ญี่ปุ่น ... 1 ปีเต็มผ่านไป เห็นอะไรมาบ้าง เอามาฝากให้ชมพร้อมพิกัดครับ

สวัสดีครับ มี Login Pantip มานมนานเป็นสิบปี น่าจะโพสต์ไม่ถึงสิบกระทู้ และกระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้แรกตั้งแต่เปลี่ยนเป็นระบบใหม่ รบกวนปล่อยของสักเล็กน้อยครับผม

สืบเนื่องมาจาก ผมมีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น กรุงโตเกียวเป็นรอบที่สามในชีวิต แต่เป็นครั้งที่ 4 ที่ได้มาประเทศแห่งนี้

ย้อนไปครั้งแรกก็ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2005 นู่นน่ะครับ เป็นการมาท่องเที่ยวสิบกว่าวัน ตามใจอยากที่จะบินมาคนเดียวให้เห็น ว่าประเทศนี้มันมีดีอะไร กลายเป็นว่า ติดใจแบบกู่ไม่กลับเลยทีเดียว

ครั้งที่สองที่ได้มา ก็กลายเป็นมาทำงานช่วงสั้นๆสองเดือน เมื่อตอนปลายปี 2010 ก็ยังรู้สึกว่าไม่เต็มอิ่ม แต่ก็ทำให้รอดแผ่นดินไหวใหญ่ เพราะกลับมาก่อนมีนาคม 2011 จนมาถึงปี 2012 ช่วงต้นปี ก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งครั้งนั้นก็อยู่ที่นี่ร่วม 8 เดือน แต่ประเทศนี้ ถ้ารัก ก็รักเลยล่ะครับ ยังงัยก็ต้องกลับมาอีก

จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน ช่วงปลายสิงหาคมปี 2013 ก็ได้มีโอกาสกลับมาทำงานที่ประเทศนี้เป็นรอบที่สาม และคราวนี้ก็อยู่ยาวจุใจเต็มอิ่ม 1 ปีเต็มๆผ่านมาแล้วเลยทีเดียว ก็เลยเอารูปสถานที่ๆคนทำงาน เที่ยวได้แค่เสาร์อาทิตย์แต่ใจก็อยากจะเที่ยว มาให้ชมกันว่าคนบ้ากล้องบ้าถ่ายรูปก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อยเปื่อย แต่ละช่วงแต่ละเดือน ได้เห็นอะไรมาบ้างในประเทศอันเป็นที่รักยิ่งแห่งนี้ครับ หัวเราะ

ปล. เอาโลเคชั่นไปแปะในกูเกิ้ลแมพได้เลยครับผม

ภาพเปิด เป็น Landmark ที่ผมรักที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ฟูจิซัง นั่นเอง เป็นช่วงเช้าตรู่ประมาณตีห้าครึ่งเดือนมีนาคม สถานที่ๆมีชื่อว่า ฟุโมโตะพาระ บริเวณใกล้ๆก้บทะเลสาบโมโตสึ อากาศหนาวสบายสำหรับคนขี้ร้อนอย่างผมล่ะครับ

Location : N 35°24’2.052”, E 138°33’41.874” (Fumotopara)



ช่วงเพิ่งมาถึง ตอนปลายสิงหาคม ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนมาก เป็นการเตรียมตัวเตรียมข้าวของเครื่องใช้เข้าอพาร์ตเมนต์ในช่วงวันหยุดซะมากกว่า แต่พอเข้าเดือนกันยายนได้ เสาร์อาทิตย์เป็นต้องออกเดินเท้า ปล่อยมันไปตามลมเลยล่ะฮะ และพอดีว่า ญี่ปุ่นมีแคมเปญโปรโมตให้ประเทศตัวเองได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2020 พอดี Tokyo Skytree ที่ผมได้มีโอกาสขึ้นไปชั้นชมวิวสูงลิบเมื่อเดือนมิถุนายน 2012 ตอนเปิดเดือนแรกเลย ก็มีการเปลี่ยนสีให้เข้ากับบรรยากาศ ซึ่งโดยปกติ จะเป็นแค่สีม่วงมิยาบิ และสีฟ้าอิคิ ทาวเวอร์นี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆครับ ถ้าจะตามเก็บได้หมดทุกสี ทุกเทศกาล คงต้องเที่ยวญี่ปุ่นกันจนหงำเหงือกเป็นแน่แท้

Location : N 35°43’59.712”, E 139°48’37.662” (แห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุมิดะ)



โอกาสพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ได้มากันง่ายๆ นั่นก็คือ ผมได้มีโอกาสไปเก็บบรรยากาศการแต่งตัวของไมโกะ ตั้งแต่แต่งหน้าทำผมในห้อง จนเสร็จออกมาเป็นรูปร่างเดินเก๋ๆในย่านกิอง กรุงเกียวโต

Location : N 35°0’4.0”, E 135°46’47.662” (Gion Kyoto)



ช่วงเดือนตุลาคม อากาศเย็นๆเริ่มมาเยือนภาคกลางของญี่ปุ่น และแน่นอนครับ ใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงเวลาที่ผู้คนมีความสุขไม่แพ้ช่วงซากุระเลยทีเดียว แต่ช่วงตุลาคม จะมีแต่ทางแถบฮอกไกโด ที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีก่อนใครเขา ไอ้เรายังหาเวลาไปที่ไกลๆไม่ได้ ก็เริ่มไปเที่ยวชมต้นโคเคีย ที่จังหวัดอิบารากิ พุ่มไม้เตี้ยๆ ที่เปลี่ยนสีจากเขียว เป็นแดงในช่วงเดือนนี้ล่ะครับ

Location : N 36°24’18.180”, E 140°36’1.242” (Hitachi Seaside Park)



นิกโก้ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามตลอดทั้งปี ก็ต้องไปชมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เหมือนกัน ประมาณปลายๆตุลาคม ถึงต้นพฤศจิกายนนี่กำลังเหมาะ แถมเสาร์อาทิตย์ การจราจรหนาแน่นมากเลยทีเดียวครับ

Location : N 36°45’24.570”, E 139°35’58.590” (Toshigi Shrine)


ช่วงเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะบนเกาะฮอนชู ไล่ตั้งแต่แถบคันโต ยาวลงใต้ไปจนถึงชูโกคุ ยันคิวชูนู่นเลย เป็นฤดูไฮซีซั่นระดับพีครองจากช่วงซากุระในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ การจะหาโรงแรมสำหรับม้งอย่างผม ก็ยากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ตรงช่วงเวลาที่ดีมั่งล่ะ เต็มสุดๆมั่งล่ะ แต่สุดท้าย ผมก็ถ่อไปจนถึงเซมโบคุ ที่จังหวัดอะกิตะจนได้ จริงๆทริปนี้แค่อยากจะนั่งชินคังเซ็น E6 สีแดงแปร๊ด แล้วขากลับก็กลับด้วย E5 ฮายาบุสะจากโมริโอกะ แค่นั้นเอง

Location : N 39°36’32.868”, E 140°39’20.910” (Dakigaeri Gorge)



อีกสถานที่หนึ่งในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว เห็นทั้งใบไม้เปลี่ยนสี วิวเมืองชินจุกุ และยาวไปจนถึงฟูจิซัง มีวัดให้เที่ยวด้วย ก็ต้องที่ทะคะโอะซังนี่เลยครับ ครบเครื่อง ได้ออกกำลังเดินขึ้นเขาระยะทางสั้นๆด้วย

Location : N 35°37’52.008”, E 139°15’45.282” (Takaosan)



ดินแดนที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้สุนทรีย์ที่สุดในโลก ตัวผมคงจะยกให้เมืองเกียวโตเป็นแน่ ทำไมน่ะหรือ คงเป็นเพราะบรรยากาศโดยรวมล่ะมังครับ ไม่ใช่แค่ใบไม้ ที่เป็นองค์ประกอบหลักในการชม แต่มันคือบรรยากาศโดยรวม ผู้คน สภาพบ้านเมือง วัดวาอาราม มันทำให้รู้สึกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ถ้าจะต้องมาดูใบไม้แดง มันต้องเกียวโต อะไรทำนองนั้น และปีนี้ก็อีกเช่นเคย งานยุ่งจนยังหาโรงแรมไม่ได้ ซึ่งสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนเป็นวันหยุดยาว และโดยเฉลี่ย เกียวโตจะแดงเดือดสุดๆก็สัปดาห์นี้ล่ะครับ ปีก่อน ไปช้าสัปดาห์นึง ช่วงต้นเดือนธันวาคม ใบไม้ก็เริ่มโรยๆซะแล้ว

Location : N 34°59’40.362”, E 135°47’7.620” (Kiyomizu-Dera)



ช่วงปลายเดือนธันวา ที่ญี่ปุ่นก็เหลือแต่บรรยากาศเย็นเฉียบ แต่อากาศแบบนี้ สบายสำหรับผมมากๆ ว่าแล้วก็ออกไปถ่ายรูปอีกตามเคย และคราวนี้ก็ดั้นด้นไปจนถึงสะพานโตเกียวเกต หรือสะพานไดโนเสาร์ ที่คนญี่ปุ่นเรียกแบบนี้เพราะมันเหมือนไดโนเสาร์สองตัวจีบกันอยู่ใช่ไหมล่า มองไปไกลๆ วันท้องฟ้าปลอดโปร่ง ก็จะเห็นฟูจิซังด้วยนะครับ

Location : N 35°36’45.444”, E 139°50’7.596” (Tokyo Gate Bridge)



และก็เช่นเคย ช่วงปลายปีข้ามปีใหม่ อากาศดีๆแบบนี้ เล็งวันดีๆ แล้วก็ออกไปหาภูเขาที่รักอย่างฟูจิซังเช่นเคย คราวนี้เป็นสถานที่ยอดฮิตอย่างฮาโกเน่ ที่ใครๆมาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องมีติดไว้ในโปรแกรมกันทุกรายล่ะ การชมฟูจิซังจากฮาโกเน่ในประสบการณ์ส่วนตัวผม มันเป็นสถานที่ๆเห็นฟูจิซังแล้วดูหรูหรา อลังการที่สุดแล้วล่ะ องค์ประกอบโดยรวม(อีกแล้ว)ในการมองเธอ มันช่างลงตัวในความหรูนั่นเอง

Location : N 35°12’0.000”, E 139°1’55.002” (Hakone from Achinoko)



การมองเมืองโตเกียวอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ต้องข้ามมามองที่โอไดบะ อ่าวโตเกียวอยู่ข้างหน้าเคียงคู่กับสะพานสายรุ้ง ตึกระฟ้าอยู่ข้างหลัง มีทาวเวอร์ที่ผมชอบไปมองมันจากข้างล่างเพื่อเพิ่มพลังในการดำเนินชีวิตที่นี่อย่างโตเกียวทาวเวอร์โดดเด่นโผล่ขึ้นมา ทำให้ได้ระลึกเสมอว่า นี่แหละโตเกียว!!! เวลาหมดพลัง ลองไปยืนใต้โตเกียวทาวเวอร์ แหงนหน้ามองแล้วสูดหายใจลึกๆดูครับ พลังกลับคืนมาหยั่งกะดื่มกระทิงแดงสองขวดรวดเลยทีเดียว

Location : N 35°37’59.424”, E 139°46’15.696” (Odaiba Kaihin Koen)



ช่วงต้นปี ที่ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านที่เป็นมรดกโลก จะมีเปิดไฟในช่วงพลบค่ำให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมบนจุดชมวิว พอมองไปยาวๆแล้ว หยั่งกะหลุดเข้าไปในญี่ปุ่นยุคโบราณจริงๆแน่ะ

Location : N 36°15’46.596”, E 136°54’30.126” (Shirakawago)



ถ้าเดือนกุมภาพันธ์ในโตเกียวมันยังหนาวไม่พอ ก็ขึ้นไปคลุกหิมะที่ฮอกไกโดสิครับ ขาวโพลนไปหมด อาหารอร่อยทุกอย่าง วันที่ผมไป เพื่อไปชมเทศกาลหิมะนี่ถึงกับพายุหิมะเข้า กว่าจะแบกร่างกลับมาโตเกียวได้แทบแย่แน่ะ

Location : N 43°11’59.658”, E 141°0’5.358” (Otaru, Hokkaido)



ช่วงเดือนมีนาคม อากาศในโตเกียวเริ่มอุ่นขึ้นเตรียมรับการมาเยือนของสัญลักษณ์อันดับหนึ่ง นั่นก็คือดอกซากุระ ผมก็ยังคงออกตระเวนเก็บภาพตามสถานที่ต่างๆเช่นเคย โดยเฉพาะเมื่อสบโอกาสวันอากาศดีตรงกับวันหยุด ก็ย่อมไม่รอช้า คว้ากล้องออกไปหาฟูจิซังแบบไม่ต้องคิดถึงที่อื่นเลยล่ะ

Location : N 35°15’49.278”, 139°34’35.718” (Fujisan at Sagami Bay)



การตระเวนเก็บภาพฟูจิซัง มีเรื่องที่นักท่องเที่ยวควรเข้าใจอันดับแรกเลยก็คือ เธอขี้อายครับ บางทีเราเช็คอากาศจนเรียกว่ามั่นใจสุดๆ ออกไปจริงๆเธอยังหลบหน้า หลายๆที เมฆก็มาช่วงบดบังใบหน้าของเธอซะงั้น แม้ฟ้าโดยรอบข้างจะใสสว่างไปทั้งหมด -,-

Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan and Enoshima)



ดังนั้น การออกไปหาฟูจิซัง มันก็เหมือนความท้าทายอย่างนึงในชีวิต ภูเขาอะไร สวย 360 องศา แถมยังเป็นกุลสตรีไทยยุคโบราณ ไม่ชอบเปิดเผยหน้าตาในที่แจ้งมากนัก ยิ่งวันไหนได้เห็นเธอเต็มๆ อารมณ์ดีแบบบอกไม่ถูก โดนลุงแซงขึ้นรถไฟยังยิ้มได้ อะไรทำนองนั้น หัวเราะ

Location : N 35°17’55.212”, E 139°33’4.782” (Fujisan from Shizuoka Tea Plant)



อีกอย่างในญี่ปุ่น ที่ผมรักไม่น้อยไปกว่าฟูจิซังเลย นั่นก็คือ รถไฟ ครับ ชอบจริงๆเลยรถไฟญี่ปุ่นเนี่ย ยิ่งเป็นชินคังเซน หรือรถไฟแปลกๆ ลายลิมิเต็ดนี่เห็นแล้วใจละลาย แล้วถ้าสองอย่างนี้มาอยู่รวมกัน ผมถึงกับบรรยายอะไรไม่ออกเลยทีเดียวล่ะ

Location : N 35°9’7.998”, E 138°43’54.000” (Fujisan and Shinkansen)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่