เตรียมสอบ "พระคึกฤทธิ์" ตัดศีลพระเหลือ ๑๕๐ ข้อ

กระทู้ข่าว
วันนี้(17 ส.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ พศ.จะนำเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระอธิการคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล หรือ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จังหวัดปทุมธานี เข้าหารือ เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีพุทธศาสนิกชนร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ฮอตไลน์ของพศ. และร้องเรียนไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พระอธิการคึกฤทธิ์ มีการตัดศีลปาฏิโมกข์ของพระสงฆ์ตามพระธรรมวินัยที่กำหนดไว้ 227 ข้อ เหลือเพียง 150 ข้อ เท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ได้ส่งผลให้วัดนาป่าพงถูกตัดออกจากการเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ไปเมื่อปี 2553

    นายนพรัตน์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ได้รับร้องเรียน พศ.ได้แจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ปทุมธานี เพื่อประสานเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบในทันที และล่าสุดได้รับรายงานว่าได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 13ส.ค. ที่ผ่านมา และได้เข้าพบพระอธิการคึกฤทธิ์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งพระอธิการคึกฤทธิ์ก็ยอมรับว่ามีการตัดศีลของพระสงฆ์เหลือเพียง 150 ข้อจริง แต่ยืนยันว่าเป็นการยึดคำสอนตามพระไตรปิฎก ไม่ได้แก้ไขอะไร อย่างไรก็ตามเนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศีลของพระสงฆ์ จึงจำเป็นต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมมส. เพื่อขอให้ตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หรือพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาพิจารณากรณีของพระอธิการคึกฤทธิ์ว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร

    “ในอดีตก็เคยเกิดกรณีที่คล้ายกันนี้มาแล้ว เช่น กรณีของสำนักสันติอโศก ซึ่งทางมหาเถรสมาคมได้มีการพิจารณาแล้วมีมติปกาสนียกรรม ซึ่งหมายความว่าตัดออกจากคณะสงฆ์ไทย และคณะสงฆ์ไทยไม่ให้การยอมรับ ส่วนกรณีของวัดนาป่าพง จะมีการดำเนินการอย่างไร ต้องอยู่ที่ผลการพิจารณาของที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป ”ผอ.พศ.กล่าว    

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำชี้แจงของ พระอธิการคึกฤทธิ์ ต่อเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา และพศจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 13 ส.ค.นั้น พระอธิการคึกฤทธิ์ ชี้แจงว่า ได้แยกส่วนคำแต่งใหม่ กับ คำพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฏกออกจากกัน เพราะไปเจอพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ให้ต่อเติมแต่งคำใหม่ของพระองค์ จึงอยากให้ชาวพุทธได้รู้ว่า ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนล้วนๆ นั้น เป็นอย่างไร โดยไม่มีอรรถกถา คือ คำขยายความ หรือ คำแต่งใหม่ของสาวกเข้าไปปนเหมือนพระไตรปิฏกที่ใช้กันอยู่ และไม่ได้มีอยู่เล่มเดียวทั้งหมด จะมี 33 เล่ม ตามพระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ ที่ใช้กันมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ซึ่งไม่ได้มีการดัดแปลงใดๆ

    ด้านพระธรรมคุณาภรณ์  (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ.7)  เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา รองเจ้าคณะภาค 7 กล่าวว่า พระพุทธองค์ได้บัญญัติพระธรรมวินัยไว้ 227 ข้อ ซึ่งหลังจากปรินิพพานแล้วเหล่าสาวกจะคงไว้หรือจะตัดให้เหมาะสมก็ได้ แต่ในส่วนฝ่ายเถรวาทนั้น ยึดแบบดั้งเดิมที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัยไว้ 227ข้อโดยไม่มีใครไปตัดออก โดยพระธรรมวินัยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พุทธบัญญัติ หมายถึง ข้อห้ามที่พระพุทธองค์ทรงตั้งขึ้น เพื่อป้องกันความประพฤติเสียหาย และวางโทษแก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิดด้วยปรับอาบัติหนักและเบาตามโทษที่ได้กระทำผิด ส่วนอภิสมาจาร คือ ขนบธรรมเนียมที่ทรงแต่งตั้งขึ้น เพื่อชักนำความประพฤติของภิกษุสงฆ์ให้ดีงาม เช่น เวลายืนไม่ให้แสดงธรรม ไม่ให้หัวเราะเสียงดัง ฉันข้าวไม่ให้พูด เป็นต้น เมื่อรวมพุทธบัญญัติกับอภิสมาจารเข้าด้วยกัน จะเรียกว่า พระธรรมวินัย หากมีการตัดส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป พระธรรมวินัยก็จะไม่มีความสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การที่มีความเข้าใจผิดไปตัดอภิสมาจารออกให้เหลือเพียงพุทธบัญญัติ 150 ข้อ ถือว่า ไม่เหมาะสม เพราะเวลาสวดปาฏิโมกข์พระสงฆ์ก็จะสวด 227 ข้อถึงจะมีความสมบูรณ์ ถือเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา

เดลินิวส์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่