ใครเคยได้ยินเรื่อง สิงโตกินมังสาวิรัต ที่ชื่อ "ไทก์"ในหนังสือเรื่อง "Vegetarian Lion"บ้างไหมคะ

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พอดีไปอ่านเจอเรื่อง สิงโตมังสวิรัติ เป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นจริง ในสหรัฐอเมริกา เป็นการบันทึกชีวิตของสิงโต ที่น่ารักตัวหนึ่งที่ชื่อ "ไทก์" (Tyke ย่อมาจาก tiger) ในหนังสือเรื่อง "Vegetarian Lion" ซึ่งเขียนตามคำบอกเล่า ของแหม่มมาร์กาเร็ต ผู้เลี้ยงดูเจ้าไทก์น้อย ภายในบ้าน ตั้งแต่เกิด จนถึงวันสุดท้ายของมัน
ข้อมูลจากเวบไซส์ http://www.jthai.thmy.com/article/lion.htm
อยากทราบเป็นเรื่องจริงไหม เลยไปหาข้อมูลที่มีรูปภาพเดิมได้ดังนี้

ภาพจากเว็บไซส์
http://www.vegetarismus.ch/vegepet/tyke.htm
มีรูปถ่ายคู่กับแกะน้อยสีขาวที่ชื่อเบคกี้ด้วย

เนื้อเรื่องค่อนข้างน่าสนใจที่เดียว อ่านเพลินสนุกเชียว จนตาปวดไปหมด
แต่พอเสริชข้อมูลเพิ่มเติมไม่ค่อยมีให้อ่านมากนักเลย เลยไม่แน่ใจว่ามันเป็น
เรื่องจริงหรือแต่ง ใครพอจะทราบ แวะเวียนมาตอบกันได้นะคะ
อ่านๆไปเรื่อยๆจนอยากเป็นมังสาวิรัตแบบเจ้าสิงโตตัวนี้บ้าง

สิงโตมังสวิรัติ (Vegetarian Lion)

แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ Believe it or not โดย ภญ.พิภาดา ทองเชี่ยว
ปฐมบท

        ท่ามกลางความสับสน และยุ่งยากใจ ของนางสิงห์ท้องแก่ ณ บ่ายอันหม่นหมอง ของเดือนกันยายน เจ้าไทก์น้อย ได้ถือกำเนิดขึ้น มันได้กลายเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ฝังรากอยู่ในใจ ของพวกเรา เมื่อหวนระลึกถึงคราใด มันทำให้หัวใจของพวกเรา เปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวล และอบอุ่นทุกครั้ง ด้วยลักษณะพิเศษของมัน ที่สิงโตตัวอื่นไม่มี
        สิ่งโศกสลด และสิ่งมหัศจรรย์ ได้เกิดขึ้น และจบลง ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ความโศกสลด อาจใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ความมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นเมื่อ ๙ ปีที่แล้วนั้น ยังคงอยู่ ตราบถึงวันนี้ นี่คือที่มาของเรื่องราว ของสิงโตตัวหนึ่ง "สิงโตมังสวิรัติ" ที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในโลกนี้ ซึ่งถูกบันทึกไว้โดย Robert Ripley's จากหนังสือ "เชื่อหรือไม่?" "Believe It Or Not"
ตอนที่ ๑ กำเนิดสิงห์น้อย

        ผู้ดูแลสวนสัตว์ และผู้ช่วย ยืนกระสับกระส่ายอยู่ ณ ราวเหล็ก พวกเขารู้ดีว่า มีบางสิ่งบางอย่าง ที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง นางสิงห์ท้องแก่ เดินวนไปวนมา ด้วยอาการงุ่นง่าน เดือดดาล ดวงตาสีอำพันของมัน เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาแลเห็นอุ้งตีน อันเปล่าเปลือย และเขี้ยวอันขาว เป็นประกาย มันร้องคำราม แล้วโถมร่างเข้าหาเขาและผู้ช่วย เข้าไปตะปบราวเหล็ก ซึ่งกั้นเอาไว้ เขารู้ดี ว่านางสิงห์ ซึ่งเคยเป็นมารดามาเป็นครั้งที่ ๕ ในรอบ ๗ ปีตัวนี้ กำลังวางแผน ที่จะกำจัดลูกของมัน หลายคนบอกว่า สิงโตเกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่า แต่เขาและผู้ช่วย มิได้คิดเช่นนั้น พวกเขาเคยเห็นนางสิงห์ ยืนเหนือร่างที่ไร้วิญญาณของลูก ที่เพิ่งคลอดใหม่ มันส่งเสียงร้องคร่ำครวญ ราวกับหัวใจแตกสลาย เหมือนกับกำลังจะเรียกชีวิตลูกสิงห์น้อย ให้กลับคืนมา
        ทันใดที่เจ้าสิงห์น้อยที่เพิ่งคลอด ถูกแม่ของมันเหวี่ยง ตรงมายังคนทั้งสอง ที่ยืนอยู่ นางสิงห์ปฏิบัติการ โดยเริ่มขย้ำที่บริเวณขาขวาหน้า ของเจ้าสิงห์น้อย วินาทีนั้น เขาตัดสินใจฉวยเจ้าลูกสิงห์ ที่บาดเจ็บขึ้นมา และในวินาทีนั้น ได้กลายเป็นวินาที ที่ได้เปลี่ยนชีวิตของผม และมันได้ให้อะไรผม มากเหลือเกิน...
        ผู้ดูแลสวนสัตว์คนนั้น เป็นเพื่อนของผมเอง ผมได้ไปเยี่ยมเขา หลังจากที่เจ้าสิงห์น้อยตัวนั้น ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ประโยคแรกที่เขาพูด เมื่อผมมาถึงก็คือ "มานี่เร็ว ฉันมีอะไรจะให้นายดู" และนั่นเป็นครั้งแรกที่ "เรา" ได้พบกัน เขาพาผมไปยังห้องด้านหลัง มีร่างเล็กๆ ขนาด ๓ ปอนด์ นอนขดอยู่ในกล่องใบหนึ่ง หลากหลายความรู้สึก ประดังประเดเข้ามาในใจของผม ผมยกมันขึ้นมาแนบแก้ม "โธ่... เจ้าไทก์น้อยที่น่าสงสาร"
        การมีหน้าที่เป็นคนเลี้ยงสัตว์ที่ดี เป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลความคิดของผม สิ่งเดียวที่ผมคิดในขณะนั้นก็คือ ผมรู้สึกถูกชะตา กับแม่สิงห์น้อยตัวนี้ โดยที่ตัวผมเอง ก็อธิบายไม่ได้ว่า ทำไมความรักที่ก่อเกิดในครั้งนั้น ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ซึ่งมันยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน
        ผมขับรถมุ่งสู่ฟาร์มเล็กๆ ที่เป็นบ้านของผม พร้อมกับแม่ไทก์น้อย ที่นั่นมีฝูงนกยูงท่าทางเฉลียวฉลาด ยืนเรียงรายกันอยู่ ตามแนวหลังคาบ้าน ขณะที่เจ้าลูกแมวน้อย พากันแอบมองลอดรั้วสีขาว สุนัขพันธุ์เทอร์เรีย วิ่งไล่กันอย่างร่าเริง และมาร์กาเร็ตภรรยาของผม เธอก็ได้ลูบไล้เจ้าสัตว์โลก ที่ดูอ่อนแรงน่าสงสารตัวนั้น ด้วยความรักและเมตตา นับแต่วันนั้น มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง ของสัตว์ที่มีมากมาย ในฟาร์มแห่งนี้
        หลังจากที่ได้ทำการตรวจ อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว คุณหมอได้ให้ความเห็นว่า ควรจะตัดขา ที่บาดเจ็บของมันออกไป รวมทั้งลอกเอาเนื้อที่ตาย บริเวณขาหน้าของมันออกไปด้วย หลังจากที่ขาหน้าของมัน ได้ถูกตัดออกไปแล้ว เราทำการเข้าเฝือกให้มัน ซับแผลเบาๆ ด้วยยา และพันขาของมันเอาไว้ แม่ไทก์น้อย ก็พยายามดิ้นรนอย่างถึงที่สุด มันทั้งกัดทั้งข่วน เพื่อพยายามเป็นอิสระ จากพันธนาการดังกล่าว มาร์กาเร็ตมักมีความคิดดีๆ เกิดขึ้นเสมอ เธอลงทุนตัดเสื้อกั๊ก ที่มีแขนเดียวสำหรับเจ้าสัตว์น้อย ด้วยผ้าลินินอย่างดี จากนั้นอีก ๒ วัน แผลก็เริ่มแห้ง ติดกับผ้าพันแผลและเสื้อกั๊ก เราสองคน ต้องระมัดระวังอย่างมาก ในการทายา, พันแผล, เข้าเฝือก และการสวมเสื้อกั๊ก ซึ่งแต่ละครั้ง มักทำให้เจ้าไทก์น้อย ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน อย่างใหญ่หลวง ผมตระหนักดีว่า ความเจ็บปวดเช่นนี้ จะทำให้มันมีแนวโน้ม ที่จะกลายเป็นสัตว์ดุร้ายเมื่อโตขึ้น ผมนอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน คิดถึงแต่เรื่องนี้ จนกระทั่ง ไปได้เห็นเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเก่า ซึ่งทำด้วยขนสัตว์ ที่แขวนอยู่ใต้ถุนบ้าน ผมและภรรยา จึงได้วิธีใหม่ แผ่นผ้าก๊อซถูกตัดเป็นชิ้นขนาดพอเหมาะ พร้อมกับทายาเอาไว้ แถบกาวที่ใช้ติดผ้าพันแผล ถูกฉีกออกเป็นเส้น ตรงปลายติดไว้กับหิ้งเหนือโต๊ะทำแผล ทุกๆ สิ่งถูกเตรียมพร้อม เพื่ออำนวยความสะดวก ขณะกระทำการ
        ผมเหวี่ยงเสื้อคลุมลงบนร่างเล็กๆ ที่กำลังหลับสนิทนั้น อย่างแผ่วเบา แล้วรีบม้วนร่างเจ้าไทก์ ให้เข้าไปอยู่ข้างใน ผมดึงขาข้างที่บาดเจ็บนั้น ให้ออกมาจากรู ที่ถูกผีเสื้อกลางคืนเจาะเอาไว้ จนพรุนเนื้อผ้าคลุม ในขณะที่มาร์กาเร็ต โอบอุ้มร่างที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนนั้น ไว้อย่างแน่นหนา ผมตัดผ้าพันแผลอันเก่าออก และเปลี่ยนอันใหม่ให้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง จบกระบวนการช่วยเหลือมัน เราทั้งสอง ได้ปล่อยมันให้เป็นอิสระ และเมื่อเราเรียก "เจ้าไทก์น้อย เจ้าไทก์น้อยที่รัก" แม่สิงห์น้อยขาพิการ ก็เลียมือเราทั้งสอง ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง สำหรับการช่วยเหลือมัน ความขุ่นเคืองทั้งหลาย ที่ปรากฏในดวงตาที่เจ็บปวดของมัน เวลานี้ได้ปลาสนาการ จนหมดสิ้น
        วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นอกจากงานดูแลสัตว์มากมายในฟาร์ม ที่ต้องทำ ผมยังมีธุรกิจ เกี่ยวกับการผลิตพืชเมืองหนาว และรายได้ที่ได้รับนั้น ไม่มากพอที่จะจ้างคนมาช่วย ดังนั้น ผมกับภรรยาต้องทำงานหนัก ทั้งกลางวันกลางคืน โชคดีที่ว่า สำนักงานของเราตั้งอยู่หน้าฟาร์ม เราจึงสามารถทำอาหาร และรับประทานได้ที่นั่นเลย โดยไม่ต้องเปลืองเวลามาก รวมทั้งอาหารกลางวัน สำหรับเจ้าไทก์น้อยด้วย
        ในขณะที่ผมกับมาร์กาเร็ต ทำงานอยู่หน้าร้าน เราจะเปิดเพลงเบาๆ ทิ้งไว้ให้มัน เมื่อมันอาการดีขึ้น จนเราสามารถจะอุ้มมัน ไปไหนมาไหนได้แล้ว พอเราวางมันลงบนพื้นหญ้า เพื่อจะทำงาน เจ้าไทก์น้อย ก็จะส่งเสียงครางต่ำๆ ร้องเรียกหาเรา ผมก็จะอุ้มมันขึ้นมาอีกครั้ง บางที มันก็ได้นมอุ่นๆ แสนอร่อย ไปกินเป็นของรางวัล ผมและภรรยา พยายามศึกษา และเรียนรู้ ถึงสิ่งที่แม่สิงโต ปฏิบัติต่อลูกของมัน อย่างเช่น เวลาเจ้าสิงห์น้อยท้องผูก แม่ของมัน จะเลียก้นของลูก อย่างแผ่วเบา เมื่อเราต้องเผชิญปัญหาเช่นนั้นบ้าง ผมก็ใช้กระดาษทิชชู จุ่มน้ำอุ่นพอควร ค่อยเช็ดก้นให้มัน นานวันเข้า แผลของมันก็ค่อยๆ สมาน แม่ไทก์น้อยของเรา ก็แข็งแรงขึ้นตามลำดับ
        จนกระทั่งวันหนึ่ง มาร์กาเร็ต ต้องเข้าโรงพยาบาล ที่อยู่ในตัวเมือง เพื่อผ่าตัด ภาระทุกอย่าง ตกเป็นของผม กับลูกจ้างใหม่ ซึ่งมาอยู่ได้ไม่ถึง ๓ อาทิตย์ ช่วงนั้นผมต้องไปๆ มาๆ ระหว่างโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ห่างจากฟาร์มถึง ๒๐ ไมล์ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในเช้าวันหนึ่ง ผมเกรงว่า จะได้รับข่าวไม่ดี จากโรงพยาบาล จึงรีบทำงานให้เสร็จ ปิดประตูหน้าร้าน จากนั้นจึงรีบขับรถ บึ่งไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างนั้น เจ้าสิงห์น้อยยังคงหลับอยู่ จนกระทั่ง ผมลงจากรถ เพื่อไปหามาร์กาเร็ต เมื่อมันถูกปล่อยทิ้งไว้ ตามลำพังในรถ มันก็เริ่มร้องครวญคราง มาร์กาเร็ตอาการทุเลาลง และเธอต้องการที่จะถ่ายเลือด แน่ละ ผมอาสาเป็นผู้บริจาค โดยลืมไปว่า ตัวเองยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย ตั้งแต่เช้า ผมจึงรู้สึกเพลียเป็นอันมาก นางพยาบาลบอกให้ผมนอนนิ่งๆ สัก ๒๐ นาที หลังให้เลือด แต่ทันที ที่เธอออกจากห้อง ผมก็รีบกลับ เพื่อไปทำงานต่อ แต่เมื่อผมลุกขึ้น ก็ต้องทรุดลงไปกองกับพื้น สรุปแล้วในวันนั้น ร้านของผม เปิดช้ามากกว่าปกติ และเจ้าไทก์น้อย ก็ร้องเรียกหาแต่ผม จนกล้ามเนื้อของมันเกร็งไปหมด
        แต่ถึงเหตุการณ์ยุ่งๆ ในวันนั้น จะผ่านไป ผมก็ยังคงนอนหลับๆ ตื่นๆ อีก ในตอนกลางคืน เพราะเจ้าสิงห์น้อย ที่นอนในตะกร้าข้างเตียง คอยปลุกผมอยู่เป็นระยะ เพื่อบอกผมว่ามันหิวนะ เจ้าสิงห์น้อยติดผมมาก ดังนั้น ผมจึงซื้อกระเป๋าเล็กๆ คล้ายกระเป๋าบรรจุเครื่องมือแพทย์ ข้างในปูด้วยผ้าอ้อม และซ่อนเจ้าไทก์น้อยเอาไว้ในนั้น เมื่อไปเยี่ยมมาร์กาเร็ตที่โรงพยาบาลครั้งใด ผมก็ใช้วิธีนี้ทุกครั้ง
        อยู่มาวันหนึ่ง ผมถูกสกัดโดยพยาบาล ที่ดูแลมาร์กาเร็ต เธอถามผมว่า ผมพกอะไรมาด้วย เมื่อกระซิบบอกเธอว่า เป็นลูกสิงโต จากนั้นภายในครึ่งชั่วโมง คนไข้ในชั้นนั้น ก็ดูเหมือนจะหมดความสำคัญไป เพราะนางพยาบาลทั้งหลาย พากันมารุมล้อมเจ้าไทก์น้อยของผม ทันใดนั้น หัวหน้านางพยาบาล ก็ปรากฏตัวขึ้น ผมรีบยัดเจ้าไทก์น้อย ที่กำลังหิวโหยลงกระเป๋า ผมคิดว่า ผมคงจะถูกไล่ออก จากโรงพยาบาลเป็นแน่แท้ แต่ผมก็ต้องประหลาดใจ และโล่งใจ เมื่อเธอคว้าเจ้าไทก์น้อย ในอ้อมแขนของผมไป พร้อมกับขวดนม
        จากวันนั้น เจ้าไทก์น้อยก็กลายเป็นแขกประจำ อย่างลับๆ ในโรงพยาบาลแห่งนี้ไป จนกระทั่ง มาร์กาเร็ตสามารถกลับบ้านได้ ผมพยายามนึกว่า เมื่อเจ้าไทก์น้อยโตขึ้น มันจะเป็นอย่างไร ผมยังนึกไปถึงภาพ มันเป็นนางสิงห์ตัวโต ที่วิ่งเล่นอยู่ในฟาร์มแห่งนี้ สิ่งที่ผมกลัวก็คือว่า มันอาจจะเติบโต อย่างไม่สมบูรณ์นัก เพราะสาเหตุสองประการคือ มันพิการและไร้แม่แต่เล็ก แต่ตอนนี้ เจ้าไทก์น้อย สามารถโผล่หัวเล็กๆ ออกมาจากพรมพื้นห้องได้แล้ว และพยายามตะเกียกตะกาย เข้ามาหาผม มันช่างดูน่าสงสาร และน่าเวทนายิ่งนัก และเมื่อผมอุ้มมันขึ้นมาแนบแก้ม ผมได้ยินเสียงของตนเอง บอกกับเจ้าสิงห์น้อยว่า "เจ้าไทก์น้อย รู้ไหมว่า เจ้าน่ะ เป็นถึงเจ้าป่าเชียวนะ!"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่