ไฟไหม้ไร่คนอื่น ตัวเองไปช่วยจนโดนไฟไหม้ ลวกทั้งตัว พิการเเขนขาหงิก เดินไม่ได้เสียโฉมอีกตังหาก
อยู่ รพ.ต่อไม่ไหว เพราะต้องเสียค่าล้างเเผลวันละสามสี่ร้อย
เลยต้องกลับมาอยู่บ้านในสภาพ ตัวเป็นเเผล พุพอง น้ำเหลือง น้ำหนองไหลเยิ้ม ปวดเเสบทรมาน
ที่บ้านก็ทำเเผลกันไปตามมีตามเกิด
อนาคตก็คงหมดแล้ว จะไปเรียนไปทำงาน หรือเเต่งงานมีลูกมีเต้า ก็คงหมดหวัง
ถ้าเป็นคนที่จิตใจไม่เข้มเเข็ง คงอยากฆ่าตัวตายไปเลย คือน่าสงสารนะ
เราคิดว่า ถ้ารวบรวมเงินบริจาค ได้ไปโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย อาจผ่าตัดแก้ไข สภาพเเขนขาที่ติดเป็นพังผืด
จนทำให้กลับมาเดินใหม่ได้ ผิวหน้าก็อาจจะศัลยกรรมให้ดูดีขึ้นได้
อยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยก็ยังดี
หรือใครมีช่องทาง วิธีติดต่อ สถานที่หรือ มูลนิธิอะไร ที่จะทำให้น้องได้ผ่าตัดฝากช่วยแนะนำด้วย
หรือใครที่ทำเเผลเป็นแล้วบ้านอยู่ไม่ไกล พอจะไปช่วยทำเเผลเเบบมีสุขอนามัยได้ก็ยังดี
เลขบัญชีค่ะ นายฤทธิพล นุชทอง
ธนาคารกสิกรไทย สาขาด่านช้าง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 288-2-57080-3 ชื่อบัญชี
-------
กาญจนบุรี - สุดรันทด! พบชายวัยรุ่นเมืองสุพรรณบุรีอายุ 19 ปี น้ำใจงาม แต่ถูกชะตากรรมเล่นงานประสบอุบัติเหตุไฟคลอกจนร่างกายพิการ ขณะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านดับไฟที่กำลังไหม้ไร่อ้อย นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 1 เดือน ต้องออกมารักษาต่อที่บ้านเพราะพ่อแม่ฐานะยากจน วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุริยา สุนทโรทก อาจารย์โรงเรียนบรรหารวิทยา 3 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ว่า นายวิชาญ นุชทอง อายุ 47 ปี และนางสมยง ปรางแดง 2 สามีภรรยา อาชีพทำไร่ และรับจ้างทั่วไปฐานะทางบ้านยากจน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 16 ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี กับลูกชายชื่อ นายฤทธิพล นุชทอง อายุ 19 ปี ร่างกายพิการ เนื่องจากถูกไฟไหม้ขณะไปช่วยเพื่อนบ้านดับไฟที่กำลังโหมไหม้ไร่อ้อย ปัจจุบัน ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เนื่องจากมีบาดแผลพุพองตามร่างกาย ปวดแสบปวดร้อน ครอบครัวไม่มีเงินที่จะนำลูกชายไปรักษา
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายวิชาญ กำลังดูแลนายฤทธิพล ลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างใกล้ชิด ส่วนนางสมยง ผู้เป็นแม่ได้ออกไปรับจ้างหักข้าวโพดเพื่อหารายได้นำเงินมาซื้อยารักษาบาดแผลให้แก่ลูกชาย จากสภาพพบว่า ผิวหนังทั่วใบหน้า และร่างกายมีร่องรอยแผลเป็นจากการถูกไฟไหม้ แขนและขาทั้ง 2 ข้างงอเกร็ง เนื่องจากเอ็นแขนและขายึด ไม่สามารถเหยียดตรงได้ ส่วนมือ และเท้าทั้ง 2 ข้างมีบาดแผลที่เป็นหนอง พ่อแม่ต้องใช้ผ้าพันแผลมาพันเอาไว้เพื่อกันไม่ให้น้ำหนองไหลหยดมาติดที่นอน ซึ่งนายวิชาญ ต้องคอยใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดอยู่ตลอดเวลา
นายวิชาญ กล่าวให้ฟังว่า ตนมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง แต่ได้ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นานๆ ครั้งจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ส่วนนายฤทธิพล เป็นคนเล็ก เรียนหนังสือเพียงชั้น ป.6 และต้องออกจากโรงเรียน เพราะครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีเงินส่งเรียนหนังสือ ลูกชายจึงมาช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านด้วยการทำไร่ และรับจ้างทั่วไป แต่ลูกชายต้องการเรียนหนังสือ และบอกแก่พ่อแม่ว่าจะทำงานรับจ้างหาเงินส่งตัวเองเรียน ซึ่งตนกับภรรยาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นลูกชายจึงไปเรียนหนังที่สถาบันการศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน.ที่อำเภอด่านช้าง
ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ไฟได้เกิดลุกไหม้ไร่อ้อยของเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง เมื่อลูกชายเห็นจึงได้รีบวิ่งไปช่วยเพื่อนบ้านดับไฟ ด้วยการใช้เครื่องพ่นยานำมาใส่น้ำแล้วนำไปฉีดพ่นเพื่อดับไฟ ซึ่งปรากฏว่า ไฟได้โหมลุกไหม้โดยมีกระแสลมอย่างรุนแรง กระแสลมได้พัดเอาเปลวไฟมาโดนลูกชายไหม้เสื้อผ้าที่ลูกชายสวมใส่ และไหม้ตัวลูกชายอย่างรวดเร็ว หลังจากทุกคนช่วยกันดับไฟได้ พบว่าลูกชายสลบไม่ได้สติ จึงรีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลด่านช้าง รักษาได้ 1 เดือน ตนกับภรรยาจึงตัดสินใจบอกหมอเพื่อนำลูกชายมารักษาต่อที่บ้านเนื่องจากต้องเสียค่าล้างแผลวันละ 300 บาท ถึง 400 บาท เงินที่หามาได้ก็หมดไป ซึ่งหมอก็อนุญาต
ขณะที่ลูกอยู่บ้าน ทางกาชาดก็ได้นำเงินมาช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมกับมอบเตียงนอนโรงพยาบาลให้ เพื่อสะดวกในยามหลับนอน แต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก เพราะบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ยังไม่หายดี ตามนิ้วมือนิ้วเท้ายังมีบาดแผล และน้ำหนองไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแขนและขายังหงิกงอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สร้างความลำบากให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมาก เพราะต้องสลับกันออกไปทำงานรับจ้าง เพื่อนำเงินที่หามาได้วันละไม่กี่ร้อยบาท มาซื้อยาล้างแผลให้แก่ลูกชาย
“ทุกวันนี้ครอบครัวลำบากมาก จึงขอวิงวอนให้ชาวบ้าน หรือผู้ที่มีฐานะนำสิ่งของมาช่วยเหลือโดยเฉพาะยารักษาแผล หรือบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาด่านช้าง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 288-2-57080-3 ชื่อบัญชี นายฤทธิพล นุชทอง หรือจะนำมาช่วยเหลือที่บ้านก็ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นายสุริยา สุนทโรทก อาจารย์โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้นำภาพถ่ายของ นายฤทธิพล นุชทอง ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน นำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อให้กลุ่มเพื่อนช่วยกันบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งจากการสอบถามนายสุริยา ทราบว่า มีเพื่อนที่ดูเฟซบุ๊กที่ตนนำภาพไปลง นำสิ่งของ และเงินมาช่วยเหลือบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มากนัก เชื่อว่าคนไม่พอต่อค่าใช้จ่าย เพราะจากสภาพอาการของนายฤทธิพล คงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าให้ดีก็อยากให้ผู้ที่ใจบุญนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใน กทม.ที่มีความเชี่ยวชาญทางการรักษาจะดีกว่า เชื่อว่าหากมีผู้อุปถัมภ์จะได้บุญอย่างแน่นอน
ไปช่วยคนอื่น จนพิการ อย่างให้ช่วยกันหน่อย ดูแล้วอาจจะผ่าตัดแก้ไขให้กลับเป็นปกติได้
อยู่ รพ.ต่อไม่ไหว เพราะต้องเสียค่าล้างเเผลวันละสามสี่ร้อย
เลยต้องกลับมาอยู่บ้านในสภาพ ตัวเป็นเเผล พุพอง น้ำเหลือง น้ำหนองไหลเยิ้ม ปวดเเสบทรมาน
ที่บ้านก็ทำเเผลกันไปตามมีตามเกิด
อนาคตก็คงหมดแล้ว จะไปเรียนไปทำงาน หรือเเต่งงานมีลูกมีเต้า ก็คงหมดหวัง
ถ้าเป็นคนที่จิตใจไม่เข้มเเข็ง คงอยากฆ่าตัวตายไปเลย คือน่าสงสารนะ
เราคิดว่า ถ้ารวบรวมเงินบริจาค ได้ไปโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย อาจผ่าตัดแก้ไข สภาพเเขนขาที่ติดเป็นพังผืด
จนทำให้กลับมาเดินใหม่ได้ ผิวหน้าก็อาจจะศัลยกรรมให้ดูดีขึ้นได้
อยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยก็ยังดี
หรือใครมีช่องทาง วิธีติดต่อ สถานที่หรือ มูลนิธิอะไร ที่จะทำให้น้องได้ผ่าตัดฝากช่วยแนะนำด้วย
หรือใครที่ทำเเผลเป็นแล้วบ้านอยู่ไม่ไกล พอจะไปช่วยทำเเผลเเบบมีสุขอนามัยได้ก็ยังดี
เลขบัญชีค่ะ นายฤทธิพล นุชทอง
ธนาคารกสิกรไทย สาขาด่านช้าง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 288-2-57080-3 ชื่อบัญชี
-------
กาญจนบุรี - สุดรันทด! พบชายวัยรุ่นเมืองสุพรรณบุรีอายุ 19 ปี น้ำใจงาม แต่ถูกชะตากรรมเล่นงานประสบอุบัติเหตุไฟคลอกจนร่างกายพิการ ขณะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านดับไฟที่กำลังไหม้ไร่อ้อย นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 1 เดือน ต้องออกมารักษาต่อที่บ้านเพราะพ่อแม่ฐานะยากจน วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุริยา สุนทโรทก อาจารย์โรงเรียนบรรหารวิทยา 3 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ว่า นายวิชาญ นุชทอง อายุ 47 ปี และนางสมยง ปรางแดง 2 สามีภรรยา อาชีพทำไร่ และรับจ้างทั่วไปฐานะทางบ้านยากจน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 16 ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี กับลูกชายชื่อ นายฤทธิพล นุชทอง อายุ 19 ปี ร่างกายพิการ เนื่องจากถูกไฟไหม้ขณะไปช่วยเพื่อนบ้านดับไฟที่กำลังโหมไหม้ไร่อ้อย ปัจจุบัน ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เนื่องจากมีบาดแผลพุพองตามร่างกาย ปวดแสบปวดร้อน ครอบครัวไม่มีเงินที่จะนำลูกชายไปรักษา
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายวิชาญ กำลังดูแลนายฤทธิพล ลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างใกล้ชิด ส่วนนางสมยง ผู้เป็นแม่ได้ออกไปรับจ้างหักข้าวโพดเพื่อหารายได้นำเงินมาซื้อยารักษาบาดแผลให้แก่ลูกชาย จากสภาพพบว่า ผิวหนังทั่วใบหน้า และร่างกายมีร่องรอยแผลเป็นจากการถูกไฟไหม้ แขนและขาทั้ง 2 ข้างงอเกร็ง เนื่องจากเอ็นแขนและขายึด ไม่สามารถเหยียดตรงได้ ส่วนมือ และเท้าทั้ง 2 ข้างมีบาดแผลที่เป็นหนอง พ่อแม่ต้องใช้ผ้าพันแผลมาพันเอาไว้เพื่อกันไม่ให้น้ำหนองไหลหยดมาติดที่นอน ซึ่งนายวิชาญ ต้องคอยใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดอยู่ตลอดเวลา
นายวิชาญ กล่าวให้ฟังว่า ตนมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง แต่ได้ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ นานๆ ครั้งจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ส่วนนายฤทธิพล เป็นคนเล็ก เรียนหนังสือเพียงชั้น ป.6 และต้องออกจากโรงเรียน เพราะครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีเงินส่งเรียนหนังสือ ลูกชายจึงมาช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้านด้วยการทำไร่ และรับจ้างทั่วไป แต่ลูกชายต้องการเรียนหนังสือ และบอกแก่พ่อแม่ว่าจะทำงานรับจ้างหาเงินส่งตัวเองเรียน ซึ่งตนกับภรรยาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นลูกชายจึงไปเรียนหนังที่สถาบันการศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน.ที่อำเภอด่านช้าง
ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ไฟได้เกิดลุกไหม้ไร่อ้อยของเพื่อนบ้านอย่างรุนแรง เมื่อลูกชายเห็นจึงได้รีบวิ่งไปช่วยเพื่อนบ้านดับไฟ ด้วยการใช้เครื่องพ่นยานำมาใส่น้ำแล้วนำไปฉีดพ่นเพื่อดับไฟ ซึ่งปรากฏว่า ไฟได้โหมลุกไหม้โดยมีกระแสลมอย่างรุนแรง กระแสลมได้พัดเอาเปลวไฟมาโดนลูกชายไหม้เสื้อผ้าที่ลูกชายสวมใส่ และไหม้ตัวลูกชายอย่างรวดเร็ว หลังจากทุกคนช่วยกันดับไฟได้ พบว่าลูกชายสลบไม่ได้สติ จึงรีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลด่านช้าง รักษาได้ 1 เดือน ตนกับภรรยาจึงตัดสินใจบอกหมอเพื่อนำลูกชายมารักษาต่อที่บ้านเนื่องจากต้องเสียค่าล้างแผลวันละ 300 บาท ถึง 400 บาท เงินที่หามาได้ก็หมดไป ซึ่งหมอก็อนุญาต
ขณะที่ลูกอยู่บ้าน ทางกาชาดก็ได้นำเงินมาช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมกับมอบเตียงนอนโรงพยาบาลให้ เพื่อสะดวกในยามหลับนอน แต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก เพราะบาดแผลที่ถูกไฟไหม้ยังไม่หายดี ตามนิ้วมือนิ้วเท้ายังมีบาดแผล และน้ำหนองไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแขนและขายังหงิกงอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สร้างความลำบากให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมาก เพราะต้องสลับกันออกไปทำงานรับจ้าง เพื่อนำเงินที่หามาได้วันละไม่กี่ร้อยบาท มาซื้อยาล้างแผลให้แก่ลูกชาย
“ทุกวันนี้ครอบครัวลำบากมาก จึงขอวิงวอนให้ชาวบ้าน หรือผู้ที่มีฐานะนำสิ่งของมาช่วยเหลือโดยเฉพาะยารักษาแผล หรือบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาด่านช้าง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 288-2-57080-3 ชื่อบัญชี นายฤทธิพล นุชทอง หรือจะนำมาช่วยเหลือที่บ้านก็ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นายสุริยา สุนทโรทก อาจารย์โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้นำภาพถ่ายของ นายฤทธิพล นุชทอง ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน นำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อให้กลุ่มเพื่อนช่วยกันบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งจากการสอบถามนายสุริยา ทราบว่า มีเพื่อนที่ดูเฟซบุ๊กที่ตนนำภาพไปลง นำสิ่งของ และเงินมาช่วยเหลือบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มากนัก เชื่อว่าคนไม่พอต่อค่าใช้จ่าย เพราะจากสภาพอาการของนายฤทธิพล คงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าให้ดีก็อยากให้ผู้ที่ใจบุญนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใน กทม.ที่มีความเชี่ยวชาญทางการรักษาจะดีกว่า เชื่อว่าหากมีผู้อุปถัมภ์จะได้บุญอย่างแน่นอน