สืบเนื่องจาก
http://pantip.com/topic/32468159/comment63 พูดถึง ป้า
ตอนแรกผมก็กะจะเล่าเรื่องเล็กน้อยๆ เกี่ยวกับ ป้าซึ่งไม่ใช่ป้า ของผมให้ฟัง
แต่กลับกลาย เป็นว่ามันกลายเป็นเรื่องของผมเอง ซะยืดยาว ก็เลย ตัดสินใจมาตั้งกระทู้ใหม่ซะเลย
ซึ่งจริงๆแล้ว ผมว่าจะไม่ตั้งกระทู้เล่าเรื่องอะไรอีก ก่อนหน้านี้ ผมตั้งกระทู้ เล่าเกี่ยวกับ ทำงานออนไลน์แบบหนึ่ง ที่มีลักษณะแบบการกินหัวคิว
ซึ่งตัวกระทู้ผมบอกว่ามันทำงานยังไง มันมีรายได้ ได้ยังไง และก็มี ต่อ ในความเห็น อีก สุดท้ายผมชี้ให้เห็นว่า มันเป็นไรอย่างไร
ไม่ได้บอกว่าดี เลยสักคำ ผมได้แสดงให้เห็นด้วยซ้ำไปว่า คุณจะมีรายได้ โดยการไปหลอกล่อคนให้มาสมัคร แล้วกินหัวคิว
ที่จ่ายกันเป็นรายเดือน ผมพิมพ์รอไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะ copy มาว่าง
ก็มีความเห็นแทรกเข้ามาก่อน คห. สุดท้ายจะส่ง ว่า ให้พ่อมุงทำเถอะ ให้โครตเหง้าทำจะได้รวยๆ ทั้งตระกูล อะไรประมาณนี้
สุดท้ายโดยลบไปโดยพลัน ด้วยข้อหา "เสนอขายสินค้าในที่ที่ไม่ได้จัดไว้ให้" ก็เสียอารมณ์ไปนิดหน่อย ก็อย่างที่ว่า คนไทยอ่านไม่เกิน 3 บรรทัด
ผมก็ไม่ได้ท้วงติงอะไร ว่าจะตั้งกระทู้ตัดพ้อ แต่ก็ไม่ได้ตั้ง ไม่มีประโยชน์อันได้ กระทู้จะอยู่หรือไป ผมก็ไม่ได้อะไร
แต่ก็เสียดาย แง่คิดที่คนไม่รู้ เผื่อคิดจะทำ จะได้รู้ไว้ ไหนก็ตั้งกระทู้ แล้วก็ขอรวบตัดพ้อไปด้วยเลย
มาถึงตรงนี้แล้ว แสดงว่าคุณอ่านมาเกิน 3 บรรทัดแล้ว ก็มาอ่านเรื่องของผม กันตามตั้งใจดีกว่า
ผม โดนพ่อ-แม่ ทิ้งตั้งแต่ 3 ขวบ ด้วยปัญหาของพวกท่านเอง ปัจจุบันผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ก็มีไปเยี่ยมเยียนบ้าง
ผม ถูกเลี้ยง มาโดย แม่ของเพื่อนแม่ อีกที่ ไม่ใช่เป็นญาติกันด้วยซ้ำ ส่งเสียตั้งแต่ อนุบาล จนจบ ป.ตรี
ฐานะทางบ้าน ก็ไม่ได้มีอะไร เพื่อนแม่ (ผมเรียกว่าป้า แล้วกัน) ป้า ทำงานเป็นหลักคนเดียว เป็นสาวโรงงาน วุฒิ ป.6
เงินเดือนก็ทั่วๆไป ไม่มีอะไรพิเศษ อาศัยทำโอ วันอาทิตย์ก็ทำโอ
หาเลี้ยง ผม แม่ของป้า (ผมเรียกแม่ใหญ่) พ่อของป้า (ผมเรียก เตี๋ย) น้องสาวป้า (ผมเรียกน้า) น้องชายป้า (ผมเรียกอะไรไม่ทราบ)
สัก ป.1 - ป.2 น้าก็เรียน จบไปเป็นครูเอกชน น้าก็เงินเดือนน้อยมาก ช่วยอะไรไม่ได้มาก
ต่อมาก็ไปบรรจุเป็นข้าราชการครู ที่ ต่างจังหวัด ถึง บุรีรัม ซึ่งสมัยนั้นผมว่ากันดาน มาก ทางเข้าไปดินแดง ก็ช่วยเรื่องการเงินไม่ได้มาก
ต่อมาน้องชายป้า เรียนจบ ปวช. ก็ทำงาน ผมไม่ทราบว่าได้เงินมากน้อยแค่ไหนเท่าไร ทำงาน 2-3 ปี ว่าจะบวช
แต่ก็ประสบอุบัตเหตุตายซะก่อน
แม่ใหญ่-เตี๋ย ผมก็มีรายได้เสริม จากการพับถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ การประกอบบานพับสปริงตัวเล็กๆ ที่ใช้กับพวกกล่องนาฬิกา
ก็ได้ไม่เยอะเท่าไร แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ
เกรินซะยาว...แต่ก็เพื่อจะบอกสถานะทางการเงินว่าเป็นเช่นไร ... แต่ป้าผม ดูแล ผมอย่างดีเสมอมาจนปัจจุบัน
อนุบาล-ป.6 เรียนโรงเรียนเอกชน
ม.ต้น - ปวช. - มหาลัย ของรัฐบาล
ตอนเรียน ผมไม่เคยมีแฟน
แต่สมัย ม.ต้น ก็มีเด็กผู้หญิง ชอบติดสอยห้อยตามผมไปซะทุกที่ แถมผมต้องดูแล เรื่องค่าใช้จ่าย ให้ด้วยบ้าง
โดยมากผมจะจ่ายค่ารถกลับบ้าน และ ค่าอาหาร เล็กๆน้อยๆ ให้ แต่เงินที่ได้จากที่บ้าน ของผม 20 บาท โรงเรียนอยู่ไกลเกือบ 10 กิโลเมตร
ค่ารถไป-กลับประมาณ 10 บาท ค่าอาหารกลางวันธรรมดา 5 บาท น้ำเปล่าฟรี น้ำอย่างอื่นเสียเงิน ซึ่งลำพังไม่มีเงินเหลือแน่นอน
แต่ผมมีรายได้ทางอื่น แต่ไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ (ไม่ได้ปล่อยกู้นะ) ทุกๆเดือน ผมจะมี เงินฝากธนาคาร เดือนละอย่างน้อย 100 บาท
จะมีเจ้าหน้าที่จาก ธนาคารออมสิน มารับฝากถึงโรงเรียน ทุกๆเดือน
ยุคนี้ผมคนข้างมีเงิน สำหรับ เด็กม.ต้น ในสมัยนั้น เลยทีเดี๋ยว อีกทั้งผมยังได้รับทุนขาดแคลนอีกด้วย ปีละ 3000 นี่แหล่ะ
ตามสถานะทางการเงินและครอบครัว (ผมไม่ได้ขอ แต่ทางโรงเรียนพิจารณา ให้เอง) ได้มาตลอด 3 ปี จะเรียนดีเรียนแย่ก็ได้
เงินทุน จะเข้าธนาคาร ตามบัญชีออมสิน นั้นแหล่ะ เงินจำนวนนี้ผมไม่เคยใช้เลย เงินในบัญชีไม่เคยเบิก
อ๋อ มาต่อกันที่เด็กผู้หญิง คนนี้ วันหนึ่งผม ไม่มีเงินเหลือพอที่จะให้ค่ารถกลับบ้าน ก็เป็นเรื่องราว ร้องห่มร้องไห จะกลับบ้านยังไง
จนผมต้องยืมเงินเพื่อนให้ไป ตอนนั้นผมก็คิดเลยว่า "นี่มันภาระเราเหรอ" แต่ผู้หญิงคนนี้ ในมุมของคนอื่นก็คือ แฟนผม หรือ คนของผม
ซึ่งผมกลับไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเศษไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีเด็กย้ายมาใหม่ตอน ม.3 มาจีบ แต่สุดท้ายเขาก็มาขอโทษผมเอง
โดยว่า "ไม่รู้ว่าเป็นเด็กของผม" เพราะผมโดดเรียนไม่ค่อยได้เข้าเรียนผมก็ งงๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไร
จริงๆแล้วผมชอบพี่ ม.ปลาย มากกว่า ชอบใช้ผมไปซื้อโน่นนั้นนี่ประจำ ก็มีได้นอนหนุนตักด้วยนะ
นอกจากนี้ยัง ตอน ม.2 มีรุ่นน้อง ม.1 เข้าใหม่ อีกคน มาตามตื้อผม ชอบชวนผมไปโน้นนั่นนี่ ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก
ในโรงเรียนบ้าง แถวๆโรงเรียนบ้าง สมัยนั้นไม่มีที่ให้ไปเท่าไร อยากมากก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
ผมก็มักจะตอบรับ ไม่ปฏิเศษ แต่จะใช้วิธีหลบหน้า เอามากกว่า
จนสักพัก เขาก็เลิกไปเอง ไม่ทันพ้นเทอม 1 คงเพราะเห็นผมไม่สนใจเท่าไร และ คิดว่าผมมีแฟนอยู่แล้วด้วย ซึ่งผมก็ปฏิเศษ ว่าไม่ใช่แฟน
ซึ่งน้องคนนี้ ก็ยังสนใจผมอยู่ แม้ผมจบ ม.3 ออกไปแล้ว ตอนคราวผมกลับไปเยี่ยม โรงเรียน แสดงออกชัดเจน แอบตามผมอยู่สักพัก
จนมีโอกาศ กำลังจะเดินมาคุยกับผม กับจังหวะ คนของผม มาคุยด้วยพอดี เธอจึงหลบจากไป ไม่ได้คุยกัน
รุ่นน้องคนนี้ ก็ออกขี้อายหน่อย แต่เข้ามาหาผมนะครับ แต่เวลาอยู่ด้วยกัน จะไม่ค่อยพูดเท่าไร ผมจ้อคนเดียว
รุ่นน้องคนนี้ ไม่เคยใช้เงินผมสักบาท วันไหนกลับด้วยกัน ยังออกค่ารถ ให้อีกต่างหาก ขนมนมเนย ก็ซื้อมาให้
ผมก็สงสารรุ่นน้องคนนี้นะ จริงๆ ถ้าผมเป็นแฟนกับเธอ ก็คงจะดี ตอนเรียน ป.ตรี ผมเคยตามหา นะแต่ไม่เจอ ตอนนั้นไม่รู้คิดยังไง
แต่สาเหตุจริงๆ ที่ผมฉุนมาก เคย น้องคนนี้ มีญาติ อยู่ฝ่ายปกครอง แล้วตรวจสอบประวัติผม ที่ฝ่ายปกครอง
รู้หมดเลยทำไรผิดบ้าง ตอนนั้นผมไม่ทราบก็มาถามผมว่า เคยทำโน้นนี่นั้น มาเหรอ ซึ่งผมแปลกใจมาก ว่ารู้ได้อย่างไร
น้องเขาก็หัวเราะคิกคักชอบใจ แต่ผมสงสัยมาก ไปคาดคั้นเพื่อนสนิททุกคนว่าใครเอาไปโฆษณากันนะ ก็ไม่มี
จนคาดคั้นกับน้องเขา ก็บอกดูมาจากฝ่ายปกครอง ตอนนั้นฉุนขาด แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ต่อว่าไปนิดหน่อย
เรื่องรุ่นน้องคนนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ตอน ม.3 มีเพื่อนรุ่นเดียวกับผม แต่คนละห้อง ไปจีบเธอ
แต่เพื่อน ของเธอ บอกว่า
น้องเคยชอบผมมาก่อน ทำให้เขามาถามผมว่า น้องคนนี้เคยมาชอบผมเหรอ ผมก็ดัน เออออ ไปอีก
เขาก็เลยขอโทษผม บอกว่า
ไม่รู้จริงๆว่าเป็นเด็กของผม ผมก็งงจริงๆ ว่า มันเกิดอะไรขึ้น ผมมันน่ารังเกียจ ขนาดนั้นเหรอ
และน้องคนนี้ ไม่เคยมีใครมาจีบ อีกเลยตลอด ม. ต้น ไม่รู้ว่าผมทำร้ายจิตใจเขามากน้อยแค่ไหน
ก่อนจะไปต่อ เดี๋ยวจะหาว่า ผมนี่หล่อซะเต็มประดา อธิบายตัวผมให้ตอนนั้นให้ฟังก่อน
ผมจะหัวโตๆ เถิก ผอมมาก และ ตัวดำ เพื่อนล้อว่าเป็นนายแบบ นายแบบให้ยี่ห้อ บวดหาย นะครับ
พอต่อมา น่าจะเป็นสมุดแจกนักเรียน ปกน้ำตาล ก็หาว่าเป็นนายแบบให้อีกแล้ว
สมุดเป็นภาพคนติดยา ไปเลิกยามั่ง นั่งชันเขา แล้วก้มหัวถึงหัวเขา หาภาพไม่ได้
พูดถึงเรื่องติดยา ผมก็ขอพูดเรื่องไม่ค่อยจะดีของผมบ้าง
ม.2 ผมเริ่มที่จะดูดบุหรี่ ถักมา ก็เหล้า ม.3 ผมลองกัญชา
กัญชา นี่ผมม้วนสูบเอานะครับไม่ได้ใช้บ้อง ลองอยู่ 2 ครั้ง กับเพื่อนอีก 2 คน
เพื่อนผมนี่ล่องลอยไปแล้ว แต่ผมทรมาน มาก ปวดหัวมากมาย ลุกเดินไม่ได้เลย ต้องรอจนมันทุเลาเอง
หรือผมสัดหนัก แบบดูดซี๊ดแบบบุหรี่ก็ไม่ทราบ จากนั้นมาไม่เอาอีกแล้วกัญชา
บุหรี่ นี่ผมดูดวัน วันสองวัน ซองกันเลยทีเดียว ตอน ม.3
แต่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนผม หัดดูดได้ 2 วัน บอกเลิกไม่ได้ จะเป็นจะตาย
ผมก็เลยเลิกให้ดูซะเลย ตั้งแต่บัดนั้น แต่ก็มีสูบบ้าง ตอนกินเหล้า ประปราย ตอนนี้ไม่
ส่วนเหล้า ตอน ม.3 มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังเลิกเรียน ซื้อกลมหนึ่ง กินกันที่ร้านนั้นเลย กับเพื่อน 4-5 คน
สรุปว่าเหลือ ครึ่งขวด หนีกลับบ้านกันหมด ด้วยความเสียดาย สัดคนเดียว หมดเลย
สรุปว่าอ๊วกแตกอยู่ตรงนั้น แต่สามารถกับบ้านได้ โดยขึ้นรถเมล์ ใกล้ต้นสายรถว่างได้นั้ง ก็หลับไปตลอดทาง
โชคดีมาตื่นตอนถึงปากซอยบ้านพอดี ลงรถได้อ๊วกแตก ไปอีก 1 ที และอีกครั้ง ตอนก่อนขึ้น สองแถว(6ล้อ)
ขึ้นสองแถว ก็โหนอยู่ตรงบันไดนั้นแหล่ะ ถึงปากซอย ก็ลง ต้องเดินไปอีก สัก 5-600 เมตร
ตรงนี้แหล่ะมันนรกจริงๆ ปวดหัวมาก พื้นเอียงซ้าย ต้องโยกตัวมาทางขวา มันก็เอียงขวา ต้องโยกตัวมาทางซ้าย
กว่าจะถึงบ้าน ก็เลยรู้เลยว่าทำไมคนเมามันเดินเอียงไปมา ถึงบ้านได้บอกเตี๋ยว่า ไม่สบาย ปวดหัวเป็นอะไรไม่รู้ ขอนอนก่อน
ที่บ้านก็ไม่ว่าอะไรนะ สักพักเพื่อนตัวแสบมาเยี่ยม สลึมสลือ แต่ก็รู้ว่าเพื่อนมา ไม่ได้คุยกัน หลับต่อ
จนอีกวันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมา ไปอาบน้ำ แต่งตัวจะไปโรงเรียน เตี๋ย มาเจอถามจะไปไหน ผมก็บอกจะไปโรงเรียน
เตี๋ยผมบอกไม่ต้องไปแล้ว นี่มันจะ 5 โมงเย็นแล้ว สรุปแล้วผม หลับไปเกือบ จะ 24 ชั่วโมง
หลังจากนั้นมา ผมจะกินเหล้า ไม่ให้เมา จะหยุดตัวเองไว้ตลอด ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้กินแหล่ะ เพราะ เสียเวลา
พอเริ่มกิน จะปลีกตัวกลับ ก็เกรงใจ แต่ก็มีบ้างนานๆครั้ง
เรื่องเหล้าขออีกนิด ผมเป็นคนแปลกมาก ถ้าไปเที่ยวพวกเธค ถ้าผมไม่กินเหล้า มักจะมีเรื่อง
ซึ่งปกติผมจะเป็นคนพูดมาก สนุกสนานเฮฮา ในกลุ่มเพื่อนก็โอเค นอกกลุ่มจะหาว่า พูดกวนteen หน้าตากวนteen อีกต่างหาก
แล้วผมก็มักจะไม่ค่อยยอมใคร โดยมากจะเป็น สงครามคารม กันซะมาก พอเอาเข้าจริง แคล้วคลาด จากการมีเรื่องไป แต่ก็มีบ้าง
พอเหล้าเริ่มเข้าปาก ผมจะสงบมากขึ้น พูดน้อยลง แต่เสียงอาจจะดังขึ้นเล็กน้อย กินต่อสักพักผมก็จะเริ่มง่วง
แบบนี้ผมก็มักไม่ค่อยจะมีเรื่องกับใคร
ขอเรื่องกัญชา อีกหน่อย ผมอาจจะแพ้กัญชาก็ไดละมั้ง ขนาดผมกินกาแฟ เผลอแป๊ปเดียวหลับเป็นตาย ตื่นเช้าอีกวัน
ตอน ม.3 นี่ ผมไม่ค่อยเรียน แรกๆก็โดดเรียน เตะบอลบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็เบื่อ สุดท้ายผมโดดเรียนไปไกลถึง หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งมันไกล
คนละมุมเมือง ผมโดดเรียนไปอ่านหนังสือ ซึ่งมันน่าสนใจมาก โดยมากพวกจะอ่านพวกเทคโนโลยี
และพวกฟิสิกส์ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ อะไรพวกนั้นไป ผมการเรียนก็ไม่ได้ดี เท่าไร 1-0 ซะมาก 0 ก็ซ่อมเอา 3-4 วิชา
แต่จะวิชาคณิต และ วิทยาศาสตร์ ทำได้ดี คณิต นี่คะแนนเก็บไม่ได้เลย การบ้านไม่ส่ง แต่ทำข้อสอบได้เกือบเต็มตลอด เกรด 3 ก็ยังได้อยู่
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์คณิตศาสตร์เรียกไปพบ แล้วกล่าวว่า
"เธออย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะเอาตัวรอดได้นะ"
ตอนนั้นผมคิดว่าอาจารย์ไม่ชอบผม ไม่เข้าเรียน(แต่เข้าพอดีไม่ติด ม.ส.) ไม่สนใจเรียน การบ้านไม่ส่ง บางทีก็ลอกๆส่งไป
แต่ทำคะแนนได้สูง เลยไม่พอใจ ละมั้ง
ตอนนี้ผมเข้าใจลึกซึ้งแล้วครับอาจารย์ 
ตอนนี้จะมีเรียนเรื่อง สมการหลายตัวแปร สมการเชิงเส้นหลายตัวแปร ซึ่งในระดับชั้นต่อไป มันต้องใช้

เอาตัวแทบไม่รอด
สรุป ม.3 เทอม 2 ถ้าจำไม่ผิด ได้เกรด เฉลี่ย 1.2x เฉลี่ยรวมน่าจะ 1.6 หรือ 1.8 นี่ล่ะ
แต่ยังติด ร. อีก 3 ตัว
เล่าซะยาว 9พัน กว่าตัวอักษรแล้ว ขอ จบ ช่วง ม. ต้นไว้เท่านี้ก่อน
ขอบคุณที่ทนอ่านกันมา ครับ เดี๋ยวเล่าต่อ
** เรื่องนี้ คือ เรื่องจริง ของผมเอง อาจจะไม่มีตกหล่นผิดพลาด บ้างขออภัย ซึ่งมันนานพอสมควร
** ถ้าใครคิดว่าเรื่องแต่ง ผมก็ไม่ขอโต้แย้งใดๆ เพราะ อธิบายไปแล้ว ก็ถือซะว่า อ่านนิยาย ขำๆไปนะครับ
เล่าเรื่องชีวิตตัวเองสักหน่อย จะมีใครสนใจอ่านไหมนะ
ตอนแรกผมก็กะจะเล่าเรื่องเล็กน้อยๆ เกี่ยวกับ ป้าซึ่งไม่ใช่ป้า ของผมให้ฟัง
แต่กลับกลาย เป็นว่ามันกลายเป็นเรื่องของผมเอง ซะยืดยาว ก็เลย ตัดสินใจมาตั้งกระทู้ใหม่ซะเลย
ซึ่งจริงๆแล้ว ผมว่าจะไม่ตั้งกระทู้เล่าเรื่องอะไรอีก ก่อนหน้านี้ ผมตั้งกระทู้ เล่าเกี่ยวกับ ทำงานออนไลน์แบบหนึ่ง ที่มีลักษณะแบบการกินหัวคิว
ซึ่งตัวกระทู้ผมบอกว่ามันทำงานยังไง มันมีรายได้ ได้ยังไง และก็มี ต่อ ในความเห็น อีก สุดท้ายผมชี้ให้เห็นว่า มันเป็นไรอย่างไร
ไม่ได้บอกว่าดี เลยสักคำ ผมได้แสดงให้เห็นด้วยซ้ำไปว่า คุณจะมีรายได้ โดยการไปหลอกล่อคนให้มาสมัคร แล้วกินหัวคิว
ที่จ่ายกันเป็นรายเดือน ผมพิมพ์รอไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะ copy มาว่าง
ก็มีความเห็นแทรกเข้ามาก่อน คห. สุดท้ายจะส่ง ว่า ให้พ่อมุงทำเถอะ ให้โครตเหง้าทำจะได้รวยๆ ทั้งตระกูล อะไรประมาณนี้
สุดท้ายโดยลบไปโดยพลัน ด้วยข้อหา "เสนอขายสินค้าในที่ที่ไม่ได้จัดไว้ให้" ก็เสียอารมณ์ไปนิดหน่อย ก็อย่างที่ว่า คนไทยอ่านไม่เกิน 3 บรรทัด
ผมก็ไม่ได้ท้วงติงอะไร ว่าจะตั้งกระทู้ตัดพ้อ แต่ก็ไม่ได้ตั้ง ไม่มีประโยชน์อันได้ กระทู้จะอยู่หรือไป ผมก็ไม่ได้อะไร
แต่ก็เสียดาย แง่คิดที่คนไม่รู้ เผื่อคิดจะทำ จะได้รู้ไว้ ไหนก็ตั้งกระทู้ แล้วก็ขอรวบตัดพ้อไปด้วยเลย
มาถึงตรงนี้แล้ว แสดงว่าคุณอ่านมาเกิน 3 บรรทัดแล้ว ก็มาอ่านเรื่องของผม กันตามตั้งใจดีกว่า
ผม โดนพ่อ-แม่ ทิ้งตั้งแต่ 3 ขวบ ด้วยปัญหาของพวกท่านเอง ปัจจุบันผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ก็มีไปเยี่ยมเยียนบ้าง
ผม ถูกเลี้ยง มาโดย แม่ของเพื่อนแม่ อีกที่ ไม่ใช่เป็นญาติกันด้วยซ้ำ ส่งเสียตั้งแต่ อนุบาล จนจบ ป.ตรี
ฐานะทางบ้าน ก็ไม่ได้มีอะไร เพื่อนแม่ (ผมเรียกว่าป้า แล้วกัน) ป้า ทำงานเป็นหลักคนเดียว เป็นสาวโรงงาน วุฒิ ป.6
เงินเดือนก็ทั่วๆไป ไม่มีอะไรพิเศษ อาศัยทำโอ วันอาทิตย์ก็ทำโอ
หาเลี้ยง ผม แม่ของป้า (ผมเรียกแม่ใหญ่) พ่อของป้า (ผมเรียก เตี๋ย) น้องสาวป้า (ผมเรียกน้า) น้องชายป้า (ผมเรียกอะไรไม่ทราบ)
สัก ป.1 - ป.2 น้าก็เรียน จบไปเป็นครูเอกชน น้าก็เงินเดือนน้อยมาก ช่วยอะไรไม่ได้มาก
ต่อมาก็ไปบรรจุเป็นข้าราชการครู ที่ ต่างจังหวัด ถึง บุรีรัม ซึ่งสมัยนั้นผมว่ากันดาน มาก ทางเข้าไปดินแดง ก็ช่วยเรื่องการเงินไม่ได้มาก
ต่อมาน้องชายป้า เรียนจบ ปวช. ก็ทำงาน ผมไม่ทราบว่าได้เงินมากน้อยแค่ไหนเท่าไร ทำงาน 2-3 ปี ว่าจะบวช
แต่ก็ประสบอุบัตเหตุตายซะก่อน
แม่ใหญ่-เตี๋ย ผมก็มีรายได้เสริม จากการพับถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ การประกอบบานพับสปริงตัวเล็กๆ ที่ใช้กับพวกกล่องนาฬิกา
ก็ได้ไม่เยอะเท่าไร แต่ก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ
เกรินซะยาว...แต่ก็เพื่อจะบอกสถานะทางการเงินว่าเป็นเช่นไร ... แต่ป้าผม ดูแล ผมอย่างดีเสมอมาจนปัจจุบัน
อนุบาล-ป.6 เรียนโรงเรียนเอกชน
ม.ต้น - ปวช. - มหาลัย ของรัฐบาล
ตอนเรียน ผมไม่เคยมีแฟน
แต่สมัย ม.ต้น ก็มีเด็กผู้หญิง ชอบติดสอยห้อยตามผมไปซะทุกที่ แถมผมต้องดูแล เรื่องค่าใช้จ่าย ให้ด้วยบ้าง
โดยมากผมจะจ่ายค่ารถกลับบ้าน และ ค่าอาหาร เล็กๆน้อยๆ ให้ แต่เงินที่ได้จากที่บ้าน ของผม 20 บาท โรงเรียนอยู่ไกลเกือบ 10 กิโลเมตร
ค่ารถไป-กลับประมาณ 10 บาท ค่าอาหารกลางวันธรรมดา 5 บาท น้ำเปล่าฟรี น้ำอย่างอื่นเสียเงิน ซึ่งลำพังไม่มีเงินเหลือแน่นอน
แต่ผมมีรายได้ทางอื่น แต่ไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ (ไม่ได้ปล่อยกู้นะ) ทุกๆเดือน ผมจะมี เงินฝากธนาคาร เดือนละอย่างน้อย 100 บาท
จะมีเจ้าหน้าที่จาก ธนาคารออมสิน มารับฝากถึงโรงเรียน ทุกๆเดือน
ยุคนี้ผมคนข้างมีเงิน สำหรับ เด็กม.ต้น ในสมัยนั้น เลยทีเดี๋ยว อีกทั้งผมยังได้รับทุนขาดแคลนอีกด้วย ปีละ 3000 นี่แหล่ะ
ตามสถานะทางการเงินและครอบครัว (ผมไม่ได้ขอ แต่ทางโรงเรียนพิจารณา ให้เอง) ได้มาตลอด 3 ปี จะเรียนดีเรียนแย่ก็ได้
เงินทุน จะเข้าธนาคาร ตามบัญชีออมสิน นั้นแหล่ะ เงินจำนวนนี้ผมไม่เคยใช้เลย เงินในบัญชีไม่เคยเบิก
อ๋อ มาต่อกันที่เด็กผู้หญิง คนนี้ วันหนึ่งผม ไม่มีเงินเหลือพอที่จะให้ค่ารถกลับบ้าน ก็เป็นเรื่องราว ร้องห่มร้องไห จะกลับบ้านยังไง
จนผมต้องยืมเงินเพื่อนให้ไป ตอนนั้นผมก็คิดเลยว่า "นี่มันภาระเราเหรอ" แต่ผู้หญิงคนนี้ ในมุมของคนอื่นก็คือ แฟนผม หรือ คนของผม
ซึ่งผมกลับไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเศษไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีเด็กย้ายมาใหม่ตอน ม.3 มาจีบ แต่สุดท้ายเขาก็มาขอโทษผมเอง
โดยว่า "ไม่รู้ว่าเป็นเด็กของผม" เพราะผมโดดเรียนไม่ค่อยได้เข้าเรียนผมก็ งงๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไร
จริงๆแล้วผมชอบพี่ ม.ปลาย มากกว่า ชอบใช้ผมไปซื้อโน่นนั้นนี่ประจำ ก็มีได้นอนหนุนตักด้วยนะ
นอกจากนี้ยัง ตอน ม.2 มีรุ่นน้อง ม.1 เข้าใหม่ อีกคน มาตามตื้อผม ชอบชวนผมไปโน้นนั่นนี่ ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก
ในโรงเรียนบ้าง แถวๆโรงเรียนบ้าง สมัยนั้นไม่มีที่ให้ไปเท่าไร อยากมากก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
ผมก็มักจะตอบรับ ไม่ปฏิเศษ แต่จะใช้วิธีหลบหน้า เอามากกว่า
จนสักพัก เขาก็เลิกไปเอง ไม่ทันพ้นเทอม 1 คงเพราะเห็นผมไม่สนใจเท่าไร และ คิดว่าผมมีแฟนอยู่แล้วด้วย ซึ่งผมก็ปฏิเศษ ว่าไม่ใช่แฟน
ซึ่งน้องคนนี้ ก็ยังสนใจผมอยู่ แม้ผมจบ ม.3 ออกไปแล้ว ตอนคราวผมกลับไปเยี่ยม โรงเรียน แสดงออกชัดเจน แอบตามผมอยู่สักพัก
จนมีโอกาศ กำลังจะเดินมาคุยกับผม กับจังหวะ คนของผม มาคุยด้วยพอดี เธอจึงหลบจากไป ไม่ได้คุยกัน
รุ่นน้องคนนี้ ก็ออกขี้อายหน่อย แต่เข้ามาหาผมนะครับ แต่เวลาอยู่ด้วยกัน จะไม่ค่อยพูดเท่าไร ผมจ้อคนเดียว
รุ่นน้องคนนี้ ไม่เคยใช้เงินผมสักบาท วันไหนกลับด้วยกัน ยังออกค่ารถ ให้อีกต่างหาก ขนมนมเนย ก็ซื้อมาให้
ผมก็สงสารรุ่นน้องคนนี้นะ จริงๆ ถ้าผมเป็นแฟนกับเธอ ก็คงจะดี ตอนเรียน ป.ตรี ผมเคยตามหา นะแต่ไม่เจอ ตอนนั้นไม่รู้คิดยังไง
แต่สาเหตุจริงๆ ที่ผมฉุนมาก เคย น้องคนนี้ มีญาติ อยู่ฝ่ายปกครอง แล้วตรวจสอบประวัติผม ที่ฝ่ายปกครอง
รู้หมดเลยทำไรผิดบ้าง ตอนนั้นผมไม่ทราบก็มาถามผมว่า เคยทำโน้นนี่นั้น มาเหรอ ซึ่งผมแปลกใจมาก ว่ารู้ได้อย่างไร
น้องเขาก็หัวเราะคิกคักชอบใจ แต่ผมสงสัยมาก ไปคาดคั้นเพื่อนสนิททุกคนว่าใครเอาไปโฆษณากันนะ ก็ไม่มี
จนคาดคั้นกับน้องเขา ก็บอกดูมาจากฝ่ายปกครอง ตอนนั้นฉุนขาด แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ต่อว่าไปนิดหน่อย
เรื่องรุ่นน้องคนนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ ตอน ม.3 มีเพื่อนรุ่นเดียวกับผม แต่คนละห้อง ไปจีบเธอ
แต่เพื่อน ของเธอ บอกว่า น้องเคยชอบผมมาก่อน ทำให้เขามาถามผมว่า น้องคนนี้เคยมาชอบผมเหรอ ผมก็ดัน เออออ ไปอีก
เขาก็เลยขอโทษผม บอกว่า ไม่รู้จริงๆว่าเป็นเด็กของผม ผมก็งงจริงๆ ว่า มันเกิดอะไรขึ้น ผมมันน่ารังเกียจ ขนาดนั้นเหรอ
และน้องคนนี้ ไม่เคยมีใครมาจีบ อีกเลยตลอด ม. ต้น ไม่รู้ว่าผมทำร้ายจิตใจเขามากน้อยแค่ไหน
ก่อนจะไปต่อ เดี๋ยวจะหาว่า ผมนี่หล่อซะเต็มประดา อธิบายตัวผมให้ตอนนั้นให้ฟังก่อน
ผมจะหัวโตๆ เถิก ผอมมาก และ ตัวดำ เพื่อนล้อว่าเป็นนายแบบ นายแบบให้ยี่ห้อ บวดหาย นะครับ
พอต่อมา น่าจะเป็นสมุดแจกนักเรียน ปกน้ำตาล ก็หาว่าเป็นนายแบบให้อีกแล้ว
สมุดเป็นภาพคนติดยา ไปเลิกยามั่ง นั่งชันเขา แล้วก้มหัวถึงหัวเขา หาภาพไม่ได้
พูดถึงเรื่องติดยา ผมก็ขอพูดเรื่องไม่ค่อยจะดีของผมบ้าง
ม.2 ผมเริ่มที่จะดูดบุหรี่ ถักมา ก็เหล้า ม.3 ผมลองกัญชา
กัญชา นี่ผมม้วนสูบเอานะครับไม่ได้ใช้บ้อง ลองอยู่ 2 ครั้ง กับเพื่อนอีก 2 คน
เพื่อนผมนี่ล่องลอยไปแล้ว แต่ผมทรมาน มาก ปวดหัวมากมาย ลุกเดินไม่ได้เลย ต้องรอจนมันทุเลาเอง
หรือผมสัดหนัก แบบดูดซี๊ดแบบบุหรี่ก็ไม่ทราบ จากนั้นมาไม่เอาอีกแล้วกัญชา
บุหรี่ นี่ผมดูดวัน วันสองวัน ซองกันเลยทีเดียว ตอน ม.3
แต่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนผม หัดดูดได้ 2 วัน บอกเลิกไม่ได้ จะเป็นจะตาย
ผมก็เลยเลิกให้ดูซะเลย ตั้งแต่บัดนั้น แต่ก็มีสูบบ้าง ตอนกินเหล้า ประปราย ตอนนี้ไม่
ส่วนเหล้า ตอน ม.3 มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังเลิกเรียน ซื้อกลมหนึ่ง กินกันที่ร้านนั้นเลย กับเพื่อน 4-5 คน
สรุปว่าเหลือ ครึ่งขวด หนีกลับบ้านกันหมด ด้วยความเสียดาย สัดคนเดียว หมดเลย
สรุปว่าอ๊วกแตกอยู่ตรงนั้น แต่สามารถกับบ้านได้ โดยขึ้นรถเมล์ ใกล้ต้นสายรถว่างได้นั้ง ก็หลับไปตลอดทาง
โชคดีมาตื่นตอนถึงปากซอยบ้านพอดี ลงรถได้อ๊วกแตก ไปอีก 1 ที และอีกครั้ง ตอนก่อนขึ้น สองแถว(6ล้อ)
ขึ้นสองแถว ก็โหนอยู่ตรงบันไดนั้นแหล่ะ ถึงปากซอย ก็ลง ต้องเดินไปอีก สัก 5-600 เมตร
ตรงนี้แหล่ะมันนรกจริงๆ ปวดหัวมาก พื้นเอียงซ้าย ต้องโยกตัวมาทางขวา มันก็เอียงขวา ต้องโยกตัวมาทางซ้าย
กว่าจะถึงบ้าน ก็เลยรู้เลยว่าทำไมคนเมามันเดินเอียงไปมา ถึงบ้านได้บอกเตี๋ยว่า ไม่สบาย ปวดหัวเป็นอะไรไม่รู้ ขอนอนก่อน
ที่บ้านก็ไม่ว่าอะไรนะ สักพักเพื่อนตัวแสบมาเยี่ยม สลึมสลือ แต่ก็รู้ว่าเพื่อนมา ไม่ได้คุยกัน หลับต่อ
จนอีกวันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมา ไปอาบน้ำ แต่งตัวจะไปโรงเรียน เตี๋ย มาเจอถามจะไปไหน ผมก็บอกจะไปโรงเรียน
เตี๋ยผมบอกไม่ต้องไปแล้ว นี่มันจะ 5 โมงเย็นแล้ว สรุปแล้วผม หลับไปเกือบ จะ 24 ชั่วโมง
หลังจากนั้นมา ผมจะกินเหล้า ไม่ให้เมา จะหยุดตัวเองไว้ตลอด ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้กินแหล่ะ เพราะ เสียเวลา
พอเริ่มกิน จะปลีกตัวกลับ ก็เกรงใจ แต่ก็มีบ้างนานๆครั้ง
เรื่องเหล้าขออีกนิด ผมเป็นคนแปลกมาก ถ้าไปเที่ยวพวกเธค ถ้าผมไม่กินเหล้า มักจะมีเรื่อง
ซึ่งปกติผมจะเป็นคนพูดมาก สนุกสนานเฮฮา ในกลุ่มเพื่อนก็โอเค นอกกลุ่มจะหาว่า พูดกวนteen หน้าตากวนteen อีกต่างหาก
แล้วผมก็มักจะไม่ค่อยยอมใคร โดยมากจะเป็น สงครามคารม กันซะมาก พอเอาเข้าจริง แคล้วคลาด จากการมีเรื่องไป แต่ก็มีบ้าง
พอเหล้าเริ่มเข้าปาก ผมจะสงบมากขึ้น พูดน้อยลง แต่เสียงอาจจะดังขึ้นเล็กน้อย กินต่อสักพักผมก็จะเริ่มง่วง
แบบนี้ผมก็มักไม่ค่อยจะมีเรื่องกับใคร
ขอเรื่องกัญชา อีกหน่อย ผมอาจจะแพ้กัญชาก็ไดละมั้ง ขนาดผมกินกาแฟ เผลอแป๊ปเดียวหลับเป็นตาย ตื่นเช้าอีกวัน
ตอน ม.3 นี่ ผมไม่ค่อยเรียน แรกๆก็โดดเรียน เตะบอลบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็เบื่อ สุดท้ายผมโดดเรียนไปไกลถึง หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งมันไกล
คนละมุมเมือง ผมโดดเรียนไปอ่านหนังสือ ซึ่งมันน่าสนใจมาก โดยมากพวกจะอ่านพวกเทคโนโลยี
และพวกฟิสิกส์ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ อะไรพวกนั้นไป ผมการเรียนก็ไม่ได้ดี เท่าไร 1-0 ซะมาก 0 ก็ซ่อมเอา 3-4 วิชา
แต่จะวิชาคณิต และ วิทยาศาสตร์ ทำได้ดี คณิต นี่คะแนนเก็บไม่ได้เลย การบ้านไม่ส่ง แต่ทำข้อสอบได้เกือบเต็มตลอด เกรด 3 ก็ยังได้อยู่
มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์คณิตศาสตร์เรียกไปพบ แล้วกล่าวว่า "เธออย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะเอาตัวรอดได้นะ"
ตอนนั้นผมคิดว่าอาจารย์ไม่ชอบผม ไม่เข้าเรียน(แต่เข้าพอดีไม่ติด ม.ส.) ไม่สนใจเรียน การบ้านไม่ส่ง บางทีก็ลอกๆส่งไป
แต่ทำคะแนนได้สูง เลยไม่พอใจ ละมั้ง ตอนนี้ผมเข้าใจลึกซึ้งแล้วครับอาจารย์
ตอนนี้จะมีเรียนเรื่อง สมการหลายตัวแปร สมการเชิงเส้นหลายตัวแปร ซึ่งในระดับชั้นต่อไป มันต้องใช้
สรุป ม.3 เทอม 2 ถ้าจำไม่ผิด ได้เกรด เฉลี่ย 1.2x เฉลี่ยรวมน่าจะ 1.6 หรือ 1.8 นี่ล่ะ
แต่ยังติด ร. อีก 3 ตัว
เล่าซะยาว 9พัน กว่าตัวอักษรแล้ว ขอ จบ ช่วง ม. ต้นไว้เท่านี้ก่อน
ขอบคุณที่ทนอ่านกันมา ครับ เดี๋ยวเล่าต่อ
** เรื่องนี้ คือ เรื่องจริง ของผมเอง อาจจะไม่มีตกหล่นผิดพลาด บ้างขออภัย ซึ่งมันนานพอสมควร
** ถ้าใครคิดว่าเรื่องแต่ง ผมก็ไม่ขอโต้แย้งใดๆ เพราะ อธิบายไปแล้ว ก็ถือซะว่า อ่านนิยาย ขำๆไปนะครับ