คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
เหนื่อยที่ว่ามันคือเหนื่อยคนละประเภทครับ
Naked เหนื่อยกว่า Sport เวลาเดินทางไกลทำความเร็วสูงๆ (ไม่ต้องเยอะหรอก 60+ ก็เริ่มออกอาการแล้ว)
เพราะไม่มีอะไรบังลมให้ ยืดอกต้านลมเต็มๆ
Sport เมื่อยกว่า Naked หมายถึงท่านั่งเวลาขับ เพราะท่านั่งของ Sport จะต้องก้ม แฮนด์ก็เป็นแฮนด์จับโช้ค
ก้มมากๆก็ปวดหลัง บางคนนั่งผิดท่า ปวดข้อมือปวดแขนด้วย แต่รถ Nake จะนั่งสบายๆ แฮนด์เป็นแฮนด์บาร์
บังคับเลี้ยงวงแคบๆได้ง่ายกว่า (รูปปลากรอบจาก internet)
แฮนด์จับโช้ค

แฮนด์บาร์

เปรียบเทียบท่านั่งของ sport กับ naked


เมื่อเปรียบเทียบแล้ว Sport จะมีข้อดีคือมีแฟริ่ง ไม่ต้องยืดอกพกถุง เอ้ย ต้านลม
ส่วน naked ท่านั่งจะสบายกว่า แฮนด์บาร์ช่วยให้เลี้ยววงแคบๆได้สะดวกกว่า แม้จะต้านลมโคตรๆ
Naked เหนื่อยกว่า Sport เวลาเดินทางไกลทำความเร็วสูงๆ (ไม่ต้องเยอะหรอก 60+ ก็เริ่มออกอาการแล้ว)
เพราะไม่มีอะไรบังลมให้ ยืดอกต้านลมเต็มๆ
Sport เมื่อยกว่า Naked หมายถึงท่านั่งเวลาขับ เพราะท่านั่งของ Sport จะต้องก้ม แฮนด์ก็เป็นแฮนด์จับโช้ค
ก้มมากๆก็ปวดหลัง บางคนนั่งผิดท่า ปวดข้อมือปวดแขนด้วย แต่รถ Nake จะนั่งสบายๆ แฮนด์เป็นแฮนด์บาร์
บังคับเลี้ยงวงแคบๆได้ง่ายกว่า (รูปปลากรอบจาก internet)
แฮนด์จับโช้ค

แฮนด์บาร์

เปรียบเทียบท่านั่งของ sport กับ naked


เมื่อเปรียบเทียบแล้ว Sport จะมีข้อดีคือมีแฟริ่ง ไม่ต้องยืดอกพกถุง เอ้ย ต้านลม
ส่วน naked ท่านั่งจะสบายกว่า แฮนด์บาร์ช่วยให้เลี้ยววงแคบๆได้สะดวกกว่า แม้จะต้านลมโคตรๆ
แสดงความคิดเห็น
รบกวนสอบถามหน่อยครับ เรื่องการขับขี่ รถ บิ๊กไบค์ แบบสปอร์ตที่มีแฟร์ริ่ง กับรถสไตล์นักเก็ต อย่างไหนขับเหนื่อยกว่ากันครับ
แล้วก็เคยได้ยินมาอีกว่าท่านั่งของรถ สไตล์นักเก็ต จะนั่งสบายเมื่อยน้อยกว่าพวกรถสปอร์ตอะครับ ก็เลยสับสนๆ เรื่องข้อมูลเหล่านี้เลยรบกวนสอบถามข้อมูลจากผู้รู้หน่อยครับ