[ เเนวคิดของคนรวย ]

เป็นเรื่องน่าเเปลกใจที่โรงเรียนไม่เคยสอนเราเรื่องเงิน
เเต่กลับมีค่านิยมว่า เราต้องทําเกรดให้ดี จะได้เข้ามหาลัยดีๆ เพื่อนําไปสมัครงานที่มั่นคง

สมัครงานในองค์กรที่มั่นคง มีความเจริญในหน้าที่การงาน ทํางานให้หนัก เพื่อที่จะได้เงินเดือนที่สูงขึ้น เเละการยอมรับจากคนรอบข้าง

โรงเรียนสอนให้เราเป็นลูกจ้างชั้นดีนั้นเอง
ถ้าเราลองมองในอีกเเง่มุมหนึ่ง
เเทนที่เราจะเป็นบุคลากรในองค์กร
ทําไมเราไม่เปิดบริษัท เเละสร้างองค์กรของตัวเองหล่ะ ?

นั้นคือคําถามที่เเยกฐานะของคนออกจากกัน
คนจนเเละคนชั้นกลางจะมี 1 ความคิดที่คล้ายกัน นั่นคือเรื่องของ"ความปลอดภัย"

การมีตําเเหน่งการงานที่มั่นคงคือความปลอดภัยในอุดมคติของใครหลายๆคน
เเม้เเต่องค์กรชั้นนําก็นําทฤษฎีนี้ไปใช้เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับตัวเอง

เเต่นี่เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องซะทีเดียว
เพราะเงินเดือนไม่ใช่สิ่งที่มั่นคง เเละถ้าเราเกษียณ รายได้หลักของเราจะหมดลงทันที ในขณะที่สิ่งที่ไม่เคยหมดกลับเป็นค่าใช้จ่าย

การมีหน้าที่การงานที่ดีจึงไม่ใช่คําตอบที่สามารถตอบโจทย์ในชีวิตจริงได้  เเล้วอะไรหล่ะคือสิ่งที่สามารถตอบโจทย์เราได้

คําตอบอยู่ในวิธีคิดของคนรวยครับ
หลังจากเราได้ทราบคอนเส็ปการใช้ชีวิตของคนจนเเละคนชั้นกลางไปเเล้ว ทีนี้เราจะมาเเกะรอยหยักสมองคนรวยกันบ้าง

1. คนรวยใช้เวลาสร้างทรัพย์สิน ในขณะที่คนอีก2กลุ่มสร้างหนี้สิน
>>ถ้าใครเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกคงจะคุ้นเคยกับประโยคนี้ดี  โดยคอนเส็ปของเเนวคิดนี้คือ

"ทรัพย์สิน" ต้องเป็นอะไรที่นําเงินเข้ากระเป๋าเรา
"หนี้สิน" ต้องเป็นอะไรที่นําเงินออกจากกระเป๋าเรา

บ้านที่หลายๆคนคิดว่าเป็นทรัพย์สิน เเท้จริงเเล้วมันก็คือหนี้สินเช่นเดียวกัน
เพราะเเทนที่เราจะได้นําเงินก้อนไปต่อยอดสร้างผลตอบเเทน เรากลับนํามาใช้จ่ายเเละสร้างภาระในระยะยาวให้กับตัวเอง

การนําเงินไปลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างกระเเสเงินสดในระยะยาวจึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่า ( หรือที่เขาเรียกกันว่า Passive income นั่นเอง )

2.คนรวยอ่านเป็นชีวิตจิตใจ
เพราะความรู้ไม่เข้าใครออกใคร
ความรู้จึงเป็นสิ่งลํ้าค่า

คนรวยถึงเลือกที่จะอ่านๆๆๆ
คนรวยจึงได้เปรียบ
ไม่ใช่เพราะมีเงินเยอะ เเต่มีความรู้เยอะ
เเละหมั่นศึกษาอยู่ตลอดเวลา

3.คนรวยโฟกัสทีละอย่าง
เพราะคนรวยเลือกที่จะโฟกัสทีละอย่าง
งานที่ออกมาจึงดี เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง
เเละเต็มร้อยกับทุกงานที่ทํา

4.คนรวยเป็น Positive thinker
ทุกคนคงเคยได้ยินกฎเเห่งเเรงดึงดูด
เราคิดอย่างไร สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นจริง
เเละมันจะมาให้เราเจอเรื่อยๆ

คนรวยจึงเป็นคนที่มองโลกในเเง่ดี
นั่นทําให้ทุกครั้งที่คนรวยเจอปัญหา
เขาจะสามารถเเก้ปัญหาได้อย่างไม่ยากเย็น

5.คนรวยเรียนรู้เเล้วลงมือทํา
ต่างจากคนทั่วไปที่มักจะจบอยู่เเค่การเรียนรู้
เเต่ไม่ได้ลงมือทํา เพราะกลัวความล้มเหลว

6.คนรวยเเสวงหาโอกาสให้ตัวเอง
โดยหาผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ
จะเห็นว่าคนที่ประสบความสําเร็จต่างก็มีอาจารย์เป็นของตัวเองทั้งนั้น

7.คนรวยเรียนรู้จากความผิดพลาด
ไอสไตน์บอกว่ามีเเต่คนโง่เท่านั้นที่ทําอะไรเหมือนเดิมเเต่หวังผลลัพท์ที่ต่างออกไป

ถ้าเป็นในเรื่องของการเทรด สิ่งที่เทรดเดอร์ขาดไม่ได้เลยคือการทํา diary บันทึกข้อผิดพลาดจากการขาดทุนเเต่ละครั้ง

vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

ทุกอย่างมาจากทัศนคติล้วนๆ
คนเราคิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น

คนรวยมองอะไรยาวๆ
คนจนมองอะไรสั้นๆ
คนรวยคิดบวก
คนจนคิดลบ(เเต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัว)
ฯลฯ

วิธีคิดคือสิ่งที่เเยกคนรวยออกจากคนจน
ศึกษาไว้ไม่เสียหาย ยิ้ม

From : www.facebook.com/tradingkl

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่