ผู้ชายแบบนี้ ควรจะเรียกว่าแมงดาได้ไหม

เรื่องของเรื่อง เราอยากเอาประสบการณ์แย่ ๆ ในชีวิต ที่เราเจอมากับตัวมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่มีแฟนที่นิสัยเจ้าชู้ ไม่จริงใจ สำหรับเราผู้ชายที่มีนิสัยแบบนี้ก็ ยิ้มแล้ว แต่เราเจอ ยิ้มกว่านี้ แต่เราก็ทนคบกับผู้ชายคนนี้มาจนถึงวันที่ 1ุ6 สิงหาคม 2557 ระยะเวลาก็ประมาณ 1 ปี 2 เดือน

ความรักของเรากับแฟน มันเริ่มตันจากที่เราไปสหกิจศึกาาที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดังอยู่ใน กทม ซึ่งเราได้เจอกับผู้ชายคนนั้น เขาชื่อว่าบอม เรากับเขาทำงานแผนกเดียวกัน แต่พี่ขเาจะเข้ามาบริษัทแค่ 1 สัปดาห์สุดท้ายของแต่ละเดือน ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเขาจงใจนะ เวลาเราไปส่งเอกสาร ไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปแผนกอื่น ๆ ในบริษัท เราจะเจอพี่เขาตลอด และพี่เขาก็จะมาคอยช่วยเหลือเราตลอด แต่เราก็ลองถามเพื่อนของเราที่มาสหกิจด้วยกันว่าเวลาไปไหนคนเดียว เจอพี่คนนี้ (พี่บอม) บ้างหรือเปล่า เพราะเราเจอพี่เขาบ่อยมาก เพื่อนก็บอกว่าไม่เคยเจอเลย ซึ่งเราก้แปลกใจที่ทำไมเราเจอบ่อยจัง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร

จนกระทั่ง 1 เดือนตถัดไป เรากับพี่เขาก็ได้เจอกัน พูดคุยกันบ่อยขึ้น พี่เขาเริ่มขอเบอร์ ขอไลน์ เราก็เริ่มคุยกันทุกวันทางไลน์ แต่ไม่ได้เปิดเผยให้พี่ในแผนกรู้กันมากนัก มีแค่พี่ ๆ ที่สนิทเท่านั้น เพราะเรายังเป็นนักศึกษาสหกิจศึกษา ถ้ามีเรื่องคุยกันในลักษณะนี้มันไม่ควรไง และพี่เขาก็บอกเราว่า อย่าให้คนในที่ทำงานรู้เยอะนะ ในแผนกพวกขี้เม้าส์เยอะกลัวเราเสียหาย เราก็เห็นด้วยกับเขา เพราะมันจะส่งผลลบกับเราจริง ๆ ก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ยอมรับเลยว่า คุยแล้วสบายใจ ก้มีความรู้สึกดีให้ พี่เขาดูห่วงใยเราดี และใส่ใจเราตลอดเวลา เราก็ถามพี่เขาตลอดนะว่า พี่นิสัยน่ารักแบบนี้ แฟนต้องน่ารักแน่ ๆพี่เขาก็บอกเราว่า เคยมี แต่ตอนนี้เลิกกันแล้ว เพราะผู้หญิงไปคบคนใหม่ ตอนนี้พี่โสดครับ เราก็เชื่อนะตอนนั้น เพราะพี่เขาจะคุย และทักไลน์มาคุยกับเราตลอด ตั้งแต่ตื่น จนก่อนนอน เราคิดว่าถ้ามีแฟน ไม่น่าจะโทรหาหรือคุยกับเราบ่อยขนาดนี้

เข้าเดือนที่ 3 เรากับพี่เขาก็ยังคุยกันเรื่อย ๆ ก็เริ่มรู้ดีกับพี่เขามากขึ้น พี่เขาก็ชอบเดินมานั่งคุยกับเราที่โต๊ะทำงานเวลาเรานั่งคนเดียว ชอบมาแซวเรา เพราะเราชอบปิดแมส (เราเป้นภูมิแพ้) คือฝุ่นมันเยอะ เราก็เลยจะใส่ไว้ตลอด  พี่เขาเริ่มชวนเราไปไหนด้วย แต่ตอนนั้นเราทำงานเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การตลาด ซึ่งเราดูแลกิจกรรมการประกวดหนึ่งอยู่ เราเลยไม่ค่อยว่าง เลยปฎิเสธพี่เขาไป ก็เจอกันแค่ในบริษัท ก็คุย ๆ กันแลกเปลี่ยนเรื่องในชีวิตประจำวันของกันและกัน

เข้าเดือนที่ 4 เราสหกิจเดือนสุดท้าย ก็แอบรู้สึกใจหายละ เหมือนว่าจะเจอกันน้อยลง พี่เขาก็บอกเราว่า เราเจอกันเดือนสุดท้ายแล้ว เขาอยากนัดเราไปดูหนังกันกัน เราก็เลยตกลง เพราะกลัวจะไม่ได้เจอกันอีก เราเลยบอกพี่เขาว่า งั้นเจอกันวันสุดท้ายที่หนูทำงานนะคะ พี่เขาก็ตกลง ระหว่างนั้น เราก็คุยกันเรื่อย ๆ พี่เขาก็เริ่มมีถามเราว่าเคยยัง เราก็ เอ๊ะ! เคยยัง เลยถามเขาว่า เคยอะไรคะ พี่เขาเลยบอกว่าเคยรึยังละดื่มแอลกอฮอล เที่ยวกลางคืน เราก็อ่อ เลยบอกพี่เขาว่าก็เคยดื่ม แต่เลิกดื่มนานแล้ว ส่วนเที่ยวกลางคืนก้นาน ๆ ครั้ง พี่เขาก็บอกว่าดีแล้ว เที่ยวและดื่มบ่อยมันไม่ดี ยิ่งเราเป็นผู้หญิงด้วย มันยิ่งไม่ดี พี่เป็นห่วงนะครับ ซึ่งพี่เขาจริงใจมาก!

พอถึงวันที่เราสกหิจวันสุดท้าย!! วันนั้นทั้งวัน เราไม่ค่อยได้คุยกัน พี่เขาก้ไม่ได้เดินมาคุยกับเรามมากกมาย แต่จะทักไลน์แทน และโทรมาหาเรา เตือนเราว่าวันนี้เรามีนัดนะครับ เราก็บอกไปว่า เราไม่ลืมหรอก วันนั้นเอง เราก็เลยโกหกเพื่อนเมทเราว่า เราไปหาเพื่อนนะ อาจจะไม่กลับมานอนห้อง ที่จริงเราไปกับพี่เขาไปดูหนังกัน ซึ่งมันก็ดึก เราก้เลยตัดสินใจนอนที่ห้องพี่เขา ซึ่งพี่เขาก็ดูเป็นสุภาพบุรุษดี เราก็ถามพี่เขาว่าเล่นเฟสรึป่าว แอดเฟรนด์กันหน่อยสิ พี่เขาบอกเราว่าไม่ค่อยเล่น เราเลยบอกว่าไม่เป็นไร แอดเฟรนด์กันไว้เฉย ๆ ก็ได้ พี่เขาบอกว่า ไม่ต้องหรอกพี่ไม่ค่อยเล่นจริง ๆ เราก็เลยบอกว่า งั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าเราหาเฟสพี่เจอต้องแอดเฟรนด์กันนะ พี่เขาก็บอกว่าโอเค ในคืนนั้นมันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้

หลังจากวันนั้นเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน ก้คุยกันเรื่อย ๆ ราบรื่นดี และเราก็เชื่อใจพี่เขา ไม่เคยระแวง ไม่เคยจับผิดเลย เราเชื่อพี่เขาทุกอย่าง จนมาถึงวันนึง ที่เราไปเจอเฟสพี่เขาโดยบังเอิญ ก็เลยเข้าไปดูในเฟสด้วยความอยากรู้ แล้วเรื่องมันเริ่มจะไม่ดีตั้งแต่ตอนนี้แหละ เพราะเราเข้าไปเจอรูปพี่เขากับแฟนคนเก่าของเขา ซึ่งพี่เขาก้ไม่ได้ลบ เราก็สงสัย คนเลิกกันแล้วแต่มีรูป เก็บรูปไว้ในเฟสอยู่ ชักเริ่มสงสัย เราก็เลยบอกพี่เขาว่าเจอเฟสพี่แล้วนะ แอดไปแล้ว รับแอดด้วยนะ แต่พี่เขาบอกเรากลับมาว่าไม่รับ เฟสพี่ไม่มีอะไรจริง ๆ เราก็เออนิด ๆ ที่พี่เขาตอบแบบนี้ เลยแซว ๆ พี่เขาไปว่า แหม ยังเก็บรูปกับแฟนเก่าไว้ดูเนอะ พี่เขาก็ตอบเราเพียงแค่ว่า อืม ยังไม่ได้ลบ ซึ่งเราเองก็ไม่ว่าอะไร แล้วเราก็แอดเฟรนด์แฟนเก่าเขาไปด้วยความอยากรู้จักเขา แต่ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้รับเราเป็นเพื่อนนะ

จนถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 ซึ่งมันเป็นเดือนเกิดพี่เขา พี่เขาขอของขวัญวันเกิดเป็นแว่นตาเรย์แบน ราคาประมาณ 10,000 บาท เราก็เลยซื้อให้ เพราะถือว่าให้เป็นของขวัญ ก็แอบคิดนิด ๆ นะ เรายังเรียนอยู่ ยังไม่ได้ทำงานทำไมถึงขอของขวัญแพงจัง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะเราก็มีเงินเก็บ เงินจากการสหกิจศึกษา ซื้อแว่นตาให้ได้สบาย แล้วก็ถึงช่วงวันลอยกระทง ซึ่งช่วงนี้ อยู่ดี ๆ พี่เขาเงียบไป ไม่โทร ไม่ตอบไลน์ โทรไม่ติด ประมาณ 3 วันได้  เราก็สงสัย ก็เลยถามในวันที่พี่เขาติดต่อมา พี่เขาบอกเราว่า มือถือพังครับ เราก็เชื่อ! แล้วมันก็บังเอิญนึกอะไรก้ไม่รุ้ เราเข้าไปดูเฟสแฟนเก่าพี่เขา ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็โพสรูปที่ไปลอยกระทงที่เชียงใหม่ (ลืมบอกไปว่าพี่บอมเป็นคนเชียงใหม่) ซึ่งถ่ายรูปกับพี่บอม ไปทำบุญกัน ดูเขามีความสุขกันมาก มีเม้นสเตตัสกันด้วย เราสตั้นไป 5 วิเลย นี่เราถูกพี่เขาหลอกหรอ เราก็เลยถามพี่เขาว่า วันลอยกระทงไปลอยกระทงที่ไหน พี่เขาตอบเรามาว่า ทำงานครับ เลยไม่ได้ไป เราอึ้งเลย ถามว่าพี่แน่ใจหรอ พี่เขาก็ตอบครับ (ยังไม่ยอมรับ) เราเลยแคปเจอภาพนั้นให้เขาดู พี่เขาก็โมโหเรา ว่ามีสิทธิ์อะไรยุ่งเรื่องส่วนตัวเขา แล้วยังบอกเราว่า ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้แล้ว ก็สงสาร คุยกันแบบพี่น้อง แล้วที่ต้องโกหกเราเพื่อไม่อยากให้เราไม่สบายใจ เราก็เลยอ่อ โอเค เชื่อเขาอีกละ แต่ก็เริ่มไม่ค่อยไว้ใจละ เริ่มติดตามเฟสแฟนเก่าพี่เขา และเริ่มแอดไลน์ และเหมือนผู้หญิงคนนั้นก็จะพอรู้ว่าเราคุยกับพี่เขา เท่าที่สังเกตจากโพสเตตัสบนเฟส

พอถึงเดือนธันวาคม 2556 ช่วงนั้นพอดี KITKAT มันมีจัดเซตตุ๊กตาหมี เราก็เลยอยากได้ พี่ขาก็บอกว่า เดี๋ยวพี่ซื้อให้ แล้วเดี๋ยวเอามาให้เราที่มหาวิทยาลัย เราก็โอเค  แต่มันจะมีช่วง ต้น ๆ เดือน พี่เขาโพสเพลงเศร้า คล้าย ๆ อกหัก เราก็สงสัยอีกละ เรา 2 คน ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ทำไมถึงโพสเพลงเศร้าขนาดนี้ เราก็เลยถามพี่เขาว่า ดพสเพลงเศร้าจัง สเตตัสด้วย ทำไมถึงเศร้า เป็นอะไรรึเปล่า พี่เขาก็ตอบเราว่าเปล่า แค่ชอบเพลงเฉย ๆ แต่ในสเตตัสนั้นมีแฟนเก่ามาเม้น ประมาณให้กำลังใจอ่ะ เราก็เริ่มสงสัยละ นี่เลิกกันจริงป่าวว่ะ ทำไมต้องให้กำลังใจกันขนาดนี้  ด้วยความอยากรู้ เราก็เข้าไปส่องเฟสแฟนเก่าพี่เขาอีกละ ผู้หญิงคนนั้นก็โพสประมาณว่าเสียใจ เหมือนว่ายังเลิกกับพี่บอม เราก็งงสิคะ ตกลงเลิกกันยัง แต่คราวนี้เราไม่ถาม แล้วสังเกตการณ์แบบห่าง ๆ เราก็คุยกันกับพี่เขาปกติ พี่เขาก็เริ่มอยากได้ของอีกละ ขอเงินเรา 4,000 บาท เพื่อซื้อรองเท้า 1 คู่ เราก็โอเค โอนเงินให้ เพราะเราติดเรียนคงไม่ได้ไปช่วยเลือกซื้อ หลังจากนั้น อาทิตยืถัดมา ขอเราอีก 3,000 บาท บอกว่าจะซื้อเสื้อ เราก้ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็ให้ไป จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2556 พี่เขาก็มาหาเราที่มหาลัย เอาตุ๊กตาคิทแคทมาให้ มาพักกับเรา 1 คืน แล้วพี่เขาก็ไปประเทศลาวประมาณ 4 วัน กลับมาไทยวันที่ 30 แต่ช่วงเวลาที่พี่เขาอยู่ลาว เราไม่ค่อยได้คุยกัยเท่าไหร่ เพราะพี่เขาบอกว่าที่ที่ไป ไม่ค่อยมีสัญญาณ เราก็เชื่ออีกละ

จนถึงวันสิ้นปี วันที่ 31 ธันวาคม 2556 เรากับพี่เขาก็คุยกันปกติ เคาน์ดาวกันทางมือถือเพราะอยู่ไกลกัน ทุกอย่างก็ปกติดี แต่พอเช้าวันที่ 1 มกราคม 2557 เราโทรหาพี่เขาไม่ติด ปิดเครื่อง ไลน์ไปไม่อ่านไม่ตอบ เราก็เอ๊ะ หายไปไหน รู้สึกเป็นห่วง ไม่เคยเงียบหายไปแบบนี้เลย จนถึงวันที่ 2 พี่เขาทักไลนืเรามาบอกเราว่านั่งสมาธิที่วัด เราก็เอ๊ะ! ศาสนาคริตส์ ต้องโบสถ์ไม่ใช่หรอ ก็ได้แต่สงสัย แต่ไม่ได้ถาม ก็เชื่อ ๆ พี่เขาไป แต่พอเราเข้าไปดูเฟสแฟนเก่าพี่เขาเท่านั้นแหละ โลกหยุดหมุนเลย สตั๊นเลย ผู้หยิงคนนั้นโพสรูปภาพ ซึ้งเป็นภาพที่พี่บอมหอมแก้มผู้หญิงคนนี้ มันคือช่วงที่หลังจากที่เราเคาน์ดาวกับทางโทรศัพท์เสร็จ แล้วเค้ามาหาผู้หญิงคนนี้ มาอยู่ด้วยกัน นี่เราถูกพี่เขาโกหกอีกแล้วหรอ น้ำตาไหลเสียใจมาก เราก็เลยถามพี่เขาตรง ๆ ว่าโกหกเราทำไม ไหนบอกว่าไปวัด ทำไมถึงมีภาพหอมแก้มแฟนเก่าละ แล้วคำตอบที่เราได้กลับมาก็คือ พี่ที่ลาวให้พี่บอมกลับมาคบกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง พอได้ยินคำตอบ เราคิดในใจ แล้วเราละอยู่ตรงไหน เราเลยบอกเขาไปว่า เราจะเลิก พี่เขาก็บอกเราว่า สงสารผู้หญิงคนนั้น คบกันมาจะ 5 ปีแล้ว แค่กลับมาคบเป็นพี่น้องกัน และก็ไม่อยากเลิกกับเรา บอกเราว่าให้เรารอ เพราะพี่เขารักเรา เราก็เลยโอเค งั้นเรารอ ทั้งที่แบบไม่ชอบเลย ที่ต้องรอ เป็นคนรอมันท้อจริง ๆ

ช่วงเดือนมกราคม เป็นช่วงวันเกิดเราพอดี ซึ่งเราก็ถามเขาว่า จำวันเกิดเราได้รึป่าว พี่เขาก็จำไม่ได้ แล้วก็เราว่าเกิดวันอะไร เราก็บอกเขาว่า เกิดวันนี้นะ นี่เราบอกพี่ครั้งที่ 5 แล้วนะ ยังจำไม่ได้อีกหรอ พี่ก็บอกเราว่า พี่ไม่เคยจำวันเกิดใครได้ แม้แต่วันเกิดลูกตัวเอง (อ่อ เราลืมบอกไปว่าพี่เขามีลูกแล้ว อายุประมาณ 8 ขวบ พี่เขาอายุ 37 ปี ส่วนเราปีนี้อายุ 22 ปี ซึ่งข้อนี้เราก็รับได้ ไม่เป็นไร) เราก้เลยบอกพี่เขาไปว่า อย่าลืมบ่อยนักนะ มันแค่วันเกิดเอง พี่เขาก็บอกว่าจะพยายามจำครับ เราก็โอเค เดือนนั้นเราก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวดีกัน จนถึงวันเกิดเรา เขาจำวันเกิดได้ แต่ไม่ได้ให้ของขวัญ เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะเขาบอกว่าเดี๋ยวให้ย้อนหลัง ในวันที่เราเจอกันที่ กทม ตอนสิ้นเดือน พอถึงวันที่เจอกัน พี่เขาก็ไม่ได้มีของขวัญให้เรา บอกเราว่าไม่มีเวลาซื้อ งานยุ่งมาก เราก็ อืม ๆ ว่างเมื่อไหร่ค่อยซื้อก็ได้ ในเวลาที่เรากับพี่เขาอยู่ด้วยกัน พี่เขาไม่รับโทรศัพทืบางสายที่โทรมา เราก็แปลกใจทำไมไม่รับ แต่ไม่ได้ถาม และเราก็ไม่เคยขอดูมือถือพี่เขาด้วย เพราะถือว่าเป็นของส่วนตัว เราจะอยุ่ด้วยกันแค่ 2 วัน แค่ช่วงวันหยุดที่พี่เขาไม่ได้ไปทำงาน ส่วนมากพี่เขาจะนัดเราช่วงก่อนเข้าออฟิตใน กทม ก้ประมาร 22-23 ของเดือน พอถึงสิ้นเดือน ช่วง 30-31 เราก็เริ่มสงสัย ทำไมพี่เขาเงียบ ๆ จัง ไม่รับโทรศัพท์เรา ไม่ตอบไลน์ หายไปแปลก ๆ ด้วยความสงสัย เราก็เข้าไปดูในเฟสแฟนเก่าเขาอีกแหละ แล้วก็พบว่า ที่พี่เขาเงียบไปเนี่ย คือไปอยู่กับแฟนเก่า เราก็อื้มมม นี่มันรัก 3 เศร้าหรอว่ะ!! แล้วก็รอเวลาที่พี่เขาทักมา พี่เข้าอ้างว่ามือถือพังครับ เอาไปซ่อมมา เราก็เดือดสิ!! เลยถามไปตรง ๆ ว่าโกหกทำไม อยู่กีบแฟนเก่าก็บอกว่าอยู่กับแฟนเก่าดิ พี่เขาก็สวนเราว่า สอดได้แต่อย่ายิ้ม!!! เราก็อ้าว นี่เราผิดหรอ!! พี่เขาก็โมโหกลบเกลื่อนบอกว่า บอกว่าเลิกแล้วก็เลิกดิ แล้วก็เลิกยุ่งเรื่องแฟนเก่าได้แล้ว เราก็คิดในใจ จะเลิกยุ่งได้ไงว่ะ ในเมื่อแฟนเก่าของเขาโพสด่าเรา กัดเราในเฟส เราก็ไม่ยอมสิ ด่าคืนเหมือนกัน เป็นสงครามในเฟสนี่แหละ

ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง และพี่เขาก็บอกเราว่า อยากซื้อรองเท้า ราคา แปดพันกว่าบาท เราก้ถามว่า จะซื้ออีกหรอ พี่มีรองเท้าเยอะแล้วนะ พี่เขาก็บอก มีเยอะ แต่ใส่ไม่สบาย เราก็โอเค พี่เขาถามเราว่าจะให้พี่เท่าไหร่ เราก็เลยบอกว่า จะให้ช่วยเท่าไหร่ละ พี่เขาก็บอกว่า 8000 นะ เราก็อืม ได้ ถือว่าให้เป็นของขวัญวันวาเลน์ไทน์(เราก็คิดในใจแพงไปนะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่