รีวิวครั้งที่ 2 “ผิดพลาดประการใด ขอคำชี้แนะมา ณ.ที่นี้”
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน รีวิวในครั้งนี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ มือใหม่ที่ีออกเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะประเทศ "ฮ่องกง" ซึ่งโดยส่วนตัวผมนั้นเรื่องภาษาอังกฤษ ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่กลัวเหมือนกันกับการออกต่างประเทศครั้งแรก เอาแค่ศัพท์พื้นฐานที่พอนึกออก , แอพในโทรศัพท์มือถือ และ แผนที่อีก 1 ชุด เท่านี้ก็รอดกับการไปเที่ยวต่างประเทศได้แล้วครับ(อย่าไปกลัว)
ก่อนที่จะเข้าเนื้อหา ก็ต้องขอขอบคุณ
ทุกท่านที่ทำรีวิว เที่ยวฮ่องกง
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีข้อมูลมากหรือน้อยเพียงใด ผมนั้นเอามาเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวในครั้งนี้ เพราะเราก็ต้องรู้พื้นฐานของประเทศที่เราไปก่อน ตั้งแต่ การเดินทาง,ตม.,ที่เที่ยว และ อาหารการกิน ซึ่งรีวิวที่อ่านหรือหนังสือที่ซื้อมาเตรียมตัวเป็นข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น พอเมื่อไปจริงที่เหลือต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เอาตัวรอดให้ได้
เริ่มต้นจากปลายปี 2556 สายการบินที่ใครๆก็บินได้(ถ้ามีโปรโมชั่น) "AIRASIA" ออกโปร BIGSALE โดยส่วนใหญ่เคยเที่ยวแต่ในประเทศ ครั้งนี้กล้าดี คิดอยากลองไป ตปท. ซักครั้งในชีวิต เห็นราคา ไป-กลับ ฮ่องกง
ไม่เกิน 4,000 บาท เลยตัดสินใจจอง ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าฮ่องกงจะมีอะไร รู้แต่ว่ากลางปีมี ลดทั้งเกาะ กับ ดิสนี่ย์แลนด์
การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง เฉพาะที่น่าจะอยู่นอกเหนือสิ่งต้องเตรียมไปจริงๆ
1. หนังสือ เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง 1 เล่มพร้อมแผนที่ (แผนที่ช่วยได้เยอะ)
2. ศึกษารีวิวต่างๆ ใน PANTIP, HONGKONG FC โดยเฉพาะการเอาตัวรอดจาก ตม. ถ้าเข้าประเทศไม่ได้เป็นอันจบ
3. ติดตามและเปรียบเทียบสถานะค่าเงินดอลล่าฮ่องกง ได้ที่เว็บ
http://bahtcheck.com/ (เครดิต: ได้มาจากสมาชิกPantip เคยโพสไว้)
4. เอกสารสำคัญต่างๆ ประวัติการทำงาน,นามบัตร,สลิปเงินเดือนล่าสุด,บัตรพนักงานและ ตารางท่องเที่ยว(หัวตารางใส่รูปหนังสือเดินทางของคนเดินทางร่วมด้วย พร้อมรูปถ่ายตอนแต่งงาน จะได้ตอบคำถามได้ง่ายเวลา ตม.ถามว่ามากับใครแล้วเป็นอะไรกัน )
5. เสื้อกันฝน,ไฟฉาย(ไว้ส่องทางเดินบน The Peak),หัวปลั๊กไฟพร้อมปลั๊กพ่วง,เลเซอร์พอยเตอร์(เอาไว้ชี้เมนูอาหารที่อยู่ติดผนัง),
ขวดน้ำเปล่า(ห้ามมีน้ำก่อนผ่านสแกนกระเป๋าที่สนามบิน พอพ้นไปแล้วเข้าไปเติมน้ำที่หน้าห้องน้ำจะมีที่เติม ขวดเปล่าขวดเดียวเติมน้ำฟรี จนถึงวันกลับ)
6. แอพพลิเคชั่น ที่ช่วยในการท่องเที่ยว โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งใช้อยู่ 3 แอพหลักๆ คือ Google Map , MTR Mobile และ TAP&SAY แล้วใส่รูปอาหารที่อยากทาน ป้ายรูปห้องน้ำ รูปรถไฟ รูปที่ต่างๆ ไว้ในโทรศัพท์ สื่อสารไม่รู้เรื่อง เปิดให้ดูกันไปเลย
MTR Mobile ช่วยในเรื่องของการขึ้นรถไฟฟ้าของฮ่องกง จะได้รู้ว่าถ้าจะไปสถานีไหน ต้องเปลี่ยนรถที่สถานีอะไร ที่Platformเท่าไหร่ ราคายังไง
TAP&SAY ช่วยในเรื่องของภาษาที่สื่อสาร โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ใช้งาน และ คำที่ต้องพูด ถ้าพูดไม่รู้เรื่องให้ดูคำที่ใช้ได้เลย
เริ่มต้นเดินทาง 27 ก.ค.57
เริ่มต้นที่การไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง อย่างที่บอกครับว่านี่คือการเดินทางออก ตปท.ครั้งแรก ไม่รู้ว่าขาออกจากประเทศไทยต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะขึ้นเครื่องได้ กำหนดการเครื่องออกคือ 06.30 น. แต่ไปถึงสนามบินตั้งแต่ 03.45 น.

เนื่องจากผมเช็คอินผ่านเน็ตมา แล้วปริ๊นตั๋วที่เครื่องคีออสตรงประตูทางเข้า 1-2 ซึ่งไม่ต้องโหลดกระเป๋า โดยมีเพียงกระเป๋าลากใบใหญ่ที่ไม่เกินตามที่สายการบินกำหนด+กระเป๋าเป้ 1ใบ +กล้องถ่ายรูป แล้วแวะไปที่เคาเตอร์ AIRASIA เพื่อขอใบผ่าน ตม.ไทย และเดินมากรองเอกสารที่โต๊ะด้านหน้าช่องตรวจ ตม. ซึ่งมีปากกาและตัวอย่างวิธีการกรอกติดผนังไว้ให้ดู เนื่องจากผมไปเช้ามากคนรอตรวจที่ ตม.แทบไม่มี เลยผ่านตม.ไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้พยายามหารีวิวว่าพอผ่าน ตม.ก่อนไปถึงเกตขึ้นเครื่องมีอะไรขายบ้าง โดยเฉพาะ 7-11 เหมือนฝั่งในประเทศหรือไม่ ซึ่งไม่ค่อยเจอข้อมูล นอกจากมี DUTY FREE ก็เลยถ่ายมาฝากครับ พอผ่านจากการสแกนกระเป๋า ก็จะพบ DUTY FREE ซ้ายมือ

ใครที่แลกเงินมาไม่พอก็ยังมี เคาเตอร์ของธนาคารที่รับแลก (เช้าเกินไปจึงยังไม่เปิดบริการ)

ร้านอาหาร และ ร้านขายยา (ซึ่งก็เช้าไปสำหรับบางร้านจึงยังไม่เปิดบริการ) โดยไม่มี 7-11 ในฝั่งระหว่างประเทศนะครับ

จากนั้นเดินมาที่ GATE 6 ซึ่งทางไป GATE 1-6 ทีแรกเกือบหลงหาไม่เจอ เพราะ มัวแต่ถ่ายรูปทางด้านขวาแล้วนึกว่าขึ้นรถบัส ต้องอยู่เกตด้านในสุดเหมือนในประเทศ ซึ่งพอเดินเลยไปไม่เห็นป้าย GATE 1-6 เลยตกใจแล้วมองย้อนกลับมา จึงรู้ว่าจะมีทางลงอยู่ทางด้านซ้ายมือ หลังจากผ่าน DUTY FREE มานิดเดียวเอง(หลงตั้งแต่ยังไม่ไป จะรอดไหมเนี่ย) พอลงมาถึงก็เจอสภาพที่นอนที่เลือกได้ตามสบาย ก็พึ่งจะ 04.20 น. เองนิ
จากนั้นก็นำขวดน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ มากรอกน้ำที่ด้านหน้าห้องน้ำ (สำหรับผู้ที่ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่อยากกินน้ำเปล่าขวดละ 30 ฿ UP)
พึ่งจะ 04.50 น. เหลือเวลาอีก 2 ชม. กว่าจะขึ้นเครื่องเลยทดสอบ WIFI ฟรีในสนามบินมาฝากครับ วิธีสมัครไม่ยุ่งยากอะไร แถมได้ใช้ฟรี 2 ชั่วโมง

พอได้เวลาทางสายการบินก็จะเรียกขึ้นรถบัส เพื่อไปส่งยังเครื่องบิน พอเครื่องบินขึ้นได้ระดับ พนักงานจะนำเอกสารผ่าน ตม.ฮ่องกงมาให้กรอก ซึ่งเอกสารจะมี 2 แผ่น เป็นแบบ COPY ในตัวเพียงวางซ้อนกันให้ตรงช่อง ซึ่งใบหลังจะเป็นขาออกไม่มี COPY ใน 2 ช่องด้านล่าง ต้องเขียนทีหลัง (พลาดมาแล้วดันนึกว่าไม่ติดเลยกรอกเหมือนกันกับใบขาเข้า อ่านไปอ่านมา ไม่ใช่นี่หว่า ต้องขอมากรอกใหม่ เพราะเลขเที่ยวบินขากลับจะไม่เหมือนเดิม กับประเทศที่จะเดินทางไป)

(เครดิตภาพจาก :hongkongfanclub) ของตัวเองเขียนเสร็จแล้วมาถ่ายทีหลัง
ใช้เวลาอยู่บนเครื่องประมาณ 2 .30ชั่วโมงก็ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง(เช็กแล็บก็อก) หอควบคุมการบินและอาคารเตรียมความพร้อมทีมฉุกเฉิน

ออกจากเครื่องมาได้ ถ้าเคยได้อ่านรีวิวอื่นๆ เหมือนจะต้องเจอบันไดเลื่อนทางลาด มุดผ่านป้ายของธนาคารในฮ่องกง แต่พอเอาจริงออกมาปุ๊ปเดินตรงอย่างเดียว สั่งเกตุคำเดียวแล้วเดินตามไปคือ Immigration (ตรวจคนเข้าเมือง) ชี้ไปไหนตามไปนั่น

ชี้ลงก็ตามลงไป

ลงมาก็จะเจอกับรถไฟใต้ดิน คาดว่าน่าจะเป็นน้องๆอาสาสมัคร(เสื้อเขียว)คอยแนะนำว่าขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปไหน ต่อคอยอำนวยความสะดวกอยู่

ออกจากรถไฟฟ้ามาได้ เดินตามป้ายImmigration มาเรื่อยๆก็จะเจอลานกว้างๆ (ไม่มีรูปขอโทษครับ) แต่จะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองอยู่ทั้ง 2 ด้านคือด้านซ้ายและด้านขวา ผมเลือกด้านซ้ายเพราะคนน้อยกว่า เวลาเข้าไปตรวจเอกสารจะได้เดินไปเป็นคู่ คุยนู้นนี่กันก่อนตรวจ จนท.จะได้รู้ว่าไม่ได้มาคนเดียว นะ ช่วงนี้แหละเป็นช่วงระทึกว่าจะผ่านง่ายหรือผ่านยาก ผลออกมาคือเจ้าหน้าที่เคาเตอร์นึงจะมี 2 คน คือด้านซ้ายและด้านขวา น่าจะคุยเรื่องส่วนตัวหัวเราะกันไปมา แล้วก็ ปริ๊นกระดาษแผ่นเล็กๆ แนบมาในหนังสือเดินทางแล้วส่งใบ ขาออก กลับคืนมา (เก็บให้ดีๆใช้ตอนตรวจขาออกอีกที ครับ) จบ
เกร็งมาตั้งหลายเดือน เตรียมมาตั้งหลายอย่าง จะถามอะไรเขียนคำตอบไว้ในกระดาษไว้หมด ให้ผ่านง่ายๆ ซะงั้น หน้าก็ไม่เหลือบมาดูกันบ้างเลย (แต่เตรียมไว้ละดีแล้วครับ มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่า จะใช้แล้วไม่มี )
เดินผ่านจุดรับกระเป๋า และ จนท.ศุลกากร ที่เค้าจะยืนต้อนรับ ขนาบซ้ายขวา ของทางเดิน(แหมน่าชื่นใจ ยืนต้อนรับกันเยอะจริงๆ) พอออกมาตรงทางออกก็จะเจอจุดนั้นพบ และ ลานกว้างๆ หากใครจะไปซื้อ SIM ผ่านเหล็กกั้นขึ้นบันไดเลื่อนซ้ายมือได้เลย (แต่รูปจะอยู่ขวาเพราะถ่ายย้อนไปหาครับ)

หรือ พอหันหลังกลับมาก็จะเจอเคาเตอร์ จำหน่ายบัตร OCTOPUS บัตรเดียวใช้ได้เกือบทั้งเมือง มัดจำ 50+มูลค่าครั้งแรก 100 รวมเป็น 150 HKD แต่ใครจะเติมเงินก็บอกได้เลยว่า TOP UP 200 300 ก็บอกไป เพราะเกือบทุกร้านรับบัตร OCTOPUS หากเหลือเงินในบัตรก็คืนเงิน+ค่ามัดจำ แต่จะหัก 9 HKD เป็นค่าธรรมเนียม

แต่ก่อนที่จะซื้อบัตร OCTOPUS ผมต้องหาร้านขาย SIM Internet ให้ได้ก่อน เพราะนั่นเป็นทั้งคลังข้อมูล เป็นGPS ช่องทางการสื่อสารหลัก ก่อนที่จะไปทำอะไรทั้งหมดของทริป จากที่อ่านรีวิวหรือตามหนังสืออื่นๆมาให้ขึ้นไปอีก 1 ชั้น แล้วไปที่ท้ายสุดของ แถว F ก็จะเจอร้าน 1010 SHOP แต่ปรากฎว่า ทำไมกลายเป็นร้านขายซ็อกโกแลต ของ THE PENINSULA แล้วจะเอาไงต่อดี มันไม่ใช่อ๊ะ

เดินหา 1010 SHOP ทุกแถว มองไปทั่วก็ไม่เจอ ถาม พนง.แถวนั้นก็ไม่มีใครรู้ ว่าอยู่ไหน สุดท้ายต้องถามว่า ที่ไหนขาย SIM INTERNET (แต่ถามเป็นภาษาอังกฤษนะครับ) ดีว่ามี จนท.เข้าใจเลยชี้ไปที่ท้ายแถว H ก็จะไปเจอร้าน China Mobile แทน

เจ้าหน้าที่ จะถามว่าต้องการกี่วัน ก็บอกเค้าไป แต่เราอยู่ 3 วัน และ ให้เค้าเปลี่ยนซิมให้ด้วยพร้อมการตั้งค่า INTERNET โดยค่าใช้จ่าย 85 HKD แนะนำว่าพอใส่ SIM เรียบร้อยแล้วลองยืนเล่นซักพัก เพราะใส่แล้วอีกเครื่องเล่นไม่ได้ ต้องให้ จนท.แก้ไขตั้งค่าอีกรอบ

หลังจากได้ SIM และ ซื้อบัตร OCTOPUS ก็เกือบ 11.30 น. เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ข้าวเช้ายังไม่ได้ทาน ทานเพียง ปัง เว๊ยเฮ้ย! กันไปคนละก่อน ตอนอยู่บนเครื่อง(ก้อนเดียวก็อิ่มพอๆกับข้าวเช้าแล้ว) ต่อมาคือเลือกการเดินทางว่าจะไปไหนต่อยังไง ตอนแรกคิดว่าจะนั่ง AE(Airport Express) ซึ่งก็ยังเข้า โรงแรมไม่ได้ แต่พอได้อ่านรีวิวของ คุณ"แม่ประนอม" แนะนำให้ไปที่ Citygate Outlets จึงต้องลองไปดู
[CR] (CR)รีวิวเที่ยวฮ่องกง เปิดประสบการณ์ ออกไป ตปท.ครั้งแรก
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน รีวิวในครั้งนี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ มือใหม่ที่ีออกเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะประเทศ "ฮ่องกง" ซึ่งโดยส่วนตัวผมนั้นเรื่องภาษาอังกฤษ ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่กลัวเหมือนกันกับการออกต่างประเทศครั้งแรก เอาแค่ศัพท์พื้นฐานที่พอนึกออก , แอพในโทรศัพท์มือถือ และ แผนที่อีก 1 ชุด เท่านี้ก็รอดกับการไปเที่ยวต่างประเทศได้แล้วครับ(อย่าไปกลัว)
ก่อนที่จะเข้าเนื้อหา ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ทำรีวิว เที่ยวฮ่องกง
เริ่มต้นจากปลายปี 2556 สายการบินที่ใครๆก็บินได้(ถ้ามีโปรโมชั่น) "AIRASIA" ออกโปร BIGSALE โดยส่วนใหญ่เคยเที่ยวแต่ในประเทศ ครั้งนี้กล้าดี คิดอยากลองไป ตปท. ซักครั้งในชีวิต เห็นราคา ไป-กลับ ฮ่องกง ไม่เกิน 4,000 บาท เลยตัดสินใจจอง ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าฮ่องกงจะมีอะไร รู้แต่ว่ากลางปีมี ลดทั้งเกาะ กับ ดิสนี่ย์แลนด์
การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง เฉพาะที่น่าจะอยู่นอกเหนือสิ่งต้องเตรียมไปจริงๆ
1. หนังสือ เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง 1 เล่มพร้อมแผนที่ (แผนที่ช่วยได้เยอะ)
2. ศึกษารีวิวต่างๆ ใน PANTIP, HONGKONG FC โดยเฉพาะการเอาตัวรอดจาก ตม. ถ้าเข้าประเทศไม่ได้เป็นอันจบ
3. ติดตามและเปรียบเทียบสถานะค่าเงินดอลล่าฮ่องกง ได้ที่เว็บ http://bahtcheck.com/ (เครดิต: ได้มาจากสมาชิกPantip เคยโพสไว้)
4. เอกสารสำคัญต่างๆ ประวัติการทำงาน,นามบัตร,สลิปเงินเดือนล่าสุด,บัตรพนักงานและ ตารางท่องเที่ยว(หัวตารางใส่รูปหนังสือเดินทางของคนเดินทางร่วมด้วย พร้อมรูปถ่ายตอนแต่งงาน จะได้ตอบคำถามได้ง่ายเวลา ตม.ถามว่ามากับใครแล้วเป็นอะไรกัน )
5. เสื้อกันฝน,ไฟฉาย(ไว้ส่องทางเดินบน The Peak),หัวปลั๊กไฟพร้อมปลั๊กพ่วง,เลเซอร์พอยเตอร์(เอาไว้ชี้เมนูอาหารที่อยู่ติดผนัง),ขวดน้ำเปล่า(ห้ามมีน้ำก่อนผ่านสแกนกระเป๋าที่สนามบิน พอพ้นไปแล้วเข้าไปเติมน้ำที่หน้าห้องน้ำจะมีที่เติม ขวดเปล่าขวดเดียวเติมน้ำฟรี จนถึงวันกลับ)
6. แอพพลิเคชั่น ที่ช่วยในการท่องเที่ยว โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ ซึ่งใช้อยู่ 3 แอพหลักๆ คือ Google Map , MTR Mobile และ TAP&SAY แล้วใส่รูปอาหารที่อยากทาน ป้ายรูปห้องน้ำ รูปรถไฟ รูปที่ต่างๆ ไว้ในโทรศัพท์ สื่อสารไม่รู้เรื่อง เปิดให้ดูกันไปเลย
MTR Mobile ช่วยในเรื่องของการขึ้นรถไฟฟ้าของฮ่องกง จะได้รู้ว่าถ้าจะไปสถานีไหน ต้องเปลี่ยนรถที่สถานีอะไร ที่Platformเท่าไหร่ ราคายังไง
TAP&SAY ช่วยในเรื่องของภาษาที่สื่อสาร โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ใช้งาน และ คำที่ต้องพูด ถ้าพูดไม่รู้เรื่องให้ดูคำที่ใช้ได้เลย
เริ่มต้นเดินทาง 27 ก.ค.57
เริ่มต้นที่การไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง อย่างที่บอกครับว่านี่คือการเดินทางออก ตปท.ครั้งแรก ไม่รู้ว่าขาออกจากประเทศไทยต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะขึ้นเครื่องได้ กำหนดการเครื่องออกคือ 06.30 น. แต่ไปถึงสนามบินตั้งแต่ 03.45 น.
เนื่องจากผมเช็คอินผ่านเน็ตมา แล้วปริ๊นตั๋วที่เครื่องคีออสตรงประตูทางเข้า 1-2 ซึ่งไม่ต้องโหลดกระเป๋า โดยมีเพียงกระเป๋าลากใบใหญ่ที่ไม่เกินตามที่สายการบินกำหนด+กระเป๋าเป้ 1ใบ +กล้องถ่ายรูป แล้วแวะไปที่เคาเตอร์ AIRASIA เพื่อขอใบผ่าน ตม.ไทย และเดินมากรองเอกสารที่โต๊ะด้านหน้าช่องตรวจ ตม. ซึ่งมีปากกาและตัวอย่างวิธีการกรอกติดผนังไว้ให้ดู เนื่องจากผมไปเช้ามากคนรอตรวจที่ ตม.แทบไม่มี เลยผ่านตม.ไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้พยายามหารีวิวว่าพอผ่าน ตม.ก่อนไปถึงเกตขึ้นเครื่องมีอะไรขายบ้าง โดยเฉพาะ 7-11 เหมือนฝั่งในประเทศหรือไม่ ซึ่งไม่ค่อยเจอข้อมูล นอกจากมี DUTY FREE ก็เลยถ่ายมาฝากครับ พอผ่านจากการสแกนกระเป๋า ก็จะพบ DUTY FREE ซ้ายมือ
ใครที่แลกเงินมาไม่พอก็ยังมี เคาเตอร์ของธนาคารที่รับแลก (เช้าเกินไปจึงยังไม่เปิดบริการ)
ร้านอาหาร และ ร้านขายยา (ซึ่งก็เช้าไปสำหรับบางร้านจึงยังไม่เปิดบริการ) โดยไม่มี 7-11 ในฝั่งระหว่างประเทศนะครับ
จากนั้นเดินมาที่ GATE 6 ซึ่งทางไป GATE 1-6 ทีแรกเกือบหลงหาไม่เจอ เพราะ มัวแต่ถ่ายรูปทางด้านขวาแล้วนึกว่าขึ้นรถบัส ต้องอยู่เกตด้านในสุดเหมือนในประเทศ ซึ่งพอเดินเลยไปไม่เห็นป้าย GATE 1-6 เลยตกใจแล้วมองย้อนกลับมา จึงรู้ว่าจะมีทางลงอยู่ทางด้านซ้ายมือ หลังจากผ่าน DUTY FREE มานิดเดียวเอง(หลงตั้งแต่ยังไม่ไป จะรอดไหมเนี่ย) พอลงมาถึงก็เจอสภาพที่นอนที่เลือกได้ตามสบาย ก็พึ่งจะ 04.20 น. เองนิ
จากนั้นก็นำขวดน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ มากรอกน้ำที่ด้านหน้าห้องน้ำ (สำหรับผู้ที่ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่อยากกินน้ำเปล่าขวดละ 30 ฿ UP)
พึ่งจะ 04.50 น. เหลือเวลาอีก 2 ชม. กว่าจะขึ้นเครื่องเลยทดสอบ WIFI ฟรีในสนามบินมาฝากครับ วิธีสมัครไม่ยุ่งยากอะไร แถมได้ใช้ฟรี 2 ชั่วโมง
พอได้เวลาทางสายการบินก็จะเรียกขึ้นรถบัส เพื่อไปส่งยังเครื่องบิน พอเครื่องบินขึ้นได้ระดับ พนักงานจะนำเอกสารผ่าน ตม.ฮ่องกงมาให้กรอก ซึ่งเอกสารจะมี 2 แผ่น เป็นแบบ COPY ในตัวเพียงวางซ้อนกันให้ตรงช่อง ซึ่งใบหลังจะเป็นขาออกไม่มี COPY ใน 2 ช่องด้านล่าง ต้องเขียนทีหลัง (พลาดมาแล้วดันนึกว่าไม่ติดเลยกรอกเหมือนกันกับใบขาเข้า อ่านไปอ่านมา ไม่ใช่นี่หว่า ต้องขอมากรอกใหม่ เพราะเลขเที่ยวบินขากลับจะไม่เหมือนเดิม กับประเทศที่จะเดินทางไป)
(เครดิตภาพจาก :hongkongfanclub) ของตัวเองเขียนเสร็จแล้วมาถ่ายทีหลัง
ใช้เวลาอยู่บนเครื่องประมาณ 2 .30ชั่วโมงก็ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง(เช็กแล็บก็อก) หอควบคุมการบินและอาคารเตรียมความพร้อมทีมฉุกเฉิน
ออกจากเครื่องมาได้ ถ้าเคยได้อ่านรีวิวอื่นๆ เหมือนจะต้องเจอบันไดเลื่อนทางลาด มุดผ่านป้ายของธนาคารในฮ่องกง แต่พอเอาจริงออกมาปุ๊ปเดินตรงอย่างเดียว สั่งเกตุคำเดียวแล้วเดินตามไปคือ Immigration (ตรวจคนเข้าเมือง) ชี้ไปไหนตามไปนั่น
ชี้ลงก็ตามลงไป
ลงมาก็จะเจอกับรถไฟใต้ดิน คาดว่าน่าจะเป็นน้องๆอาสาสมัคร(เสื้อเขียว)คอยแนะนำว่าขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปไหน ต่อคอยอำนวยความสะดวกอยู่
ออกจากรถไฟฟ้ามาได้ เดินตามป้ายImmigration มาเรื่อยๆก็จะเจอลานกว้างๆ (ไม่มีรูปขอโทษครับ) แต่จะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองอยู่ทั้ง 2 ด้านคือด้านซ้ายและด้านขวา ผมเลือกด้านซ้ายเพราะคนน้อยกว่า เวลาเข้าไปตรวจเอกสารจะได้เดินไปเป็นคู่ คุยนู้นนี่กันก่อนตรวจ จนท.จะได้รู้ว่าไม่ได้มาคนเดียว นะ ช่วงนี้แหละเป็นช่วงระทึกว่าจะผ่านง่ายหรือผ่านยาก ผลออกมาคือเจ้าหน้าที่เคาเตอร์นึงจะมี 2 คน คือด้านซ้ายและด้านขวา น่าจะคุยเรื่องส่วนตัวหัวเราะกันไปมา แล้วก็ ปริ๊นกระดาษแผ่นเล็กๆ แนบมาในหนังสือเดินทางแล้วส่งใบ ขาออก กลับคืนมา (เก็บให้ดีๆใช้ตอนตรวจขาออกอีกที ครับ) จบ
เกร็งมาตั้งหลายเดือน เตรียมมาตั้งหลายอย่าง จะถามอะไรเขียนคำตอบไว้ในกระดาษไว้หมด ให้ผ่านง่ายๆ ซะงั้น หน้าก็ไม่เหลือบมาดูกันบ้างเลย (แต่เตรียมไว้ละดีแล้วครับ มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่า จะใช้แล้วไม่มี )
เดินผ่านจุดรับกระเป๋า และ จนท.ศุลกากร ที่เค้าจะยืนต้อนรับ ขนาบซ้ายขวา ของทางเดิน(แหมน่าชื่นใจ ยืนต้อนรับกันเยอะจริงๆ) พอออกมาตรงทางออกก็จะเจอจุดนั้นพบ และ ลานกว้างๆ หากใครจะไปซื้อ SIM ผ่านเหล็กกั้นขึ้นบันไดเลื่อนซ้ายมือได้เลย (แต่รูปจะอยู่ขวาเพราะถ่ายย้อนไปหาครับ)
หรือ พอหันหลังกลับมาก็จะเจอเคาเตอร์ จำหน่ายบัตร OCTOPUS บัตรเดียวใช้ได้เกือบทั้งเมือง มัดจำ 50+มูลค่าครั้งแรก 100 รวมเป็น 150 HKD แต่ใครจะเติมเงินก็บอกได้เลยว่า TOP UP 200 300 ก็บอกไป เพราะเกือบทุกร้านรับบัตร OCTOPUS หากเหลือเงินในบัตรก็คืนเงิน+ค่ามัดจำ แต่จะหัก 9 HKD เป็นค่าธรรมเนียม
แต่ก่อนที่จะซื้อบัตร OCTOPUS ผมต้องหาร้านขาย SIM Internet ให้ได้ก่อน เพราะนั่นเป็นทั้งคลังข้อมูล เป็นGPS ช่องทางการสื่อสารหลัก ก่อนที่จะไปทำอะไรทั้งหมดของทริป จากที่อ่านรีวิวหรือตามหนังสืออื่นๆมาให้ขึ้นไปอีก 1 ชั้น แล้วไปที่ท้ายสุดของ แถว F ก็จะเจอร้าน 1010 SHOP แต่ปรากฎว่า ทำไมกลายเป็นร้านขายซ็อกโกแลต ของ THE PENINSULA แล้วจะเอาไงต่อดี มันไม่ใช่อ๊ะ
เดินหา 1010 SHOP ทุกแถว มองไปทั่วก็ไม่เจอ ถาม พนง.แถวนั้นก็ไม่มีใครรู้ ว่าอยู่ไหน สุดท้ายต้องถามว่า ที่ไหนขาย SIM INTERNET (แต่ถามเป็นภาษาอังกฤษนะครับ) ดีว่ามี จนท.เข้าใจเลยชี้ไปที่ท้ายแถว H ก็จะไปเจอร้าน China Mobile แทน
เจ้าหน้าที่ จะถามว่าต้องการกี่วัน ก็บอกเค้าไป แต่เราอยู่ 3 วัน และ ให้เค้าเปลี่ยนซิมให้ด้วยพร้อมการตั้งค่า INTERNET โดยค่าใช้จ่าย 85 HKD แนะนำว่าพอใส่ SIM เรียบร้อยแล้วลองยืนเล่นซักพัก เพราะใส่แล้วอีกเครื่องเล่นไม่ได้ ต้องให้ จนท.แก้ไขตั้งค่าอีกรอบ
หลังจากได้ SIM และ ซื้อบัตร OCTOPUS ก็เกือบ 11.30 น. เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ข้าวเช้ายังไม่ได้ทาน ทานเพียง ปัง เว๊ยเฮ้ย! กันไปคนละก่อน ตอนอยู่บนเครื่อง(ก้อนเดียวก็อิ่มพอๆกับข้าวเช้าแล้ว) ต่อมาคือเลือกการเดินทางว่าจะไปไหนต่อยังไง ตอนแรกคิดว่าจะนั่ง AE(Airport Express) ซึ่งก็ยังเข้า โรงแรมไม่ได้ แต่พอได้อ่านรีวิวของ คุณ"แม่ประนอม" แนะนำให้ไปที่ Citygate Outlets จึงต้องลองไปดู