ผมเคยคิดนะว่า ชีวิตคู่ ถ้าได้ ลำบาก ฝ่าฟัน อุปสรรคมาด้วยกัน เมื่อถึงเวลาสบายแล้ว เราก็จะมีความสุข
แต่สำหรับผม ผมก็งงนะ ว่าทำไมชีวิตผมไม่เป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมทุ่มเททุกอย่างให้ครอบครัว ผมไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่เคล้านารี ชีวิตมีแต่งาน มีแต่ครอบครับ
ผมกับแฟน อยู่ด้วยกันตั้งแต่ เช่าห้องอยู่เดือนละพันสาม แถวบางแค บางเดือนก็เรท บางเดือนก็ขอผลัด ดีว่าผมขยันและฉลาด ส่วนแฟนก็ขยัน เราสองคน จากไม่มีอะไรเลย ตอนนั้นผมอายุยี่สิบสามได้มั้ง แฟนแก่กว่าสองปี ผมให้แฟนหัดเย็บผ้า จากรับจ้างเย็บ ผมก็ประสานงานให้ จนมีลูกน้อง เย็บผ้าโหลส่ง รายได้ดี จนระดับหนึ่ง ส่วนตัวผม ก็ค้าขายไปเรื่อย หานั่นหานี่มาขาย รายได้ผม ดีก็ดีใจหาย เวลาขายไม่ได้ ก็นั่งกุมขมับ ถือซะว่าเป็นบทเรียน
จนผมเจอลู่ทาง จนกระทั่งเปิดร้าน มีลูกน้องเยอะตอนอายุยี่สิบปลายๆย่างสามสิบและ เริ่มมีรายได้ล้นมือ คือ อยากได้อะไร อยากซื้ออะไร ได้หมด ผมซื้อรถวีโก้หนึ่งคันสี่ประตู ก็ใส่ชื่อแฟน และรถกระบะอีกคันเก่าๆ ก็ใส่ชื่อผม หลังๆ งานที่ร้าน ผมดูแลเอง แฟนก็ไม่ต้องทำอะไร จนร้านยุ่ง ผมเห็นน้องเมียไม่ได้ทำอะไร ก็เอามาช่วย จากหนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม ก็ฝึกกันไป ก็โอเคนะ จาก เด็กธรรมดา เป็นเถ้าแก่อายุสามสิบต้นๆ รายได้เดือนหกหลัก
จนวันหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น ผมก็รู้ว่า แฟนและน้องแฟน กำลังฮุบกิจการ ผมรู้นะ แต่ผมคิดว่า อยากได้เหรอ ผมก็เตรียม พอถึงวันแตกหัก ผมก็ยกให้เลย
ผมก็ออกมา ผมก็ซื้อบ้านได้หลัง รถไว้คัน เงินลงทุนเล็กน้อย เขาอ้างว่า เขาก็เริ่มต้นมา ธุรกิจเขาก็ต้องได้ โอเค ผมง่ายๆ ยกให้
ตอนนี้ผมก็มาทำธุรกิจเล็กๆของผม เริ่มต้นใหม่ ตัวผมเอง มีแต่คนว่าผม โง่ และ โง่ ช่างปะไร ถ้าเราคิดว่า เราทำได้ อยู่ตรงใหนก็ทำได้ อายุก็ไม่เยอะ สามสิบสอง ตอนนี้ทำธุรกิจตัวเองมาได้ไม่ถึงปี รายได้ไม่มากเหมือนเก่า แต่ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่ต้องหนักใจ ไม่ต้องเครียด ผมก็อยู่ของผมได้ งานตัวใหม่ ไม่ต้องเฝ้าร้าน ไม่ต้องเหนื่อยกับอะไร มีเวลาเที่ยว มีเวลาพักผ่อน ใช้ลูกน้องทำงาน ใช้เงินทำงาน เราบริหารเอง สบายใจ
ดีว่า ไม่มีหนี้สิน ไม่ทำบัตร ไม่ดึงเงินอนาคตมาใช้ อยู่ได้ มีมากกินมาก มีน้อยกินน้อย ไม่มีก็ไม่กิน
เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่า คู่ชีวิตที่ลำบากฝ่าฟันมาด้วยกัน จะร่วมหัวจมท้ายกับเราเสมอไป ก็ไม่แน่เสมอไป นอกจากว่าจะเจอคนดีจริงๆ
แต่โชคร้ายของผมเอง ที่ไม่เจอ..... แต่ก็อาจเป็นบาปกรรมผมเอง ที่ตอนวัยรุ่น ทิ้งสาวๆหลายคนเพื่อตามฝันของตัวเอง
สงสัยกรรมมาตามทัน.... ทำให้ทุกวันนี้มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไปเยอะ...ทำงานดีกว่า สบายใจดี บ่นไปเรื่อยตามประสา...เหงาๆครับ
ชีวิตคู่ ถึงแม้จะลำบากมาด้วยกัน ถึงสบาย ก็ใช่ว่าจะมั่นคง ดูผมเป็นตัวอย่างครับ คนรอบข้างก็สำคัญ
แต่สำหรับผม ผมก็งงนะ ว่าทำไมชีวิตผมไม่เป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมทุ่มเททุกอย่างให้ครอบครัว ผมไม่เจ้าชู้ ไม่กินเหล้า ไม่เคล้านารี ชีวิตมีแต่งาน มีแต่ครอบครับ
ผมกับแฟน อยู่ด้วยกันตั้งแต่ เช่าห้องอยู่เดือนละพันสาม แถวบางแค บางเดือนก็เรท บางเดือนก็ขอผลัด ดีว่าผมขยันและฉลาด ส่วนแฟนก็ขยัน เราสองคน จากไม่มีอะไรเลย ตอนนั้นผมอายุยี่สิบสามได้มั้ง แฟนแก่กว่าสองปี ผมให้แฟนหัดเย็บผ้า จากรับจ้างเย็บ ผมก็ประสานงานให้ จนมีลูกน้อง เย็บผ้าโหลส่ง รายได้ดี จนระดับหนึ่ง ส่วนตัวผม ก็ค้าขายไปเรื่อย หานั่นหานี่มาขาย รายได้ผม ดีก็ดีใจหาย เวลาขายไม่ได้ ก็นั่งกุมขมับ ถือซะว่าเป็นบทเรียน
จนผมเจอลู่ทาง จนกระทั่งเปิดร้าน มีลูกน้องเยอะตอนอายุยี่สิบปลายๆย่างสามสิบและ เริ่มมีรายได้ล้นมือ คือ อยากได้อะไร อยากซื้ออะไร ได้หมด ผมซื้อรถวีโก้หนึ่งคันสี่ประตู ก็ใส่ชื่อแฟน และรถกระบะอีกคันเก่าๆ ก็ใส่ชื่อผม หลังๆ งานที่ร้าน ผมดูแลเอง แฟนก็ไม่ต้องทำอะไร จนร้านยุ่ง ผมเห็นน้องเมียไม่ได้ทำอะไร ก็เอามาช่วย จากหนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม ก็ฝึกกันไป ก็โอเคนะ จาก เด็กธรรมดา เป็นเถ้าแก่อายุสามสิบต้นๆ รายได้เดือนหกหลัก
จนวันหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น ผมก็รู้ว่า แฟนและน้องแฟน กำลังฮุบกิจการ ผมรู้นะ แต่ผมคิดว่า อยากได้เหรอ ผมก็เตรียม พอถึงวันแตกหัก ผมก็ยกให้เลย
ผมก็ออกมา ผมก็ซื้อบ้านได้หลัง รถไว้คัน เงินลงทุนเล็กน้อย เขาอ้างว่า เขาก็เริ่มต้นมา ธุรกิจเขาก็ต้องได้ โอเค ผมง่ายๆ ยกให้
ตอนนี้ผมก็มาทำธุรกิจเล็กๆของผม เริ่มต้นใหม่ ตัวผมเอง มีแต่คนว่าผม โง่ และ โง่ ช่างปะไร ถ้าเราคิดว่า เราทำได้ อยู่ตรงใหนก็ทำได้ อายุก็ไม่เยอะ สามสิบสอง ตอนนี้ทำธุรกิจตัวเองมาได้ไม่ถึงปี รายได้ไม่มากเหมือนเก่า แต่ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่ต้องหนักใจ ไม่ต้องเครียด ผมก็อยู่ของผมได้ งานตัวใหม่ ไม่ต้องเฝ้าร้าน ไม่ต้องเหนื่อยกับอะไร มีเวลาเที่ยว มีเวลาพักผ่อน ใช้ลูกน้องทำงาน ใช้เงินทำงาน เราบริหารเอง สบายใจ
ดีว่า ไม่มีหนี้สิน ไม่ทำบัตร ไม่ดึงเงินอนาคตมาใช้ อยู่ได้ มีมากกินมาก มีน้อยกินน้อย ไม่มีก็ไม่กิน
เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่า คู่ชีวิตที่ลำบากฝ่าฟันมาด้วยกัน จะร่วมหัวจมท้ายกับเราเสมอไป ก็ไม่แน่เสมอไป นอกจากว่าจะเจอคนดีจริงๆ
แต่โชคร้ายของผมเอง ที่ไม่เจอ..... แต่ก็อาจเป็นบาปกรรมผมเอง ที่ตอนวัยรุ่น ทิ้งสาวๆหลายคนเพื่อตามฝันของตัวเอง
สงสัยกรรมมาตามทัน.... ทำให้ทุกวันนี้มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไปเยอะ...ทำงานดีกว่า สบายใจดี บ่นไปเรื่อยตามประสา...เหงาๆครับ