ผมใช้จริงเลยครับ ซื้อจากอมรทุกอย่างเลยครับ มีอะไรบ้าง
  - แผ่นโซลาร์ 120 watt จำนวน 3 แผ่น ราคาแผ่นละ 4200 บาท
  - แบต Deep Cycle ขนาด 120A จำนวน 2 ลูก ต่อแบบขนานกัน คือ + ต่อ + และ - ต่อ - ราคาลูกละ 5600 บาท
  - ไฟแบบหลอดนีออนขนาดสั้น แต่เป็น led กินไฟ 10 watt/hour เป็นแบบ DC มีที่คีบแบตให้ สว่างมากครับ 1 ห้องต่อหลอดเดียว เพียงพอครับ ราคาต่อหลอด หลอดละ 420 บาท ใช้ทั้งหมด 6 หลอด ทำสวิทซ์ปิดเปิดด้วยเพื่อประหยัดแบต
  - พัดลมไฟ DC แบบ 12V มีที่คีบแบตให้ ระบุกินไฟ 15 watt/hour ปรับแรงลม 3 ระดับ พร้อมตั้งเวลาได้ ราคาตัวละ 790 บาท ขนาด 16 นิ้ว เย็นดีครับไม่ขี้เหร่
  - Inverter pure sine wave 1000 watt ราคา 5600 บาท
  - Solar Charger 30A แบบ 12V ราคา 1550 บาท
  - สายไฟต่างหากขึ้นอยู่กับความยาวครับ

การใช้งานจริง
  - แบตชาร์ตต่อวันได้ไม่เต็ม กระแสชาร์ตที่ 10-15 A แกว่งไปมาขึ้นกับสภาพแสงอีกทีครับ แต่ก็ใกล้เต็ม ถ้าไม่ใช้ไฟเลยประมาณ 1 วันครึ่งเต็มครับแล้ว Solar Charger จะตัดไม่ยอมชาร์ตไฟเข้าแบตอีก
  - ไฟแสงสว่างใช้ปกติเหมือนใช้ไฟบ้าน ทั้งในห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัว ใช้เปิดไม่ใช้ปิด ไม่มีเปิดทิ้งไว้ทั้งคืนครับ
  - พัดลม ไฟ DC เปิดตลอดคืน ทั้ง 2 ตัว ทะลุตอนเช้าไม่มีทีท่าว่ากำลังลมอ่อนลงแต่อย่างใด ปิดประมาณ 6-7 โมง พัดลมเข้าบ้านก็เปิดล่ะครับ ส่วนวันไหนกลางวันอยู่บ้านก็เปิดทั้งวันครับ
  - ทีวี ใช้ผ่าน inverter วันละประมาณ 3-4 ชั่วโมง เสาร์-อาทิตย์ ใช้ไฟบ้านร่วมด้วยครับ กลัวไฟไม่พอกลางคืน
  - คอมใช้บ้างเป็นบางครั้ง ถ้าไฟใกล้เต็ม ส่วนใหญ่คอมใช้ไฟบ้านครับ เคยใช้กับคอมต่อเนื่อง 4 ชั่วโมง PC นะครับ Inverter ก็ไม่ร้องเตือน แต่ไฟในแบตลดต่ำลงพอควร ลองใช้ดูเพื่อทดสอบครับ
  - ใช้พัดลมไฟ DC ร่วมกับพัดลมบ้าน โดยต่อผ่าน Inverter ในห้องนอน เปิดทะลุคืนเหมือนเดิมครับ inverter ไม่ร้องเตือน เปิดพัดลม 2 ตัวนะครับเพื่อต้องการทดสอบว่าผ่านหรือไม่ คำตอบคือผ่าน ทดลองเปิดอยู๋อาทิตย์นึงครับ สำหรับพัดลม AC ร่วมกับ DC ในระหว่างนอน ไม่พบปัญหา แต่ก็กลับมาใช้พัดลม DC 2 ตัวเหมือนเดิม เพราะประหยัดไฟกว่ามากครับ ทำให้มีไฟเหลือใช้เยอะกว่า พัดลม DC 15 Watt/hour พัดลม AC 60 watt/hour และต้องเสียไฟให้กับ inverter ด้วย ส่วนพัดลม DC ไม่ต้องเสียไฟให้กับ inverter ครับ คีบ + และ - จากนั้นก็กดแค่นั้นครับ
  - ใช้กับตู้เย็นไม่ผ่าน เนื่องจากตู้เย็นที่บ้านตัวใหญ่ครับ มอเตอร์ทำงานปุ๊บ Inverter ร้องสนั่นเลยทีเดียว
  - เครื่องซักผ้าไม่ได้ทดลองครับ สำหรับ solar บ้านผมหลัก ๆ ก็ใช้กับเรื่องแสงสว่างและพัดลม และทีวีครับ  
  - ประหยัดเป็นเงินบาทได้ประมาณเดือนละ 350 - 400 บาทครับ ไม่มาก แต่ภูมิใจที่ได้ช่วยลดการนำเข้าพลังงานครับ
  - พัดลม DC นี่ก็แปลกอย่างนึงครับ คือเรื่องความร้อนของขดลวด โดยปกติพัดลมบ้านทั่วไปมันจะอุ่น ๆ แต่พัดลมไฟ DC นี่มันเย็นไม่เห็นจะร้อนเลยครับ ดูจาก Body แล้วเหมือนผลิตจากจีนนะครับ body ก็พลาสติก แต่ผมใช้งานมาประมาณ 4 เดือนกว่าแล้วครับ ก็ยังไม่พังนะครับ ใช้วันนึงไม่ต่ำกว่า 15 ชั่วโมงนะครับ ถ้าวันไหนอยู่บ้านช่วงกลางวันด้วยนี่ เปิดวันนึง 21 ชั่วโมงได้เลยนะครับต่อวัน
   - ไฟดับ บ้านก็ยังคงสว่างอยู่ พัดลมก็ยังทำงานอยู่ เพราะเป็นระบบ Stand Alone ไม่ได้พึ่งพาไฟจากการไฟฟ้าครับ สำหรับแสงสว่างและพัดลม

เอาล่ะครับ กลับมาเข้าเรื่อง กรณีเจ้าของกระทู้ถามว่า
      ทีนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องเลือกแผงโซลาเซลขนาดยังไง กี่วัตต์ กี่แอมป์
          - แผงโซลาร์แบบ Mono Crystal Line ขนาด 120 watt หลักการคำนวณ 120 watt x 5 hour โดยประมาณ = 600 watt/day กระแสชาร์ตสูงสุดของแผ่นขนาดนี้ประมาณ 6 แอมป์กว่า
      แล้วแบตเตอร์รี่ควรเลือกความจุ ขนาด หรือแอมป์ยังไง
          - ความจุคำนวณจากความต้องการใช้พลังงาน หากพัดลมใชัพลังงาน 15 watt/hour ต้องการใช้ 12 ชั่วโมง 15x12 = 180 watt/12 hours ตอนนี้ที่ผมเห็นแบตแบบ Deep Cycle 45A ราคา 2600 บาท การคำนวณ watt คำนวณจาก 45 แอมป์ คูณ Volt นั่นก็คือระบบ 12 Volts ดังนั้น 45x12 = 540 watt หมายความว่าแบตขนาด 45A หากแบตเต็มจะมีความจุเท่ากับ 540 วัตต์ เราก็ดูว่าเราใช้ไฟวันละ 180 วัตต์ เพียงพอหรือไม่ จะเพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างอีกซัก 2 จุดก็น่าจะยังสบาย และแผงโซลาร์ผลิตได้ 600 watt/day ถ้าแดดแรง ชาร์ตวันเดียวก็เต็ม ถ้าแดดอ่อนก็ประมาณ วันครึ่ง
       คงสงสัยว่าทำไมผมพูดถึงแบตแบบ Deep Cycle ไม่เห็นพูดถึงแบตรถยนต์ล่ะ เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่องาน Solar cell นั่นเองครับ
       - มันถูกออกแบบมาให้ชาร์ตไฟเข้าแบตได้ แม้กระแสชาร์ตจะต่ำ ซึ่งแบตรถยนต์จะชาร์ตที่แสสูงกว่า ดังนั้นหากกระแสต่ำแบตรถยนต์จะชาร์ตไม่เข้านั่นเอง ขณะที่แบตแบบ Deep Cycle จะสามารถชาร์ตไฟเข้าอยู่ครับ
       - มันถูกออกแบบมาให้จ่ายกระแสได้มากและได้นาน มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของขนาดความจุ ซึ่งไม่ได้แปลว่ามันจะจ่ายกระแสสูงในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ดีนะครับ ส่วนแบตรถยนต์ถูกออกแบบมาให้จ่ายกระแสสูงในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นสตาร์ท แต่การจ่ายกระแสระยะยาวและต่อเนื่องทำได้ไม่ดี และมีเหตุผลว่าหากต้องการยืดอายุแบต ห้ามให้แบตเหลือประจุต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าหากต้องการยืดอายุแบตต้องใช้ได้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของความจุแบตนั่นเองครับ
       - เรื่องราคา แบตแบบ Deep Cycle จะแพงกว่าครับ เพราะวัตถุดิบภายในที่มีขนาดแตกต่างกว่าแบตรถยนต์พอสมควรครับ
       - อายุการใช้งานของแบตแบบ Deep Cycle ตามเอกสารที่ผมอ่านเจอเค้าบอกประมาณ 3-5 ปี แต่ผมใช้ยังไม่ถึงครับ อันนี้บอกตามที่ได้อ่านเจอนะครับ ประสบการณ์จริงยังใช้ไม่ถึงจนแบตเสื่อมครับ

       จบละครับ จากผู้ใช้จริง ซึ่งยังคงใช้อยู่จนทุกวันนี้