[ปั่นจักรยาน] เที่ยวอุทยานเมืองเก่าสุโขทัย เรื่องสั้น "นอกกำแพง"

สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ จขกท. ขอนำบันทึกเรื่องราวการเดินทางนี้มาลงในพันทิปให้ได้อ่านกันอีกครั้ง
ซึ่งผู้เขียนคือเจ้าของเรื่องจากที่เคยลงกระทู้เล่าเรื่องราวการเดินทางไกลด้วยจักรยานขึ้นเหนือในกระทู้นี้ครั้งที่แล้ว
http://pantip.com/topic/32406945


ปั่นจักรยานเที่ยวอุทยานเมืองเก่าสุโขทัย เรื่องสั้น "นอกกำแพง"
ผู้เขียน พัฒน์ นวลจีน

       อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อเช้าผมพาความผิดหวังระคนความเศร้าเชิงซับซ้อนขึ้นรถเมล์เข้าไปหามันและหวังจะเอาความรู้สึกที่ว่าไปโยนทิ้งเสียให้หมดในวันเดียว ส่วนจะเป็นเรื่องความผิดหวังบัดซบอะไรนั่นผมไม่อยากกล่าวถึงมันและขอเก็บมันใส่ถุงดำมัดปากถุงให้แน่นรอการทิ้งลงถังโสมม  การมาเมืองเก่าสุโขทัยครั้งนี้ผมมาคนเดียวจากที่ก่อนหน้านั้นผมเคยมากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ผมมาคนเดียว!

           การมาคนเดียวนั้นทำให้ผมเหงาและบางครั้งรู้สึกว่าเพื่อนที่ดีที่สุดคือหนังสือที่พกไปอ่านละลายความเบื่อหน่ายระหว่างทางไป ความเหงามันอ้างว้างและถึงแม้ว่าผมจะชอบชวนคนแปลกหน้าคุยบ้างแต่ครั้งนี้ผมพาความเศร้าปะปนมา การที่จะทำเรื่องพวกนั้นคงต้องเอาความเศร้ามาลงกับตัวหนังสือบนหน้ากระดาษแทน  ผมพยายามอ่านหนังสือให้จบในหนึ่งบทเพราะอาการเมารถเริ่มกำเริบและอย่างรวดเร็วทันทีที่จบบทผมหลับตาลงทันทีและมาตื่นอีกทีที่ท่ารถสุโขทัย

           อาหารมื้อแรกของวันเริ่มต้นที่นั่น เส้นเล็กเย็นตาโฟและบุหรี่หนึ่งมวนซื้อแบบแบ่งขายในร้านถัดมา ผมใช้ควันบุหรี่เป็นที่ผ่อนคลายและมันพอทุเลาลงบ้างในสายของวันที่ความอบอ้าวทำให้อากาศฤดูฝนร้อนแบบไม่มีแดดและสิ่งที่ทำให้พอเย็นลงบ้างนอกจากน้ำเย็นๆจากร้านก๋วยเตี๋ยวคือลมที่นานๆทีจะพัดมาจากทุ่งนาข้างท่ารถนั่น

           ผมขออนุญาตเล่าถึงหญิงคราวป้าวัยประจำเดือนหมดที่หล่อนทำตาขวางใส่หญิงสาวที่ก้าวขึ้นรถตู้ไปก่อนโดยไม่ได้ซื้อตั๋วและผมก็เกือบทำเช่นเดียวกับหล่อน ห่า! ใครมันจะไปรู้ถึงวัฒนธรรมการขึ้นรถตู้ของที่นั่น ผมเคยเจอแต่ชนิดที่เขาเก็บเอาบนรถ และ 30 บาทคือราคาโดยสารรถตู้เข้าไปที่อุทยานเมืองเก่าฯ ผมนอนหลับด้วยความง่วงที่กลางคืนสร้างไว้

           ถึงเมืองเก่า! ผมก้าวขาลงจากรถตู้และปิดประตูเลื่อนของมันไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก และเดินตามหาร้านเช่ารถจักรยานละแวกนั้น อากาศร้อนแต่ไม่มีแดด ผมเริ่มผ่อนคลายมาบ้างและรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ จากสายตาเท่าที่เห็นนอกจากราคาของสินค้าและบริการจะแตกต่างกันเกือบสองเท่าของชาวต่างประเทศกับคนไทยแล้ว ของขายส่วนใหญ่ที่นี่ก็เน้นไว้สำหรับขายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเสียมากกว่า ผมเดินเลาะริมฟุตปาธจนเจอร้านเช่าจักรยานที่ถูกใจ

           หญิงสาวอายุเท่าไหร่ช่างหล่อน ยกมือกำปั้นสองข้างและหมุนขึ้นลงคล้ายขาที่กำลังปั่นจักรยานมาทางผม ผมยังไม่สนใจจักรยานเพราะนี่คือเวลาที่กาแฟแก้วแรกต้องตกถึงท้องผมภายในไม่เกินสิบเอ็ดนาฬิกา และผมเดินเข้าไปที่มุมขายกาแฟของร้านจักรยานที่ชาวต่างชาติแน่นเอียด และแย่งกันสั่งจนผมต้องถอนตัวออกมาเลือกหาจักรยานที่ถูกใจ ผมต้องการจักรยานพับ เหตุผลก็คือผมไม่เคยปั่นจักรยานพับไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ขณะที่เลือกมองหาจักรยานทั้งร้านมีแต่จักรยานแม่บ้านและจักรยานโบราณชนิดทรงเดียวกับราเลย์หรือฮัมเบอร์ ผมไม่สนใจและเหลือบไปเห็นจักรยานพับสามคันสีหงชาด สีเหลืองรงค์ และสีเขียวตังแช จอดเรียงกันอยู่หลังร้าน หล่อน (หญิงคนเดิม) ปรี่เข้ามาทำท่าเดิมใส่ผม และแน่นอนผมตั้งคำถามขึ้นว่าทำไมหล่อนไม่พูด

           “...อยากได้จักรยานพับน่ะครับ”

    ผมหล่นคำพูดบางเบาใส่หล่อนไปและยิ้มอย่างผูกมิตร

           “เอ้า...เป็นคนไทยก็ไม่บอก”

    หล่อนทำหน้าเขินอายหลังคำพูดนั้นและนี่คือคำตอบของคำถามที่ผมสงสัย

           “...คันละ 30 บาทปั่นได้ทั้งวันเลย” หล่อนพูดต่อมา

           “...ขอกาแฟเย็นแก้วนึงครับ” ผมยังไม่ลืมที่จะสั่งกาแฟ

           ผมละเมียดกับกาแฟแก้วแรกของวันและจุดบุหรี่ขึ้นสูบตรงเคาน์เตอร์บาร์หลังร้านกาแฟ และนั่งอยู่เงียบๆคนเดียวจนกาแฟหมดแก้วเหลือทิ้งไว้แต่ความเย็นของน้ำแข็ง ผมจึงเริ่มขยับตัวยืดเส้นยืดสายในความเมื่อยที่สะสมมาจากการเดินทาง และจับดูลมยางของจักรยานปรากฏว่ามันลีบแบนแนบกับพื้น จึงต้องเติมลมเข้าไปใหม่  (การเติมลมยางสำหรับปั่นในเมืองเก่าผมแนะนำว่าไม่ควรแข็งเกินไป และควรจะอยู่ที่ 60 – 80 psi ไม่เกินนี้เนื่องจากทางบางช่วงบริเวณเมืองเก่านั้นเป็นขนาดน้องน้อง Cobblestone ใน Paris – Roubaix เลย)

           และ...สายใกล้เที่ยงผมออกเดินทางด้วยจักรยานพับสีเขียวตังแชคันนั้น มันดูสวยสุดในสามคัน และรู้สึกว่ามันควรจะถ่ายรูปขึ้น



           เมื่ออยู่บนหลังอานและเท้าดันบันไดถีบออกไปตามถนน ความสนุกเริ่มต้นขึ้นเมื่อลมเข้ามาปะทะหน้าและผมไม่ต้องการแอโรไดนามิกเพราะการปั่นจักรยานพับช้าช้าแบบนี้ ผมชอบลมปะทะมากกว่า! และอาจจะเป็นเพราะผมเคยมาเมืองเก่าจนนับครั้งไม่ได้ ภายในกำแพงเมืองเก่าผมเลยไม่คิดที่จะเสียเงินเข้าไปชมวัดต่างๆ ในตัวกำแพงด้านใน ผมเลือกปั่นอ้อมออกไปทางทิศตะวันตก ถนนที่ทอดยาวไปจนถึงบ้านด่านลานหอย แต่ผมคงไปไม่ถึงนั่นหรอก ความรู้สึกสั่งผมให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปทางลาดยางที่ผิวทางของมันขรุขระร_ยำ



           ผมอยากไปเขื่อนสรีดภงค์! หรือทำนบพระร่วง ชลประทานแรกเริ่มของอาณาจักรไทย ที่ใช้กักเก็บน้ำและส่งมาไว้กินไว้ใช้ในพระราชวังตามท่อประปาดินเผาที่คนสมัยก่อนคิดค้นขึ้น และใจของผมมันอยากเลยไปไกลถึงโชกพระร่วงแต่ด้วยระยะทางและความชันบอกผมว่ารถพับซิงเกิ้ลสปีดควรเจียมตัว

           ผมปั่นจักรยานเคียงแนวเขาประทักษ์ที่วางตัวของมันนอนอยู่ทางด้านทิศตะวันตกนอกกำแพงเมืองสุโขทัยมันช่างดูเกียจคร้านและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน แดดสายเริ่มประเดประดังเข้ามาเลียผิวหนังของผมจนอุณหภูมิสูงขึ้นจากเดิมแต่ไม่มากพอที่จะทำให้ผมจอดลงพักข้างทาง จุดหมายแรกของผมคือวัดสะพานหินและเมื่อถึงผมได้แต่จอดรถและแหงนหน้ามองทางขึ้นหินของมันอยู่ด้านล่าง ผมไม่อยากขึ้นไป กลัวจักรยานหาย! เหรอ! – เหนื่อยบรรลัย



           ความตั้งใจที่จะกลับถึงตัวเมืองเก่าตอนเที่ยงวันทำให้ผมต้องเร่งทำเวลาปั่นไปสรีดภงค์ให้ไวขึ้นด้วย ไม่มีเวลามากสำหรับคนหิว! ระหว่างทางที่อบอ้าวด้วยป่าร้อนชื้นและแดดที่เร่งขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเมฆ ผมหิวน้ำขึ้นมาจากการสูญเสียน้ำออกไปจากการควงขาและการระเหยจากไอร้อนที่แผ่เข้ามา เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามซอกแขนและข้างหน้ามีร้านค้ามันทำให้ผมรอดตายด้วยน้ำขวดละ 10 บาท ผมเอ่ยปากถามชาวบ้าน เขื่อนไปทางไหน

           “เนี่ย...ข้างหลังเนี่ยขึ้นไปก็ถึงเลยหนู”

           ทำนบดินสูงประมาณสิบเมตรเห็นจะได้กั้นแอ่งน้ำขนาดใหญ่และมีน้ำตลอดปีแม้ฤดูที่แล้งน้ำ  และมันอยู่ข้างหลังร้านค้านี่เอง! ผมจูงจักรยานพับขึ้นไปหามันและเมื่อสายตาพ้นตำแหน่งที่ดินกั้น เวิ้งน้ำใหญ่กว้างก็ปรากฏพร้อมกับหุบเขาข้างหน้าและฟ้าสีครามที่บรรจุก้อนเมฆขาวไว้เต็มผืน ผมลืมความเหนื่อยไปปลิดทิ้งและรีบนำความผิดหวังระคนความเศร้าเชิงซับซ้อนที่แบกมาจากบ้านเหวี่ยงลงน้ำนั่นไป ทุกอย่างราบรื่นและความหิวยังไม่เข้ามารุกรานกระเพาะ ความงามของสรีดภงค์มันเคลือบกระเพาะผมไว้! เมื่อพักผ่อนและเสพย์ความงามจนอิ่มแน่นพุงแล้วผมไหลจักรยานลงมาตามเนินเดิมและคิดว่าขอหยุดพักภายใต้เพิงหมาแหงนของร้านค้าสักครู่





    ชายฉกรรจ์ไม่สวมเสื้อขี่มอ’ไซค์มาพร้อมตะกร้าพลาสติกข้างในนั้นมีเห็ดหลายชนิดคละกันไป เขาตะโกนลอยๆ มาในความเงียบ

           “ข้าออกไปเดินเก๊บเห๊ดกั๊บไอ้ทูนมา” สำเนียงสุโขทัยแปล่งออกมาจากริมฝีปากเขา (เรื่องสำเนียงของคนสุโขทัยถ้าคนต่างถิ่นมาฟังก็ฟังดูว่าจะพูดเหมือนกันไปเสียทุกที่ ผมมีเพื่อนเป็นคนสุโขทัย มันเล่าว่าแต่ละบ้านสำเนียงจะแตกต่างกันนิดหน่อยต้องคนสุโขทัยด้วยกันจะฟังออกและรู้ว่ามาจากบ้านไหน!)

           “พวกเดินไวฉิบห่าย ไปไหนเร็วจริงเลย ตามไม่ทัน” เขาพูดต่อกังวานในท่าทีที่มีคนเริ่มสนใจ

           “...ไอ้ทูนไหนแกหนา” หญิงกลางคนหล่นคำถามในความสงสัย

           “ไอ้ทูนที่มันช๊อบตีเมียน่ะ!”

           “อ้อ...ไอ้ทูนหลูกตาแดงเก๊ย”

           “คงใช่” ชายเก็บเห็ดตอบด้วยความไม่แน่ใจในคำตอบ แต่ผมคิดว่าคงไอ้ทูนคนเดียวกัน ไอ้ทูนที่มันเดินไวฉิ_ หาย!

           ชาวบ้านนอกกำแพงเมืองอุทยานส่วนมากโดยสังเกตจากข้างทางที่ปั่นมา ทำเกษตรกรรมเสียมาก ไร่ข้าวโพดดูท่าจะมากที่สุด มีนาข้าวบ้างและบางส่วนเป็นไร่มันสำปะหลังหรืออาจจะมีปลูกใบยาสูบ (ไม่แน่ใจ) แต่หน้านี้น้ำแล้งและกรมอุทยานไม่อนุญาตให้ขาวบ้านใช้น้ำจากสรีดภงค์ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีอาชีพเสริมด้วยการเก็บเห็ดตามตีนเขาขายเพราะราคาของมันอาจจะอยู่ถึงที่กิโลกรัม 400 บาท แต่ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน เห็ดโคน! มีทั้งชนิดเห็ดโคนใหญ่และเห็ดโคนแดง และเห็ดโคนใหญ่เป็นไอ้ชนิดที่มันแพงที่สุด ยิ่งดอกที่อวบตูมจะแพงมากกว่าดอกที่บานแบะและถ้ายิ่งขนาดใหญ่กว่า ราคาก็ยิ่งดีขึ้นตามไป ลดหลั่นลงมาก็เป็นพวกเห็ดเขียว (มีหลายชื่อตามท้องถิ่น) และของป่าอย่างอื่น พวกมัน (เห็ด) จะมีขึ้นอยู่ช่วงหน้าฝนและเลยยาวไปจนถึงเดือน 11 ต้นฤดูหนาว แต่หน้านี้ฝนแล้งเหลือเกินบางครั้งตกมาดินยังไม่ทันเปียก ก็หยุดตกเสียก่อน มันเลยทำให้เห็ดหายากขึ้นไปอีก



           ผมมาถึงตัวเมืองเก่าก่อนบ่ายโมงและหาร้านที่ดูแล้วเหมาะกับการมาสุโขทัยที่สุด ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยคือชื่อที่ดูแล้วบ่งบอกความเป็นสุโขทัยมากที่สุดและผมสั่งมันมายัดทานสองชาม หลังจากได้กินอิ่มพอมีแรงเดินต่อ ความกระหายมันจูงมือผมไปหาเบียร์เย็นๆ มากินสักขวดพอให้หายอยากและกรึ่มในรสน้ำหมักนั่น คว้าไลเตอร์จุดบุหรี่ขึ้นดูดอีกตัวให้มันเคล้ากัน ควันบุหรี่พัดไปตามลมที่พัดเข้ามาและเมฆฝนที่ตั้งเค้ามืดครึ้ม ฝนกำลังจะตกและแน่นอนมันตกอย่างที่ชาวบ้านพูดกัน ตกมาพื้นดินยังไม่ทันเปียก ความแล้งรุกลามพวกเขาและพวกเขารู้จักการเอาตัวรอด ความเป็นผู้ดีบ้านนอกมีให้เห็นตามหมู่บ้านเล็กเล็กพวกเขาทำงานอย่างสุจริตและใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความหิว เมื่อหิวพวกเขาจึงออกหาอาหาร ไม่เหมือน (ไอ้) พวกท่านผู้ดีหลายหลากในเมืองใหญ่และบางทีกระจายไปขอส่วนแบ่งจากชาวบ้านตามบ้านนอก! มันกินแม้มันไม่หิวและมันอิ่มท้องจนแทบจุก – อ้วนหมีพลีมัน



           จักรยานถูกนำไปคืนที่ร้านบริการและผมขึ้นรถคอกหมู (รถสองแถว) ภาษาชาวบ้านแถวนั้น เพื่อกลับไปที่ท่ารถสุโขทัย ความเหนื่อยและอิดโรยจากการปั่นจักรยานและความกรึ่มของแอลกอฮอล์ ทำผมนอนหลับสบายบนเบาะของรถโดยสาร

           ผมมาเมืองเก่าด้วยความผิดหวังระคนความเศร้าเชิงซับซ้อนและนำมันมาทิ้งได้สำเร็จบนความธรรมดาๆ ของภูเขาและบ้านนอก และผมไม่ได้เที่ยวเมืองเก่าผมมาดูคนเก่าเขากร้านโลกกันอย่างไม่ครั่นคร้ามความลำบาก – เพราะความหิวมันน่ากลัวบัดซบ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่