หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] +++เฉดศรีรีวิว+++ฤดูฝนมาพาไปเที่ยวก่อนจะเป็นนาขั้นบันไดที่...บ้านป่าบงเปียง....
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ เข้าหน้าฝนแล้ว มองไปทางไหนก็จะเห็นสีเขียว ๆเต็ม ไปหมด
เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมามีเวลาว่างได้ไปนอนที่บ้านป่าบงเปียงมาค่ะ
หมู่บ้านเล็ก ๆ เล็กจริง ๆ มีแค่ 7-8 หลังคาเรือน ของชาวกะเหรี่ยง เผ่าปะกากะญอ
ช่วงที่ไปยังเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูทำนา เพิ่งจะเริ่มดำนาไม่กี่แปลง จึงมีเห็นแค่ดินขึ้นบันได
สิ่งนั่นไม่สำคัญ ที่มาเพราะความอยากของตัวเองล้วน ๆ จังหวะมีเพื่อนร่วมทริปว่างตรงกันก็เลยไม่ยาก
เมื่อพี่อยากไปน้องกะทิ ( Ka-Ti ) ก็บอกเลยบอกว่า ไปก็ไปเจ๊ เลท สะ โก้ๆๆ
สองคนเราตัดสินใจที่จะไปก็ติดต่อที่พักไว้เรียบร้อย เพราะมีแค่หลังเดียว แล้วก็ต้องเดินทางด้วยรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้นรถสองแถวที่ประตูเชียงใหม่ สองแถวสีเหลืองอ๋อย จอมทอง-เชียงใหม่สภาพรถใหม่กิ๊กเลย
ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ๆ แดดอย่างแรง ฝนไม่มี นั่งไปหลับไป ลมตีหน้าไป นานแล้วนะที่ไม่ได้บรรยากาศแบบนี้ ทุกครั้งที่มาเชียงใหม่มาด้วยรถส่วนตัวตลอด ๆๆๆ
ถึงตัวเมืองจอมทองแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ คิวรถ จอมทอง-แม่แจ่ม ค่ารถคนละ 70 บาท
มี 4 เที่ยวต่อวัน ไปขึ้นรถกันเลยค่ะ พวกเราขึ้นรถเที่ยว 11:30 ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ชาวเขา
อู้คำเมืองกันไปตลอดทางไพเพราะขนาดเจ้า (ขอยืมรูปของ กะทิ มาใช้)
“ ถึงแน่แม่แจ่ม “ ท่านผู้โดยสารอย่าได้เป็นกังวลไป ยังไง ๆ ก็ต้องถึงแน่ ๆ ฮ่า ๆๆ
แนะนำเพื่อน ๆ ให้เตรียมยาหอม ยาอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง ใส่ติดกระเป๋าไปด้วยนะคะ เพราะว่า เรามิอาจทราบได้ว่า
คนขับจะสปี๊ดโค้งซ้าย โค้งขวา เร็วแค่ใหน พกไปก่อนใช้ไม่ใช่ค่อยว่ากัน และอีกสิ่งหนึ่งคือเสื้อกันฝนค่ะ 20 บาท
ใช้ได้ตลอดงาน คุ้มค่ะคุ้ม พูดเลย
เห็นมั๊ยฝนตกมาแล้ววววว
ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมงจากจอมทอง น้องมาเชนัดเราไว้ว่า ต้องมาลงรถที่ทางแยกหน่วยพิทักษ์ฯ แม่แจ่ม อยู่ก่อนถึงตัวแม่แจ่มหลายกิโลเหมือนกัน
ลงรถปุ๊บน้องก็พาเราขึ้น 4WD เข้าหมู่บ้าน หัวโขกไปโขกมา ทางที่แสนจะเละและโหด ช่วยย่อยอาหารที่กินมาหมดแล้ว ถ้าคนขับรถไม่ชำนาญทางก็ไม่น่าไว้ใจ มองไปข้างล่างคือหุบเขา ไม่มีรูปเพราะลำพังจะตั้งตัวเองให้ตรงก็แย่ระ ฮ่า ๆ ๆ
เมื่อไปถึงบ้านพัก สายตาที่มองไปข้างหน้าคือ ทิวเขาซ้อนกันสีเขียว ๆ ก้อนเมฆ แนวฝน คันนา ทุ่งหญ้า เสียงลำธารที่มาจากน้ำตก
สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถมาเห็นได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นจงเต็มที่สิ่งที่เห็น
เพิ่งจะเป็นช่วงเริ่มฤดูทำนา จึงมีต้นข้าวในนาแค่ไม่กี่แปลง แต่แคร์ซะที่ใหนถึงจะไม่ใช่ทุ่งนาสีเขียว เป็นแค่ดินขั้นบันไดเราก็โอนะ
สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด เพราะที่นี่คือธรรมชาติที่โต๊ะทำงานไม่มี
นั่งอยู่อย่างนี้เป็นชั่วโมงๆ ไม่มีเบื่อ บรรยากาศเดี๋ยวฝน เดี๋ยวแดด มุมเดิม ๆ แต่เปลี่ยนไปตามสายลม ปรอยฝน แสงแดด ก้อนเมฆเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอดเวลา
ถอดรองเท้าเดินลงไปเรื่อย ๆ ตามทิวเขาที่เป็นคันนาเรื่อย ๆ แบบว่าชิลมาก ขอบอก
พี่คนนี้กำลังเตรียมเพื่อที่จะพร้อมรับมือกับการดำนา
ส่วนคนนี้เริ่มไถแล้ว ใช้รถไถคันเล็กนิดเดียว แต่เราก็ยังสงสัยว่า เค้าเอารถลงไปได้ยังงัยหว่า นาขั้นบันได้แบบนี้
นี่เลยคุณยายคนนี้ท่าทางสูบยาสบายใจ อยู่แผนกมัดต้นกล้าให้เป็นกำ ๆ แล้วก็ตัดให้เรียบร้อยเ
ต้นกล้าที่มัดเป็นกำ ๆ ก็จะตัดปลายทิ้ง แล้วก็ใส่กระสอบเพื่อรอให้แผนกดำนาต่อไป
ส่วนแผนกนี้เป็นไฮไลท์ของงานเชียวแหระ และมีคนเยอะที่สุด ก็คือแผนกดำนามีทั้งสาวและผู้สูงวัยแต่สังเกตุว่าจะมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย
แปลงนึงใช้เวลาแป๊บเดียว เสร็จจากแปลงนี้แล้วก็จะโยนต้นกล้าลงไปที่แปลงข้างล่างแล้วตัวเองก็เดินตามลงไปเรื่อย ๆ ตามคันนา
ต้นกล้าที่ดำลงไปนั้นจะต้องจับให้ได้ประมาณ 4-5 ต้น เวลาโตขึ้นมาจะได้อยู่ในกอเดียวกัน ตอนแรกเข้าใจว่าปักไปแค่ต้นกล้าแค่ต้นเดียว แต่รูปถ่ายออกมาแล้วทำไมเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ที่ยังไม่ได้ต้มยังงัยก็ไม่รู้
ส่วนสองหนุ่มนี้ ขอยืนพักแป๊บนึง
ส่วนคนนี้ขอลองกะเค้ามั่ง แค่ต้นกล้ากำเดียวกว่าจะเสร็จก็แทบจะเงยหน้าไม่ได้ แบบว่ามันเมื่อยมากกกกกกก
เราแพลนกันไว้ว่านอนที่บ้านป่าบกเปียงคืนนึง แล้วอีกคืนเราจะลงไปนอนที่แม่แจ่ม
น้องมาเซ คนเดิมก็พาเราไปส่งที่แม่แจ่ม ใจดีแวะข้างทางให้เราตลอดอยากให้เราเก็บความทรงจำที่นี่ไว้แบบไม่มีวันลืม
สบายใจสบายตาจริง ๆ มองจากมุมนอกหมู่บ้าน
ที่
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะที่ติดตามอ่านจนจบ
ฝากถึงเพื่อน ๆ ที่จะไปในช่วงเวลาที่ทุ่งนาเป็นสีเขียวหรือสีทอง ขอให้เดินไปตามทางที่เค้าจัดไว้ให้เดิน อย่าเดินไปตามใจชอบ
เพราะบอกให้ได้เลยว่า...คนที่นี่ไม่กล้าที่เอ่ยปากตำหนิท่องเที่ยว เค้าบอกว่าคนที่มาถึงที่นี่ได้นั้น แสดงว่ามีความตั้งใจจริงที่อยากจะมา.....
อย่าลืมนะคะ....เราคือแขกผู้ไปเยือน เราต้องให้เกียรติเจ้าของบ้าน และเกรงใจที่เราจะเข้าไปขอรับบรรยากาศแบบธรรมชาติที่เค้ามีอยู่
ช่วงเวลาที่ข้าวออกรวง มีหลายคนที่อยากเดินทางไปถ่ายรูป เแต่ขอให้ระวังเรื่องข้าวจะหล่นและเสียหาย เพราะกว่าจะได้มานั้น..มันไเม่ง่ายเลย...
ชื่อสินค้า:
บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
บ้านป่าบงเปียงฤดูไถ หว่าน ดำ
ผมไปบ้านป่าบงเปียงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรก ไปเมื่อปลายเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ข้าวต้นสูง ออกรวง บางแปลงเริ่มสุก ทำให้ต้นข้าวโน้มลงมาปิดคันนา เดินลำบาก ไม่เห็นเส้นคันนา ปีนี้จึงตั้งใจว่าจะไปใ
เสือย่อง
เที่ยวป่าหน้าฝนที่นาขั้นบันไดป่าบงเปียง
เอารูปนาขั้นบันไดที่ป่าบงเปียงมาฝากกันครับ พอดีไปทำธุระแถวๆเชียงใหม่เลยแวะไปเที่ยวด้วยเลย สถานที่ก็ที่อำเภอแม่แจ่ม เชียงใหม่ การเดินทางค่อนข้างลำบากนิดหน่อยเพราะต้องขับรถขึ้นเขา มีฝนตกและฝ่าหมอกตลอด
Tornrapee
ลุยเดี่ยวเที่ยวแม่แจ่ม นาขั้นบันไดป่าบงเปียง ด้วยงบไม่เกิน 2500 บาท
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เมื่อวันหยุดยาวช่วงวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาพอรู้ว่าจะได้หยุด (ล่วงหน้าไม่นาน) ก็รีบหาที่เที่ยว และหาคนเที่ยวด้วยอย่างเร่งด่วน แต่เค้าว่ากันว่า "หาเวลาว่ายากแล้ว หาคน
สมาชิกหมายเลข 3317631
นาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง
บ้านป่าบงเปียง นาขั้นบันไดที่สวยที่สุดที่หนึ่ง ไม่ต้องไปไกลถึงซาปาหรือบาหลี แต่ก่อนจะไปก็ต้องทำใจนิดนึงว่าบนนั้นไม่มีไฟฟ้า รถธรรมดาเข้าไม่ถึง ต้องเดินตามคันนากว่าจะถึงบ้านพักอีก แต่พอได้ไปถึงนี่รู้เลย
Mr.Gateway
3500 ที่ซาปา เมืองไทย ใครไปก็ต้องฟิน (บ้านป่าบงเปียง)
ซาปา ไทยแลนด์ (ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน งบ 3500 เหลือๆ) facebook fanpage : https://goo.gl/Fumgyi ไม่ต้องไปถึงซาปาที่เวียดนาม ก็สามารถเสพความสวยงาม ของนาขั้นบันไดได้ที่นี่ บ้านป่าบงเป
ยิ้มแฉ่งแดนสยาม
ความทรงจำฤดูหนาวเมืองไทย 2014 - 2015 ของนายชิลดี
แปป ๆ ฤดูหนาวในเมืองไทยก็ผ่านไปอีกปี ถึงแม้ปีนี้อากาศจะแปรปรวน ไม่ค่อยหนาวเหมือนทุก ๆ ปี แถมยังมีฝนมีพายุมาคอยสร้างความกังวลใจต่อการเดินทางท่องเที่ยวของทุกคน ทำให้หลาย ๆ การเดินทางในปีนี้เราต้องพกดวงก
นายชิลดี
อยากหาที่พักติดนาขั้นบันไดคล้ายๆ บ้านป่าบงเปียง ที่เชียงใหม่
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ตอนนี้อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ หาที่นอนติดทุ่งนา แต่ไปบ้านป่าบงเปียงหลายรอบละ อยากลองไปที่อื่นๆบ้าง ไม่ทราบว่ามีใครมีที่ไหนแนำนำรึป่าวครับ หนึ่งในสาเหตุที่อยากลองที่อื่นด้วยคือการเด
artsarn
<เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า> เที่ยวหน้าฝน " ดอยอินทนนท์ ป่าบงเปียง แม่แจ่ม "
ต่อจากกระทู้ บ้านแม่กำปอง http://pantip.com/topic/35550010 เดินทางออกจากบ้านแม่กำปอง มุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่ไปรับผู้ร่วมทริปที่มาเพิ่มอีก 1 ที่สนามบินเพื่อเดินทางไปนาขั้นบันไดป่าบงเปียง ออกจากสนา
เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า
โปรดเรียกฉันว่า " บ้านป่าบงเปียง " นาขั้นบันได ไม่ต้องไปไกลถึงเวียดนาม
.. " ชื่อป่าบงเปียง แล้วไหนป่าวะ เห็นมีแต่ข้าว " .. " เฮ้ย แต่บรรยากาศดีอ่ะ มีนาขั้นบันไดเหมือนที่เวียดนามเลย " .. " เคยไปหรอเวียดนาม แล้วรู้ได้ไงว่าเหมือน " .. " ไม
สมาชิกหมายเลข 1376141
บ้านป่าบงเปียง กับทุ่งนาขั้นบันไดสุดอลังการ ในวันที่ฟ้าเป็นใจ
.....................................บันทึกการเดินทาง บ้านป่าบงเปียง.............................................. สวัสดีครับชาวพันทิปทุกๆท่าน สำหรับช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ อากาศกำลังเริ่มเข้าสู่ช่
สมาชิกหมายเลข 2708080
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] +++เฉดศรีรีวิว+++ฤดูฝนมาพาไปเที่ยวก่อนจะเป็นนาขั้นบันไดที่...บ้านป่าบงเปียง....
เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมามีเวลาว่างได้ไปนอนที่บ้านป่าบงเปียงมาค่ะ
หมู่บ้านเล็ก ๆ เล็กจริง ๆ มีแค่ 7-8 หลังคาเรือน ของชาวกะเหรี่ยง เผ่าปะกากะญอ
ช่วงที่ไปยังเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูทำนา เพิ่งจะเริ่มดำนาไม่กี่แปลง จึงมีเห็นแค่ดินขึ้นบันได
สิ่งนั่นไม่สำคัญ ที่มาเพราะความอยากของตัวเองล้วน ๆ จังหวะมีเพื่อนร่วมทริปว่างตรงกันก็เลยไม่ยาก
เมื่อพี่อยากไปน้องกะทิ ( Ka-Ti ) ก็บอกเลยบอกว่า ไปก็ไปเจ๊ เลท สะ โก้ๆๆ
สองคนเราตัดสินใจที่จะไปก็ติดต่อที่พักไว้เรียบร้อย เพราะมีแค่หลังเดียว แล้วก็ต้องเดินทางด้วยรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้นรถสองแถวที่ประตูเชียงใหม่ สองแถวสีเหลืองอ๋อย จอมทอง-เชียงใหม่สภาพรถใหม่กิ๊กเลย
ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ๆ แดดอย่างแรง ฝนไม่มี นั่งไปหลับไป ลมตีหน้าไป นานแล้วนะที่ไม่ได้บรรยากาศแบบนี้ ทุกครั้งที่มาเชียงใหม่มาด้วยรถส่วนตัวตลอด ๆๆๆ
ถึงตัวเมืองจอมทองแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ คิวรถ จอมทอง-แม่แจ่ม ค่ารถคนละ 70 บาท
มี 4 เที่ยวต่อวัน ไปขึ้นรถกันเลยค่ะ พวกเราขึ้นรถเที่ยว 11:30 ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ชาวเขา
อู้คำเมืองกันไปตลอดทางไพเพราะขนาดเจ้า (ขอยืมรูปของ กะทิ มาใช้)
“ ถึงแน่แม่แจ่ม “ ท่านผู้โดยสารอย่าได้เป็นกังวลไป ยังไง ๆ ก็ต้องถึงแน่ ๆ ฮ่า ๆๆ
แนะนำเพื่อน ๆ ให้เตรียมยาหอม ยาอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง ใส่ติดกระเป๋าไปด้วยนะคะ เพราะว่า เรามิอาจทราบได้ว่า
คนขับจะสปี๊ดโค้งซ้าย โค้งขวา เร็วแค่ใหน พกไปก่อนใช้ไม่ใช่ค่อยว่ากัน และอีกสิ่งหนึ่งคือเสื้อกันฝนค่ะ 20 บาท
ใช้ได้ตลอดงาน คุ้มค่ะคุ้ม พูดเลย
เห็นมั๊ยฝนตกมาแล้ววววว
ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมงจากจอมทอง น้องมาเชนัดเราไว้ว่า ต้องมาลงรถที่ทางแยกหน่วยพิทักษ์ฯ แม่แจ่ม อยู่ก่อนถึงตัวแม่แจ่มหลายกิโลเหมือนกัน
ลงรถปุ๊บน้องก็พาเราขึ้น 4WD เข้าหมู่บ้าน หัวโขกไปโขกมา ทางที่แสนจะเละและโหด ช่วยย่อยอาหารที่กินมาหมดแล้ว ถ้าคนขับรถไม่ชำนาญทางก็ไม่น่าไว้ใจ มองไปข้างล่างคือหุบเขา ไม่มีรูปเพราะลำพังจะตั้งตัวเองให้ตรงก็แย่ระ ฮ่า ๆ ๆ
เมื่อไปถึงบ้านพัก สายตาที่มองไปข้างหน้าคือ ทิวเขาซ้อนกันสีเขียว ๆ ก้อนเมฆ แนวฝน คันนา ทุ่งหญ้า เสียงลำธารที่มาจากน้ำตก
สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถมาเห็นได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นจงเต็มที่สิ่งที่เห็น
เพิ่งจะเป็นช่วงเริ่มฤดูทำนา จึงมีต้นข้าวในนาแค่ไม่กี่แปลง แต่แคร์ซะที่ใหนถึงจะไม่ใช่ทุ่งนาสีเขียว เป็นแค่ดินขั้นบันไดเราก็โอนะ
สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด เพราะที่นี่คือธรรมชาติที่โต๊ะทำงานไม่มี
นั่งอยู่อย่างนี้เป็นชั่วโมงๆ ไม่มีเบื่อ บรรยากาศเดี๋ยวฝน เดี๋ยวแดด มุมเดิม ๆ แต่เปลี่ยนไปตามสายลม ปรอยฝน แสงแดด ก้อนเมฆเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอดเวลา
ถอดรองเท้าเดินลงไปเรื่อย ๆ ตามทิวเขาที่เป็นคันนาเรื่อย ๆ แบบว่าชิลมาก ขอบอก
พี่คนนี้กำลังเตรียมเพื่อที่จะพร้อมรับมือกับการดำนา
ส่วนคนนี้เริ่มไถแล้ว ใช้รถไถคันเล็กนิดเดียว แต่เราก็ยังสงสัยว่า เค้าเอารถลงไปได้ยังงัยหว่า นาขั้นบันได้แบบนี้
นี่เลยคุณยายคนนี้ท่าทางสูบยาสบายใจ อยู่แผนกมัดต้นกล้าให้เป็นกำ ๆ แล้วก็ตัดให้เรียบร้อยเ
ต้นกล้าที่มัดเป็นกำ ๆ ก็จะตัดปลายทิ้ง แล้วก็ใส่กระสอบเพื่อรอให้แผนกดำนาต่อไป
ส่วนแผนกนี้เป็นไฮไลท์ของงานเชียวแหระ และมีคนเยอะที่สุด ก็คือแผนกดำนามีทั้งสาวและผู้สูงวัยแต่สังเกตุว่าจะมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย
แปลงนึงใช้เวลาแป๊บเดียว เสร็จจากแปลงนี้แล้วก็จะโยนต้นกล้าลงไปที่แปลงข้างล่างแล้วตัวเองก็เดินตามลงไปเรื่อย ๆ ตามคันนา
ต้นกล้าที่ดำลงไปนั้นจะต้องจับให้ได้ประมาณ 4-5 ต้น เวลาโตขึ้นมาจะได้อยู่ในกอเดียวกัน ตอนแรกเข้าใจว่าปักไปแค่ต้นกล้าแค่ต้นเดียว แต่รูปถ่ายออกมาแล้วทำไมเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ที่ยังไม่ได้ต้มยังงัยก็ไม่รู้
ส่วนสองหนุ่มนี้ ขอยืนพักแป๊บนึง
ส่วนคนนี้ขอลองกะเค้ามั่ง แค่ต้นกล้ากำเดียวกว่าจะเสร็จก็แทบจะเงยหน้าไม่ได้ แบบว่ามันเมื่อยมากกกกกกก
เราแพลนกันไว้ว่านอนที่บ้านป่าบกเปียงคืนนึง แล้วอีกคืนเราจะลงไปนอนที่แม่แจ่ม
น้องมาเซ คนเดิมก็พาเราไปส่งที่แม่แจ่ม ใจดีแวะข้างทางให้เราตลอดอยากให้เราเก็บความทรงจำที่นี่ไว้แบบไม่มีวันลืม
สบายใจสบายตาจริง ๆ มองจากมุมนอกหมู่บ้าน
ฝากถึงเพื่อน ๆ ที่จะไปในช่วงเวลาที่ทุ่งนาเป็นสีเขียวหรือสีทอง ขอให้เดินไปตามทางที่เค้าจัดไว้ให้เดิน อย่าเดินไปตามใจชอบ
เพราะบอกให้ได้เลยว่า...คนที่นี่ไม่กล้าที่เอ่ยปากตำหนิท่องเที่ยว เค้าบอกว่าคนที่มาถึงที่นี่ได้นั้น แสดงว่ามีความตั้งใจจริงที่อยากจะมา.....
อย่าลืมนะคะ....เราคือแขกผู้ไปเยือน เราต้องให้เกียรติเจ้าของบ้าน และเกรงใจที่เราจะเข้าไปขอรับบรรยากาศแบบธรรมชาติที่เค้ามีอยู่
ช่วงเวลาที่ข้าวออกรวง มีหลายคนที่อยากเดินทางไปถ่ายรูป เแต่ขอให้ระวังเรื่องข้าวจะหล่นและเสียหาย เพราะกว่าจะได้มานั้น..มันไเม่ง่ายเลย...