สวัสดีคร่า อยากแชร์ประสบการณ์เรื่องการตัดสินใจนะคะ เผื่อจะได้ไม่ได้เป็นแบบเรา คิดให้ดีวางแผนให้รอบคอบ ตัดสินใจให้แน่วแน่นะคะ
เกริ่นเราจบคณะมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษ แต่พูดไม่เก่ง พลาดโอกาสดีๆไป เลยอยากฝึกภาษาและสามารถทำงานเก็บเงินได้ ครอบครัวก็สนับสนุน
การตัดสินใจไปต่างประเทศของเราเริ่มตอนเรากำลังเรียนอยู่ปีสี่เทอมสุดท้าย ตัดสินใจอยากไปต่างประเทศได้ยังไง (ปกติอยากไปอยู่แล้ว อยากไปมากก) แม่มาเล่าว่ามีลูกสาวคนกลางของน้าไปเรียนภาษาที่อเมริกา แล้วทำงานที่ร้านอาหารได้เงินดีมากอยากส่งเสริมให้เราไป อยากให้เราเก็บเงินได้แบบเขามั้ง 555 แอบฝันเหมือนกัน แล้วตอนนี้ลูกสาวคนโตของเขาจะบินตามไป เลยอยากให้เราไปพร้อมกับพี่คนนี้ แต่กำหนดการของเรา จบล่าช้า พี่สาวคนนี้วางแผนไปเดือนกุมภาพันธ์ แต่เราจบเดือนเมษายน-พฤษภาคม เลยพลาดแต่เขาก็แนะนำให้ไปกับเอเจนเดียวกับเขา แต่เขาจะบินไปก่อนให้เราติดต่อเรื่องเอง แต่จะมารับเราที่สนามบินเมื่อเราไปถึง
เราก็เริ่มคุยติดต่อกับเอเจนคนนี้ พี่เขาคุยดีมาก ถามว่าจะไปอยู่กับใคร จะไปที่ไหน เขาก็ให้เหตุผลว่าถ้าไปนิวยอคคนเดียวมันก็อันตรายอยู่ ถามๆๆ คุยๆ เราก็บอกจะไปอยู่กับพี่ แต่คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่อาจอยู่ใกล้ๆกัน เพราะเขาก็มีน้องสาวอีกคน จริงๆ ส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยสนิทกับลูกป้าคนนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาจะมาดูแลเราได้ไหม เพราะเขาก็เริ่มไปเหมือนกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องอยู่ที่เขาจะมาดูแลเรา (ให้ความรู้สึกแบบไม่รู้จะพึ่งเขาได้ไหม ถ้าเขาทิ้งเราเราจะทำไง อุปสรรคแรกเกิด เพราะกลัว ไม่มั่นใจในตัวพี่เขา) เอเจนเลยแนะนำให้ไปประเทศอื่นซึ่งก็คือแคนาดาซึ่งเขาบอกว่าเมืองนี้ก็ปลอดภัยและเป็นเมืองที่สวย เรื่องการเหยียดผิวอะไรอาจจะมีน้อยกว่านิวยอค เราเลยตัดสินใจยื่นเรื่องไปแคนาดา ปรึกษาปลายเดือนกุมภาพันธ์ แล้วก็ไปทำใบพาสปอต ช่วงที่ต้องไปยื่นรอต่อคิวตั้งแต่ตีห้า ได้ติวคนที่ห้าร้อยกว่าๆ โฮกๆๆ มาก ยื่นขอใบอาชญากรรม เดือนปลายเดือนมีนาคมกว่าจะได้หลังวันสงกรานต์ แล้วก็ได้ฤกษ์ยื่นวีซ่า ขอบอกก่อนเลยนะคะ การยื่นวีซ่าแคนาเป็นอะไรที่นานมากใช้เวลา 8-10 weeks เผื่อใจไว้เลย ให้ความรู้สึกว่าการรอคอยมันนาน แล้วไม่รู้ว่ามันจะคุ้มค่ากับการรอคอยไหม
ผ่านไป 1 เดือนกับอีกสองสามวัน ผลออกจ้า โดนปฏิเสธวีซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่าเรามีเงินไม่พอ ไม่มีประวัติการทำงาน (แน่นอนว่ามันจะไม่มีแน่เพราะเรายังเรียนไม่จบตอนที่ยื่นเอกสารการเรียนไปใบเกรดเราก็ยังออกไม่ครบ) พาสปอตไม่มีการเดินทาง (เพิ่งทำไม่มีชัวร์) และอาจจะเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นไปเหมือนเป็นของปลอม (เราคิดว่า อาจจะเกี่ยวกับการทำงานพ่อแม่ เราเลยเขียนจดหมายรับรองและให้แม่เซ็น เพราะทุนเดิมเราพ่อแม่ทำงานไม่มีใบรับรองเอกสารต่างๆๆ แทบไม่มีเป็นลายลักษณ์อักษรสัญลักษณ์ครุฑเลย ไม่มีใครยื่นยันได้ ไม่ได้มีรายได้ทุกเดือน แต่เงินจะออกเป็นก้อนๆทีเดียวไปเลย หลักฐานการรับเงินก็ไม่ค่อยมี เพราะเป็นเช็ค เอาไปขึ้นเงิน ใบรับซื้อขายไม่ได้เขียนรายละเอียดอะไรไว้นอกจากตัวเลข ถ้าเรารู้ว่าจะยื่นวีซ่าคงขอให้เขาเขียนรายละเอียดเยอะกว่านี้ และถ่ายรูปเช็คเอาไว้)
แป่วววววค่ะ งานนี้ เอเจนถามว่าจะเอาไงต่อ เอาเอกสารกลับไปหรือจะไปประเทศอื่น เราก็คุยกับที่บ้านปรึกษากัน สุดท้ายตัดสินใจยื่นแคนาดาอีกครั้ง ครั้งนี้โดนด่าเละจร้า 555 แต่แม่ก็อนุญาต เราไม่อยากยื่นเอกสารแบบเดิม มันก็คงจะโดนปฏิเสธแบบเดิม ไม่รู้จะทำไงก็ช่วยตัวเอง เราก็คิดนะว่าเราจะยื่นที่เดิมแคนาดาก็ปรึกษาเพื่อนจากพันทิปบ้าง และโทรไปสอบถามเอเจนต่างๆ ย้ำนะว่าหลายเอเจนมากค่าโทรเราพุ่งปรี๊ดๆ นัดเจอบ้าง ขอความคิดเห็นเรื่องโดนปฏิเสธ ต้องขอขบคุณจริงๆ แต่ละคนก็บอกว่าเราเป็นเคสที่ยากจริงๆ ท้ออมากกณ จุดจุดนี้ เราเก็บข้อมูลแต่ละคน ดูจากของเพื่อนและดูว่าควรเพิ่มตรงไหนไหม ทำเอกสารรับรองอาชีพรูปเป็นคล้ายๆเล่มรายงานเลย รูปสถานที่ๆ ที่ทำงานก็พยายามเอารูปจากกูเกิลแมพ เราคิดว่ามันน่าเพิ่มความเชื่อถือว่ามันมีอยู่จริงไม่เอาไม่พูด และ ส่วนเนื้อหาภาษาอังกฤษอยากบอกว่าเราโชคดีนะ ที่เราเคยเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวกับครูคนนี้เธอเป็นอเมริกันเราก็คุยนุ่นนี่ ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ช่วยเรื่องการบ้านได้มาก พวกที่ชอบให้สัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ตอนนี้เขาก็กลับประเทศไปแล้ว อยากขอบคุณจริงๆ เพราะเราส่งเอกสารหรือจดหมายพวกนี้ไปให้เขาช่วยแก้แกรมม่า ด้วยเวลาออนไลน์ที่ต่างกัน เราต้องออนดึกเพื่อคุยกับเขา 555 สุดๆ แต่ก็แฮปปี้ปรึกษาได้ดี เป็นที่พึ่งที่ดีมาก
ระหว่างยื่นรอบนี้ เราเรียนจบพอดี ไม่ได้ทำงาน ปล่อยชีวิตไปวันๆ มีบริษัทโทรมาให้งานอยู่นะแต่เราก็ปฏิเสธไปด้วยความไม่มั่นใจ เศร้า รอบนี้เราก็ตัดสินใจศึกษาข้อมูลไป aupair ไม่อยากอยู่เฉยๆ โปรแกรมนี้ราคาถูกกว่าที่อื่น ราคาหลักหมื่น อยู่ได้ 1 ปี เพราะไปต่างประเทศในราคาที่ไม่ลำบากเงินพ่อแม่เยอะ ( เกริ่นก่อน เราเจอข้อมูลออแพร์ตอนเราหาข้อมูลไปแคนาดาซึ่งมันน่าสนใจและตั้งใจไว้ ถ้าไม่ผ่านคงยื่นโครงการนี้ โลเลจร้าแต่เราก็ไม่อยากทิ้งเวลาไปเปล่าๆ ระหว่างรอแคนาดา หวังจะไปให้ได้สุดๆ ทำเรื่อง + เก็บ ชม.เลี้ยงเด็ก) ปล. อยากขอบคุณเบื้องหลังมากๆ และคำพูดพี่สาว ดวงเราอาจจะได้ไปหรือไม่ได้ไปก็ได้ ถ้าปีนี้ไม่ได้ไปก็ไปปีหน้าหลังรับปริญญา รู้สึกเศร้าๆ และช่วงนี้รู้สึกท้อมากๆ เพราะเพื่อนๆที่บอกจะไปด้วยกันวีซ่าผ่านหมดแล้ว พร้อมเดินทาง คนที่ยื่นรอบสองแบบเราก็ผ่านแล้ว
ณ วันนี้ รอออออออออออย่างเดียวค่ะ เข้าสัปดาห์ที่ 9 แล้วค่ะ อยากบอกว่ารอบนี้ทุ่มหมดตัวโชว์จนจะไม่มีโชว์อยู่แล้วอะ แต่ก็ไม่อยากอยู่เปล่าๆ เก็บชม.เลี้ยงเด็กเรื่อยๆ พยามคิดบวกให้ผลออกมาดี ถ้าครั้งนี้ผ่านอยากพูดเลยนะว่าผ่านเพราะตัวเราเอง อุปสรรคก็เยอะที่เจอในการทำแต่ก็ทำเองแทบทั้งหมดในการเตรียมเอกสารต่างๆ แอบคิดเหมือนกันนะคะว่าเราเลือกทางถูกไหม ตอนนี้ลูกน้าไปจนครบ8 เดือนและกลับมาแล้ว ถ้าตัดสินใจตามลูกน้าไปตั้งแต่แรกเราอาจจะได้ไปแล้ว ถ้าเราไม่โลเลและแน่วแน่ มันคงจะดีนะ คิดให้ดีนะคะ วางแผนให้แน่น ถ้าคนที่อยากไปจริงๆ พุ่งชนอย่างเดียวอย่าอ้อมแบบเรา ขอให้คนอื่นโชคดี อิอิยิ้ม
(#ไม่รู้ว่าแท๊กถูกไหม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ)
อยากแชร์เรื่องการตัดสินใจไปต่างประเทศ
เกริ่นเราจบคณะมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษ แต่พูดไม่เก่ง พลาดโอกาสดีๆไป เลยอยากฝึกภาษาและสามารถทำงานเก็บเงินได้ ครอบครัวก็สนับสนุน
การตัดสินใจไปต่างประเทศของเราเริ่มตอนเรากำลังเรียนอยู่ปีสี่เทอมสุดท้าย ตัดสินใจอยากไปต่างประเทศได้ยังไง (ปกติอยากไปอยู่แล้ว อยากไปมากก) แม่มาเล่าว่ามีลูกสาวคนกลางของน้าไปเรียนภาษาที่อเมริกา แล้วทำงานที่ร้านอาหารได้เงินดีมากอยากส่งเสริมให้เราไป อยากให้เราเก็บเงินได้แบบเขามั้ง 555 แอบฝันเหมือนกัน แล้วตอนนี้ลูกสาวคนโตของเขาจะบินตามไป เลยอยากให้เราไปพร้อมกับพี่คนนี้ แต่กำหนดการของเรา จบล่าช้า พี่สาวคนนี้วางแผนไปเดือนกุมภาพันธ์ แต่เราจบเดือนเมษายน-พฤษภาคม เลยพลาดแต่เขาก็แนะนำให้ไปกับเอเจนเดียวกับเขา แต่เขาจะบินไปก่อนให้เราติดต่อเรื่องเอง แต่จะมารับเราที่สนามบินเมื่อเราไปถึง
เราก็เริ่มคุยติดต่อกับเอเจนคนนี้ พี่เขาคุยดีมาก ถามว่าจะไปอยู่กับใคร จะไปที่ไหน เขาก็ให้เหตุผลว่าถ้าไปนิวยอคคนเดียวมันก็อันตรายอยู่ ถามๆๆ คุยๆ เราก็บอกจะไปอยู่กับพี่ แต่คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่อาจอยู่ใกล้ๆกัน เพราะเขาก็มีน้องสาวอีกคน จริงๆ ส่วนตัวเราก็ไม่ค่อยสนิทกับลูกป้าคนนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาจะมาดูแลเราได้ไหม เพราะเขาก็เริ่มไปเหมือนกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องอยู่ที่เขาจะมาดูแลเรา (ให้ความรู้สึกแบบไม่รู้จะพึ่งเขาได้ไหม ถ้าเขาทิ้งเราเราจะทำไง อุปสรรคแรกเกิด เพราะกลัว ไม่มั่นใจในตัวพี่เขา) เอเจนเลยแนะนำให้ไปประเทศอื่นซึ่งก็คือแคนาดาซึ่งเขาบอกว่าเมืองนี้ก็ปลอดภัยและเป็นเมืองที่สวย เรื่องการเหยียดผิวอะไรอาจจะมีน้อยกว่านิวยอค เราเลยตัดสินใจยื่นเรื่องไปแคนาดา ปรึกษาปลายเดือนกุมภาพันธ์ แล้วก็ไปทำใบพาสปอต ช่วงที่ต้องไปยื่นรอต่อคิวตั้งแต่ตีห้า ได้ติวคนที่ห้าร้อยกว่าๆ โฮกๆๆ มาก ยื่นขอใบอาชญากรรม เดือนปลายเดือนมีนาคมกว่าจะได้หลังวันสงกรานต์ แล้วก็ได้ฤกษ์ยื่นวีซ่า ขอบอกก่อนเลยนะคะ การยื่นวีซ่าแคนาเป็นอะไรที่นานมากใช้เวลา 8-10 weeks เผื่อใจไว้เลย ให้ความรู้สึกว่าการรอคอยมันนาน แล้วไม่รู้ว่ามันจะคุ้มค่ากับการรอคอยไหม
ผ่านไป 1 เดือนกับอีกสองสามวัน ผลออกจ้า โดนปฏิเสธวีซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่าเรามีเงินไม่พอ ไม่มีประวัติการทำงาน (แน่นอนว่ามันจะไม่มีแน่เพราะเรายังเรียนไม่จบตอนที่ยื่นเอกสารการเรียนไปใบเกรดเราก็ยังออกไม่ครบ) พาสปอตไม่มีการเดินทาง (เพิ่งทำไม่มีชัวร์) และอาจจะเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นไปเหมือนเป็นของปลอม (เราคิดว่า อาจจะเกี่ยวกับการทำงานพ่อแม่ เราเลยเขียนจดหมายรับรองและให้แม่เซ็น เพราะทุนเดิมเราพ่อแม่ทำงานไม่มีใบรับรองเอกสารต่างๆๆ แทบไม่มีเป็นลายลักษณ์อักษรสัญลักษณ์ครุฑเลย ไม่มีใครยื่นยันได้ ไม่ได้มีรายได้ทุกเดือน แต่เงินจะออกเป็นก้อนๆทีเดียวไปเลย หลักฐานการรับเงินก็ไม่ค่อยมี เพราะเป็นเช็ค เอาไปขึ้นเงิน ใบรับซื้อขายไม่ได้เขียนรายละเอียดอะไรไว้นอกจากตัวเลข ถ้าเรารู้ว่าจะยื่นวีซ่าคงขอให้เขาเขียนรายละเอียดเยอะกว่านี้ และถ่ายรูปเช็คเอาไว้)
แป่วววววค่ะ งานนี้ เอเจนถามว่าจะเอาไงต่อ เอาเอกสารกลับไปหรือจะไปประเทศอื่น เราก็คุยกับที่บ้านปรึกษากัน สุดท้ายตัดสินใจยื่นแคนาดาอีกครั้ง ครั้งนี้โดนด่าเละจร้า 555 แต่แม่ก็อนุญาต เราไม่อยากยื่นเอกสารแบบเดิม มันก็คงจะโดนปฏิเสธแบบเดิม ไม่รู้จะทำไงก็ช่วยตัวเอง เราก็คิดนะว่าเราจะยื่นที่เดิมแคนาดาก็ปรึกษาเพื่อนจากพันทิปบ้าง และโทรไปสอบถามเอเจนต่างๆ ย้ำนะว่าหลายเอเจนมากค่าโทรเราพุ่งปรี๊ดๆ นัดเจอบ้าง ขอความคิดเห็นเรื่องโดนปฏิเสธ ต้องขอขบคุณจริงๆ แต่ละคนก็บอกว่าเราเป็นเคสที่ยากจริงๆ ท้ออมากกณ จุดจุดนี้ เราเก็บข้อมูลแต่ละคน ดูจากของเพื่อนและดูว่าควรเพิ่มตรงไหนไหม ทำเอกสารรับรองอาชีพรูปเป็นคล้ายๆเล่มรายงานเลย รูปสถานที่ๆ ที่ทำงานก็พยายามเอารูปจากกูเกิลแมพ เราคิดว่ามันน่าเพิ่มความเชื่อถือว่ามันมีอยู่จริงไม่เอาไม่พูด และ ส่วนเนื้อหาภาษาอังกฤษอยากบอกว่าเราโชคดีนะ ที่เราเคยเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวกับครูคนนี้เธอเป็นอเมริกันเราก็คุยนุ่นนี่ ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ช่วยเรื่องการบ้านได้มาก พวกที่ชอบให้สัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ตอนนี้เขาก็กลับประเทศไปแล้ว อยากขอบคุณจริงๆ เพราะเราส่งเอกสารหรือจดหมายพวกนี้ไปให้เขาช่วยแก้แกรมม่า ด้วยเวลาออนไลน์ที่ต่างกัน เราต้องออนดึกเพื่อคุยกับเขา 555 สุดๆ แต่ก็แฮปปี้ปรึกษาได้ดี เป็นที่พึ่งที่ดีมาก
ระหว่างยื่นรอบนี้ เราเรียนจบพอดี ไม่ได้ทำงาน ปล่อยชีวิตไปวันๆ มีบริษัทโทรมาให้งานอยู่นะแต่เราก็ปฏิเสธไปด้วยความไม่มั่นใจ เศร้า รอบนี้เราก็ตัดสินใจศึกษาข้อมูลไป aupair ไม่อยากอยู่เฉยๆ โปรแกรมนี้ราคาถูกกว่าที่อื่น ราคาหลักหมื่น อยู่ได้ 1 ปี เพราะไปต่างประเทศในราคาที่ไม่ลำบากเงินพ่อแม่เยอะ ( เกริ่นก่อน เราเจอข้อมูลออแพร์ตอนเราหาข้อมูลไปแคนาดาซึ่งมันน่าสนใจและตั้งใจไว้ ถ้าไม่ผ่านคงยื่นโครงการนี้ โลเลจร้าแต่เราก็ไม่อยากทิ้งเวลาไปเปล่าๆ ระหว่างรอแคนาดา หวังจะไปให้ได้สุดๆ ทำเรื่อง + เก็บ ชม.เลี้ยงเด็ก) ปล. อยากขอบคุณเบื้องหลังมากๆ และคำพูดพี่สาว ดวงเราอาจจะได้ไปหรือไม่ได้ไปก็ได้ ถ้าปีนี้ไม่ได้ไปก็ไปปีหน้าหลังรับปริญญา รู้สึกเศร้าๆ และช่วงนี้รู้สึกท้อมากๆ เพราะเพื่อนๆที่บอกจะไปด้วยกันวีซ่าผ่านหมดแล้ว พร้อมเดินทาง คนที่ยื่นรอบสองแบบเราก็ผ่านแล้ว
ณ วันนี้ รอออออออออออย่างเดียวค่ะ เข้าสัปดาห์ที่ 9 แล้วค่ะ อยากบอกว่ารอบนี้ทุ่มหมดตัวโชว์จนจะไม่มีโชว์อยู่แล้วอะ แต่ก็ไม่อยากอยู่เปล่าๆ เก็บชม.เลี้ยงเด็กเรื่อยๆ พยามคิดบวกให้ผลออกมาดี ถ้าครั้งนี้ผ่านอยากพูดเลยนะว่าผ่านเพราะตัวเราเอง อุปสรรคก็เยอะที่เจอในการทำแต่ก็ทำเองแทบทั้งหมดในการเตรียมเอกสารต่างๆ แอบคิดเหมือนกันนะคะว่าเราเลือกทางถูกไหม ตอนนี้ลูกน้าไปจนครบ8 เดือนและกลับมาแล้ว ถ้าตัดสินใจตามลูกน้าไปตั้งแต่แรกเราอาจจะได้ไปแล้ว ถ้าเราไม่โลเลและแน่วแน่ มันคงจะดีนะ คิดให้ดีนะคะ วางแผนให้แน่น ถ้าคนที่อยากไปจริงๆ พุ่งชนอย่างเดียวอย่าอ้อมแบบเรา ขอให้คนอื่นโชคดี อิอิยิ้ม
(#ไม่รู้ว่าแท๊กถูกไหม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ)