เจ้าของกระทู้เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของ Log in นี้นะคะ เจ้าของเรื่องโพสต์เองค่ะ เพื่อนให้ยืม Log in มาเฉยๆ
ก่อนอื่นดิฉันต้องบอกก่อนว่าทุกอย่างที่เล่านั้นเป็นความจริง มีหลักฐานยืนยันชัดเจน มีบุคคลรู้เห็น มิใช่เป็นเพียงการกล่าวหาแบบลอย ๆ แต่เนื่องจากเกรงว่าพันทิพอาจจะลบกระทู้หรือข้อความ ได้ จึง ขอเลี่ยง การกล่าวถึงชื่อต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรค่ะ
เรื่องนี้จริงๆตั้งใจจะโพสครั้งหนึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่คนโรคจิตกลับมาโผล่ที่บ้านดิฉันได้เสียก่อน ซึ่งทำให้ดิฉันตกใจมาก ว่าไปค้นหามาได้ถึงขั้นที่อยู่เลยเหรอ (ทั้งๆที่ดิฉันไม่เคยโพสในที่สาธารณะ) ดิฉันและครอบครัวก็แจ้งตำรวจ มีการพาตัวไปโรงพัก แต่สุดท้ายตำรวจก็ปล่อยไป เพราะถึงแม้ดิฉันจะมีทั้งหลักฐานทั้ง call log ทั้ง sms ทั้งอีเมล มากมาย แต่ตำรวจบอกว่าดำเนินคดีไม่ได้ (รายละเอียดจะเล่าข้างล่าง ตาม timeline เหตุการณ์เลยนะคะ)
ดิฉันถูกคุกคามทางโทรศัพท์ sms และอีเมลจากคนที่เคยทำงานที่เดียวกันเป็นเวลาถึง 4 เดือนแล้วค่ะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และตัวดิฉันได้ร้องเรียนไปยังบริษัทต้นสังกัดและลงบันทึกประจำวันกับทางตำรวจไว้แล้ว 2 ครั้ง และครอบครัวของดิฉันได้เดินทางไปถึงที่ทำงานของบุคคลผู้นี้ และได้มีการเรียกมาคุยต่อหน้าผู้ใหญ่ในที่ทำงานแล้ว
แต่บุคคลวิกลจริตดังกล่าวก็ยังลอยนวล เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มาส่งข้อความก่อกวนดิฉันได้อีกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ (ขนาดวันแม่ยังอีเมลมาได้เลยค่ะ ก่อกวนไม่มีวันหยุดจริงๆ)
เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. จนถึง ณ วันนี้ ยังมี โทรศัพท์ sms และอีเมล มาอย่างต่อเนื่อง อยากขอคำปรึกษาจากผู้รู้ และผู้มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ว่าดิฉันควรทำอย่างไรต่อไป
บุคคลที่คุกคามดิฉัน เป็นพนักงานของหนึ่งในบริษัทที่เป็นที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการสร้างสนามบินใหญ่ของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนที่เริ่มก่อกวนดิฉัน คนๆนี้ยังทำงานอยู่ที่โครงการนี้ ส่วนดิฉันได้ลาออกมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ปี2557
ช่วงเวลาที่ทำงานที่โครงการนั้น ดิฉันและบุคคลดังกล่าว ไม่เคยคุยกันเลย ไม่มีส่วนที่ต้องทำงานร่วมกัน ไม่มีการประสานงานใดๆ ทั้งสิ้น แค่เพียงรับรู้ว่าผู้ชายคนนี้ ชื่อนี้ ทำตำแหน่งนี้ เท่านั้น
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. เวลาประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก ๆ ที่ไม่ได้เม็มหมายเลขเอาไว้ ดิฉันก็รับ เป็นผู้ชายโทรมาแล้ว เขาก็ถามว่านี่ใช่เบอร์ดิฉันไหม แล้วเขาก็บอกว่าเขาคือต้น แล้วก็บอกว่าที่ทำงานอยู่ที่หนองงูเห่า (จำได้เลย เขาใช้คำนี้) แล้วเขาก็พูดทันทีว่า
“อย่าตกใจนะ แต่ช่วงนี้ได้ยินคลื่นเสียงอะไรบ้างไหม”
ดิฉันตัดสายทิ้งทันที ...ดิฉันคิดว่าเป็นโทรศัพท์ก่อกวนไร้สาระ หลังจากนั้นก็มีการพยายามโทรเข้ามาอีก 3-4 ครั้ง ดิฉันกดตัดสายทุกครั้ง
และรีบไลน์บอกในกรุ๊ปไลน์ของเพื่อนๆที่ออฟฟิศโครงการฯ ซึ่งทั้งหมดยังเป็นพนักงานของโครงการดังกล่าว
สิ่งที่ดิฉันโกรธและกังวลมากที่สุดคือ เอาเบอร์โทรศัพท์ดิฉันมาได้อย่างไร ทำไมต้องไปค้นคว้าหาเบอร์โทรศัพท์ของคนที่แทบจะไม่รู้จักกันเลย แค่เคยทำงานโครงการเดียวกันแค่นั้น (อยู่คนละบริษัทกันด้วยซ้ำ) หนำซ้ำดิฉันยังลาออกมาตั้งนานแล้วด้วย
พอเล่าให้เพื่อนๆที่ออฟฟิศโครงการฟัง ก็ช่วยกันตรวจสอบและพบว่าเป็นเบอร์ของบุคคลคนนั้นจริงๆ และเพื่อนๆยังบอกว่าได้รับฟอร์เวิร์ดเมลเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับการงาน เช่น การก่อการร้าย แก๊งค์อาชญากรรม จากบุคคลดังกล่าว โดยส่งเข้าอีเมลของโครงการที่มีไว้ใช้เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ดิฉันจึงเช็คอีเมลของดิฉันบ้าง ก็พบว่ามีอีเมลลักษณะเดียวกันเข้ามา ถึงแม้อีเมลที่ส่งหาฉันในตอนแรกจะใช้ชื่อปลอม (อีเมลหลังจากนั้นใช้ชื่อจริง นามสกุลจริงหมด) สมัยที่ทำงานที่โครงการ ระยะแรก เราใช้อีเมลส่วนตัวในการติดต่อ ร่วมกับอีเมลของโครงการ จึงเป็นเรื่องปกติที่ในโครงการจะทราบถึงอีเมลส่วนตัวกัน
แต่สิ่งที่ดิฉันโดนมันแตกต่างจากคนอื่น ๆ ดิฉันได้รับโทรศัพท์รังควาน sms และอีเมลที่พูดคุยกับดิฉันโดยตรง ซึ่งมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อย่าง sms ก็เป็นลักษณะของการพูดเรื่องภัยสังคม การถูกติดตาม เฝ้าดู สลับกับการส่งรูปพระราชวงศ์ของไทย และผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งมันไม่เหมาะสมเลย ที่จะเอารูปภาพเหล่านั้นมาใช้ในบริบทนี้ ซึ่งเดี๋ยวดิฉันจะโพสต์รูปให้ดูนะคะ นอกจากนั้น sms ที่เพิ่งส่งมาใหม่(หลังเปลี่ยนเบอร์)ยังมีการถามว่าดิฉันทำอะไรอยู่ อีกด้วย
ส่วนอีเมลที่ส่งหาโดยตรง ก็มีการพูดถึงสำนักราชเลขาธิการ เอ่อ... คนปกติเขาพูดอะไรกับแบบนี้เหรอคะ แล้วคิดดูสิคะบุคคลแบบนี้ ได้ทำงานอยู่ในโครงการระดับชาตินะคะ
พอวันจันทร์ที่ 28 พ.ค. ดิฉันโทรหาบริษัทต้นสังกัดของบุคคลดังกล่าว ซึ่งกว่าจะได้คุยกับ HR ก็ต้องผ่านหลายด่านพอสมควรค่ะ ดิฉันก็แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ขณะเพื่อนๆดิฉันที่ออฟฟิศนั้นก็เข้าไปคุยกับบุคคลผู้นั้น ตรงๆ ต่อหน้าเลย ค่ะ ว่าโทรหาดิฉันทำไม มันเป็นการคุกคามนะรู้ไหม ...ซึ่งคนๆนั้นก็ยอมรับว่าโทรมาจริงค่ะ และยังบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ซึ่ง เพื่อน ๆ ที่โครงการทราบว่าไม่เป็นเรื่องจริง เลย แถมยังคุยกับเพื่อน ๆ ของดิฉัน ในเรื่อง การติดต่อกันโดยคลื่นเสียงเข้าทางสมอง ไหนจะเรื่อง โครงการลับของที่เหล่ารัฐบาลร่วมมือกัน เพื่อจะส่งคลื่นสัญญาณไปครอบงำบุคคลระดับบริหารของประเทศ เอิ่มมม!
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน การติดต่อจากบุคคลผู้นั้นยังมีเข้ามาเรื่อย ๆ และทางบริษัทก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในวันพุธที่ 29 พ.ค. ดิฉันจึงไปสถานีตำรวจค่ะ โดยนำหลักฐานที่มี (เบอร์ที่โทรเข้ามา sms ที่ส่งมา อีเมล) ไปแจ้งความ แต่ก็ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันเท่านั้น แต่ก็ขอขอบคุณตำรวจนะคะที่ยอมลงบันทึกประจำวันให้ และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆที่ดิฉันก็ทำตามแล้ว ตำรวจแนะนำว่าให้ทำเฉยๆไปก่อน ซึ่งดิฉันก็ทำมาโดยตลอดค่ะ ตลอดเวลากว่าหนึ่งเดือนนี่ดิฉันไม่โต้ตอบกับบุคคลผู้คุกคามดิฉันเลยค่ะ แล้วก็บล็อคเบอร์โทรศัพท์ด้วย ใช้แอปบล็อคค่ะ ซึ่งแอปก็มีประสิทธิภาพดีนะคะ เพียงแต่จะมีเตือนเข้ามาว่าเบอร์นี้พยายามติดต่อดิฉันอยู่ ก็เลยมีเป็นหลักฐานด้วย
ดิฉันทำตามคำแนะนำของตำรวจที่บอกให้อยู่เฉยๆแล้ว อีกคำแนะนำหนึ่งคือไปทำบุญ ดิฉันก็ไปทำบุญค่ะ พอกลับถึงบ้านก็ได้รับ sms ก่อกวนทันทีเลยค่ะ มีคำแนะนำเดียวที่ยังทำไม่ได้คือย้ายไปอยู่อเมริกาค่ะ (ตำรวจแนะนำรัฐเท็กซัสด้วยนะคะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) แต่ยังไงก็ไม่อยากว่าหรอกนะคะ คุณตำรวจทั้งหลายก็อุตส่าห์ให้ลงบันทึกฯไว้ แล้วก็พูดจาดี และยอมคุยกับดิฉันตั้งนาน ) ดิฉันเข้าใจค่ะว่าคุณต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมันไม่สามารถช่วยดิฉันได้ ต้องรอให้ดิฉันโดนทำร้ายร่างกายก่อนนั่นเอง
หลังจากนั้นดิฉันก็ยังคงโดนคุกคามทุกวันค่ะ โดยที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆจากทางบริษัทต้นสังกัดของบุคคลนั้น จนเมื่อเกือบปลายเดือนมิ.ย. บุคคลนั้นได้ส่งฟอร์เวิร์ดเมลให้คนในโครงการ อีกแล้ว แต่ทีนี้ส่งหาพวกผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ระดับผู้บริหารเลยทีเดียว ก็เลยมีการเรียกตัวไปตักเตือนเกิดขึ้น เพื่อนๆที่โครงการเล่าให้ดิฉันฟังว่า บุคคลผู้ผู้นี้อ้างว่าเขาแค่อยากจะแชร์เรื่องราวให้ได้อ่านกัน แต่คุณคิดดูสิคะ ขนาดพวกโฆษณาที่เราสมัครใจรับเองมันยังให้เรา unsubscribed ได้เลยค่ะ แต่กับอีเมลที่ไม่เป็นที่ต้องการจากคนๆนี้ ทุกคนต้องมาทนรับ
อย่างไรก็ตามดิฉันก็ยังถูกคุกคามอยู่ค่ะ ทั้งโทรศัพท์ sms และอีเมล ...นี่มันก็เกินหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ดิฉันเลยโทรไปหา HR ของบริษัทต้นสังกัดอีกครั้ง พร้อมกับอีเมลหลักฐานต่างๆไปให้ดูด้วยว่าโดนคุกคามมาตลอดกว่าหนึ่งเดือน แต่หลังจากที่คุยกันวันนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ
(เดี๋ยวรออ่านต่อในความคิดเห็นเลยนะคะ ไม่เคยโพสต์มาก่อน ไม่รู้มันยาวไปไหม)
เดี๋ยวรูปภาพต่างๆจะลงหลังจากลงเรื่องจบนะคะ
เล่าประสบการณ์โดนโรคจิตก่อกวน ตามจนถึงบ้าน เป็นเวลา 4 เดือน และขอความช่วยเหลือค่ะ
ก่อนอื่นดิฉันต้องบอกก่อนว่าทุกอย่างที่เล่านั้นเป็นความจริง มีหลักฐานยืนยันชัดเจน มีบุคคลรู้เห็น มิใช่เป็นเพียงการกล่าวหาแบบลอย ๆ แต่เนื่องจากเกรงว่าพันทิพอาจจะลบกระทู้หรือข้อความ ได้ จึง ขอเลี่ยง การกล่าวถึงชื่อต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควรค่ะ
เรื่องนี้จริงๆตั้งใจจะโพสครั้งหนึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่คนโรคจิตกลับมาโผล่ที่บ้านดิฉันได้เสียก่อน ซึ่งทำให้ดิฉันตกใจมาก ว่าไปค้นหามาได้ถึงขั้นที่อยู่เลยเหรอ (ทั้งๆที่ดิฉันไม่เคยโพสในที่สาธารณะ) ดิฉันและครอบครัวก็แจ้งตำรวจ มีการพาตัวไปโรงพัก แต่สุดท้ายตำรวจก็ปล่อยไป เพราะถึงแม้ดิฉันจะมีทั้งหลักฐานทั้ง call log ทั้ง sms ทั้งอีเมล มากมาย แต่ตำรวจบอกว่าดำเนินคดีไม่ได้ (รายละเอียดจะเล่าข้างล่าง ตาม timeline เหตุการณ์เลยนะคะ)
ดิฉันถูกคุกคามทางโทรศัพท์ sms และอีเมลจากคนที่เคยทำงานที่เดียวกันเป็นเวลาถึง 4 เดือนแล้วค่ะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และตัวดิฉันได้ร้องเรียนไปยังบริษัทต้นสังกัดและลงบันทึกประจำวันกับทางตำรวจไว้แล้ว 2 ครั้ง และครอบครัวของดิฉันได้เดินทางไปถึงที่ทำงานของบุคคลผู้นี้ และได้มีการเรียกมาคุยต่อหน้าผู้ใหญ่ในที่ทำงานแล้ว
แต่บุคคลวิกลจริตดังกล่าวก็ยังลอยนวล เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มาส่งข้อความก่อกวนดิฉันได้อีกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ (ขนาดวันแม่ยังอีเมลมาได้เลยค่ะ ก่อกวนไม่มีวันหยุดจริงๆ)
เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. จนถึง ณ วันนี้ ยังมี โทรศัพท์ sms และอีเมล มาอย่างต่อเนื่อง อยากขอคำปรึกษาจากผู้รู้ และผู้มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ว่าดิฉันควรทำอย่างไรต่อไป
บุคคลที่คุกคามดิฉัน เป็นพนักงานของหนึ่งในบริษัทที่เป็นที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการสร้างสนามบินใหญ่ของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนที่เริ่มก่อกวนดิฉัน คนๆนี้ยังทำงานอยู่ที่โครงการนี้ ส่วนดิฉันได้ลาออกมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ปี2557
ช่วงเวลาที่ทำงานที่โครงการนั้น ดิฉันและบุคคลดังกล่าว ไม่เคยคุยกันเลย ไม่มีส่วนที่ต้องทำงานร่วมกัน ไม่มีการประสานงานใดๆ ทั้งสิ้น แค่เพียงรับรู้ว่าผู้ชายคนนี้ ชื่อนี้ ทำตำแหน่งนี้ เท่านั้น
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. เวลาประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก ๆ ที่ไม่ได้เม็มหมายเลขเอาไว้ ดิฉันก็รับ เป็นผู้ชายโทรมาแล้ว เขาก็ถามว่านี่ใช่เบอร์ดิฉันไหม แล้วเขาก็บอกว่าเขาคือต้น แล้วก็บอกว่าที่ทำงานอยู่ที่หนองงูเห่า (จำได้เลย เขาใช้คำนี้) แล้วเขาก็พูดทันทีว่า
“อย่าตกใจนะ แต่ช่วงนี้ได้ยินคลื่นเสียงอะไรบ้างไหม”
ดิฉันตัดสายทิ้งทันที ...ดิฉันคิดว่าเป็นโทรศัพท์ก่อกวนไร้สาระ หลังจากนั้นก็มีการพยายามโทรเข้ามาอีก 3-4 ครั้ง ดิฉันกดตัดสายทุกครั้ง
และรีบไลน์บอกในกรุ๊ปไลน์ของเพื่อนๆที่ออฟฟิศโครงการฯ ซึ่งทั้งหมดยังเป็นพนักงานของโครงการดังกล่าว
สิ่งที่ดิฉันโกรธและกังวลมากที่สุดคือ เอาเบอร์โทรศัพท์ดิฉันมาได้อย่างไร ทำไมต้องไปค้นคว้าหาเบอร์โทรศัพท์ของคนที่แทบจะไม่รู้จักกันเลย แค่เคยทำงานโครงการเดียวกันแค่นั้น (อยู่คนละบริษัทกันด้วยซ้ำ) หนำซ้ำดิฉันยังลาออกมาตั้งนานแล้วด้วย
พอเล่าให้เพื่อนๆที่ออฟฟิศโครงการฟัง ก็ช่วยกันตรวจสอบและพบว่าเป็นเบอร์ของบุคคลคนนั้นจริงๆ และเพื่อนๆยังบอกว่าได้รับฟอร์เวิร์ดเมลเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับการงาน เช่น การก่อการร้าย แก๊งค์อาชญากรรม จากบุคคลดังกล่าว โดยส่งเข้าอีเมลของโครงการที่มีไว้ใช้เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ดิฉันจึงเช็คอีเมลของดิฉันบ้าง ก็พบว่ามีอีเมลลักษณะเดียวกันเข้ามา ถึงแม้อีเมลที่ส่งหาฉันในตอนแรกจะใช้ชื่อปลอม (อีเมลหลังจากนั้นใช้ชื่อจริง นามสกุลจริงหมด) สมัยที่ทำงานที่โครงการ ระยะแรก เราใช้อีเมลส่วนตัวในการติดต่อ ร่วมกับอีเมลของโครงการ จึงเป็นเรื่องปกติที่ในโครงการจะทราบถึงอีเมลส่วนตัวกัน
แต่สิ่งที่ดิฉันโดนมันแตกต่างจากคนอื่น ๆ ดิฉันได้รับโทรศัพท์รังควาน sms และอีเมลที่พูดคุยกับดิฉันโดยตรง ซึ่งมีเนื้อหาไม่เหมาะสม อย่าง sms ก็เป็นลักษณะของการพูดเรื่องภัยสังคม การถูกติดตาม เฝ้าดู สลับกับการส่งรูปพระราชวงศ์ของไทย และผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งมันไม่เหมาะสมเลย ที่จะเอารูปภาพเหล่านั้นมาใช้ในบริบทนี้ ซึ่งเดี๋ยวดิฉันจะโพสต์รูปให้ดูนะคะ นอกจากนั้น sms ที่เพิ่งส่งมาใหม่(หลังเปลี่ยนเบอร์)ยังมีการถามว่าดิฉันทำอะไรอยู่ อีกด้วย
ส่วนอีเมลที่ส่งหาโดยตรง ก็มีการพูดถึงสำนักราชเลขาธิการ เอ่อ... คนปกติเขาพูดอะไรกับแบบนี้เหรอคะ แล้วคิดดูสิคะบุคคลแบบนี้ ได้ทำงานอยู่ในโครงการระดับชาตินะคะ
พอวันจันทร์ที่ 28 พ.ค. ดิฉันโทรหาบริษัทต้นสังกัดของบุคคลดังกล่าว ซึ่งกว่าจะได้คุยกับ HR ก็ต้องผ่านหลายด่านพอสมควรค่ะ ดิฉันก็แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ขณะเพื่อนๆดิฉันที่ออฟฟิศนั้นก็เข้าไปคุยกับบุคคลผู้นั้น ตรงๆ ต่อหน้าเลย ค่ะ ว่าโทรหาดิฉันทำไม มันเป็นการคุกคามนะรู้ไหม ...ซึ่งคนๆนั้นก็ยอมรับว่าโทรมาจริงค่ะ และยังบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ซึ่ง เพื่อน ๆ ที่โครงการทราบว่าไม่เป็นเรื่องจริง เลย แถมยังคุยกับเพื่อน ๆ ของดิฉัน ในเรื่อง การติดต่อกันโดยคลื่นเสียงเข้าทางสมอง ไหนจะเรื่อง โครงการลับของที่เหล่ารัฐบาลร่วมมือกัน เพื่อจะส่งคลื่นสัญญาณไปครอบงำบุคคลระดับบริหารของประเทศ เอิ่มมม!
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน การติดต่อจากบุคคลผู้นั้นยังมีเข้ามาเรื่อย ๆ และทางบริษัทก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ในวันพุธที่ 29 พ.ค. ดิฉันจึงไปสถานีตำรวจค่ะ โดยนำหลักฐานที่มี (เบอร์ที่โทรเข้ามา sms ที่ส่งมา อีเมล) ไปแจ้งความ แต่ก็ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันเท่านั้น แต่ก็ขอขอบคุณตำรวจนะคะที่ยอมลงบันทึกประจำวันให้ และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆที่ดิฉันก็ทำตามแล้ว ตำรวจแนะนำว่าให้ทำเฉยๆไปก่อน ซึ่งดิฉันก็ทำมาโดยตลอดค่ะ ตลอดเวลากว่าหนึ่งเดือนนี่ดิฉันไม่โต้ตอบกับบุคคลผู้คุกคามดิฉันเลยค่ะ แล้วก็บล็อคเบอร์โทรศัพท์ด้วย ใช้แอปบล็อคค่ะ ซึ่งแอปก็มีประสิทธิภาพดีนะคะ เพียงแต่จะมีเตือนเข้ามาว่าเบอร์นี้พยายามติดต่อดิฉันอยู่ ก็เลยมีเป็นหลักฐานด้วย
ดิฉันทำตามคำแนะนำของตำรวจที่บอกให้อยู่เฉยๆแล้ว อีกคำแนะนำหนึ่งคือไปทำบุญ ดิฉันก็ไปทำบุญค่ะ พอกลับถึงบ้านก็ได้รับ sms ก่อกวนทันทีเลยค่ะ มีคำแนะนำเดียวที่ยังทำไม่ได้คือย้ายไปอยู่อเมริกาค่ะ (ตำรวจแนะนำรัฐเท็กซัสด้วยนะคะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) แต่ยังไงก็ไม่อยากว่าหรอกนะคะ คุณตำรวจทั้งหลายก็อุตส่าห์ให้ลงบันทึกฯไว้ แล้วก็พูดจาดี และยอมคุยกับดิฉันตั้งนาน ) ดิฉันเข้าใจค่ะว่าคุณต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายมันไม่สามารถช่วยดิฉันได้ ต้องรอให้ดิฉันโดนทำร้ายร่างกายก่อนนั่นเอง
หลังจากนั้นดิฉันก็ยังคงโดนคุกคามทุกวันค่ะ โดยที่ไม่มีความคืบหน้าใดๆจากทางบริษัทต้นสังกัดของบุคคลนั้น จนเมื่อเกือบปลายเดือนมิ.ย. บุคคลนั้นได้ส่งฟอร์เวิร์ดเมลให้คนในโครงการ อีกแล้ว แต่ทีนี้ส่งหาพวกผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ระดับผู้บริหารเลยทีเดียว ก็เลยมีการเรียกตัวไปตักเตือนเกิดขึ้น เพื่อนๆที่โครงการเล่าให้ดิฉันฟังว่า บุคคลผู้ผู้นี้อ้างว่าเขาแค่อยากจะแชร์เรื่องราวให้ได้อ่านกัน แต่คุณคิดดูสิคะ ขนาดพวกโฆษณาที่เราสมัครใจรับเองมันยังให้เรา unsubscribed ได้เลยค่ะ แต่กับอีเมลที่ไม่เป็นที่ต้องการจากคนๆนี้ ทุกคนต้องมาทนรับ
อย่างไรก็ตามดิฉันก็ยังถูกคุกคามอยู่ค่ะ ทั้งโทรศัพท์ sms และอีเมล ...นี่มันก็เกินหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ดิฉันเลยโทรไปหา HR ของบริษัทต้นสังกัดอีกครั้ง พร้อมกับอีเมลหลักฐานต่างๆไปให้ดูด้วยว่าโดนคุกคามมาตลอดกว่าหนึ่งเดือน แต่หลังจากที่คุยกันวันนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ
(เดี๋ยวรออ่านต่อในความคิดเห็นเลยนะคะ ไม่เคยโพสต์มาก่อน ไม่รู้มันยาวไปไหม)
เดี๋ยวรูปภาพต่างๆจะลงหลังจากลงเรื่องจบนะคะ