วันนี้ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ ไม่รู้จะไปเริ่มต้น และตั้งหลักยังไงดี สับสน กระทู้อื่นรู้สึกให้คำตอบช้า แต่ในนี้เท่าที่เข้ามาบ่อยๆ หลายๆท่านได้ให้ความรู้และแง่คิดที่ดีและรวดเร็ว เข้าเรื่องเลยนะคะ ...ปกติจะเลี้ยงลูกกับเพื่อน สลับกันดูแล เมื่อก่อนมาช่วยกันเลี้ยงที่บ้านเรา แต่พอน้องโตได้ 2ขวบกว่าก็ขอเอาไปเลี้ยงที่บ้านตามลำพัง เพื่อนซึ่งอายุ50ปี ไม่เคยมีลูก ก็ขอเอาไปเลี้ยงทุกสัปดาห์ ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์-วันอังคารเช้า บ่ายหน้าที่เรา ไปรับที่โรงเรียน และได้พาน้องไปไปหาหมอ หมอบอกว่าน้องเป็นโรคสมาธิสั้น ต้องทานยา พาไปเข้าเรียนเตรียมอนุบาลตอนอายุ2ปี4เดือน น้องไม่นิ่ง คิดว่าไม่พร้อมเรียน จึงพักเรียนไว้
แต่ตอนนี้น้อง 3 ปีกับอีก10 เดือน พูดคุยไม่ได้มาก แต่รู้เรื่องทุกอย่าง ท่อง ก-ฮ และ a-z ได้ พร้อมศัพท์อังกฤษอื่นๆ ตามวัยเด็ก
แต่พักเรื่องทานยา เพราะคิดว่าเด็กหายปกติแล้ว ครูก็บอกน้องปกติดีเข้ากับเพื่อนได้บ้างแล้ว ครูบอกน้องจะดีขึ้น ถามทุกวันว่าน้องเป็นยังไงบ้าง
คำตอบก็คือดีหมด ปกติ จนเราชะล่าใจ คิดว่าลูกเราคงหายและดีขึ้นจริง เพราะบอกความต้องการทุกอย่างได้หมด
เมื่อวานไปรับลูกที่โรงเรียน น้องบอกว่าครูตีพร้อมชี้ที่ข้างๆ กกหู บอกเจ็บๆ บอกหลายๆครั้ง พร้อมชี้ที่จุดเดิม แต่เราคิดว่าคงพูดไปเรื่อยตามประสาเด็ก ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไปรับที่โรงเรียนเจอคุณครูก็พูดดีตลอด ถามอะไรก็ปกติเกี่ยวกับน้อง
แต่วันนี้ไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ ตอนสายนั่งเทรดหุ้นอยู่ดีๆ โรงเรียนโทรมาบอกเพื่อนเรา ให้มารับน้องที่โรงเรียน แต่ไม่บอกเหตุผล เพื่อนบอกทางผ่านบ้านและว่าง จะไปรับให้ ใจตอนนั้นคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก และก็ต้องตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้
เพื่อนโทรมาบอกว่า ทางโรงเรียนบอกไม่ต้องให้น้องมาเรียนอีกแล้ว เพราะทำให้เด็กอื่นไม่มีสมาธิเรียน
น้องไม่ชอบเรียนและนั่งนานๆ ถ้าขัดใจก็จะร้องและอาละวาด
ก่อหน้านั้นทำไมทางโรงเรียนไม่บอกเราตรงๆ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง หรือที่ผ่านมาโกหกเราตลอดเวลา เอาไหว เอาอยู่ น้องปกติ ค่อยๆปรับตัวเป็นเรื่องปกติของเด็ก ครูจะช่วยนะคะคุณแม่ คำตอบได้ยินแบบนี้ทุกวันที่ถามไถ่เกี่ยวกับน้อง
แต่เพื่อนก็ได้อ้อนวอนขอร้องให้น้องจบเทอมนี้ก่อน เพราะเหลือแค่ 1 เดือนก็จะสอบแล้ว แต่เจ้าของโรงเรียนไม่ยอม พร้อมคืนเงินที่เก็บค่าเทอมล่วงหน้าคืน ถึงแม้เพื่อนจะร้องไห้ และบอกจะให้กราบเท้าก็ได้ เพียงเพื่อให้น้องได้เรียนได้สอบอีกแค่1เดือน เพื่อจะได้ผลการเรียนไปต่อยอดที่อื่นได้
แต่ครูใหญ่เจ้าของโรงเรียนบอกไม่ได้ พร้อมบอกให้จะสวดมนต์ภาวนาให้ลูกเราหายเร็วๆ
เพื่อนกดสายให้เราคุย เราขอคุยทางโทรศัพท์ เพราะเพื่อนไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะไม่ใช่ผู้ปกครองเด็ก แต่ครูใหญ่เจ้าของโรงเรียนไม่คุยกับเรา
ในเมื่อไม่ให้เรียน แล้วไม่คุย เราก็เลยต้องบอกให้เพื่อนรับลูกกลับบ้าน แต่เพื่อนร้องไห้อ้อนออนก็ไม่มีประโยชน์
วันนี้ช็อค ไม่มีใจเทรดหุ้นเลย พาลูกตระเวนหาโรงเรียนทั้งวัน ไปศูนย์พัฒนาเด็ก ค่าใช้จ่ายวันละ800-900 บาท ถ้ารายเดือนๆละ 10000+ บาท
ตัดสินใจพาไปหาหมออีกรอบ ไปเช็คว่าควรทำยังไง หมอบอกโรคนี้จะหายขาดกะทันหันไม่ได้ สมาธิสั้นเป็นได้กับเด็กทั่วไป และเป็นเยอะมาก ถือเป็นเรื่องปกติ
เพราะเด็กสมัยนี้มีสื่อ และสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น ไอแพท มือถือ เกมส์ ทีวี
คุณหมอบอกต้องให้หมอเขียนทำความเข้าใจกับครูที่โรงเรียนหรือไม่ จึงบอกว่าคงไม่มีประโยชน์เพราะครูใหญ่บอกยังไงก็ไม่ได้ เด็กซน นั่งเรียนนานๆไม่ได้ เป็นภาระครูและพี่เลี้ยง
หมอบอกการเลี้ยงดูก็สำคัญ ตอนนี้เด็กมี 2 บ้าน ส่วนมากจะมีปัญหา เพราะการเลี้ยงดูต่างกัน บางทีอาจจะตามใจ จนเด็กไม่มีกฎระเบียบจนเคยชิน ฯลฯ
วันนี้หมอให้ยามาทานทุกวัน ต้องทานยาต่อเนื่อง ปัญหาคือ แล้วเราจะไปหาโรงเรียนที่ไหนทัน ที่ไหนเค้าจะรับลูกเราเรียนกลางคัน แถมไม่มีผลการเรียนไปโชว์ เพื่อเข้าเรียนที่อื่น ทำไมโรงเรียนนี้แล้งน้ำใจจัง น้องไม่ได้น้ำลายไหลยืด เป็นเด็กเอ๋อสักหน่อย น้องช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมไม่ให้โอกาสน้อง
ทำไมทางโรงเรียนไม่เคยบอกปัญหากับเรา แต่วันนี้กลับเชิญไปรับลูกกลับบ้าน บอกไม่ต้องมาเรียนอีกแล้ว
โรงเรียนอนุบาลนิรมล เป็นโรงเรียนที่เรารู้สึกดีมากๆ เพราะลูกชายคนโตเคยเรียนที่นี่ อนุบาล1-2 แต่ย้ายมาเรียนที่อื่น ตอนนี้ก็ไปเรียนบดินทร์เดชา 1
พอลูกคนเล็กเข้าอนุบาล จึงคิดว่าที่นี่ดี ไม่เป็นธุรกิจมาก และเห็นครูรักเอาใจใส่เด็กๆดีมาก แต่วันนี้หมดศรัทธา ผิดหวังอย่างแรง ทำไมโรงเรียนไร้เหตุผล
ไล่ออกกลางคันโดยที่ไม่ให้เราได้ตั้งตัว ไม่มีการให้เราเตรียมตัว ไม่มีบอกล่วงหน้า
เราอุตส่าห์ขับรถจากมีนบุรี เพื่อไปเรียนที่ กม.7 รถติดสุดๆ แต่ก็ต้องไปเพราะคิดว่าดีที่สุดสำหรับลูก และโรงเรียนเปิดมานาน30กว่าปี
รับเนิสเซอรี่-อนุบาล3
เดือนที่แล้ว โรงเรียนก็รับสอนภาคภาษาอังกฤษกับภาษาจีน โดยรับครูสอนพิเศษ มาสอนบางวันและบางชั่วโมง ไม่ทั้งวัน
ไปรับลูกวันศุกร์เย็น ครูประจำชั้นแจ้งจะให้เรียนหรือไม่ ถ้าเรียนให้มาประชุมที่โรงเรียนวันเสาร์ เปิดครึ่งวัน
แต่เราไปไม่ได้ เพราะนัดหมอพาน้องไปรับวรรคซีน จึงเขียนในใบตอบรับว่า ตกลง ให้เรียน และจะมาจ่ายเงินเพิ่ม วันจันทร์
แต่โรงเรียนเปิด 1 ห้อง รับเด็ก30 คน สรุปลูกเราไม่ได้เรียน ครูบอกเต็ม ทำไมเต็ม งง เราจองไปก่อนตั้งแต่วันศุกร์
แต่เค้าบอกคนอื่นไม่ได้เยอะแยะ พร้อมผู้ปกครองท่านอื่นก็ด่าโรงเรียนไม่พร้อม คิดจะทำอะไรก็ทำรวดเร็ว ไม่บอกกล่าวผู้ปกครองล่วงหน้า
เด็กกำลังปรับตัวเข้ากับครูประจำชั้นได้ แต่ครูใหญ่ก็คอยเปลี่ยนระบบเรื่อย ทำให้ผู้ปกครองท่านอื่นต่อว่าบ่อยครั้ง แต่ไม่คิดปัญหาจะเกิดกับเราตอนนี้
เหนื่อยใจจัง เจอปัญหาเข้ามามากมาย หนักหนาสาหัสสุดๆในชีวิต แต่ไม่เคยเจออะไรที่สับสน และคิดว่า มันจะทำให้เราเครียดได้สุดๆเท่านี้มาก่อน
เมื่อก่อนเราเข้าใจว่าโรงเรียนดี แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเค้าไม่แคร์ รู้สึกทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว เพราะเด็กเข้ามาเรียนเยอะ ไม่เหมือน 10กว่าปีที่แล้ว
สมัยลูกคนโตเรียน โรงเรียนนี้รับเด็กพิเศษ เยอะมาก ชนิดที่เห็นแล้ว สงสารครูพี่เลี้ยงที่คอยวิ่งไล่จับเด็ก
แต่ลูกเราไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น แต่ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่ให้โอกาสกับเด็ก แล้ววันพรุ่งนี้ลูกจะไปเรียนที่ไหน ไม่มีที่ไหนรับกลางคันแบบนี้
และไม่มผลการเรียน ใครที่ไหนจะรับ เหนื่อยใจ สับสน คิดไม่ออกจริงๆว่าต้องทำยังไง
โทรไปร้องเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ก็บอกมันเป็นโรงเรียนเอกชน ทำไรไม่ได้ พร้อมแนะนำให้โทรไปที่ กระทรวงที่ควบคุมโรงเรียนเอกชน แต่คำตอบไร้ประโยชน์ กลับบอกให้แจ้งตำรวจ ...ประสาทแล้ว ลูกเราไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย จะให้ไปแจ้งแบบนั้น
หมอบอกว่าเด็กเป็นลูกครึ่ง อาจจะไฮเปอร์มากกว่าเด็กไทย คุณแม่ลองไปขอร้องทางโรงเรียนให้เด็กได้เรียนจนจบเทอมก่อน แต่เค้าไม่ให้เรียนจะให้ทำยังไง
หมอบอกว่าโรคแบบนี้ต้องทานยา และไปเรียนได้ตามปกติ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ทำไมโรงเรียนไม่เข้าใจบ้างเลย
สรุป วันพรุ่งนี้เราควรจะทำยังไงดี สงสารลูกมากเลย หน้าตาน่ารักไปไหนใครๆก็ชมน่ารัก แต่ตอนนี้กลับต้องมาอยู่บ้าน เศร้าจังเลยค่ะ
วันนี้ตอนเช้าส่งลูกไปเรียนตามปกติ พอสายๆกำลังเทรดหุ้นอยู่ดีๆครูโทรมาแจ้งให้มารับน้องกลับ บอกเชิญออกไม่ต้องมาเรียนอีก!
แต่ตอนนี้น้อง 3 ปีกับอีก10 เดือน พูดคุยไม่ได้มาก แต่รู้เรื่องทุกอย่าง ท่อง ก-ฮ และ a-z ได้ พร้อมศัพท์อังกฤษอื่นๆ ตามวัยเด็ก
แต่พักเรื่องทานยา เพราะคิดว่าเด็กหายปกติแล้ว ครูก็บอกน้องปกติดีเข้ากับเพื่อนได้บ้างแล้ว ครูบอกน้องจะดีขึ้น ถามทุกวันว่าน้องเป็นยังไงบ้าง
คำตอบก็คือดีหมด ปกติ จนเราชะล่าใจ คิดว่าลูกเราคงหายและดีขึ้นจริง เพราะบอกความต้องการทุกอย่างได้หมด
เมื่อวานไปรับลูกที่โรงเรียน น้องบอกว่าครูตีพร้อมชี้ที่ข้างๆ กกหู บอกเจ็บๆ บอกหลายๆครั้ง พร้อมชี้ที่จุดเดิม แต่เราคิดว่าคงพูดไปเรื่อยตามประสาเด็ก ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไปรับที่โรงเรียนเจอคุณครูก็พูดดีตลอด ถามอะไรก็ปกติเกี่ยวกับน้อง
แต่วันนี้ไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ ตอนสายนั่งเทรดหุ้นอยู่ดีๆ โรงเรียนโทรมาบอกเพื่อนเรา ให้มารับน้องที่โรงเรียน แต่ไม่บอกเหตุผล เพื่อนบอกทางผ่านบ้านและว่าง จะไปรับให้ ใจตอนนั้นคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก และก็ต้องตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้
เพื่อนโทรมาบอกว่า ทางโรงเรียนบอกไม่ต้องให้น้องมาเรียนอีกแล้ว เพราะทำให้เด็กอื่นไม่มีสมาธิเรียน
น้องไม่ชอบเรียนและนั่งนานๆ ถ้าขัดใจก็จะร้องและอาละวาด
ก่อหน้านั้นทำไมทางโรงเรียนไม่บอกเราตรงๆ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง หรือที่ผ่านมาโกหกเราตลอดเวลา เอาไหว เอาอยู่ น้องปกติ ค่อยๆปรับตัวเป็นเรื่องปกติของเด็ก ครูจะช่วยนะคะคุณแม่ คำตอบได้ยินแบบนี้ทุกวันที่ถามไถ่เกี่ยวกับน้อง
แต่เพื่อนก็ได้อ้อนวอนขอร้องให้น้องจบเทอมนี้ก่อน เพราะเหลือแค่ 1 เดือนก็จะสอบแล้ว แต่เจ้าของโรงเรียนไม่ยอม พร้อมคืนเงินที่เก็บค่าเทอมล่วงหน้าคืน ถึงแม้เพื่อนจะร้องไห้ และบอกจะให้กราบเท้าก็ได้ เพียงเพื่อให้น้องได้เรียนได้สอบอีกแค่1เดือน เพื่อจะได้ผลการเรียนไปต่อยอดที่อื่นได้
แต่ครูใหญ่เจ้าของโรงเรียนบอกไม่ได้ พร้อมบอกให้จะสวดมนต์ภาวนาให้ลูกเราหายเร็วๆ
เพื่อนกดสายให้เราคุย เราขอคุยทางโทรศัพท์ เพราะเพื่อนไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะไม่ใช่ผู้ปกครองเด็ก แต่ครูใหญ่เจ้าของโรงเรียนไม่คุยกับเรา
ในเมื่อไม่ให้เรียน แล้วไม่คุย เราก็เลยต้องบอกให้เพื่อนรับลูกกลับบ้าน แต่เพื่อนร้องไห้อ้อนออนก็ไม่มีประโยชน์
วันนี้ช็อค ไม่มีใจเทรดหุ้นเลย พาลูกตระเวนหาโรงเรียนทั้งวัน ไปศูนย์พัฒนาเด็ก ค่าใช้จ่ายวันละ800-900 บาท ถ้ารายเดือนๆละ 10000+ บาท
ตัดสินใจพาไปหาหมออีกรอบ ไปเช็คว่าควรทำยังไง หมอบอกโรคนี้จะหายขาดกะทันหันไม่ได้ สมาธิสั้นเป็นได้กับเด็กทั่วไป และเป็นเยอะมาก ถือเป็นเรื่องปกติ
เพราะเด็กสมัยนี้มีสื่อ และสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น ไอแพท มือถือ เกมส์ ทีวี
คุณหมอบอกต้องให้หมอเขียนทำความเข้าใจกับครูที่โรงเรียนหรือไม่ จึงบอกว่าคงไม่มีประโยชน์เพราะครูใหญ่บอกยังไงก็ไม่ได้ เด็กซน นั่งเรียนนานๆไม่ได้ เป็นภาระครูและพี่เลี้ยง
หมอบอกการเลี้ยงดูก็สำคัญ ตอนนี้เด็กมี 2 บ้าน ส่วนมากจะมีปัญหา เพราะการเลี้ยงดูต่างกัน บางทีอาจจะตามใจ จนเด็กไม่มีกฎระเบียบจนเคยชิน ฯลฯ
วันนี้หมอให้ยามาทานทุกวัน ต้องทานยาต่อเนื่อง ปัญหาคือ แล้วเราจะไปหาโรงเรียนที่ไหนทัน ที่ไหนเค้าจะรับลูกเราเรียนกลางคัน แถมไม่มีผลการเรียนไปโชว์ เพื่อเข้าเรียนที่อื่น ทำไมโรงเรียนนี้แล้งน้ำใจจัง น้องไม่ได้น้ำลายไหลยืด เป็นเด็กเอ๋อสักหน่อย น้องช่วยเหลือตัวเองได้ ทำไมไม่ให้โอกาสน้อง
ทำไมทางโรงเรียนไม่เคยบอกปัญหากับเรา แต่วันนี้กลับเชิญไปรับลูกกลับบ้าน บอกไม่ต้องมาเรียนอีกแล้ว
โรงเรียนอนุบาลนิรมล เป็นโรงเรียนที่เรารู้สึกดีมากๆ เพราะลูกชายคนโตเคยเรียนที่นี่ อนุบาล1-2 แต่ย้ายมาเรียนที่อื่น ตอนนี้ก็ไปเรียนบดินทร์เดชา 1
พอลูกคนเล็กเข้าอนุบาล จึงคิดว่าที่นี่ดี ไม่เป็นธุรกิจมาก และเห็นครูรักเอาใจใส่เด็กๆดีมาก แต่วันนี้หมดศรัทธา ผิดหวังอย่างแรง ทำไมโรงเรียนไร้เหตุผล
ไล่ออกกลางคันโดยที่ไม่ให้เราได้ตั้งตัว ไม่มีการให้เราเตรียมตัว ไม่มีบอกล่วงหน้า
เราอุตส่าห์ขับรถจากมีนบุรี เพื่อไปเรียนที่ กม.7 รถติดสุดๆ แต่ก็ต้องไปเพราะคิดว่าดีที่สุดสำหรับลูก และโรงเรียนเปิดมานาน30กว่าปี
รับเนิสเซอรี่-อนุบาล3
เดือนที่แล้ว โรงเรียนก็รับสอนภาคภาษาอังกฤษกับภาษาจีน โดยรับครูสอนพิเศษ มาสอนบางวันและบางชั่วโมง ไม่ทั้งวัน
ไปรับลูกวันศุกร์เย็น ครูประจำชั้นแจ้งจะให้เรียนหรือไม่ ถ้าเรียนให้มาประชุมที่โรงเรียนวันเสาร์ เปิดครึ่งวัน
แต่เราไปไม่ได้ เพราะนัดหมอพาน้องไปรับวรรคซีน จึงเขียนในใบตอบรับว่า ตกลง ให้เรียน และจะมาจ่ายเงินเพิ่ม วันจันทร์
แต่โรงเรียนเปิด 1 ห้อง รับเด็ก30 คน สรุปลูกเราไม่ได้เรียน ครูบอกเต็ม ทำไมเต็ม งง เราจองไปก่อนตั้งแต่วันศุกร์
แต่เค้าบอกคนอื่นไม่ได้เยอะแยะ พร้อมผู้ปกครองท่านอื่นก็ด่าโรงเรียนไม่พร้อม คิดจะทำอะไรก็ทำรวดเร็ว ไม่บอกกล่าวผู้ปกครองล่วงหน้า
เด็กกำลังปรับตัวเข้ากับครูประจำชั้นได้ แต่ครูใหญ่ก็คอยเปลี่ยนระบบเรื่อย ทำให้ผู้ปกครองท่านอื่นต่อว่าบ่อยครั้ง แต่ไม่คิดปัญหาจะเกิดกับเราตอนนี้
เหนื่อยใจจัง เจอปัญหาเข้ามามากมาย หนักหนาสาหัสสุดๆในชีวิต แต่ไม่เคยเจออะไรที่สับสน และคิดว่า มันจะทำให้เราเครียดได้สุดๆเท่านี้มาก่อน
เมื่อก่อนเราเข้าใจว่าโรงเรียนดี แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเค้าไม่แคร์ รู้สึกทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว เพราะเด็กเข้ามาเรียนเยอะ ไม่เหมือน 10กว่าปีที่แล้ว
สมัยลูกคนโตเรียน โรงเรียนนี้รับเด็กพิเศษ เยอะมาก ชนิดที่เห็นแล้ว สงสารครูพี่เลี้ยงที่คอยวิ่งไล่จับเด็ก
แต่ลูกเราไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น แต่ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่ให้โอกาสกับเด็ก แล้ววันพรุ่งนี้ลูกจะไปเรียนที่ไหน ไม่มีที่ไหนรับกลางคันแบบนี้
และไม่มผลการเรียน ใครที่ไหนจะรับ เหนื่อยใจ สับสน คิดไม่ออกจริงๆว่าต้องทำยังไง
โทรไปร้องเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ก็บอกมันเป็นโรงเรียนเอกชน ทำไรไม่ได้ พร้อมแนะนำให้โทรไปที่ กระทรวงที่ควบคุมโรงเรียนเอกชน แต่คำตอบไร้ประโยชน์ กลับบอกให้แจ้งตำรวจ ...ประสาทแล้ว ลูกเราไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย จะให้ไปแจ้งแบบนั้น
หมอบอกว่าเด็กเป็นลูกครึ่ง อาจจะไฮเปอร์มากกว่าเด็กไทย คุณแม่ลองไปขอร้องทางโรงเรียนให้เด็กได้เรียนจนจบเทอมก่อน แต่เค้าไม่ให้เรียนจะให้ทำยังไง
หมอบอกว่าโรคแบบนี้ต้องทานยา และไปเรียนได้ตามปกติ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ทำไมโรงเรียนไม่เข้าใจบ้างเลย
สรุป วันพรุ่งนี้เราควรจะทำยังไงดี สงสารลูกมากเลย หน้าตาน่ารักไปไหนใครๆก็ชมน่ารัก แต่ตอนนี้กลับต้องมาอยู่บ้าน เศร้าจังเลยค่ะ