หลังจากเปลี่ยนสถานะที่เคยอยู่บนพื้นราบแล้ว ตอนนี้ผมก็ระเห็ดขึ้นมาอยู่บนภูเรียบร้อย ขึ้นมาอยู่ที่สูงๆแบบนี้ พอมองลงไปข้างล่างเห็นทัศนียภาพต่างๆช่างสวยงามนี่กระไร..สุดยอด
ผมไม่รีบไปไหน นั่งนิ่งๆอยู่เฉยๆ ปล่อยอารมณ์สบายๆ ตากวาดไปรอบทิศ กินลมชมวิวอย่างเพลิดเพลิน ฟังเสียงนกเสียงการ้องกันเจี๊ยวจ๊าวๆ รื่นหูดีจัง เสียงหมาป่า หมาไนพากันเห่าหอนได้ยินเสียงแว่วๆ เก้งกวางร้องกันเปิ๊บป๊าบ..แต่ไม่มีเสียงเสือ
มองไปทางทิศใต้ เห็นป่าต้นยางยืนตระหง่านสุดลูกหูลูกตา ใบเขียวขจี นึกว่านี่ถ้าเราเป็นชาวสวนยาง คงจะกรีดน้ำยางเอาไปขาย แล้วคงจะขายได้ราคาดีแน่ๆ เพราะได้ข่าวว่าตอนนี้ยางขาดตลาดมาก..คงรวยเละเทะ
มองลงไปอีกด้านหนึ่ง เห็นคนทำไร่ข้าวโพดอยู่ที่เชิงเขา คล้ายๆกำลังทะเลาะกัน ได้ยินเสียงแว่วๆว่า “ อะไรวะ ปลูกข้าวโพดมาด้วยกันแท้ๆ แต่เอ็งเก็บเอาข้าวโพดไว้คนเดียว ไม่แบ่งให้ข้าเลย มันทำไม่ถูก แบบนี้ ข้าจะต่อต้านเอ็งด้วยชีวิต” ..ทำท่าขึงขัง
มองไปไกลโพ้น เห็นสีเหลืองทองๆเดินกันเป็นจุด อ้อ..พระหลายองค์ออกเดินบิณฑบาตยามเช้า เดินเป็นแถว องค์สุดท้ายเหมือนพระเพิ่งบวชใหม่ๆแต่สูงอายุแล้ว สะพายบาตร แขนท่านข้างหนึ่งเหมือนได้รับบาดเจ็บ ต้องเอาผ้าคล้องแขวนไว้กับคอตลอด นึกในใจว่าใครหนอ เอาคนเจ็บป่วยมาบวชเป็นพระ ให้เป็นภาระกับวัดแบบนี้ เหมือนลูกหลานทอดทิ้ง ไม่ดูแล..น่าอนาถแท้
แต่พอหันมาอีกด้านหนึ่ง ตาก็เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่ง กำลังพาชายแก่ลักษณะคล้ายนักโทษเพราะมีโซ่ตรวนจองจำ ได้ยินเสียงตะโกนว่า “เฮ้ย ระวังมันจะหนีนะ อ้ายนี่พิษสงมันเยอะ คดีเพียบ ก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านไว้มาก โกงเงินทีละหลายพันล้าน เอาไปติดคุกให้เข็ด อย่าให้ประกันตัวเด็ดขาด เดี๋ยวมันหนีออกนอกประเทศ” ..ใครกันหรือ ???
มองไปไกลแถบเดียวกัน เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปลูกบ้านรายเรียงค่อนข้างหนาตา ได้ยินเสียงตีเกราะเคาะไม้ เรียกประชุมกัน ได้ยินแว่วๆว่า “เฮ้ย กำนันเรียกประชุมกันโว้ย กำนันจะตั้งตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็เป็นสารวัตรกำนันอีกตำแหน่งหนึ่ง ไปดูเป็นพยานกันหน่อย” ..ได้ยินอย่างนั้น
รู้สึกสบายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่ขึ้นมาบนภูแห่งนี้ เพราะได้เห็นทิวทัศน์รอบๆตัว มันช่างสวยงามเสียเหลือเกิน บอกกับตัวเองว่า “เราจะอยู่แบบนี้ นิ่งๆ ไม่รีบ ปล่อยให้ทุกอย่างไปตามกฎธรรมชาติ นั่งดูวิวัฒนาการ ดูธรรมชาติมันเป็นไปตามวิถีทางของมัน ไม่จำเป็นต้องฝืน สักพักก็ดีเอง เพราะธรรมชาติมันจะจัดการตัวมันเอง” ..จากนั้นก็หลับไป !!!
...นั่งบนภู ดูธรรมชาติ !!!...
ผมไม่รีบไปไหน นั่งนิ่งๆอยู่เฉยๆ ปล่อยอารมณ์สบายๆ ตากวาดไปรอบทิศ กินลมชมวิวอย่างเพลิดเพลิน ฟังเสียงนกเสียงการ้องกันเจี๊ยวจ๊าวๆ รื่นหูดีจัง เสียงหมาป่า หมาไนพากันเห่าหอนได้ยินเสียงแว่วๆ เก้งกวางร้องกันเปิ๊บป๊าบ..แต่ไม่มีเสียงเสือ
มองไปทางทิศใต้ เห็นป่าต้นยางยืนตระหง่านสุดลูกหูลูกตา ใบเขียวขจี นึกว่านี่ถ้าเราเป็นชาวสวนยาง คงจะกรีดน้ำยางเอาไปขาย แล้วคงจะขายได้ราคาดีแน่ๆ เพราะได้ข่าวว่าตอนนี้ยางขาดตลาดมาก..คงรวยเละเทะ
มองลงไปอีกด้านหนึ่ง เห็นคนทำไร่ข้าวโพดอยู่ที่เชิงเขา คล้ายๆกำลังทะเลาะกัน ได้ยินเสียงแว่วๆว่า “ อะไรวะ ปลูกข้าวโพดมาด้วยกันแท้ๆ แต่เอ็งเก็บเอาข้าวโพดไว้คนเดียว ไม่แบ่งให้ข้าเลย มันทำไม่ถูก แบบนี้ ข้าจะต่อต้านเอ็งด้วยชีวิต” ..ทำท่าขึงขัง
มองไปไกลโพ้น เห็นสีเหลืองทองๆเดินกันเป็นจุด อ้อ..พระหลายองค์ออกเดินบิณฑบาตยามเช้า เดินเป็นแถว องค์สุดท้ายเหมือนพระเพิ่งบวชใหม่ๆแต่สูงอายุแล้ว สะพายบาตร แขนท่านข้างหนึ่งเหมือนได้รับบาดเจ็บ ต้องเอาผ้าคล้องแขวนไว้กับคอตลอด นึกในใจว่าใครหนอ เอาคนเจ็บป่วยมาบวชเป็นพระ ให้เป็นภาระกับวัดแบบนี้ เหมือนลูกหลานทอดทิ้ง ไม่ดูแล..น่าอนาถแท้
แต่พอหันมาอีกด้านหนึ่ง ตาก็เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่ง กำลังพาชายแก่ลักษณะคล้ายนักโทษเพราะมีโซ่ตรวนจองจำ ได้ยินเสียงตะโกนว่า “เฮ้ย ระวังมันจะหนีนะ อ้ายนี่พิษสงมันเยอะ คดีเพียบ ก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านไว้มาก โกงเงินทีละหลายพันล้าน เอาไปติดคุกให้เข็ด อย่าให้ประกันตัวเด็ดขาด เดี๋ยวมันหนีออกนอกประเทศ” ..ใครกันหรือ ???
มองไปไกลแถบเดียวกัน เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปลูกบ้านรายเรียงค่อนข้างหนาตา ได้ยินเสียงตีเกราะเคาะไม้ เรียกประชุมกัน ได้ยินแว่วๆว่า “เฮ้ย กำนันเรียกประชุมกันโว้ย กำนันจะตั้งตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็เป็นสารวัตรกำนันอีกตำแหน่งหนึ่ง ไปดูเป็นพยานกันหน่อย” ..ได้ยินอย่างนั้น
รู้สึกสบายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่ขึ้นมาบนภูแห่งนี้ เพราะได้เห็นทิวทัศน์รอบๆตัว มันช่างสวยงามเสียเหลือเกิน บอกกับตัวเองว่า “เราจะอยู่แบบนี้ นิ่งๆ ไม่รีบ ปล่อยให้ทุกอย่างไปตามกฎธรรมชาติ นั่งดูวิวัฒนาการ ดูธรรมชาติมันเป็นไปตามวิถีทางของมัน ไม่จำเป็นต้องฝืน สักพักก็ดีเอง เพราะธรรมชาติมันจะจัดการตัวมันเอง” ..จากนั้นก็หลับไป !!!