร กินข้าวราดแกงไป อย่างมากก็ไปกินตามห้าง
พออยู่นานเข้า เริ่มรับงานนอก ต้องไป site ลูกค้า เรื่มออกนอกเส้นทางรถเมลล์ จะไป TAXI ก็ไปได้ แต่กลับไม่ได้ เพราะมันจะไม่มี TAXI ออกมา เลยจำเป็นต้องเอารถมาใช้
พอเอารถมาใช้ ชีวิตก็เปลี่ยน มีสาวๆขอติดรถกลับบ้าน รับสาวคนโน้น พาไปกินร้านโน้น ร้านนี้ สาวๆรุมล้อมขอให้พาไป เพราะร้านอาหารดีๆ มันไม่ค่อยอยู่เส้นทางรถเมลล์ซักเท่าไร อย่างร้านเส้นเลียบด่วน เอกมัย รามอินทราเนี่ย ใครไม่มีรถส่วนตัว ไปยากจริงๆ มี TAXI ไป แต่อาจไม่มี TAXI กลับได้ เพราะมักไม่ว่างตลอด โดยเฉพาะตอนฝนตก
วันหยุด สาวๆก็ชวนไปทะเล ไปเขาใหญ่ ไปโน่นไปนี่ ช่วยกันหารค่าน้ำมัน จะจีบใคร ก็อาสาไปรับ ไปส่ง มีโอกาสใกล้ชิดระหว่างอยู่ในรถ คุยกันกระหนุงกระหนิงระหว่างรถติด
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอทางที่ 3 คือ มีรถ แล้วใช้รถหาเงินมาเก็บให้ได้ครับ คือ จะซื้อรถแล้วไม่เหลือเงิน ก็ไม่ไหว แต่จะไม่ซื้อ ก็อยู่แบบเดิมๆ เสียโอกาสต่างๆไปไม่น้อย สู้ฮึด เก็บเงินโดยการเป็นหนี้ ครบ 5 ปี ก็มีทรัพย์สิน กลับมามีเงินเหมือนเดิม ดีกว่าทำงานไปวันๆแล้วมีเงินเก็บ(มั้ง.. เห็นเงินเหลือ ก็เอาไปซื้อมือถือ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา กินบัฟเฟ่ ลงขวด หมดอยู่ดี 555+) แล้วผ่านไป 5ปี ไม่มีทั้งรถ และเงินเก็บ T T
ชีวิตคนเรามันสั้น ช่วงวัยรุ่น ช่วงวัยทำงาน ลั้นลาปาร์ตี้ ที่มีสีสันชีวิต มันมีแค่ช่วงเดียวครับ ถ้าเลยช่วงนี้ไปแล้ว มีรถก็ไม่ค่อยได้เที่ยวแล้ว
ถ้าคุณเลยช่วงสุดหรรษาช่วงนี้ไป พอแก่แล้ว มีเงินเก็บเป็น 10 ล้าน แต่คุณไม่มีแรงเที่ยว คุณจะมาเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วของชีวิตคุณครับ
ดังนั้น ถ้ามีศักยาภาพพอจะหาได้ ไม่เดือดร้อน รถมือ2 มือ 3 ราคาถูกๆมี ก็น่าจะมีไว้ให้รางวัลชีวิต ไปนั่งชายหาดชิวๆครับ
แต่ถ้าหารายได้ได้ค่อนข้างจำกัด มีรายจ่ายอื่นที่จำเป็นกว่า ก็ไม่ควรซื้อรถครับ รถมันปัจจัยที่ 6 ไม่ต้องรีบ
ชีวิตเรา เราต้องใช้บ้างครับ เราต้องเป็นเจ้าของเงิน ไม่ใช่ให้เงินมาเป็นนายเรา มัวแต่หาเงินสะสมเยอะๆ ไม่พักผ่อน ไม่ใช้ชีวิตบ้าง ระวังถ้าอนาคต เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่ได้ใช้เงินที่อุตส่าทนลำบากเก็บมา คุณจะเสียใจกับโอกาสที่เสียไปครับ
ปล. ไม่ได้บอกให้คนที่ไม่พร้อม ซื้อรถนะครับ ผมแค่บอกว่า การมีรถ มันได้โอกาสอะไรเพิ่มบ้าง ก็เท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
ถ้าคุณมีรถ แต่ไม่มีเงินเก็บ กับ ไม่มีรถแต่มีเงินเก็บ คุณเลือกแบบไหน
ขอไม่มีรถ แต่มีเงินเก็บ เพราะไม่ชอบเป็นหนี้ และเรามีเงินเก็บด้วย
แล้วสำหรับคุณล่ะครับ เลือกแบบไหน...
ปล. ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ เพราะความจำเป็นเราอาจต่างกัน สามารถแสดงความเห็นได้ครับ
ไม่มีถูก-ผิด ขอรับฟังทุก comment นะครับ , บางคนจำเป็นต้องมีจริงๆก็ไม่ได้ว่าไรนะครับ.