เคยเป็นกันไหม อยู่ดีดีร่างกายก็ต้องการทะเล น้ำทะเลเค็มๆ แสงแดดที่อาบไล้ผืนน้ำ กระทบกับผืนทราย ประกายวิ้งๆ
แค่เสิร์ชรูปดูเล่นๆในอากู๋เท่านั้นแหละ อยากไปทันทีทันใด ยิ่งเห็นก็ยิ่งสวย
ตอนนั้นคิดได้แค่ว่าทะเลที่ไหนก็ได้ เกาะเสม็ด เกาะช้าง พัทยา ชะอำ หัวหิน สักที่เถอะ
จะบอกว่าทะเลใต้นี่ไม่คิดเลยนะ กลัวมรสุมมาก ดูพยากรณ์อากาศก็บอกว่า มรสุมเข้า คลื่นลมแรง
ตอนแรกเล็งเกาะกูด แต่บังเอิ๊ญ ที่ที่เล็งไว้เขาปิดปรับปรุง จขกท จะไป 31 ก.ค. เขาเปิด 1 ส.ค. อดไปตามระเบียบ
จะไปภูเก็จได้ข่าวว่ากำลังจัดระเบียบ ก็ย้ายไปสุราษฯ เกาะพงัน แต่ก็ยังไม่ใช่ฟีล อยากไปแบบเงียบๆ ส่วนตัวๆ
ก็เลยเบนเข็มมาที่เกาะหลีเป๊ะ มาหาข้อมูลจากที่นี่เนี่ยแหละ พักที่ไหน เดินทางยังไง มีคำตอบให้หมด
เริ่มจากหาที่พัก ตั๋วเครื่องบิน การเดินทางรถตู้ เรือ
มาได้ที่ Mountain resort จองไว้ 2 คืน
คืนแรกนอนที่ Grand sea view
คืนที่สองนอนที่ Beach front
จะบอกว่าให้อารมณ์คนละแบบนะ เดี๋ยวจะบอกอีกที่ว่างต่างกันยังไง
แล้วก็จองรถตู้ กับ เรือ ที่จะเดินทางไปเกาะกับที่รีสอร์ทเลย คือจะมีรถตู้ไปรับที่สนามบินมาส่งที่ท่าเรือปากบารา แล้วก็จะมีตั๋วเรือให้พร้อม แล้วค่อยไปจ่ายกับทางรีสอร์ททีหลัง สะดวก สบาย มากๆ (ทั้งไป-กลับ)
ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างเร่งด่วนนะ เตรียม หาที่พัก หาตั๋ววันอาทิตย์ เดินทางวันพฤหัสบดี
ได้ตั๋วของนกแอร์บินตอน 06.00 น. เช้าเว่อร์ จะบอกว่าไม่ได้นอนเลยแหละ เพราะตามปกติกว่าจะนอนก็ตี1 ตี2
นี่กะว่าจะไปดอนเมืองสัก ตี 5 อีกอย่างกลัวไม่ตื่นเลยไม่นอนดีกว่า เน๊อะ ^^
ถึงดอนเมืองตี5 หน่อยๆ check in โหลดกระเป๋า แล้วก็ไปรอด้านใน
เครื่องTake off ตรงเวลา และ Landing ตรงเวลา (ช่วงเวลานอนเอาแรง)
ถึงสนามบินหาดใหญ่ 07.25 น. เป๊ะๆ รอรับกระเป๋า แล้วก็มารอพี่รถตู้ที่นัดกันไว้
พอดีว่ารถตู้มารอรับอีกทัวร์ เลยได้ออกจากสนามบินตอน 08.00 น.
จะบอกว่ารถตู้ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 9 ที่นั่ง นั่งสบาย พี่รถตู้ก็จะบอกว่าปลายทางอยู่ที่ไหน เดินทางกี่กิโล กี่ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ หลับสิคะ ....... zz Z zZ .........
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่มาถึงท่าเรือปากบาราเป็นเวลา 2 ชั่วโมงพอดิบพอดี
หลังจากนั้นเราก็ไปรับตั๋วเรือที่ตรงท่ารถที่เรามาได้เลย ท่ารถกับท่าเรื่อ อยู๋ไม่ไกลกันมาก
แล้วก็ฝากของไว้ที่ท่ารถได้มีคนเฝ้า แต่ก็ควรพกทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วย
บริเวณท่าเรือจะมี 7-11 อยู่ ให้ไปซื้อของใช้(ที่อาจลืมเอามา) หรือพวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม จิปาถะได้
เพราะ 7-11 ที่บนเกาะราคา x2 นะจ้ะ พนักงาน7-11 ยังบอกเลย ซื้อบนฝั่งให้ครบนะพี่ บนเกาะแพง
แล้วก็ไปเติมพลังด้วยข้าวแกงปักษ์ใต้ ที่ร้านใกล้ๆ7-11 แอบแพง แต่ น้ำพริกกะปิ หร่อยจังฮู้
แล้วเราก็ไปถ่ายรูปบริเวณหน้าท่าเรือ
มุมมหาชน
ไหนๆ ดูซิ เกาะหลีเป๊ะอยู่ห่างจากฝั่งกี่กิโลน้าาาาา
ศึกษาข้อมูล
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในของท่าเรือ จะมีค่าธรรมเนียม คนละ 20 บาท แล้วจะมีคูปองมาให้
ระหว่างทางจะมีผลไม้ ลูกชิ้น ซื้อได้ ราคา ปกติ (แนะนำว่าถ้าเป็นคนเมาเรือง่ายอย่ารับประทานจะดีกว่า)
เมื่อเดินเข้ามาจะต้องนำคูปองที่เราได้ให้เจ้าหน้าที่ จะมีเคาท์เตอร์อยู่บริเวณประตู
เมื่อเข้ามาด้านในจะมีที่ให้นั่งมากมาย เลือกได้ตามใจ
ถ้าใครใช้ AIS ก็จะมี AIS WIFI ให้ใช้ด้วยนะ ดีจัง
แล้วก็รอเวลาให้เรือมา
เราไปกับ Lipe ferry & speed boat
เวลาเดินเรือช่วง Low season จะมีเวลาเดียว
คือเรือที่ออกมาจากเกาะหลีเป๊ะ 09.00 น.มาถึงฝั่งประมาณ 11.00 น.
และเรือออกจากฝั่ง 11.30 น. จะถึงเกาะหลีเป๊ะประมาณ 13.00 น.
และเวลาขึ้นเรือจะมีระเบียบดีมากคือ จะเรียกตามลำดับบัตรที่เราได้ ไม่ต้องไปรอแย่งกันขึ้นเรือ
แต่ถ้าใครมีกระเป๋าใบใหญ่ๆ ก็ควรที่จะส่งให้คนเรือเอาไปจัดในเรือให้เป็นระเบียบ แต่จะเสียเวลาคอยกระเป๋านิดนึงเวลาเรือถึงโป๊ะ
จขกท เอาเป้ไปใบเดียว ให้คุณแฟนแบก เลยค่อนข้างสะดวก พอถึงโป๊ะเรือก็ไม่ต้องมารอกระเป๋า
ขาไปได้ขึ้นเรือใหญ่ กัปตันบอกวันนี้เจอคลื่นเบาๆ ประมาณ 3 เมตร
ห๊ะ!!!!! 3 เมตร ไม่เบานะ
ออกจากท่าเรือได้สักพัก เริ่มละ คลื่นลูกเล็ก ลูกกลาง ลูกใหญ่
คนเรือเตรียมแจกถุงกันเลยจร้า โอ๊กอ๊าก โอ๊กอ๊าก ปาน คนท้องกันเลยจ้า
จขกท เป็นคนที่เมาเรือค่อนข้างยาก เจอแบบนี้เข้าไปก็เกือบเหมือนกันจ้า
(แนะทริคส่วนตัวเล็กน้อย
เวลารู้สึกจะเมาเรือให้พยายามมองออกไปไกลๆ หาจุดยึดเหนี่ยวสายตาไว้ เช่น ภูเขา โขดหิน ก้อนเมฆ
จขกท มองก้อนเมฆ แล้วก็จินตนาการเป็นรูปต่างๆ เช่น ปลาดาว สุนัข ต้นไม้ นก
พยายามอย่าสนใจเสียงและกลิ่นที่อยู่รอบข้าง เพราะไม่งั้นออกแน่ๆ)
มีช่วงนึงคลื่นสูงจนต้องดับเรือ นึกถึงหลวงปู่ทวดเลย พอดีว่าพกไปด้วย น่ากลัวนะ
เตรียมมองหาทางหนีทีไล่ไว้เลย ทางออกที่ใกล้ที่สุด ชูชีพ พยายามทำให้ตัวเองโล่ง สัมภาระวางไว้ที่เท้าเลย สติสำคัญที่สุด
สุดท้ายก็มาถึง โป๊ะ กลางทะเล โล่งอก เฮ้ออออ!!!!
ก็จะมีค่าธรรมเนียม อีก 70 บาท แบ่งเป็น
และ
แนะว่าให้เตรียมไปพอดี จะได้ขึ้นเรือTaxi เร็วๆ คราวนี้ก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะที่ใฝ่ฝันสักที
น้ำใสจนเห็นหินปะการัง ว้าวววววววว ฟินเลยอ่ะ
บนเกาะจะมีพนักงานจากรีสอร์ทต่างๆมารอรับ
หลังจากเช็คชื่อกันเรียบร้อยแล้วก็พาเราไปยังรถกระบะเพื่อเดินทางไปสู่ Mountain resort
พอได้เข้าสู่ที่พัก โอ้ววว สวย วิวทะเล
พอ Check in เสร็จ ก็มีพนักงานพาไปยังห้องพัก Grand sea view 10 หันหน้าเข้าเกาะอาดังเลย
ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศภายในห้องมา ลืม แต่ห้องน้ำจะแยกเป็น2ห้อง ระหว่าง สุขา กับ ห้องอาบน้ำ
ห้องอาบน้ำที่นี่จะเป็นแบบ Rain shower น้ำไหลแรงดี ช้อบบบบ ชอบ
มาดูบรรยากาศที่ระเบียงกันดีกว่า มันจะ sea view สวยแค่ไหนน้าาาาา
ประทับใจมาก สวยอ่ะ
มีราวตากผ้าให้ด้วยนะ
หลังจากที่เดินทางมาทั้งวันจากแผนเดิมที่ว่าจะเล่นน้ำก็เปลี่ยนมาเป็นนอนหลับตื่นอีกทีก็ 5 เย็น
มาเดินเล่นที่ชายหาดซะหน่อย
ให้รู้ว่า มาถึงแล้วน้าาาาา
ที่นี่จะสามารถเห็นได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตก
ยามอาทิตย์อัสดง งดงามเกินบรรยาย
ทางรีสอร์ทจะมีรถรับ-ส่ง ไปยังถนนคนเดิน ตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.00 น.
หากเกินเวลาสามารถหารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่บริเวณ 7-11ให้มาส่งได้ ในราคาคนละ 50 บาท
พอมาถึงถนนคนเดินก็หาทัวร์ day trip ดำน้ำ เที่ยวเกาะ
ได้มาเจอที่ร้านนี้
พี่เขาใจดี น่ารัก เป็นกันเอง
คุยไป คุยมา พี่แกก็เพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิกพันทิปได้ไม่นานนี่เอง พี่แกบอกว่าจะได้คอยตอบคำถามต่างๆได้
เพราะคนที่เกาะจะรู้สภาพอากาศ รู้แหล่งท่องเที่ยวดีกว่า
จากนั้นก็ชำระเงิน แล้วนัดเจอกันพรุ่งนี้ 9.00 น.
อันนี้เราจะ Join trip กับคนอื่นนะ
หลักๆก็จะไปเกาะหินงาม ดำน้ำที่เกาะอาดัง และอีกเกาะนึงจำชื่อไม่ได้
ตอนแรกทำแพลนมา ว่าจะไป เกาะหินซ้อน ร่องน้ำจาบัง เกาะยาง แต่พี่เขาบอกว่า อุทยานฯปิด
เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว แล้วอางอุทยานฯก็กำลังอนุรักษ์ปลานกแก้วอยู่ด้วย
[เกร็ดความรู้
ปลานกแก้วจะมีลักษณะพิเศษอีก คือ เป็นปลาที่มีปากและฟันขนาดใหญ่ที่แข็งแรง โดยฟันจะมีลักษณะเชื่อมต่อกันเป็นแผง มีฟันบนสองแถว ฟันล่างสองแถว ลักษณะของฟันจะมีความแหลมคมคล้ายกับจะงอยของนกแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อว่าปลานกแก้ว สามารถใช้งานได้ดี โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้ขูดกินผิวหน้าของปะการังหรือแทะกินสาหร่ายที่เคลือบอยู่ที่โขดหินหรือตามพื้นผิวของแนวปะการัง และการขับถ่ายของปลานกแก้วที่เป็นผงตะกอนหรือทรายออกมา เป็นการเพิ่มทรายให้กับชายหาดและแนวปะการังด้วย โดยปลานกแก้ว 1 ตัวสามารถผลิตทรายได้ถึง 90 กิโลกรัมต่อปี หรือประมาณ 275 กรัมต่อวันต่อหนึ่งตัว
ข้อมูลจาก
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/252727/ปรับพฤติกรรมบริโภค+‘ปลานกแก้ว’+ลดความเสี่ยงสูญเสียแนวปะการัง!]
แล้วก็เลยสอบถามร้านโรตีที่ตั้งใจว่าจะมากินก็คือ ร้านYooHoo พี่เขาบอกว่า
ตอนนี้ Madam YooHoo กำลังปิดปรับปรุงร้านอยู่จ้า อดไปตามระเบียบ
แต่ไม่เป็นไรร้านอื่นก็ได้
เลยหาร้านอาหารเย็นแทน เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้านล้านนาแซ่บ
แหม่ๆ ชื่อเหนือแต่มาอยู่ใต้ คนก็เยอะพอสมควร
ร้านนี้บรรยากาศดี โปร่ง เพลงสากลฟังสบาย
ตกแต่งด้วยธงนานาชาติ
สั่งไป 4 อย่าง (ปล.มากัน2คน)
เริ่มด้วยส้มตำ เห็นจืดๆแบบนี้ แซ่บนะค๊าาาาาา
ตามด้วยทะเลทอดกระเทียม
ต่อด้วยยำคอหมูย่าง
ปิดท้ายด้วยมัสมั่นไก่
ก่อนเข้าไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านเลยมาถ่ายก่อนจะกลับน้องผู้ชายเดินมาส่งด้วย น่ารักๆ
หลังจากนั้นก็กลับที่พักเลยเดินมารอตรงจุดรับ-ส่งของรีสอร์ทเลย
กลับถึงที่พักอาบน้ำนอนเลย เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
{CR} * - _ หลีเป๊ะ เที่ยวได้ เที่ยวดี เที่ยวได้ทั้งปีนะจ้ะ ^^ (Low season) _ - * [31ก.ค.-2ส.ค.57]
แค่เสิร์ชรูปดูเล่นๆในอากู๋เท่านั้นแหละ อยากไปทันทีทันใด ยิ่งเห็นก็ยิ่งสวย
ตอนนั้นคิดได้แค่ว่าทะเลที่ไหนก็ได้ เกาะเสม็ด เกาะช้าง พัทยา ชะอำ หัวหิน สักที่เถอะ
จะบอกว่าทะเลใต้นี่ไม่คิดเลยนะ กลัวมรสุมมาก ดูพยากรณ์อากาศก็บอกว่า มรสุมเข้า คลื่นลมแรง
ตอนแรกเล็งเกาะกูด แต่บังเอิ๊ญ ที่ที่เล็งไว้เขาปิดปรับปรุง จขกท จะไป 31 ก.ค. เขาเปิด 1 ส.ค. อดไปตามระเบียบ
จะไปภูเก็จได้ข่าวว่ากำลังจัดระเบียบ ก็ย้ายไปสุราษฯ เกาะพงัน แต่ก็ยังไม่ใช่ฟีล อยากไปแบบเงียบๆ ส่วนตัวๆ
ก็เลยเบนเข็มมาที่เกาะหลีเป๊ะ มาหาข้อมูลจากที่นี่เนี่ยแหละ พักที่ไหน เดินทางยังไง มีคำตอบให้หมด
เริ่มจากหาที่พัก ตั๋วเครื่องบิน การเดินทางรถตู้ เรือ
มาได้ที่ Mountain resort จองไว้ 2 คืน
คืนแรกนอนที่ Grand sea view
คืนที่สองนอนที่ Beach front
จะบอกว่าให้อารมณ์คนละแบบนะ เดี๋ยวจะบอกอีกที่ว่างต่างกันยังไง
แล้วก็จองรถตู้ กับ เรือ ที่จะเดินทางไปเกาะกับที่รีสอร์ทเลย คือจะมีรถตู้ไปรับที่สนามบินมาส่งที่ท่าเรือปากบารา แล้วก็จะมีตั๋วเรือให้พร้อม แล้วค่อยไปจ่ายกับทางรีสอร์ททีหลัง สะดวก สบาย มากๆ (ทั้งไป-กลับ)
ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างเร่งด่วนนะ เตรียม หาที่พัก หาตั๋ววันอาทิตย์ เดินทางวันพฤหัสบดี
ได้ตั๋วของนกแอร์บินตอน 06.00 น. เช้าเว่อร์ จะบอกว่าไม่ได้นอนเลยแหละ เพราะตามปกติกว่าจะนอนก็ตี1 ตี2
นี่กะว่าจะไปดอนเมืองสัก ตี 5 อีกอย่างกลัวไม่ตื่นเลยไม่นอนดีกว่า เน๊อะ ^^
ถึงดอนเมืองตี5 หน่อยๆ check in โหลดกระเป๋า แล้วก็ไปรอด้านใน
เครื่องTake off ตรงเวลา และ Landing ตรงเวลา (ช่วงเวลานอนเอาแรง)
ถึงสนามบินหาดใหญ่ 07.25 น. เป๊ะๆ รอรับกระเป๋า แล้วก็มารอพี่รถตู้ที่นัดกันไว้
พอดีว่ารถตู้มารอรับอีกทัวร์ เลยได้ออกจากสนามบินตอน 08.00 น.
จะบอกว่ารถตู้ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 9 ที่นั่ง นั่งสบาย พี่รถตู้ก็จะบอกว่าปลายทางอยู่ที่ไหน เดินทางกี่กิโล กี่ชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ หลับสิคะ ....... zz Z zZ .........
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่มาถึงท่าเรือปากบาราเป็นเวลา 2 ชั่วโมงพอดิบพอดี
หลังจากนั้นเราก็ไปรับตั๋วเรือที่ตรงท่ารถที่เรามาได้เลย ท่ารถกับท่าเรื่อ อยู๋ไม่ไกลกันมาก
แล้วก็ฝากของไว้ที่ท่ารถได้มีคนเฝ้า แต่ก็ควรพกทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วย
บริเวณท่าเรือจะมี 7-11 อยู่ ให้ไปซื้อของใช้(ที่อาจลืมเอามา) หรือพวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม จิปาถะได้
เพราะ 7-11 ที่บนเกาะราคา x2 นะจ้ะ พนักงาน7-11 ยังบอกเลย ซื้อบนฝั่งให้ครบนะพี่ บนเกาะแพง
แล้วก็ไปเติมพลังด้วยข้าวแกงปักษ์ใต้ ที่ร้านใกล้ๆ7-11 แอบแพง แต่ น้ำพริกกะปิ หร่อยจังฮู้
แล้วเราก็ไปถ่ายรูปบริเวณหน้าท่าเรือ
มุมมหาชน
ไหนๆ ดูซิ เกาะหลีเป๊ะอยู่ห่างจากฝั่งกี่กิโลน้าาาาา
ศึกษาข้อมูล
หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในของท่าเรือ จะมีค่าธรรมเนียม คนละ 20 บาท แล้วจะมีคูปองมาให้
ระหว่างทางจะมีผลไม้ ลูกชิ้น ซื้อได้ ราคา ปกติ (แนะนำว่าถ้าเป็นคนเมาเรือง่ายอย่ารับประทานจะดีกว่า)
เมื่อเดินเข้ามาจะต้องนำคูปองที่เราได้ให้เจ้าหน้าที่ จะมีเคาท์เตอร์อยู่บริเวณประตู
เมื่อเข้ามาด้านในจะมีที่ให้นั่งมากมาย เลือกได้ตามใจ
ถ้าใครใช้ AIS ก็จะมี AIS WIFI ให้ใช้ด้วยนะ ดีจัง
แล้วก็รอเวลาให้เรือมา
เราไปกับ Lipe ferry & speed boat
เวลาเดินเรือช่วง Low season จะมีเวลาเดียว
คือเรือที่ออกมาจากเกาะหลีเป๊ะ 09.00 น.มาถึงฝั่งประมาณ 11.00 น.
และเรือออกจากฝั่ง 11.30 น. จะถึงเกาะหลีเป๊ะประมาณ 13.00 น.
และเวลาขึ้นเรือจะมีระเบียบดีมากคือ จะเรียกตามลำดับบัตรที่เราได้ ไม่ต้องไปรอแย่งกันขึ้นเรือ
แต่ถ้าใครมีกระเป๋าใบใหญ่ๆ ก็ควรที่จะส่งให้คนเรือเอาไปจัดในเรือให้เป็นระเบียบ แต่จะเสียเวลาคอยกระเป๋านิดนึงเวลาเรือถึงโป๊ะ
จขกท เอาเป้ไปใบเดียว ให้คุณแฟนแบก เลยค่อนข้างสะดวก พอถึงโป๊ะเรือก็ไม่ต้องมารอกระเป๋า
ขาไปได้ขึ้นเรือใหญ่ กัปตันบอกวันนี้เจอคลื่นเบาๆ ประมาณ 3 เมตร
ห๊ะ!!!!! 3 เมตร ไม่เบานะ
ออกจากท่าเรือได้สักพัก เริ่มละ คลื่นลูกเล็ก ลูกกลาง ลูกใหญ่
คนเรือเตรียมแจกถุงกันเลยจร้า โอ๊กอ๊าก โอ๊กอ๊าก ปาน คนท้องกันเลยจ้า
จขกท เป็นคนที่เมาเรือค่อนข้างยาก เจอแบบนี้เข้าไปก็เกือบเหมือนกันจ้า
(แนะทริคส่วนตัวเล็กน้อย
เวลารู้สึกจะเมาเรือให้พยายามมองออกไปไกลๆ หาจุดยึดเหนี่ยวสายตาไว้ เช่น ภูเขา โขดหิน ก้อนเมฆ
จขกท มองก้อนเมฆ แล้วก็จินตนาการเป็นรูปต่างๆ เช่น ปลาดาว สุนัข ต้นไม้ นก
พยายามอย่าสนใจเสียงและกลิ่นที่อยู่รอบข้าง เพราะไม่งั้นออกแน่ๆ)
มีช่วงนึงคลื่นสูงจนต้องดับเรือ นึกถึงหลวงปู่ทวดเลย พอดีว่าพกไปด้วย น่ากลัวนะ
เตรียมมองหาทางหนีทีไล่ไว้เลย ทางออกที่ใกล้ที่สุด ชูชีพ พยายามทำให้ตัวเองโล่ง สัมภาระวางไว้ที่เท้าเลย สติสำคัญที่สุด
สุดท้ายก็มาถึง โป๊ะ กลางทะเล โล่งอก เฮ้ออออ!!!!
ก็จะมีค่าธรรมเนียม อีก 70 บาท แบ่งเป็น
และ
แนะว่าให้เตรียมไปพอดี จะได้ขึ้นเรือTaxi เร็วๆ คราวนี้ก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะที่ใฝ่ฝันสักที
น้ำใสจนเห็นหินปะการัง ว้าวววววววว ฟินเลยอ่ะ
บนเกาะจะมีพนักงานจากรีสอร์ทต่างๆมารอรับ
หลังจากเช็คชื่อกันเรียบร้อยแล้วก็พาเราไปยังรถกระบะเพื่อเดินทางไปสู่ Mountain resort
พอได้เข้าสู่ที่พัก โอ้ววว สวย วิวทะเล
พอ Check in เสร็จ ก็มีพนักงานพาไปยังห้องพัก Grand sea view 10 หันหน้าเข้าเกาะอาดังเลย
ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศภายในห้องมา ลืม แต่ห้องน้ำจะแยกเป็น2ห้อง ระหว่าง สุขา กับ ห้องอาบน้ำ
ห้องอาบน้ำที่นี่จะเป็นแบบ Rain shower น้ำไหลแรงดี ช้อบบบบ ชอบ
มาดูบรรยากาศที่ระเบียงกันดีกว่า มันจะ sea view สวยแค่ไหนน้าาาาา
ประทับใจมาก สวยอ่ะ
มีราวตากผ้าให้ด้วยนะ
หลังจากที่เดินทางมาทั้งวันจากแผนเดิมที่ว่าจะเล่นน้ำก็เปลี่ยนมาเป็นนอนหลับตื่นอีกทีก็ 5 เย็น
มาเดินเล่นที่ชายหาดซะหน่อย
ให้รู้ว่า มาถึงแล้วน้าาาาา
ที่นี่จะสามารถเห็นได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตก
ยามอาทิตย์อัสดง งดงามเกินบรรยาย
ทางรีสอร์ทจะมีรถรับ-ส่ง ไปยังถนนคนเดิน ตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.00 น.
หากเกินเวลาสามารถหารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่บริเวณ 7-11ให้มาส่งได้ ในราคาคนละ 50 บาท
พอมาถึงถนนคนเดินก็หาทัวร์ day trip ดำน้ำ เที่ยวเกาะ
ได้มาเจอที่ร้านนี้
พี่เขาใจดี น่ารัก เป็นกันเอง
คุยไป คุยมา พี่แกก็เพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิกพันทิปได้ไม่นานนี่เอง พี่แกบอกว่าจะได้คอยตอบคำถามต่างๆได้
เพราะคนที่เกาะจะรู้สภาพอากาศ รู้แหล่งท่องเที่ยวดีกว่า
จากนั้นก็ชำระเงิน แล้วนัดเจอกันพรุ่งนี้ 9.00 น.
อันนี้เราจะ Join trip กับคนอื่นนะ
หลักๆก็จะไปเกาะหินงาม ดำน้ำที่เกาะอาดัง และอีกเกาะนึงจำชื่อไม่ได้
ตอนแรกทำแพลนมา ว่าจะไป เกาะหินซ้อน ร่องน้ำจาบัง เกาะยาง แต่พี่เขาบอกว่า อุทยานฯปิด
เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว แล้วอางอุทยานฯก็กำลังอนุรักษ์ปลานกแก้วอยู่ด้วย
ปลานกแก้วจะมีลักษณะพิเศษอีก คือ เป็นปลาที่มีปากและฟันขนาดใหญ่ที่แข็งแรง โดยฟันจะมีลักษณะเชื่อมต่อกันเป็นแผง มีฟันบนสองแถว ฟันล่างสองแถว ลักษณะของฟันจะมีความแหลมคมคล้ายกับจะงอยของนกแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อว่าปลานกแก้ว สามารถใช้งานได้ดี โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้ขูดกินผิวหน้าของปะการังหรือแทะกินสาหร่ายที่เคลือบอยู่ที่โขดหินหรือตามพื้นผิวของแนวปะการัง และการขับถ่ายของปลานกแก้วที่เป็นผงตะกอนหรือทรายออกมา เป็นการเพิ่มทรายให้กับชายหาดและแนวปะการังด้วย โดยปลานกแก้ว 1 ตัวสามารถผลิตทรายได้ถึง 90 กิโลกรัมต่อปี หรือประมาณ 275 กรัมต่อวันต่อหนึ่งตัว
ข้อมูลจาก
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/252727/ปรับพฤติกรรมบริโภค+‘ปลานกแก้ว’+ลดความเสี่ยงสูญเสียแนวปะการัง!]
แล้วก็เลยสอบถามร้านโรตีที่ตั้งใจว่าจะมากินก็คือ ร้านYooHoo พี่เขาบอกว่า
ตอนนี้ Madam YooHoo กำลังปิดปรับปรุงร้านอยู่จ้า อดไปตามระเบียบ
แต่ไม่เป็นไรร้านอื่นก็ได้
เลยหาร้านอาหารเย็นแทน เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้านล้านนาแซ่บ
แหม่ๆ ชื่อเหนือแต่มาอยู่ใต้ คนก็เยอะพอสมควร
ร้านนี้บรรยากาศดี โปร่ง เพลงสากลฟังสบาย
ตกแต่งด้วยธงนานาชาติ
สั่งไป 4 อย่าง (ปล.มากัน2คน)
เริ่มด้วยส้มตำ เห็นจืดๆแบบนี้ แซ่บนะค๊าาาาาา
ตามด้วยทะเลทอดกระเทียม
ต่อด้วยยำคอหมูย่าง
ปิดท้ายด้วยมัสมั่นไก่
ก่อนเข้าไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านเลยมาถ่ายก่อนจะกลับน้องผู้ชายเดินมาส่งด้วย น่ารักๆ
หลังจากนั้นก็กลับที่พักเลยเดินมารอตรงจุดรับ-ส่งของรีสอร์ทเลย
กลับถึงที่พักอาบน้ำนอนเลย เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
เดี๋ยววันพรุ่งนี้มา Update ต่อนะคะ