เรื่องมันเกิดเมื่อ10นาทีก่อนนี่เอง....
เรื่องของเรื่องคือกำลังพาลูกนอน (คนโต2ขวบ1เดือน คนเล็ก8เดือนครึ่ง)
แต่ลูกคนโตซนมาก จน5ทุ่มกว่ายังวิ่งเล่นอยู่ในมุ่ง พอดึงลงมานอนก็สะบัดแขนขา
โดนหน้าโดนปากพ่อกับแม่กันไปทีสองที(ซ้ายมือคือพ่อ ถัดมาลูกคนโต ถัดมาคือดิฉันและ
ริมขวาคือลูกคนเล็ก) เราพ่อแม่พยายามชวนลูกนอน เขาก็บอกว่า
"มานอนมาลูก เดี๋ยวพ่อจะปิดทีวีแล้ว" ลูกก็ยังไม่นอน แล้วเขาก็ออกนอกมุ้งเดินไปหลังบ้าน
ไม่ทราบว่าทำไรก๊อกแก๊กๆแล้วเดินมาที่หน้าทีวี ฉันคิดว่าคงปิดทีวี เลยบอกว่า
"หยิบโทสับมาให้ด้วย"

เพราะมันชาร์ทอยู่ตรงนั้น) เขาไม่ตอบแล้วดึงสายชาร์ทที่เสียบ
เครื่องฉันออกแล้วเสียบเข้าเครื่องตัวเองก่อนจะถือมือถือดิฉันมุดเข้ามุงมา
...แต่ทีวีไม่ปิด
ฉันมองเขาเปิดมือถือฉัน...ต้องบอกก่อนว่าฉันได้เครื่องนี้มาเมื่อกลางเดือนสิงหา
แม่ของดิฉันส่งมือถือมาให้จากอังกฤษซึ่งมันเป็นเครื่องที่สอง...ลองทายสิคะ
ว่าเครื่องแรกอยู่ไหน...โรงจำนำค่ะ แน่นอนว่าดิฉันไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
และบอกเขาแต่แรกแล้วว่า จะทำอะไรกับเครื่องนี้ไม่ได้(เครื่องแรก)
เพราะเวลาแม่ถามหา เราไม่อยากโกหก ...เขาเอามันเข้าโรงจำนำตอนที่
ดิฉันไปคลอดลูกที่สารคามตอนแปดเดือนกว่าใกล้คลอด(กรุณาอ่านกระทู้เก่าหากสนใจ)
โดยอ้างว่าเอาไปซ่อม เครื่องรวน พอกลับมาบ้านตอนลูกคนเล็กได้4เดือน
ถึงได้รู้ว่ามือถือนั้นมันอยู่ไหน โมโหมากค่ะ แต่ดิฉันไม่พูดเหมือนเคย ดิฉันไม่ชอบการ
มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องงี่เง้า แต่ก็นั่นล่ะค่ะ...ระหองระแหงกันตลอด
กลับมาที่ตอนพาลูกนอน...ฉันเห็นเขาเล่นมือถือ แน่นอนจับมันเป็นครั้งที่สอง
(ครั้งแรกฉันเปิดรายการหนึ่งให้เขาดูเอง) ฉันรู้สึกไม่อยากใหเขาจับมือถืออีก
และคิดในใจว่า อยากเล่นเครื่องนี้ก็ไม่เอาเครื่องเดิมออกมาสิ(เครื่องรุ่นเดียวกัน)
พอมุดมานอนเสร็จเขาเจอข้อความที่เราเสิร์ชในกูเกิ้ลว่า 'เช่าชุดงานแต่งงาน'
เขาก็อถามเสียงแข็งว่า "เช่าชุดงานแต่งอะไร" ดิฉันตอบ"ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าจะ
ไปงานแต่งเพื่อนเดือนพฤษจิฯ" เขาถามต่อ"เอาลูกไปด้วยป่าว"ดิฉันตอบ"เอาไปทั้งสองคนนั้นแหละ"
"แล้วไม่ถามก่อนหรอว่าให้เอาไปรึป่าว"เขาถามเสียงแข็งฉันเลยขึ้น"ฮึ ไม่ถาม
บอกเฉยๆไม่ได้ขออนุญาต" เขามองหน้าฉันแวบนึงในความมืดสลัวๆภายในมุง
แล้วเงียบไป"แล้วไหนบอกจะปิดทีวีไม่เห็นปิด" เขาหงุดหงิดบอก"ก็ไปปิดดิ!"
ฉันก็ไม่ยอมลุก"เมื่อกี้บอกเองว่าจะไปปิดก็ลุกไปสิ" ฉันย้อนและคิดว่าทำไมต้องยอมเขาตลอดด้วย
เขามักจะใช้ฉันเสมอทั้งที่บางเรืองเขาควรทำเองบ้าง เพราะอยู่ใกล้กว่าและลูกคนเล็กกำลัง
ดูดนมแม่ พอฉันไม่ยอมลุกเท่านั้นเขาก็ฟาดมือถือฉันใส่ที่นอนอย่างแรง เขาเป็นคน
ขี้โมโหขี้หงุดหงิดและมักจะตะคอกหรือขว้างปาข้าวของบางทีแต่ไม่แรงเท่าครั้งนี้
ราวกับเขารังเกียจดิฉันมากจนเก็บกด แล้วลุกไปปิดทีวี กลับเข้ามุงมานอนหันหลังให้ฉันกับลูกชาย
ดิฉันก็ไม่พูดต่อความยาวสาวความยืดค่ะ เพราะเขากำลังโกรธและฉันเป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว
เลยหันมาพยายามพาลูกนอนต่อลูกก็ร้องจะให้พ่อเกาหลังให้แต่เขาเฉยค่ะ ฉันเลยดึง
ใหเลูกหันมา พยามปะเหลาะให้เขานอน สุดท้ายลูกก็ลุกไปนอนปลายเท้าเรียกไงก็ไปมา
เราเลยฟาดไปเพียะนึง ลูกร้องค่ะน่าจะตกใจมากกว่าเพราะเราไม่ได้ตีเขาแรง พ่อเขาเลยหันมา
ดึงลูกไปโอ๋ เราดึงกลับ เขาก็พลักเราบอกให้ป่อย เราไม่ยอมป่อยเพราะอยากให้เขายอมป่อยลูกก่อน
พอฉันไม่ป่อยเขาก็บีบคอฉันแรงมาก กดคอฉันติดกับหมอน พอฉันดิ้นหลุดแล้วพยายามเอาลูกคืน
เขาก็พลักฉันแล้วบีบคออีก เป็นอย่างนี้สามครั้ง จนฉันรู้สึกเหมือนหมูเหมือนหมาตัวนึงที่เขาจะทำไรก็ได้
ฉันบอกตัวเองเสมอว่าถ้าวันใดเขาลงไม้ลงมือกับฉันเมื่อไหร่ฉันจะเลิกกับเขาทันที
"เอาลูกมา ลูกกุ!" ตัวฉลุกขึ้นนั่งเตรียมพร้อมหากเขาจะทำร้ายฉันต่อหน้าลูกอีก"จะทำไม"
ฉันเงียบไปอึดใจใหญ่ด้วยความแค้นใจและน้อยใจ เรามองตากันในความมืดอย่างไม่มีใครยอมหลบ
"เอาลูกกุคืนมา" เขารั้งลูกไว้ไม่ยอมป่อย ฉันไม่เห็นสีหน้าลูกแต่รุ้ว่าเขาไม่ชอบให้เราทะเลาะกัน
"ป่อย!! เดี๋ยวกุถีบหน้าหงาย" ใจนึงกลัวมันทำจิงๆค่ะ แต่อีกใจเราไม่ยอม"ถีบดิ! ถีบเสร็จแล้วก็ออกไปจากบ้านกุด้วย!!!"
เขาหันขวับมามองทันที ฉันรีบเสริมว่า"กุไม่เคยไล่เลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนกุอยู่บ้าน ไล่กุทุกวัน"
เขายังมองฉันอยุ่"ลงไม้ลงมือกับกุขนาดนี้ก็ออกไปจากบ้านกุเลย"
เขาถามว่า"แน่ใจนะว่าอยุ่กันสามคนได้" ดิฉันเงียบค่ะ ฉันนึกถึงอนาคตลูก แต่เขากลับ
จองหองว่าเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน อยากจะทำไรก็ได้ ฉันนึกต่อไปว่า แล้วถ้าเรามีเงินล่ะ
ชีวิตเรากับลูกยังต้องการพ่อแบบนี้อีกมั้ย พ่อที่เลิกงานไม่ยอมกลับบ้าน
อยุ่แต่โต๊ะสนุ๊กกับบ่อปลา ฉันยอมรับว่าเขาขยันหาเงิน แต่เขาใช้เงินเก่งกว่าหา
ฉันกับลูกไม่ได้กินข้าวมาสองวันรวมถึงเขาด้วย อีกทั้งเงินเดือนๆนี้ฉันก็ไม่เห็น
ไม่ทราบว่าไปไหนหมด เพราะเขาไม่เคยบอก ฉันถามแต่เขาเงียบ
"กุถามคำเดียว ว่าพวกอยู่กันได้มั้ย" ดิฉันบอก"ได้" เพราะเราคิดหาหนทางมานานแล้ว
และดิฉันมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ ฉันคิดเสมอว่าถ้าเป็นแบบนี้วันนึงคงไปกันไม่รอด
แล้วฉันจะทำไง สุดท้ายก็เป็นจริงๆ เขาทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า เขาทำเหมือนฉันเป็นของตาย
จากนั้นเขาก็ลุกไปแต่งตัว เข้ามาหอมแก้มลูกคนโตแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ฉันไม่ทราบว่าเขาไปนอนไหน
จะไปบ้านเพื่อนรึก็ดึกมากแล้ว แต่ฉันกลับไม่ห่วงเขาเลย ทั้งที่ที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดเขา
ฉันร้องให้เสียใจน้อยใจ พอลูกเห็นเราร้องเขาก็ร้องตาม เด็กสองขวบเดินไปดูที่ประตูหน้าบ้าน
ไม่เห็นพ่อก็เดินกลับมาหาฉัน เขาทำอะไรรุ้มั้ยค่ะ... เขาเอามือน้อยคลำหน้าเพื่อเช็ดน้ำตาให้ฉัน
ฉันพยายามหยุดร้องและเกาหลังให้จนเขาหลับ
ในเมื่อเขาเห็นฉันเป็นของตาย วันนี้เขาจะได้รู้ว่าฉันสามารถเลี้ยงลูกเองได้โดยไม่มีเขา
เพราะถึงยังไงคนที่อยุ่กับลูกตลอดก็คือฉัน ฉันบอกกับตัวเองว่า
ลูกสองคนคือชีวิตฉัน สองคนพี่น้องต้องอยู่ด้วยกัน เขาจะมาพรากลูกไปจากฉันไม่ได้
เพราะฉันทำหมันแล้ว ถ้าอยากได้ลูก เชิญไปทำกับเมียใหม่
ตอนนี้เราทั้งสองกำลังอยู่ในอารมณ์หลากหลาย คำพูดและการกระทำบางอย่างเราทำไป
เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บและเสียความรู้สึก แต่เราจะเห็นผลและเข้าใจมันเอง
เมื่ออารมณ์เย็นลง และฉันจะไม่ยอมแน่ เมื่อเขาถึงขั้นลงไม้ลงมือกับฉัน
ฉันจะเลิกกับเขา แม้ว่าเขาจะขอโทษ แต่หากไม่ปรับปรุงตัว ดิฉันก็ไม่เอา
ขออภัยหากเรื่องยาวและดูงี้เง้า แต่ปัญหามันมีหลายอย่างและทับถมหมักหมมกัน
นานจนเน่า และดิฉันอยากระบายออกมา หวังจะให้มีคนคัดค้านหรือสนับสนุนให้ฉัน
ก้าวต่อไป
ฉันเคยคิดว่าความรักชนะทุกสิ่ง เพ้อฝันถึงความรักที่มีให้กันจนแก่เฒ่า
แต่สุดท้ายฉันก็เข้าใจว่า ความรักอย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรเลย
กำลังจะเป็น single mom
เรื่องของเรื่องคือกำลังพาลูกนอน (คนโต2ขวบ1เดือน คนเล็ก8เดือนครึ่ง)
แต่ลูกคนโตซนมาก จน5ทุ่มกว่ายังวิ่งเล่นอยู่ในมุ่ง พอดึงลงมานอนก็สะบัดแขนขา
โดนหน้าโดนปากพ่อกับแม่กันไปทีสองที(ซ้ายมือคือพ่อ ถัดมาลูกคนโต ถัดมาคือดิฉันและ
ริมขวาคือลูกคนเล็ก) เราพ่อแม่พยายามชวนลูกนอน เขาก็บอกว่า
"มานอนมาลูก เดี๋ยวพ่อจะปิดทีวีแล้ว" ลูกก็ยังไม่นอน แล้วเขาก็ออกนอกมุ้งเดินไปหลังบ้าน
ไม่ทราบว่าทำไรก๊อกแก๊กๆแล้วเดินมาที่หน้าทีวี ฉันคิดว่าคงปิดทีวี เลยบอกว่า
"หยิบโทสับมาให้ด้วย"
เครื่องฉันออกแล้วเสียบเข้าเครื่องตัวเองก่อนจะถือมือถือดิฉันมุดเข้ามุงมา
...แต่ทีวีไม่ปิด
ฉันมองเขาเปิดมือถือฉัน...ต้องบอกก่อนว่าฉันได้เครื่องนี้มาเมื่อกลางเดือนสิงหา
แม่ของดิฉันส่งมือถือมาให้จากอังกฤษซึ่งมันเป็นเครื่องที่สอง...ลองทายสิคะ
ว่าเครื่องแรกอยู่ไหน...โรงจำนำค่ะ แน่นอนว่าดิฉันไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน
และบอกเขาแต่แรกแล้วว่า จะทำอะไรกับเครื่องนี้ไม่ได้(เครื่องแรก)
เพราะเวลาแม่ถามหา เราไม่อยากโกหก ...เขาเอามันเข้าโรงจำนำตอนที่
ดิฉันไปคลอดลูกที่สารคามตอนแปดเดือนกว่าใกล้คลอด(กรุณาอ่านกระทู้เก่าหากสนใจ)
โดยอ้างว่าเอาไปซ่อม เครื่องรวน พอกลับมาบ้านตอนลูกคนเล็กได้4เดือน
ถึงได้รู้ว่ามือถือนั้นมันอยู่ไหน โมโหมากค่ะ แต่ดิฉันไม่พูดเหมือนเคย ดิฉันไม่ชอบการ
มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องงี่เง้า แต่ก็นั่นล่ะค่ะ...ระหองระแหงกันตลอด
กลับมาที่ตอนพาลูกนอน...ฉันเห็นเขาเล่นมือถือ แน่นอนจับมันเป็นครั้งที่สอง
(ครั้งแรกฉันเปิดรายการหนึ่งให้เขาดูเอง) ฉันรู้สึกไม่อยากใหเขาจับมือถืออีก
และคิดในใจว่า อยากเล่นเครื่องนี้ก็ไม่เอาเครื่องเดิมออกมาสิ(เครื่องรุ่นเดียวกัน)
พอมุดมานอนเสร็จเขาเจอข้อความที่เราเสิร์ชในกูเกิ้ลว่า 'เช่าชุดงานแต่งงาน'
เขาก็อถามเสียงแข็งว่า "เช่าชุดงานแต่งอะไร" ดิฉันตอบ"ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าจะ
ไปงานแต่งเพื่อนเดือนพฤษจิฯ" เขาถามต่อ"เอาลูกไปด้วยป่าว"ดิฉันตอบ"เอาไปทั้งสองคนนั้นแหละ"
"แล้วไม่ถามก่อนหรอว่าให้เอาไปรึป่าว"เขาถามเสียงแข็งฉันเลยขึ้น"ฮึ ไม่ถาม
บอกเฉยๆไม่ได้ขออนุญาต" เขามองหน้าฉันแวบนึงในความมืดสลัวๆภายในมุง
แล้วเงียบไป"แล้วไหนบอกจะปิดทีวีไม่เห็นปิด" เขาหงุดหงิดบอก"ก็ไปปิดดิ!"
ฉันก็ไม่ยอมลุก"เมื่อกี้บอกเองว่าจะไปปิดก็ลุกไปสิ" ฉันย้อนและคิดว่าทำไมต้องยอมเขาตลอดด้วย
เขามักจะใช้ฉันเสมอทั้งที่บางเรืองเขาควรทำเองบ้าง เพราะอยู่ใกล้กว่าและลูกคนเล็กกำลัง
ดูดนมแม่ พอฉันไม่ยอมลุกเท่านั้นเขาก็ฟาดมือถือฉันใส่ที่นอนอย่างแรง เขาเป็นคน
ขี้โมโหขี้หงุดหงิดและมักจะตะคอกหรือขว้างปาข้าวของบางทีแต่ไม่แรงเท่าครั้งนี้
ราวกับเขารังเกียจดิฉันมากจนเก็บกด แล้วลุกไปปิดทีวี กลับเข้ามุงมานอนหันหลังให้ฉันกับลูกชาย
ดิฉันก็ไม่พูดต่อความยาวสาวความยืดค่ะ เพราะเขากำลังโกรธและฉันเป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว
เลยหันมาพยายามพาลูกนอนต่อลูกก็ร้องจะให้พ่อเกาหลังให้แต่เขาเฉยค่ะ ฉันเลยดึง
ใหเลูกหันมา พยามปะเหลาะให้เขานอน สุดท้ายลูกก็ลุกไปนอนปลายเท้าเรียกไงก็ไปมา
เราเลยฟาดไปเพียะนึง ลูกร้องค่ะน่าจะตกใจมากกว่าเพราะเราไม่ได้ตีเขาแรง พ่อเขาเลยหันมา
ดึงลูกไปโอ๋ เราดึงกลับ เขาก็พลักเราบอกให้ป่อย เราไม่ยอมป่อยเพราะอยากให้เขายอมป่อยลูกก่อน
พอฉันไม่ป่อยเขาก็บีบคอฉันแรงมาก กดคอฉันติดกับหมอน พอฉันดิ้นหลุดแล้วพยายามเอาลูกคืน
เขาก็พลักฉันแล้วบีบคออีก เป็นอย่างนี้สามครั้ง จนฉันรู้สึกเหมือนหมูเหมือนหมาตัวนึงที่เขาจะทำไรก็ได้
ฉันบอกตัวเองเสมอว่าถ้าวันใดเขาลงไม้ลงมือกับฉันเมื่อไหร่ฉันจะเลิกกับเขาทันที
"เอาลูกมา ลูกกุ!" ตัวฉลุกขึ้นนั่งเตรียมพร้อมหากเขาจะทำร้ายฉันต่อหน้าลูกอีก"จะทำไม"
ฉันเงียบไปอึดใจใหญ่ด้วยความแค้นใจและน้อยใจ เรามองตากันในความมืดอย่างไม่มีใครยอมหลบ
"เอาลูกกุคืนมา" เขารั้งลูกไว้ไม่ยอมป่อย ฉันไม่เห็นสีหน้าลูกแต่รุ้ว่าเขาไม่ชอบให้เราทะเลาะกัน
"ป่อย!! เดี๋ยวกุถีบหน้าหงาย" ใจนึงกลัวมันทำจิงๆค่ะ แต่อีกใจเราไม่ยอม"ถีบดิ! ถีบเสร็จแล้วก็ออกไปจากบ้านกุด้วย!!!"
เขาหันขวับมามองทันที ฉันรีบเสริมว่า"กุไม่เคยไล่เลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนกุอยู่บ้าน ไล่กุทุกวัน"
เขายังมองฉันอยุ่"ลงไม้ลงมือกับกุขนาดนี้ก็ออกไปจากบ้านกุเลย"
เขาถามว่า"แน่ใจนะว่าอยุ่กันสามคนได้" ดิฉันเงียบค่ะ ฉันนึกถึงอนาคตลูก แต่เขากลับ
จองหองว่าเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน อยากจะทำไรก็ได้ ฉันนึกต่อไปว่า แล้วถ้าเรามีเงินล่ะ
ชีวิตเรากับลูกยังต้องการพ่อแบบนี้อีกมั้ย พ่อที่เลิกงานไม่ยอมกลับบ้าน
อยุ่แต่โต๊ะสนุ๊กกับบ่อปลา ฉันยอมรับว่าเขาขยันหาเงิน แต่เขาใช้เงินเก่งกว่าหา
ฉันกับลูกไม่ได้กินข้าวมาสองวันรวมถึงเขาด้วย อีกทั้งเงินเดือนๆนี้ฉันก็ไม่เห็น
ไม่ทราบว่าไปไหนหมด เพราะเขาไม่เคยบอก ฉันถามแต่เขาเงียบ
"กุถามคำเดียว ว่าพวกอยู่กันได้มั้ย" ดิฉันบอก"ได้" เพราะเราคิดหาหนทางมานานแล้ว
และดิฉันมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ ฉันคิดเสมอว่าถ้าเป็นแบบนี้วันนึงคงไปกันไม่รอด
แล้วฉันจะทำไง สุดท้ายก็เป็นจริงๆ เขาทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า เขาทำเหมือนฉันเป็นของตาย
จากนั้นเขาก็ลุกไปแต่งตัว เข้ามาหอมแก้มลูกคนโตแล้วขับรถออกไปจากบ้าน ฉันไม่ทราบว่าเขาไปนอนไหน
จะไปบ้านเพื่อนรึก็ดึกมากแล้ว แต่ฉันกลับไม่ห่วงเขาเลย ทั้งที่ที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดเขา
ฉันร้องให้เสียใจน้อยใจ พอลูกเห็นเราร้องเขาก็ร้องตาม เด็กสองขวบเดินไปดูที่ประตูหน้าบ้าน
ไม่เห็นพ่อก็เดินกลับมาหาฉัน เขาทำอะไรรุ้มั้ยค่ะ... เขาเอามือน้อยคลำหน้าเพื่อเช็ดน้ำตาให้ฉัน
ฉันพยายามหยุดร้องและเกาหลังให้จนเขาหลับ
ในเมื่อเขาเห็นฉันเป็นของตาย วันนี้เขาจะได้รู้ว่าฉันสามารถเลี้ยงลูกเองได้โดยไม่มีเขา
เพราะถึงยังไงคนที่อยุ่กับลูกตลอดก็คือฉัน ฉันบอกกับตัวเองว่า
ลูกสองคนคือชีวิตฉัน สองคนพี่น้องต้องอยู่ด้วยกัน เขาจะมาพรากลูกไปจากฉันไม่ได้
เพราะฉันทำหมันแล้ว ถ้าอยากได้ลูก เชิญไปทำกับเมียใหม่
ตอนนี้เราทั้งสองกำลังอยู่ในอารมณ์หลากหลาย คำพูดและการกระทำบางอย่างเราทำไป
เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บและเสียความรู้สึก แต่เราจะเห็นผลและเข้าใจมันเอง
เมื่ออารมณ์เย็นลง และฉันจะไม่ยอมแน่ เมื่อเขาถึงขั้นลงไม้ลงมือกับฉัน
ฉันจะเลิกกับเขา แม้ว่าเขาจะขอโทษ แต่หากไม่ปรับปรุงตัว ดิฉันก็ไม่เอา
ขออภัยหากเรื่องยาวและดูงี้เง้า แต่ปัญหามันมีหลายอย่างและทับถมหมักหมมกัน
นานจนเน่า และดิฉันอยากระบายออกมา หวังจะให้มีคนคัดค้านหรือสนับสนุนให้ฉัน
ก้าวต่อไป
ฉันเคยคิดว่าความรักชนะทุกสิ่ง เพ้อฝันถึงความรักที่มีให้กันจนแก่เฒ่า
แต่สุดท้ายฉันก็เข้าใจว่า ความรักอย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรเลย