ไม่น่าเชื่อกระทรวงศึกษา ช่างมีวิสัยทัศน์คับแคบ

กระทู้สนทนา
ก.ศึกษาฯ ขานรับคสช. ปรับ 'การบ้านเด็ก' ให้น้อยลง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    24 สิงหาคม 2557 08:32 น.          


       ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานั้น ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ตนจะเข้าหารือในที่ประชุมองค์กรหลักของ ศธ. เพื่อเร่งหาทางแก้ปัญหาให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
      
       ส่วนเรื่องการเรียนพิเศษและกวดวิชา] ศธ.ไม่ได้เพิกเฉยและได้พยายามหาทางแก้ปัญหามาโดยตลอด แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่แก้ได้ยากเพราะไม่สามารถที่จะไปปิดโรงเรียนกวดวิชาได้ เนื่องจากตั้งขึ้นถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งที่ต้องทำคือปรับระบบการเรียนการสอนที่ทำให้เด็กไม่ต้องไปเรียนกวดวิชาและปรับระบบการเข้าศึกษาต่อ ซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)
      
       ด้านดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.ได้เร่งดำเนินการ อาทิ การปรับปรุงหลักสูตรโดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเริ่มในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษานี้
      
       ส่วนเรื่องการรับจ้างทำการบ้านและการกวดวิชา ดร.กมล กล่าวว่าในสัปดาห์หน้า สพฐ.จะออกแนวปฏิบัติเรื่องการให้การบ้าน โดยต่อไปการให้การบ้านของครูในทุกโรงเรียนจะต้องเป็นแบบบูรณการ โดยต้องมีการประชุมร่วมกันก่อนจะให้การบ้านนักเรียน และต้องกำหนดด้วยว่านักเรียนต้องใช้เวลาในการทำการบ้านมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเห็นว่าไม่ควรจะเกิน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนทำการบ้านน้อยลง
      
       นอกจากนี้จะให้โรงเรียนช่วยสอนเสริมให้กับเด็กโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย แบ่งเป็นกลุ่มเด็กที่เรียนอ่อนกับเด็กเก่งที่ต้องการจะพัฒนาศักยภาพ เพื่อลดการไปเสียเงินกวดวิชาของเด็ก โดยให้ทางโรงเรียนเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้กับครู แต่ทั้งนี้ครูจะต้องสอนในห้องให้เต็มที่



==========================

ผู้ใหญ่กระทรวงศึกษา คุณรู้ไหมว่า บริษัทยักษ์ใหญ่เขารู้จักการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการ นำองค์ความรู้ไปกระจายทั่วโลก
ลองดูอันนี้ ไมโครซอฟต์ทำรายการทีวี สอนละเอียดฟรีด้วย
เข้าถึงคนทั้งโลกอย่างมีประสิทธิภาพ

http://www.microsoftvirtualacademy.com/

เขาลงทุนไม่มากแต่เข้าถึงคนทั้งโลก
วิชาการต่างๆที่เรียนตามโรงเรียน ถ้าโชคร้ายได้ครูไม่เก่ง เด็กก้ไม่เก่ง
สมัยก่อน คนเอ็นทราซ์ไม่ติดก็ไปเรียนครู มันแปลว่าอะไร

เด็กไทยในต่างจังหวัดที่พอเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เขาก็สามารถรวมตัวกัน
มาเรียนทางไกลได้ ถ้า กระทรวงศึกษา ฉลาดในการสร้าง content กลาง

การมีโรงเรียนกวดวิชามันก็กระจุกตัวอยู่แค่ในกทม กับจังหวัดใหญ่ๆ
กระทรวงใช้งบประมาณไม่มาก หาคนดีคนเก่ง สร้างโรงเรียนกวดวิชา   virtualacademy
เด็กไทยก็เรียนที่บ้านได้ ตอนหัวค่ำหลังทำการบ้านเสร็จ
แค่บอกว่า เนื้อหาดีๆ ที่กระทรวงสร้างขึ้น
มีข้อสอบอยู่มากกว่า 70 % เด็กไทยทั้งประเทศก้ไม่ต้องไปเรียนกวดวิชาตามแฟชั่นเลย
ส่วนอีก 30 % ก็เป็นเทคนิคที่โรงเรียนแต่ละแห่งสร้างความแตกต่าง ในการปฏิบัติ
เช่น แล๊บวิทยาศาสตร์ที่ต้องลงมือทดลองเอง
วิชาประเภทอ่านแล้วท่องจำ ก็ลดเวลาเรียนในห้องเรียนลง
ให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ครูในวิชาสังคมไม่ใช่ทำหน้าที่อ่านตำราหรืออธิบายเลย
อะไรที่ครูต้องทำซ้ำๆกันทั้งประเทศ สิ่งทีเด็กเรียนรู้ผ่านสื่อได้ ก้เอามารวมกัน
ปรับบทบาทของครูไปเป็นพี่เลี้ยง ฝึกนิสัย ปรับพฤติกรรม
ตำราที่แจกให้เรียนทั่วประเทศไม่เพียงพอทำให้เด็กฉลาดได้เลย

ไม่ใช่ไปปรับเนื้อหาให้น้อยลง เด็กจะได้ไม่ต้องไปเรียนกวดวิชา
อย่าไปทำข้อสอบให้มันง่ายขึ้น หรืออย่าไปให้อำนาจครูในโรงเรียน
ไปๆมาๆ ต้องเอาคะแนนโรงเรียนด้วย
อยากสอบติดก็ต้องไปเรียนกวดวิชา
เด็กก็ยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม

วันเสาร์อาทิตย์ ก้เอาเวลาไปสร้างกิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ๆ
ไม่ใช่เอาเวลาเจ็ดวันไปเรียนหนังสือ ไปเรียนกวดวิชา
อย่าอ้างโง่ๆว่า ไปห้ามคนเปิดโรงเรียนกวดวิชา ทำไม่ได้
พวกคุณก็สร้างโรงเรียนกวดวิชาดีๆเองได้ถ้าคุณจะทำ
แต่ทำในรูปของ บริการสาธารณะให้เด็กๆไทยเข้าถึงองค์ความรู้
งบประมาณเป็นแสนล้านต่อปี
แต่ไม่มีปัญญาสร้างคอนเทนท์ดีๆ

พวกที่เรียนกวดวิชา เป็นเด็กที่พ่อแม่พร้อมจะจ่าย
แต่เด็กที่กระจายตามต่างจังหวัดจะทำอย่างไร


นอกจากผลิตเด็กให้มีความรู้แล้ว ควรจะปลูกฝังศีลธรรมลงไปด้วย
การเรียนศาสนาหรือศีลธรรมไม่ใช่เรื่องของการท่องจำประวัติศาสตร์
แต่ควรขัดเกลานิสัย จริยธรรม จะมีศาสนาหรือไม่มีศาสนา
ก็ควรต้องมี


ในเด็กประถม จะต้องถูกฝึกให้เด็ก เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ครูทำหน้าที่เป้นพี่เลี้ยงฝึกนิสัย
แต่มัธยมเด็กมีความสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองแล้ว ครูก็คือทำหน้าที่ตรวจสอบว่าเด็กแต่ละคน
เรียนรู้ได้ตามจุดประสงค์มั๊ย วิชาท่องจำที่มันซ้ำกัยทั้งประเทศ ก็ให้เทคโนโลยีมาช่วย
ครูก็สอนสิ่งที่เป็นประสบการณ์จริง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่