สวัสดีค่ะ
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยว The Wizarding World of Harry Potter ที่ Universal Orlando Resort ให้ฟังค่ะ
เนื่องด้วย เรามีโอกาสได้ไปทำงานที่ Disney World เป็นเวลาสามเดือน เราเลยแอบไปเที่ยวสวนสนุกนู่น นี่ นั่น นอกเวลางานอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึง Wizarding World of Harry Potter ก่อน ซึ่งเป็นพาร์คที่เราอยากไปมาตั้งแต่เขามีข่าวว่าจะสร้างขึ้นมา จนมาปี 2014 นี้เพิ่งจะมีโอกาสได้ไปทำให้ฝันเป็นจริงค่ะ อิอิ
ในกลุ่มแก๊งที่ไปกับเรา ก็จะมี เรา(แป้ง) มุก แพร แตม และปิงปิง (ซึ่งผู้ชายคนเดียวของแก๊ง) วันที่จะออกเดินทางไปเยี่ยม Hogwarts ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เจ้แตม (ขออนุญาตเรียกว่าเจ้แตมนะคะ เพราะติดปาก ฮ่าาา) แพร และปิงปิง ขอล่วงหน้าไปรอที่ Starbucks ที่ Outlet หน้าหมู่บ้านที่เราพักกันอยู่ก่อน ส่วนเรากับมุกจะรีบตามไป (รองเท้าเปียกจากฝนตกเมื่อวาน เลยนั่งใช้ไดร์เป่า น่าสงสารมาก) แต่ยังไม่ทันจะลงไป ก็ได้ข่าวร้ายว่า ซองห้อยคอที่แพรวิมใช้ใส่ Housing ID คือบัตรที่ยามเขาจะตรวจก่อนเราเข้าหมู่บ้าน กับ Cast ID คือบัตรพนักงาน ขาด!! บัตรหายทั้งสองใบ พวกเราก็หากันในห้องไม่เจอ เดินหาตามทางก็ไม่เจอ Club House ที่เวลามีปัญหาอะไรจะไปติดต่อ ก็ยังไม่เปิด แพรผู้แสนดีเลยบอกทุกคนว่า ไปเที่ยวก่อนก็ได้ ไว้เดี๋ยวแพรค่อยโทรถาม Club House ช่วงสายๆ แต่ก็โชคดีที่ระหว่างวันโทรไป มีคนเก็บได้แล้วเอามาฝากไว้ที่ Club House พอดี (ถ้าหายนี่เสียค่าทำใหม่แพงมากกก)
วิธีการเดินทางไป Universal ของพวกเราคือ เดินไป Outlet (Orlando Premium Outlets - Vineland Ave.) แล้วเดินข้ามไปอีกฝั่งของ Outlet จะมีป้ายรถเมล์อยู่ มีทั้ง Lynx และ I-Trolley ซึ่งราคาปกติเท่ากันคือ $2.00 ไปถึงที่ Universal เลย แต่ถ้าโชว์บัตรพนักงานดิสนี(Cast ID) เวลาขึ้น I-Trolley จะได้ลดเหลือ $0.25 ซึ่งถูกมากกก แล้วรถยังน่ารักอีก เป็นที่นั่งไม้ๆ ตัวรถสีเขียว คือยี่ห้อนี้จะเน้นนักท่องเที่ยวหน่อย ส่วน Lynx จะเป็นพวก Local นั่งเป็นส่วนใหญ่ (ถ้านั่งสาย 8 ไปเที่ยวที่อื่น บางทีอาจจะต้องมีลงเปลี่ยนสายรถ แล้วต้องยืนรอแถวย่านคนดำ ค่อนข้างน่ากลัวตอนกลางคืน แนะนำให้หลีกเลี่ยงค่ะ เรียกแท็กซี่เลย หลายคนหารกันคุ้มกว่าค่ะ)
เกริ่นก่อนนิดนึงว่าที่ Universal Orlando Resort จะแบ่งเป็นสองพาร์คคือ Universal Studios Florida กับ Universal's Islands of Adventure ซึ่งอยู่ที่เดียวกันแหละค่ะ แต่เข้าทางแยกกัน ตอนนี้จะมีรถไฟ Hogwarts Express คอยทำหน้าที่เชื่อมกันระหว่างสองพาร์ค โดยมีชานชาลา 9 3/4 ที่ King's Cross Station ให้ขึ้นจากพาร์ค Universal Studios ซึ่งจะมีส่วนของ Harry Potter อยู่ด้วย คือตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) และจะไปลงที่ Hogsmeade Station ที่ Islands of Adventure แต่ว่าตอนที่เราไปเนี่ย ในส่วนของ Diagon Alley ยังไม่เปิด เราเลยขอเก็บไว้ก่อน ไว้เดี๋ยวถ้าได้ไป แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะก๊ะ
พอไปถึง Universal พวกเราซึ่งมีบัตร Annual Pass อยู่แล้ว ก็เข้าไปที่ Islands of Adventure และมุ่งตรงเข้าไปโซน Harry Potter ก่อนเลย เพราะกลัวคนเยอะคิวยาว ซึ่งพอไปถึงคนก็เยอะจริงๆ ด้านหน้าเป็น Hogsmeade มีร้านค้าขายของเรียงกันไป ทั้งร้านขนมHoneydukes ,Olivander Wand ขายไม้กายสิทธิ์ บนหลังคาร้านทุกร้านมีหิมะเกาะเหมือนในหนังด้วย
ที่นี่จะมีเครื่องเล่นนึงที่เป็นตัวชูโรงคือ Harry Potter and The Forbidden Journey คิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นรูปกันมาบ้างแล้ว คือตัว ride เนี่ยจะอยู่ในปราสาทฮอกวอตเลย คนที่มาจะมาเข้าแถวเล่นอันนี้เยอะสุด และเกิดการเล่นซ้ำอย่างบ้าคลั่ง จะเข้ามาเล่นเครื่องเล่นนนี้ได้ ก็ต้องผ่านประตูฮอกวอตเข้ามา แล้วฝากกระเป๋าในตู้ล็อกเกอร์ แบบล็อกด้วยลายนิ้วมือพวกเราเอง เกร๋มากก
ฝากของอะไรเสร็จเรียบร้อย พวกเราเห็นว่าคิวมันยาว เลยตัดสินใจต่อแถวแบบ Single Rider (สำหรับคนที่มาคนเดียว เล่นคนเดียว) เพราะแถวมันจะรันเร็วกว่า แต่ต้องเล่นแยกกันหมดเลย (แถวนี้ไม่ค่อยได้เห็นบรรยากาศภายในปราสาทฮอกวอตนะคะ แนะนำให้ต่อแถวธรรมดา จะได้เข้าไปผ่านห้องเรียน ผ่านหมวกคัดสรร ผ่านบันไดเวียน ผ่านรูปพูดได้) พอถึงคิวเราได้ขึ้นตัวที่นั่งแล้ว อย่างแรกเลยคือตัวที่นั่งมันจะหมุนแหงนขึ้น แบบเหมือนเรานอนบนเตียงเลย รู้สึกตื่นเต้นมากกก แล้วตลอดride นี่คือรู้สึกจริงมากกกกกกกก เหมือนเราอยู่ในหนังด้วยจริงๆเลยอะ คือมันจะพาเราผ่านฉากผ่านสถานที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆจากหนัง ซึ่งเออ มันเรียลมาก บางฉากเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมของผู้เล่น จนทำให้เรารู้สึกว่าฝันเป็นจริงแล้ว ได้มาอยู่โลกฮอกวอตส์แล้วจริงๆ (ตอนเด็กๆคือนั่งรอจดหมายรับเข้าโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่บ้านจ้าา) ซึ่งเรากล้ารับรองว่าถ้าชอบแฮรี่อยู่แล้ว ยังไงก็ปลื้มแน่ๆ มันดีเลิศมากจริงๆ (ยกเว้นตรงผู้คุมวิญญาณกับแมงมุม เราหลับตาปี๋ มันเหมือนจริงไป ฮ่า) และเครื่องเล่นเนี่ย เขาใช้เทคโนโลยีใหม่ในการสร้างสรรค์มันขึ้นมาค่ะ มันเลยจะดีและสมจริงกว่าเครื่องเล่น 3D/4D อื่นๆ ในพาร์ค

ออกจากเครื่องเล่น ก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกใต้ปราสาท ก็จะมีพวกเสื้อผ้า ผ้าพันคอ สมุดโน้ต ตุ๊กตา แล้วก็ที่เด่นสุดๆคือ The Mauderer's Map (แผนที่ตัวกวน) ซึ่งราคาค่อนข้างสูง มีสองแบบ ราคาสูงทั้งสองแบบเลย ดูของอะไรกันเรียบร้อย เอาของออกจากล็อกเกอร์ ก็ปล่อยให้ มุก ปิงปิง เจ้แตมไปเล่น Dragon Challenge คือเป็น Roller Coaster สองรางสีฟ้ากะสีแดง พัวพันกันอยู่ ตีมของมันคือมังกรสองตัวที่ไล่ล่ากันอยู่ มังกรตัวสีแดงเป็นพันธุ์ Chinese Fireball สีฟ้าคือ Hungarian Horntail (จากภาค4 The Goblet of Fire อิอิ) มันวิ่งเร็วมากกก
เรากับแพรวิมเลยขอบาย ระหว่างรอสามคนเขาเล่นกัน เราสองคนเลยเข้าไปในร้าน Owl Post ที่จะมีขายสรรพสิ่งต่างๆจากเรื่อง Harry Potter เนี่ยแหละ มีขายไม้กายสิทธิ์ด้วย ถ้าขี้เกียจต่อแถวที่ Ollivanders ซึ่งที่นี่จะพิเศษตรงที่ Ollivander จะทำการให้ไม้เลือกเราทีละคน เหมือนในหนังเลย จะใช้เวลาหน่อย แต่ที่ Owl Post คือเป็นชั้นวางแล้วมีไม้เรียงกันเป็นตับ จะมีป้ายติดบอกอยู่ว่าไม้นี้เป็นแบบของใครๆ ที่ฮิตๆ คนซื้อเยอะก็จะเป็นของ Harry กับ Dumbledore จ้า ไปถึงที่แล้ว เรากับแพรก็อดไม่ได้ที่จะหยิบชุดนักเรียนฮอกวอตมาใส่ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก (ถ้าอยากซื้อกลับบ้าน เสื้อคลุมตัวละ 100กว่าเหรียญ หรือ 3000กว่าบาทนะคะ) และแน่นอนเราต้องมีพร็อพ ไม่งั้นถ่ายออกมาดูไม่สมจริง เลยไปหยิบตุ๊กตาเฮ็ดวิก ไม้กวาด ละก็ผ้าพันคอของบ้านกริฟฟินดอร์มาเข้าใส่ฉากด้วย พนักงานก็เมียงมองเมียงมอง สองคนนี้ถ่ายไม่เสร็จสักที แต่เขาคงเข้าใจ เพราะใครๆเข้ามา ก็มาทำอย่างนี้กันหมด ฮ่าาา ถ่ายกันจนพอใจ ก็ไปยืนดูนักเรียนจาก Beauxbatons กับ Durmstrang แสดงโชว์เล็กๆน้อยๆ อยู่บริเวณสเตจเล็กๆ ใกล้ๆร้าน Ollivanders รอสามคนนั้นต่อ
พอทุกคนเล่นลงมาเสร็จ ก็ตกลงกันว่า ไปถ่ายรูปกับวิวปราสาทฮอกวอตกันเถอะ ตอนแรกก็เดินเข้าไปทางขึ้นเครื่องเล่น Dragon Challenge นี่แหละ มันจะมีจุดให้ถ่ายรูประหว่างแถว แต่ปรากฏว่ามันมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะ เลยถ่ายออกมาแล้วไม่ค่อยสวยเท่าไร เลยเดินออกมา แล้วไปถ่ายตรงสะพานที่เชื่อมจากดินแดนแฮรี่ไปโซนอื่นๆแทน ซึ่งจะเห็นวิวเป็นปราสาทฮอกวอตสวยงาม มีเหมือนเป็นทะเลสาบเล็กๆ ข้างล่าง สวยมาก รู้สึกได้เติมเต็มความฝันวัยเด็กมาก คืออยากเรียนฮอกวอตแต่เด็ก พอได้มายืนตรงนี้คือน้ำตาจะไหลจริงๆ (ฮ่าา)
พอได้รูปกับปราสาทสมใจอยากแล้ว ก็เดินวนกลับมาแวะร้าน Honeydukes ซึ่งเป็นร้านขายขนมลูกอมใน Hogsmeade จากในหนัง มันคือร้านที่มี Passageway ลับโผล่มาจาก Hogwarts ได้ด้วย ถ้าใครเคยดู Harry Potter and The Prisoner of Azkaban ต้องจำได้แน่ๆ แบบว่าเห็นแล้วก็ต้องจำร้านนี้ได้เลย เพราะตัวร้านจะสีเขียวๆ มีโหลลูกอมเยอะๆ หลายๆสี โดดเด่นน่าจดจำ น่ารักมากๆ เข้าไปในร้านก็จัดแจงถ่ายรูปกันอีก (เหมือนเป็นทริปถ่ายรูปเลย เพราะทุกคนชอบและแฮปปี้มาก เลยอยากถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก อิอิ)
ถึงเวลาอาหารกลางวัน เราก็เลือกทานที่ร้าน Three Bloomsticks (ร้านไม้กวาดสามอัน)

ไปถึงร้าน เราก็พุ่งตัวเข้าไปนั่งจองที่กันที่ว่างอยู่ตอนนั้น เพราะโต๊ะหายากมาก แต่แปปนึงปิงปิง ก็เรียกให้ย้ายไปนั่งที่โต๊ะกลมที่ดูดี น่านั่ง ดูอยู่ในสถานที่จริงในหนังมาก (พนักงานบอกปิงว่านั่งได้) แต่หย่อนก้นนั่งแปปเดียว ยังไม่ทันจะเดินไปสั่งอาหาร ลุงพนักงานคนนึง ชื่อ Ervin ก็มาไล่ ย้ำ นางไล่ บอกว่าร้านนี้ห้ามจองที่นั่ง ต้องซื้ออาหารแล้ว ถึงจะมานั่งได้ ปิงก็บอกอ้าว ตะกี้พนักงานอีกคนบอกนั่งได้ ปิงกับเจ้แตมก็จัดการเจรจาต่อรอง ให้ลุงช่วยเก็บโต๊ะนี้ไว้ให้ได้มั้ย นางก็กระฟัดกระเฟียดไม่ยอมพวกเรา (คือถ้าเป็นที่ Disney World จะไม่มีงี้นะคะ ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่ถ้าเกสขออะไรต้องตามใจจริงๆ) บอกยังไงยูก็ต้องมีอาหารที่โต๊ะแล้ว ฉันถึงจะให้เธอนั่ง เรา แพร มุกเลยเดินไปซื้ออาหาร ให้เจ้แตมกับคุณปิงยืนกันท่า จองโต๊ะไว้ สั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอรับอาหาร สายตาเราก็มองไปทางโต๊ะตลอดเวลา ลุงก็ไม่ยอมไปไหน แบบหวงโต๊ะมาก พอได้อาหารจานนึง มุกเลยรีบ แบกไปวางไว้ที่โต๊ะ พอได้อาหารครบเรากับแพรเลยค่อยตามไปทีหลัง ซึ่งพอไปถึงโต๊ะ หน้าเจ้แตมตอนนั้นคือไม่โอเคมากๆ เจ้เล่าให้ฟังว่าลุงใจร้ายมาก คือคนอื่นผ่านไปผ่านมา ลุงก็พยายามจะเรียกให้มานั่งโต๊ะที่เราอยากนั่ง พอมีการเจรจากันเกิดขึ้นระหว่างเจ้แตม ปิง และลุง ลุงก็ได้กล่าวว่า ลุงสามารถไล่พวกเราออกจากพาร์คได้นะ คุณพระ! บอกเลยว่าตกใจมาก เจอเหตุการณ์นี้คือทำให้เรา รักดิสนีมากขึ้น 100ล้านระดับ คือบริการทุกระดับ ประทับใจมากจริงๆ แนะนำให้ทุกคนไปอยู่ดิสนีสัก 5 วันนะคะ ยิ่งนอนรีสอร์ทยิ่งดี แล้วมาเที่ยวยูนิเวอแซลต่อ จะรู้สึกได้จริงๆ ว่า Guest Service สู้ดิสนีไม่ได้เลย คือถ้าลุงพูดดีๆ ไม่มีพูดจากระแทกกระทั้นแต่แรก พวกเราก็เข้าใจได้ว่า แต่ละที่มันไม่เหมือนกัน ก็คงเข้าใจ แล้วยอมเดินไปซื้ออาหารก่อน แต่นี่แบบ ใจเย็นลุง ลุงพูดจาเหมือนจะกินหัวเราตลอดเวลา เจ้แตมกับคุณปิงจึงเห็นสมควรว่า จะไม่ยอมค่ะ!
แต่ทานเสร็จ เราก็ไม่ปล่อยให้อารมณ์ขุ่นมัวนาน (จริงๆเลิกคิดมากตั้งแต่คำแรกเข้าปากแล้ว ฮ่าา) ก็ไปต่อกันที่Seuss Landing ซึ่งจะเป็นโซนของ Dr.Seuss ไว้เดี๋ยวจะมาเล่าต่อคราวหน้านะคะ
ป.ล. จริงๆในโซนแฮรี่ มีอีกเครื่องเล่นนึงชื่อ Flight of the Hippogriff มาจากภาค3 Harry Potter and The Prisoner of Azkaban ที่ Hagrid เป็นคนสอนเด็กๆนักเรียน Hogwarts ให้ขี่ Hippogriff เครื่องเล่นนี้ก็เหมือนให้พวกเราได้ขึ้นลองขี่ Hippogriffเป็น Training Flight ระหว่างทางเดินเข้าไปก็จะมีกระท่อมแฮกริดอยู่ให้ถ่ายรูปเกร๋ๆกันด้วย ตัวเครื่องเล่นนี้จะไม่มีอะไรหวาดเสียว พาเด็กๆขึ้นนั่งกินลมชมวิวได้เลยค่ะ
ป.ล. 2 ถ้าอยากไป Wizarding World of Harry Potter มาก แต่ไม่อยากไปไกลถึง Orlando ตอนนี้ที่ Universal Studios Japan ที่ Osaka เปิดตัวโซนแฮรี่แล้วนะคะ มีเครื่องเล่นและร้านอาหารเหมือนกันเด๊ะเลย แต่ไม่มี Diagon Alley นะคะ
ป.ล. สุดท้าย ไปถึง Wizarding World of Harry Potter แล้ว แนะนำให้ทุกคนลองต่อแถวซื้อ Butterbeer มาชิมนะคะ มีขายแบบพร้อมแก้วทรงเหมือนในหนังด้วย รสชาติอร่อยดีค่ะ มันๆ คล้ายๆวานิลลานิดๆ เด็กกินได้ค่ะ
[CR] REVIEW : "HERE & THERE" ฝันเป็นจริงที่ The Wizard World of Harry Potter (Orlando)
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ไปเที่ยว The Wizarding World of Harry Potter ที่ Universal Orlando Resort ให้ฟังค่ะ
เนื่องด้วย เรามีโอกาสได้ไปทำงานที่ Disney World เป็นเวลาสามเดือน เราเลยแอบไปเที่ยวสวนสนุกนู่น นี่ นั่น นอกเวลางานอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึง Wizarding World of Harry Potter ก่อน ซึ่งเป็นพาร์คที่เราอยากไปมาตั้งแต่เขามีข่าวว่าจะสร้างขึ้นมา จนมาปี 2014 นี้เพิ่งจะมีโอกาสได้ไปทำให้ฝันเป็นจริงค่ะ อิอิ
ในกลุ่มแก๊งที่ไปกับเรา ก็จะมี เรา(แป้ง) มุก แพร แตม และปิงปิง (ซึ่งผู้ชายคนเดียวของแก๊ง) วันที่จะออกเดินทางไปเยี่ยม Hogwarts ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เจ้แตม (ขออนุญาตเรียกว่าเจ้แตมนะคะ เพราะติดปาก ฮ่าาา) แพร และปิงปิง ขอล่วงหน้าไปรอที่ Starbucks ที่ Outlet หน้าหมู่บ้านที่เราพักกันอยู่ก่อน ส่วนเรากับมุกจะรีบตามไป (รองเท้าเปียกจากฝนตกเมื่อวาน เลยนั่งใช้ไดร์เป่า น่าสงสารมาก) แต่ยังไม่ทันจะลงไป ก็ได้ข่าวร้ายว่า ซองห้อยคอที่แพรวิมใช้ใส่ Housing ID คือบัตรที่ยามเขาจะตรวจก่อนเราเข้าหมู่บ้าน กับ Cast ID คือบัตรพนักงาน ขาด!! บัตรหายทั้งสองใบ พวกเราก็หากันในห้องไม่เจอ เดินหาตามทางก็ไม่เจอ Club House ที่เวลามีปัญหาอะไรจะไปติดต่อ ก็ยังไม่เปิด แพรผู้แสนดีเลยบอกทุกคนว่า ไปเที่ยวก่อนก็ได้ ไว้เดี๋ยวแพรค่อยโทรถาม Club House ช่วงสายๆ แต่ก็โชคดีที่ระหว่างวันโทรไป มีคนเก็บได้แล้วเอามาฝากไว้ที่ Club House พอดี (ถ้าหายนี่เสียค่าทำใหม่แพงมากกก)
วิธีการเดินทางไป Universal ของพวกเราคือ เดินไป Outlet (Orlando Premium Outlets - Vineland Ave.) แล้วเดินข้ามไปอีกฝั่งของ Outlet จะมีป้ายรถเมล์อยู่ มีทั้ง Lynx และ I-Trolley ซึ่งราคาปกติเท่ากันคือ $2.00 ไปถึงที่ Universal เลย แต่ถ้าโชว์บัตรพนักงานดิสนี(Cast ID) เวลาขึ้น I-Trolley จะได้ลดเหลือ $0.25 ซึ่งถูกมากกก แล้วรถยังน่ารักอีก เป็นที่นั่งไม้ๆ ตัวรถสีเขียว คือยี่ห้อนี้จะเน้นนักท่องเที่ยวหน่อย ส่วน Lynx จะเป็นพวก Local นั่งเป็นส่วนใหญ่ (ถ้านั่งสาย 8 ไปเที่ยวที่อื่น บางทีอาจจะต้องมีลงเปลี่ยนสายรถ แล้วต้องยืนรอแถวย่านคนดำ ค่อนข้างน่ากลัวตอนกลางคืน แนะนำให้หลีกเลี่ยงค่ะ เรียกแท็กซี่เลย หลายคนหารกันคุ้มกว่าค่ะ)
เกริ่นก่อนนิดนึงว่าที่ Universal Orlando Resort จะแบ่งเป็นสองพาร์คคือ Universal Studios Florida กับ Universal's Islands of Adventure ซึ่งอยู่ที่เดียวกันแหละค่ะ แต่เข้าทางแยกกัน ตอนนี้จะมีรถไฟ Hogwarts Express คอยทำหน้าที่เชื่อมกันระหว่างสองพาร์ค โดยมีชานชาลา 9 3/4 ที่ King's Cross Station ให้ขึ้นจากพาร์ค Universal Studios ซึ่งจะมีส่วนของ Harry Potter อยู่ด้วย คือตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) และจะไปลงที่ Hogsmeade Station ที่ Islands of Adventure แต่ว่าตอนที่เราไปเนี่ย ในส่วนของ Diagon Alley ยังไม่เปิด เราเลยขอเก็บไว้ก่อน ไว้เดี๋ยวถ้าได้ไป แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะก๊ะ
พอไปถึง Universal พวกเราซึ่งมีบัตร Annual Pass อยู่แล้ว ก็เข้าไปที่ Islands of Adventure และมุ่งตรงเข้าไปโซน Harry Potter ก่อนเลย เพราะกลัวคนเยอะคิวยาว ซึ่งพอไปถึงคนก็เยอะจริงๆ ด้านหน้าเป็น Hogsmeade มีร้านค้าขายของเรียงกันไป ทั้งร้านขนมHoneydukes ,Olivander Wand ขายไม้กายสิทธิ์ บนหลังคาร้านทุกร้านมีหิมะเกาะเหมือนในหนังด้วย
ที่นี่จะมีเครื่องเล่นนึงที่เป็นตัวชูโรงคือ Harry Potter and The Forbidden Journey คิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นรูปกันมาบ้างแล้ว คือตัว ride เนี่ยจะอยู่ในปราสาทฮอกวอตเลย คนที่มาจะมาเข้าแถวเล่นอันนี้เยอะสุด และเกิดการเล่นซ้ำอย่างบ้าคลั่ง จะเข้ามาเล่นเครื่องเล่นนนี้ได้ ก็ต้องผ่านประตูฮอกวอตเข้ามา แล้วฝากกระเป๋าในตู้ล็อกเกอร์ แบบล็อกด้วยลายนิ้วมือพวกเราเอง เกร๋มากก
ฝากของอะไรเสร็จเรียบร้อย พวกเราเห็นว่าคิวมันยาว เลยตัดสินใจต่อแถวแบบ Single Rider (สำหรับคนที่มาคนเดียว เล่นคนเดียว) เพราะแถวมันจะรันเร็วกว่า แต่ต้องเล่นแยกกันหมดเลย (แถวนี้ไม่ค่อยได้เห็นบรรยากาศภายในปราสาทฮอกวอตนะคะ แนะนำให้ต่อแถวธรรมดา จะได้เข้าไปผ่านห้องเรียน ผ่านหมวกคัดสรร ผ่านบันไดเวียน ผ่านรูปพูดได้) พอถึงคิวเราได้ขึ้นตัวที่นั่งแล้ว อย่างแรกเลยคือตัวที่นั่งมันจะหมุนแหงนขึ้น แบบเหมือนเรานอนบนเตียงเลย รู้สึกตื่นเต้นมากกก แล้วตลอดride นี่คือรู้สึกจริงมากกกกกกกก เหมือนเราอยู่ในหนังด้วยจริงๆเลยอะ คือมันจะพาเราผ่านฉากผ่านสถานที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆจากหนัง ซึ่งเออ มันเรียลมาก บางฉากเขาก็สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมของผู้เล่น จนทำให้เรารู้สึกว่าฝันเป็นจริงแล้ว ได้มาอยู่โลกฮอกวอตส์แล้วจริงๆ (ตอนเด็กๆคือนั่งรอจดหมายรับเข้าโรงเรียนฮอกวอตส์อยู่บ้านจ้าา) ซึ่งเรากล้ารับรองว่าถ้าชอบแฮรี่อยู่แล้ว ยังไงก็ปลื้มแน่ๆ มันดีเลิศมากจริงๆ (ยกเว้นตรงผู้คุมวิญญาณกับแมงมุม เราหลับตาปี๋ มันเหมือนจริงไป ฮ่า) และเครื่องเล่นเนี่ย เขาใช้เทคโนโลยีใหม่ในการสร้างสรรค์มันขึ้นมาค่ะ มันเลยจะดีและสมจริงกว่าเครื่องเล่น 3D/4D อื่นๆ ในพาร์ค
ออกจากเครื่องเล่น ก็จะเจอร้านขายของที่ระลึกใต้ปราสาท ก็จะมีพวกเสื้อผ้า ผ้าพันคอ สมุดโน้ต ตุ๊กตา แล้วก็ที่เด่นสุดๆคือ The Mauderer's Map (แผนที่ตัวกวน) ซึ่งราคาค่อนข้างสูง มีสองแบบ ราคาสูงทั้งสองแบบเลย ดูของอะไรกันเรียบร้อย เอาของออกจากล็อกเกอร์ ก็ปล่อยให้ มุก ปิงปิง เจ้แตมไปเล่น Dragon Challenge คือเป็น Roller Coaster สองรางสีฟ้ากะสีแดง พัวพันกันอยู่ ตีมของมันคือมังกรสองตัวที่ไล่ล่ากันอยู่ มังกรตัวสีแดงเป็นพันธุ์ Chinese Fireball สีฟ้าคือ Hungarian Horntail (จากภาค4 The Goblet of Fire อิอิ) มันวิ่งเร็วมากกก
เรากับแพรวิมเลยขอบาย ระหว่างรอสามคนเขาเล่นกัน เราสองคนเลยเข้าไปในร้าน Owl Post ที่จะมีขายสรรพสิ่งต่างๆจากเรื่อง Harry Potter เนี่ยแหละ มีขายไม้กายสิทธิ์ด้วย ถ้าขี้เกียจต่อแถวที่ Ollivanders ซึ่งที่นี่จะพิเศษตรงที่ Ollivander จะทำการให้ไม้เลือกเราทีละคน เหมือนในหนังเลย จะใช้เวลาหน่อย แต่ที่ Owl Post คือเป็นชั้นวางแล้วมีไม้เรียงกันเป็นตับ จะมีป้ายติดบอกอยู่ว่าไม้นี้เป็นแบบของใครๆ ที่ฮิตๆ คนซื้อเยอะก็จะเป็นของ Harry กับ Dumbledore จ้า ไปถึงที่แล้ว เรากับแพรก็อดไม่ได้ที่จะหยิบชุดนักเรียนฮอกวอตมาใส่ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก (ถ้าอยากซื้อกลับบ้าน เสื้อคลุมตัวละ 100กว่าเหรียญ หรือ 3000กว่าบาทนะคะ) และแน่นอนเราต้องมีพร็อพ ไม่งั้นถ่ายออกมาดูไม่สมจริง เลยไปหยิบตุ๊กตาเฮ็ดวิก ไม้กวาด ละก็ผ้าพันคอของบ้านกริฟฟินดอร์มาเข้าใส่ฉากด้วย พนักงานก็เมียงมองเมียงมอง สองคนนี้ถ่ายไม่เสร็จสักที แต่เขาคงเข้าใจ เพราะใครๆเข้ามา ก็มาทำอย่างนี้กันหมด ฮ่าาา ถ่ายกันจนพอใจ ก็ไปยืนดูนักเรียนจาก Beauxbatons กับ Durmstrang แสดงโชว์เล็กๆน้อยๆ อยู่บริเวณสเตจเล็กๆ ใกล้ๆร้าน Ollivanders รอสามคนนั้นต่อ
พอทุกคนเล่นลงมาเสร็จ ก็ตกลงกันว่า ไปถ่ายรูปกับวิวปราสาทฮอกวอตกันเถอะ ตอนแรกก็เดินเข้าไปทางขึ้นเครื่องเล่น Dragon Challenge นี่แหละ มันจะมีจุดให้ถ่ายรูประหว่างแถว แต่ปรากฏว่ามันมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะ เลยถ่ายออกมาแล้วไม่ค่อยสวยเท่าไร เลยเดินออกมา แล้วไปถ่ายตรงสะพานที่เชื่อมจากดินแดนแฮรี่ไปโซนอื่นๆแทน ซึ่งจะเห็นวิวเป็นปราสาทฮอกวอตสวยงาม มีเหมือนเป็นทะเลสาบเล็กๆ ข้างล่าง สวยมาก รู้สึกได้เติมเต็มความฝันวัยเด็กมาก คืออยากเรียนฮอกวอตแต่เด็ก พอได้มายืนตรงนี้คือน้ำตาจะไหลจริงๆ (ฮ่าา)
พอได้รูปกับปราสาทสมใจอยากแล้ว ก็เดินวนกลับมาแวะร้าน Honeydukes ซึ่งเป็นร้านขายขนมลูกอมใน Hogsmeade จากในหนัง มันคือร้านที่มี Passageway ลับโผล่มาจาก Hogwarts ได้ด้วย ถ้าใครเคยดู Harry Potter and The Prisoner of Azkaban ต้องจำได้แน่ๆ แบบว่าเห็นแล้วก็ต้องจำร้านนี้ได้เลย เพราะตัวร้านจะสีเขียวๆ มีโหลลูกอมเยอะๆ หลายๆสี โดดเด่นน่าจดจำ น่ารักมากๆ เข้าไปในร้านก็จัดแจงถ่ายรูปกันอีก (เหมือนเป็นทริปถ่ายรูปเลย เพราะทุกคนชอบและแฮปปี้มาก เลยอยากถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก อิอิ)
ถึงเวลาอาหารกลางวัน เราก็เลือกทานที่ร้าน Three Bloomsticks (ร้านไม้กวาดสามอัน)
ไปถึงร้าน เราก็พุ่งตัวเข้าไปนั่งจองที่กันที่ว่างอยู่ตอนนั้น เพราะโต๊ะหายากมาก แต่แปปนึงปิงปิง ก็เรียกให้ย้ายไปนั่งที่โต๊ะกลมที่ดูดี น่านั่ง ดูอยู่ในสถานที่จริงในหนังมาก (พนักงานบอกปิงว่านั่งได้) แต่หย่อนก้นนั่งแปปเดียว ยังไม่ทันจะเดินไปสั่งอาหาร ลุงพนักงานคนนึง ชื่อ Ervin ก็มาไล่ ย้ำ นางไล่ บอกว่าร้านนี้ห้ามจองที่นั่ง ต้องซื้ออาหารแล้ว ถึงจะมานั่งได้ ปิงก็บอกอ้าว ตะกี้พนักงานอีกคนบอกนั่งได้ ปิงกับเจ้แตมก็จัดการเจรจาต่อรอง ให้ลุงช่วยเก็บโต๊ะนี้ไว้ให้ได้มั้ย นางก็กระฟัดกระเฟียดไม่ยอมพวกเรา (คือถ้าเป็นที่ Disney World จะไม่มีงี้นะคะ ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่ถ้าเกสขออะไรต้องตามใจจริงๆ) บอกยังไงยูก็ต้องมีอาหารที่โต๊ะแล้ว ฉันถึงจะให้เธอนั่ง เรา แพร มุกเลยเดินไปซื้ออาหาร ให้เจ้แตมกับคุณปิงยืนกันท่า จองโต๊ะไว้ สั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอรับอาหาร สายตาเราก็มองไปทางโต๊ะตลอดเวลา ลุงก็ไม่ยอมไปไหน แบบหวงโต๊ะมาก พอได้อาหารจานนึง มุกเลยรีบ แบกไปวางไว้ที่โต๊ะ พอได้อาหารครบเรากับแพรเลยค่อยตามไปทีหลัง ซึ่งพอไปถึงโต๊ะ หน้าเจ้แตมตอนนั้นคือไม่โอเคมากๆ เจ้เล่าให้ฟังว่าลุงใจร้ายมาก คือคนอื่นผ่านไปผ่านมา ลุงก็พยายามจะเรียกให้มานั่งโต๊ะที่เราอยากนั่ง พอมีการเจรจากันเกิดขึ้นระหว่างเจ้แตม ปิง และลุง ลุงก็ได้กล่าวว่า ลุงสามารถไล่พวกเราออกจากพาร์คได้นะ คุณพระ! บอกเลยว่าตกใจมาก เจอเหตุการณ์นี้คือทำให้เรา รักดิสนีมากขึ้น 100ล้านระดับ คือบริการทุกระดับ ประทับใจมากจริงๆ แนะนำให้ทุกคนไปอยู่ดิสนีสัก 5 วันนะคะ ยิ่งนอนรีสอร์ทยิ่งดี แล้วมาเที่ยวยูนิเวอแซลต่อ จะรู้สึกได้จริงๆ ว่า Guest Service สู้ดิสนีไม่ได้เลย คือถ้าลุงพูดดีๆ ไม่มีพูดจากระแทกกระทั้นแต่แรก พวกเราก็เข้าใจได้ว่า แต่ละที่มันไม่เหมือนกัน ก็คงเข้าใจ แล้วยอมเดินไปซื้ออาหารก่อน แต่นี่แบบ ใจเย็นลุง ลุงพูดจาเหมือนจะกินหัวเราตลอดเวลา เจ้แตมกับคุณปิงจึงเห็นสมควรว่า จะไม่ยอมค่ะ!
แต่ทานเสร็จ เราก็ไม่ปล่อยให้อารมณ์ขุ่นมัวนาน (จริงๆเลิกคิดมากตั้งแต่คำแรกเข้าปากแล้ว ฮ่าา) ก็ไปต่อกันที่Seuss Landing ซึ่งจะเป็นโซนของ Dr.Seuss ไว้เดี๋ยวจะมาเล่าต่อคราวหน้านะคะ
ป.ล. จริงๆในโซนแฮรี่ มีอีกเครื่องเล่นนึงชื่อ Flight of the Hippogriff มาจากภาค3 Harry Potter and The Prisoner of Azkaban ที่ Hagrid เป็นคนสอนเด็กๆนักเรียน Hogwarts ให้ขี่ Hippogriff เครื่องเล่นนี้ก็เหมือนให้พวกเราได้ขึ้นลองขี่ Hippogriffเป็น Training Flight ระหว่างทางเดินเข้าไปก็จะมีกระท่อมแฮกริดอยู่ให้ถ่ายรูปเกร๋ๆกันด้วย ตัวเครื่องเล่นนี้จะไม่มีอะไรหวาดเสียว พาเด็กๆขึ้นนั่งกินลมชมวิวได้เลยค่ะ
ป.ล. 2 ถ้าอยากไป Wizarding World of Harry Potter มาก แต่ไม่อยากไปไกลถึง Orlando ตอนนี้ที่ Universal Studios Japan ที่ Osaka เปิดตัวโซนแฮรี่แล้วนะคะ มีเครื่องเล่นและร้านอาหารเหมือนกันเด๊ะเลย แต่ไม่มี Diagon Alley นะคะ
ป.ล. สุดท้าย ไปถึง Wizarding World of Harry Potter แล้ว แนะนำให้ทุกคนลองต่อแถวซื้อ Butterbeer มาชิมนะคะ มีขายแบบพร้อมแก้วทรงเหมือนในหนังด้วย รสชาติอร่อยดีค่ะ มันๆ คล้ายๆวานิลลานิดๆ เด็กกินได้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น