สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 76
คุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือคะ ไปหาหมออีกนะ อย่าขาดยานะคะเราขอร้อง อ่านดูแล้วเหมือนฟุ้งซ่านจากโรคซึมเศร้าเลย
สิ่งที่คุณคิดว่าตัวเองแย่ แต่เราไม่คิดว่าสามีคุณจะว่ามันแย่อะไรหรอกเค้าถึงยังอยู่กับคุณ
และคุณรู้สึกได้ใช่มั้ยคะว่าเค้ารักคุณมาก หากคุณก็รักเค้าและไม่อยากสูญเสียเค้าไป คุณควรต้องพยามรักษาตัวเองเพื่อเค้านะคะ
โรคซึมเศร้าเป็นอาการป่วย เหมือนเป็นไข้เป็นหวัด ต้องทานยาถึงจะหาย เราเคยเป็นเลยเข้าใจ มันไม่มีอะไรแย่หรอก
คุณไม่ได้แย่มากขนาดที่คุณคิด แต่คุณป่วยและควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คุณต้องไปหาหมอนะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เชื่อเรานะ
ปล. หลายความเห็นแนะนำให้ไปเข้าวัด เราขอบอกเลยว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าเข้าวัดไม่หาย มันรักษาไม่ได้ด้วยธรรมะเพราะมันไม่ใช่ความหลงผิดอะไรแต่เป็นความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ยิ่งอยู่กับตัวเองยิ่งแย่ถ้าไม่มียาช่วยค่ะ
*มาเพิ่มเติมค่ะเดี๋ยวจะเข้าใจผิด เราไม่ได้ว่าเข้าวัดปฏิบัติธรรมไม่ดีนะคะ แต่เราหมายถึงว่าเราต้องดูว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไรแล้วไปแก้ที่ตรงนั้นก่อน(ซึ่งในกรณีนี้คือโรคซึมเศร้า)จะดีกว่า ได้ผลมากกว่าและเร็วกว่า ที่เราเคยเจอมาหลายคนยังคงคิดว่าแค่ไปปฏิบัติธรรมก็น่าจะดี จะหายเศร้าได้แล้วนะอะไรอย่างนี้แล้วก็ไล่ให้คนป่วยไปซึ่งมันไม่ใช่ มันเป็นทางแก้ปลายเหตุที่ดีแต่มันก็ยังไม่ตรงจุดของปัญหาน่ะค่ะ
สิ่งที่คุณคิดว่าตัวเองแย่ แต่เราไม่คิดว่าสามีคุณจะว่ามันแย่อะไรหรอกเค้าถึงยังอยู่กับคุณ
และคุณรู้สึกได้ใช่มั้ยคะว่าเค้ารักคุณมาก หากคุณก็รักเค้าและไม่อยากสูญเสียเค้าไป คุณควรต้องพยามรักษาตัวเองเพื่อเค้านะคะ
โรคซึมเศร้าเป็นอาการป่วย เหมือนเป็นไข้เป็นหวัด ต้องทานยาถึงจะหาย เราเคยเป็นเลยเข้าใจ มันไม่มีอะไรแย่หรอก
คุณไม่ได้แย่มากขนาดที่คุณคิด แต่คุณป่วยและควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คุณต้องไปหาหมอนะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เชื่อเรานะ
ปล. หลายความเห็นแนะนำให้ไปเข้าวัด เราขอบอกเลยว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าเข้าวัดไม่หาย มันรักษาไม่ได้ด้วยธรรมะเพราะมันไม่ใช่ความหลงผิดอะไรแต่เป็นความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ยิ่งอยู่กับตัวเองยิ่งแย่ถ้าไม่มียาช่วยค่ะ
*มาเพิ่มเติมค่ะเดี๋ยวจะเข้าใจผิด เราไม่ได้ว่าเข้าวัดปฏิบัติธรรมไม่ดีนะคะ แต่เราหมายถึงว่าเราต้องดูว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไรแล้วไปแก้ที่ตรงนั้นก่อน(ซึ่งในกรณีนี้คือโรคซึมเศร้า)จะดีกว่า ได้ผลมากกว่าและเร็วกว่า ที่เราเคยเจอมาหลายคนยังคงคิดว่าแค่ไปปฏิบัติธรรมก็น่าจะดี จะหายเศร้าได้แล้วนะอะไรอย่างนี้แล้วก็ไล่ให้คนป่วยไปซึ่งมันไม่ใช่ มันเป็นทางแก้ปลายเหตุที่ดีแต่มันก็ยังไม่ตรงจุดของปัญหาน่ะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 126
ผมว่าคุณแค่รุ้สึกผิด แต่ไม่รู้สึกผิดจริงๆหรอกครับ
แค่อยากได้กำลังใจและให้มีคนมาซัพพอร์ทสิ่งที่คุณทำต่างหาก
ดูจากตอนแรกคุณบอกว่า ถ้าคุณเป้นสามีเราจะทนมั๊ย ใครจะเม้นว่าอะไรเชิญได้ตามสบาย พอโดนถล่มมากก็ไป edit หัวกระทู้แก้ต่างทุกข้อที่มีคนมาว่าคุณ และทำให้คุณไม่พอใจ คือเป็นลักษณะเป้นคนไม่ยอมคน เวลาโดนว่าต้องสวนกลับ แม้เรื่องนั้นจะผิดหรือถูกก็ตาม ไม่งั้นคุณไม่สวนกลับคนที่ว่าคุณแบบนั้นแน่นอนครับ ก็ไม่ต่างกับสามีคุณ ที่เค้าจะโดนแบบนั้น
เช่นคห บนเค้าบอกจะไม่ทนคนแบบคุณ คุณก็ไปสวนว่า
"ก็ไม่ได้ฝันให้ผู้ชายอย่างคุณมาทนค่ะ "
และจากแต่ละประโยคที่แก้ต่างก็เน้นอยู่อย่างเดียวว่า แค่ ทำแค่ไม่กี่ครั้ง และทุกครั้งทำคือมีเหตผล เค้ายั่วโมโหก่อน เราๆไม่ได้ตั้งใจ
เรื่องเงินก็ไม่ผิด เรามีสิทธิ์จะซื้อ เราจะถอยแบรนเนมให้เค้าแต่เค้าไม่เอาเอง บลาๆ มีเหตผมมารองรับหมด เห็นมั๊ยว่าน่าเห้นใจ
เห็นได้ชัดอะครับว่า โลกมันหมุนรอบตัวคุณจริงๆ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คุณตัดสินใจทุกอย่างแทนเค้า ผู้ชายเค้าจะเอาแบรนเนมมาทำอะไรครับ หือ เอามาทำอะไร เหมือนสามีบอกภรรยาว่า ผมเปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนเครื่องยนใหม่ให้คุณนะครับ ผมใจดีมั้ย หรือผมเปลี่ยนเครื่องเสียงให้คุณ ซื้อรองเท้าสตั้ทให้คุณนะ
แล้วที่คุณตีคุณจิกข่วนเค้า เค้าไม่เจ็บเหรอครับ
ถ้าสำนึกผิดจริงๆ ต้องเริ่มที่การกระทำ วันรุ่งขึ้นเปลี่ยนเลยการกระทำประเภทตัวเองถูกทุกอย่างเนี่ย เลิกหงุดหงิด เลิกทำร้ายเค้า เลิกคิดว่าเหนือกว่าเค้า เอาเงินให้เค้าใช้ อยากได้อะไรจะได้ไม่ต้องมาแบมือขอกันแบบนี้อีก คุณว่ามันไม่ตลกเหรอ อยากได้ของต้องเขียนมาขอ แล้วคุณคิดว่าเค้าอยากได่แค่ที่เขียนมาขอคุณแค่นั้นจริงๆเหรอ ไม่คิดมั่งเหรอว่าที่เค้าไม่ค่อยขอเพราะเบื่อที่ต้องผ่านระเบียบปฏิบัติของคุณแบบนี้ บ้านผมจะซื้อรถจะซื้ออะไรก็มีเงินซื้อสดเหมือนกัน แต่ต่างกันตรง ผมไม่ต้องเขียนไปขอใคร ผมอยากได้ผมซื้อเอง
แค่อยากได้กำลังใจและให้มีคนมาซัพพอร์ทสิ่งที่คุณทำต่างหาก
ดูจากตอนแรกคุณบอกว่า ถ้าคุณเป้นสามีเราจะทนมั๊ย ใครจะเม้นว่าอะไรเชิญได้ตามสบาย พอโดนถล่มมากก็ไป edit หัวกระทู้แก้ต่างทุกข้อที่มีคนมาว่าคุณ และทำให้คุณไม่พอใจ คือเป็นลักษณะเป้นคนไม่ยอมคน เวลาโดนว่าต้องสวนกลับ แม้เรื่องนั้นจะผิดหรือถูกก็ตาม ไม่งั้นคุณไม่สวนกลับคนที่ว่าคุณแบบนั้นแน่นอนครับ ก็ไม่ต่างกับสามีคุณ ที่เค้าจะโดนแบบนั้น
เช่นคห บนเค้าบอกจะไม่ทนคนแบบคุณ คุณก็ไปสวนว่า
"ก็ไม่ได้ฝันให้ผู้ชายอย่างคุณมาทนค่ะ "
และจากแต่ละประโยคที่แก้ต่างก็เน้นอยู่อย่างเดียวว่า แค่ ทำแค่ไม่กี่ครั้ง และทุกครั้งทำคือมีเหตผล เค้ายั่วโมโหก่อน เราๆไม่ได้ตั้งใจ
เรื่องเงินก็ไม่ผิด เรามีสิทธิ์จะซื้อ เราจะถอยแบรนเนมให้เค้าแต่เค้าไม่เอาเอง บลาๆ มีเหตผมมารองรับหมด เห็นมั๊ยว่าน่าเห้นใจ
เห็นได้ชัดอะครับว่า โลกมันหมุนรอบตัวคุณจริงๆ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คุณตัดสินใจทุกอย่างแทนเค้า ผู้ชายเค้าจะเอาแบรนเนมมาทำอะไรครับ หือ เอามาทำอะไร เหมือนสามีบอกภรรยาว่า ผมเปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนเครื่องยนใหม่ให้คุณนะครับ ผมใจดีมั้ย หรือผมเปลี่ยนเครื่องเสียงให้คุณ ซื้อรองเท้าสตั้ทให้คุณนะ
แล้วที่คุณตีคุณจิกข่วนเค้า เค้าไม่เจ็บเหรอครับ
ถ้าสำนึกผิดจริงๆ ต้องเริ่มที่การกระทำ วันรุ่งขึ้นเปลี่ยนเลยการกระทำประเภทตัวเองถูกทุกอย่างเนี่ย เลิกหงุดหงิด เลิกทำร้ายเค้า เลิกคิดว่าเหนือกว่าเค้า เอาเงินให้เค้าใช้ อยากได้อะไรจะได้ไม่ต้องมาแบมือขอกันแบบนี้อีก คุณว่ามันไม่ตลกเหรอ อยากได้ของต้องเขียนมาขอ แล้วคุณคิดว่าเค้าอยากได่แค่ที่เขียนมาขอคุณแค่นั้นจริงๆเหรอ ไม่คิดมั่งเหรอว่าที่เค้าไม่ค่อยขอเพราะเบื่อที่ต้องผ่านระเบียบปฏิบัติของคุณแบบนี้ บ้านผมจะซื้อรถจะซื้ออะไรก็มีเงินซื้อสดเหมือนกัน แต่ต่างกันตรง ผมไม่ต้องเขียนไปขอใคร ผมอยากได้ผมซื้อเอง
ความคิดเห็นที่ 118
คุณไม่ได้ป่วยคนเดียว สามีคุณป่วยด้วยครับ
คู่ของคุณมี symptom ของอาการ Co-Dependency ความสัมพันธ์ที่พึ่งพิงอิงกันและกัน อย่างชัดเจน
ลองไปถามนักจิตวิทยาดู เขาก็จะตอบคุณแบบนี้แหละ
ความสัมพันธ์แบบพึ่งพิงอิงกันและกัน คือคนหนึ่งป่วยทางจิตหรือป่วยด้วยอาการเสพติดก็ตาม
คู่ของตนจะคอยให้ท้ายพฤติกรรมนั้นด้วยการ "ยอมทน ยอมให้อภัย ยอมถูกทำร้าย ยอมให้เงินทอง" ฯลฯ
แล้วคนป่วยก็เลยไม่หายสักที เพราะมีคนคอยอุ้เมชูดูแลและยอมเป็นพรมเช็ดเท้าให้ตลอด
คนอาจแปลกใจว่าทำไมสามีทนคุณได้
เขาต้องทนคุณได้สิครับ ก็เพราะสามีคุณมีปม Savior Syndrome-ปมพ่อพระผู้กอบกู้หญิงป่วยน่าสงสาร เขาถึงต้องรั้งคุณไว้
ถ้าเขาหนีไปมีภรรยาที่ "เห็นคุณค่าเขา" เขาก็จะไม่มีโอกาสเป็น Enabler-คนให้ท้าย สิครับ
คุณ 2 คนตอบโจทย์กันและกัน นี่คือคำตอบว่าทำไมเขาถึงกราบเท้าคุณขอคืนดี ทั้งที่คุณทำกับเขาขนาดนี้
คุณคือ Abuser-ผู้ข่มเหง เขาก็เล่นบท Abusee-เหยื่อผู้ถูกข่มเหง
ตราบใดที่คุณสองคนยังจมอยู่กับบทบาท abuser/abusee
ความสัมพันธ์แบบ Co-Dependency ก็มีอยู่ต่อไปครับ ไม่หลุดจากกันหรอก
คนไหนหายป่วยทางจิตก่อน ก็หลุดจากกันก่อนแหละครับ
คู่ของคุณมี symptom ของอาการ Co-Dependency ความสัมพันธ์ที่พึ่งพิงอิงกันและกัน อย่างชัดเจน
ลองไปถามนักจิตวิทยาดู เขาก็จะตอบคุณแบบนี้แหละ
ความสัมพันธ์แบบพึ่งพิงอิงกันและกัน คือคนหนึ่งป่วยทางจิตหรือป่วยด้วยอาการเสพติดก็ตาม
คู่ของตนจะคอยให้ท้ายพฤติกรรมนั้นด้วยการ "ยอมทน ยอมให้อภัย ยอมถูกทำร้าย ยอมให้เงินทอง" ฯลฯ
แล้วคนป่วยก็เลยไม่หายสักที เพราะมีคนคอยอุ้เมชูดูแลและยอมเป็นพรมเช็ดเท้าให้ตลอด
คนอาจแปลกใจว่าทำไมสามีทนคุณได้
เขาต้องทนคุณได้สิครับ ก็เพราะสามีคุณมีปม Savior Syndrome-ปมพ่อพระผู้กอบกู้หญิงป่วยน่าสงสาร เขาถึงต้องรั้งคุณไว้
ถ้าเขาหนีไปมีภรรยาที่ "เห็นคุณค่าเขา" เขาก็จะไม่มีโอกาสเป็น Enabler-คนให้ท้าย สิครับ
คุณ 2 คนตอบโจทย์กันและกัน นี่คือคำตอบว่าทำไมเขาถึงกราบเท้าคุณขอคืนดี ทั้งที่คุณทำกับเขาขนาดนี้
คุณคือ Abuser-ผู้ข่มเหง เขาก็เล่นบท Abusee-เหยื่อผู้ถูกข่มเหง
ตราบใดที่คุณสองคนยังจมอยู่กับบทบาท abuser/abusee
ความสัมพันธ์แบบ Co-Dependency ก็มีอยู่ต่อไปครับ ไม่หลุดจากกันหรอก
คนไหนหายป่วยทางจิตก่อน ก็หลุดจากกันก่อนแหละครับ
แสดงความคิดเห็น
ถ้าคุณเป็นสามีเรา ยังจะทนเราอีกไหม
สำหรับคนที่ด่าเรา here เราเลวงู้นงี้งั้น รบกวนอ่านที่เราเม้นตอบให้จบก่อนนะคะ
เราไม่เคยมีชู้ นอกใจ เราไม่เคยพูดคำหยาบกับสามีต่อหน้าคนอื่นหรือบุคคลที่สาม เราเคยตบสามีครั้งเดียว มันมีสาเหตุค่ะ ไม่ใช่บ้าลุกไปตบตีใคร เราไม่เคยทำร้ายร่างกายสามีเกิน 5 ครั้งตลอดเวลาที่คบกันมารวมถึงแต่งงานกัน เกือบ 6 ปีค่ะ และทุกครั้งที่ทำคือมีสาเหตุมาจากการทะเลาะกัน อาจเป็นเรื่องมือที่สามหรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกครั้งทำในห้องนอนค่ะ ไม่มีใครเห็น เราผิดเรายอมรับ แต่บางทีเราถามแล้วเค้าไม่ตอบ คือนั่งเงียบตลอดมันก็โมโหค่ะ
เรื่องเงินสามี คือเราทั้งคู่ไม่ได้ลำบากอะไร เงินเดือนรวมกันหกหลักทั้งคู่ค่ะ เรามีปัญญาซื้อของแบรนเนมได้ด้วยเงินเราคนเดียว แต่สามีเราสมถะ คนล่ะแนวกับเรา เงินเดือนเค้านับแต่แต่งงานกับเราไม่เคยถอนมาใช้เลยค่ะ โอนเข้าฝากประจำอัตโนมัติทุกๆเดือน เพราะเราสามารถอยู่ได้โดยใช้เงินเดือนเราคนเดียวใช้จ่าย เราจึงเป็น บช เดียวที่มี ATM ค่ะ ของสามียกเลิกไปเพราะบัตรสามีพ่วงประกันนู่นนี่นั่นมากมาย
เราไม่ได้ทะเลาะกันทุกวัน ทุกสัปดาห์ ไอ้นิสัยเสียๆที่พิมพ์มาคือนานๆโมโหทีเปนแบบนี้ ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่ดีๆโมโห อย่างล่าสุดคือสามีกลับมาบ้าน เราเปิดดูสมุดตารางงาน ดันเจอโน๊ตแนบมาหวานเจี๊ยบเชียว สามีคงไม่ทันเห็น คือเราก็หงุดหงิดโวยวายขึ้นมา เผลอเอาเล็บจิกสามีไป เราโวยวายบ้านแทบแตก รู้สึกผิดจึงมาตั้งกระทู้
สามีเราไม่ได้เกิดมาอับจนหนทางแล้วไม่มีทางเลือกจึงแต่งงานกับเรา เราต่างเลือกกันและกันค่ะ แน่นอนว่าเค้าเลือกได้ อาจจะดีกว่าเรารึป่าวเราไม่รู้ แต่ ณ ตอนนีเ เค้าก็ยังเลือกเราอยู่ และเราจะพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้สมกับหลายๆสิ่งที่เค้าทำเพื่อเรา สามีเราทิ้งเงินเดือนหลายแสน เพียงเพื่อมาเปนอาจารย์ มาอยู่ใกล้ๆเรา