ทอท.มาแปลก จ่อประเคนสัมปทานระบบรักษาความปลอดภัย-คัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าให้เอกชนโดยไม่ประมูล สวนนโยบาย คสช.ที่สั่งคุมเข้มจัดซื้อจ้างจ้างภาครัฐต้องโปร่งใส อ้างงานเร่งด่วนจ่อประเคนสัญญา 5 พันล้าน ให้รายเก่าผูกปิ่นโต
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) ปลายสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาการต่อสัญญาสัมปทานระบบรักษาความปลอดภัย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านาท ให้แก่บริษัทเอกชนรายเดิมจากสัญญาสัมปทานเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย.นี้ โดยอ้างว่าเป็นโครงการเร่งด่วน และตามเงื่อนไขสัญญาเดิมที่ ทอท.ทำไว้กับเอกชนนั้น ระบุว่าในกรณีที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน หากคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานเห็นว่า บริษัทสามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขสัญญาและผ่านเกณฑ์ประเมินที่ ทอท.ตั้งไว้ จะได้รับการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติโดยสัญญาดังกล่าวมีอายุ 5 ปี
อย่างไรก็ตามการพิจารณาจัดทำข้อเสนอเพื่อต่อสัญญาดังกล่าว มีกระแสว่าเป็นคำสั่งจากคณะกรรมการ ทอท.ที่มีลงไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยตรง และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นการดำเนินการที่สวนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ อย่างโปร่งใส แต่ ทอท.อ้างว่าโครงการดังกล่าวเป็นงานเร่งด่วนที่ไม่สามารถเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานเป็นการทั่วไปได้ เพราะข้อจำกัดของระยะเวลา เนื่องจากสัญญาสัมปทานโครงการเดิมจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ หากการพิจารณาต่อสัญญาล่าช้าหรือปล่อยให้สัญญาสิ้นสุดลงไป จะทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดปัญหาขึ้นได้
"หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้ มีการเจรจาเกี้ยเซี้ยะที่จะให้มีการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ แม้จะเป็นการดำเนินการที่ขัดนโยบาย คสช.และแม้ก่อนหน้า คสช.จะมีคำสั่งให้ผู้บริหารหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจจัดทำคู่มือตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินโครงการต่างๆ ภายในหน่วยงานเพื่อป้องกันการทุจริต แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถนำมาใช้ในองค์กร ทอท.ได้ ด้วยอ้างว่า ทอท.มีระเบียบและเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ เองอยู่แล้ว"
นอกจากนี้ ทอท.ยังเตรียมเดินหน้าโครงการประมูลติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่ากว่า 8,300 ล้านบาท โดยไม่มีการปรับปรุงเงื่อนไขการประมูลแต่อย่างใด ทั้งที่ก่อนหน้าคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายโครงการรัฐ (คตร.) ได้สั่งให้ ทอท.ระงับการดำเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีการร้องเรียนจากผู้ประมูลว่า มีความพยายามจัดฮั้วประมูล แต่ล่าสุดฝ่ายบริหาร ทอท.กลับได้รับคำสั่งให้เร่งรัดการดำเนินโครงการนี้ โดยจะกลับไปใช้เงื่อนไขการประมูลเดิมโดยไม่มีการเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมประมูล โดยอ้างว่าเป็นโครงการที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไม่สามารถเปิดกว้างให้เอกชนทั่วไปเข้าร่วมประมูลได้ โดยมีข่าวว่ามีการเตรียมการจัดซื้อจ้างจ้างด้วยวิธีพิเศษกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับขั้วอำนาจใหม่
ทอท.จ้องต่อสัญญาสัมปทานการ์ด รปภ. สนามบินฯ 5,000 ล้าน ให้รายเดิมโดยไม่ต่อสัญญา!
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) ปลายสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาการต่อสัญญาสัมปทานระบบรักษาความปลอดภัย มูลค่ากว่า 5,000 ล้านาท ให้แก่บริษัทเอกชนรายเดิมจากสัญญาสัมปทานเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย.นี้ โดยอ้างว่าเป็นโครงการเร่งด่วน และตามเงื่อนไขสัญญาเดิมที่ ทอท.ทำไว้กับเอกชนนั้น ระบุว่าในกรณีที่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน หากคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานเห็นว่า บริษัทสามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขสัญญาและผ่านเกณฑ์ประเมินที่ ทอท.ตั้งไว้ จะได้รับการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติโดยสัญญาดังกล่าวมีอายุ 5 ปี
อย่างไรก็ตามการพิจารณาจัดทำข้อเสนอเพื่อต่อสัญญาดังกล่าว มีกระแสว่าเป็นคำสั่งจากคณะกรรมการ ทอท.ที่มีลงไปยังผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยตรง และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นการดำเนินการที่สวนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ อย่างโปร่งใส แต่ ทอท.อ้างว่าโครงการดังกล่าวเป็นงานเร่งด่วนที่ไม่สามารถเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานเป็นการทั่วไปได้ เพราะข้อจำกัดของระยะเวลา เนื่องจากสัญญาสัมปทานโครงการเดิมจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ หากการพิจารณาต่อสัญญาล่าช้าหรือปล่อยให้สัญญาสิ้นสุดลงไป จะทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดปัญหาขึ้นได้
"หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้ มีการเจรจาเกี้ยเซี้ยะที่จะให้มีการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ แม้จะเป็นการดำเนินการที่ขัดนโยบาย คสช.และแม้ก่อนหน้า คสช.จะมีคำสั่งให้ผู้บริหารหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจจัดทำคู่มือตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินโครงการต่างๆ ภายในหน่วยงานเพื่อป้องกันการทุจริต แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถนำมาใช้ในองค์กร ทอท.ได้ ด้วยอ้างว่า ทอท.มีระเบียบและเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานโครงการต่างๆ เองอยู่แล้ว"
นอกจากนี้ ทอท.ยังเตรียมเดินหน้าโครงการประมูลติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่ากว่า 8,300 ล้านบาท โดยไม่มีการปรับปรุงเงื่อนไขการประมูลแต่อย่างใด ทั้งที่ก่อนหน้าคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายโครงการรัฐ (คตร.) ได้สั่งให้ ทอท.ระงับการดำเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีการร้องเรียนจากผู้ประมูลว่า มีความพยายามจัดฮั้วประมูล แต่ล่าสุดฝ่ายบริหาร ทอท.กลับได้รับคำสั่งให้เร่งรัดการดำเนินโครงการนี้ โดยจะกลับไปใช้เงื่อนไขการประมูลเดิมโดยไม่มีการเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมประมูล โดยอ้างว่าเป็นโครงการที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไม่สามารถเปิดกว้างให้เอกชนทั่วไปเข้าร่วมประมูลได้ โดยมีข่าวว่ามีการเตรียมการจัดซื้อจ้างจ้างด้วยวิธีพิเศษกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับขั้วอำนาจใหม่