1) บางกอก, พฤศจิกายน 1902
เรือสินค้าของบริษัทอีสต์เอเชียติกเดินทางมาเทียบท่าในบางกอกตามกำหนด
สินค้า จดหมาย และพัสดุที่มีผู้ฝากมาถูกลำเลียงลงจากเรือไปเก็บรอจำหน่ายและส่งต่อไปยังผู้รับ
หากมีพัสดุอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีต้นทางจากโอเดนส์ สะดุดสายตาของ มร. โกล์แบร์ก ผู้ดูแลกิจการของบริษัทในสยาม
มันมาถึงช้าเกินไป… เขานึก เมื่อเห็นชื่อผู้รับที่ถูกระบุเอาไว้บนห่อพัสดุ… ช้าไปเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
เมื่อไม่มีผู้รับ พัสดุดังกล่าวจึงถูกส่งต่อไปยังรักษาการกงสุลประจำประเทศ ซึ่งเป็นผู้เปิดมันออกมา
สิ่งของที่อยู่ภายในนั้น คือ โกโก้ผงหกกระป๋อง และ รองเท้าบู๊ตหนังใหม่เอี่ยมหนึ่งคู่
-----------------------------------------------------------------------------------
2) เชียงใหม่, ต้นกรกฎาคม 1902
“กัปตันมีอะไรให้ช่วยไหมขอรับ” เขาถามชายหนุ่มซึ่งกำลังง่วนกับการเก็บสัมภาระส่วนตัวเตรียมเดินทาง
บุคคลที่เขาสนทนาด้วยเงยหน้าขึ้นมา ส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่มีแล้ว ขอบใจมาก”
เขาจำได้ว่า ข้าวของเครื่องใช้ของอีกฝ่ายมีน้อยมากและมีเท่าที่จำเป็น เช่นเดียวกับในวันที่มาถึงที่นี่
เพื่อมารับตำแหน่งครูฝึกตำรวจภูธรแทนร้อยโทไครเกอร์ ลาสเซน ครูฝึกตำรวจชาติเดียวกันที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาจำได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติยศนายร้อยเอกผู้นี้ คือ
กลิ่นหอมของเครื่องดื่มร้อนสีน้ำตาลเข้มข้นในถ้วยสังกะสีที่เขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก
กลิ่นของเครื่องดื่มถ้วยนั้นเป็นกลิ่นหอมนุ่มนวลกว่ากลิ่นกาแฟที่นายทหารฝรั่งคนอื่นนิยมกัน
“โกโก้… เขาเรียกว่า โกโก้” กัปตันบอกเมื่อเห็นว่าเขาสนใจ พร้อมถามว่า “ชุ่มอยากลองไหม”
ในเวลานั้น เขาตอบปฏิเสธ ส่วนกัปตันก็ทำเพียงยิ้ม ๆ มิได้คะยั้นคะยอให้เขาทดลองแต่อย่างใด
แม้กัปตันจะเป็นคนที่หยิบจับงานใดแล้ว ไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย แต่ก็ไม่ชอบบังคับจิตใจของผู้อื่น
เว้นเสียแต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องด้วยวินัยหรือการฝึกซึ่งผู้รับคำสั่งต้องทำให้ได้ จึงค่อยเคี่ยวเข็ญ
การอันใดที่ทำด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่น กัปตันมักจะลงมือปฏิบัติเสียเองโดยไม่ไหว้วานใคร
ซึ่งเขาไม่แน่ใจนักว่า เพราะอีกฝ่ายยังหนุ่มนักจึงใจร้อนโดยนิสัย ไม่อยากเสียเวลารอให้คนมาช่วย
หรือเพราะไม่อยากรบกวนกำลังและเวลาของผู้อื่นในการที่จะมาลงแรงช่วยเหลือเปล่า ๆ กันแน่
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การที่กัปตันเป็นคนเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจนิ่งดูดายโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้
“ไม่มีอะไรแล้วก็ไปนอนเสียเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล” กัปตันบอก เมื่อเห็นเขายังยืนอยู่กับที่
“กัปตันอยากได้น้ำร้อนไว้สำหรับชงชาหรือโกโก้ไหมขอรับ” เขาถาม
นายของเขาทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ พยักหน้ารับ “ดีเหมือนกัน ขอบใจ”
เขาทำความเคารพ ก่อนออกไปจากห้อง ภาพที่เขาเห็นก่อนปิดประตูให้ คือ
ภาพกัปตันที่กำลังทำความสะอาดรองเท้าบู๊ตหนังคู่เก่าคร่ำคร่าและยับเยินจากการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน
กว่าจะได้รองเท้าคู่ใหม่มาแทนคู่เก่าจะเป็นเมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแล้วนึกแปลกใจ คือ รอยยิ้มที่แสดงออกมาทั้งในดวงตาและริมฝีปากของอีกฝ่าย
เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาเห็นกัปตันนั่งดื่มโกโก้และมองภาพของใครคนหนึ่งในวันนั้น
กัปตันยังโสด และยังไม่เห็นว่าชอบพอหญิงคนใด คนในรูปคงเป็นกำลังใจสำคัญของเขาซึ่งอยู่ในที่ที่ไกลออกไปเป็นแน่
-----------------------------------------------------------------------------------
3) ลำปาง, ปลายกรกฎาคม 1902
ดึกแล้ว แต่กัปตัน กับ มร. เลียวโนเวนส์ยังปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการป้องกันเมืองและการตำแหน่งการสร้างด่านไม่เสร็จ
ไม่ใช่เพราะเป็นฝรั่งต่างชาติเหมือนกันจึงสนทนากันรู้เรื่องแต่เพียงอย่างเดียว หากเป็นเพราะไม่เหลือใครอื่นให้ปรึกษาอีก
พระมนตรีฯ ข้าหลวงเมืองลำปาง และข้าราชการชาวสยามคนอื่นเก็บข้าวของพาลูกเมียไปยังเชียงใหม่กันเกือบหมด
คงเหลือแต่เจ้าหลวงเมืองลำปางและข้าราชการซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่เหลืออยู่ ซึ่งพอจะพึ่งพาได้บ้าง
งานในมือของกัปตันจึงหนักหนาเกินคนอายุยี่สิบเศษจะแบกเอาไว้คนเดียวได้ แต่ก็เป็นงานที่มอบหมายให้ใครไม่ได้
กำลังตำรวจภูธรที่นำมาจากเชียงใหม่ ทั้งที่เป็นคนเหนือและคนภาคกลางซึ่งได้รับการฝึกฝนมาดีแล้ว ยังไม่เพียงพอ
จึงต้องนำคนท้องถิ่นในลำปางและพลตำรวจในเมืองที่มีอยู่มาฝึกฝนเพิ่มเติมให้พอรับมือกับสถานการณ์ได้
ในขณะที่กลุ่มกำลังที่บุกเมืองแพร่และสังหารชาวสยามไปหลายคนประชิดเมืองเข้ามาทุกที
ถึงไม่พูด ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่เมื่อมองตาแล้ว เขาก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาของเขากำลังหนักใจ
หนักใจกับแผนการพากำลังตำรวจจากเชียงใหม่ไปเตรียมรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตามคำสั่งของทางการ
ในการทำงานเป็นผู้ช่วยครูฝึกมาโดยตลอดเขาเชื่อมั่นในความห้าวหาญ กล้าเสี่ยง และไม่เคยยอมแพ้ของกัปตัน
แต่เขาไม่แน่ใจว่า เมื่อเข้าตาจนแล้ว จะมีสักกี่คนที่ยืนหยัดสู้ต่อตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เป็นคนต่างชาติ
อย่างไรเสีย เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นข้าราชการซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ก็ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
เมื่อเช้านี้ เขาและกัปตันออกตรวจตราและดูแลความเรียบร้อยของกำแพงป้อมตามตำแหน่งต่าง ๆ ตามปกติ
และพบกลุ่มคนต้องสงสัยอยู่ใกล้ ๆ กับประตูเมือง เมื่อกัปตันของตรวจค้น คนพวกนั้นก็ออกต่อสู้ขัดขืน ก่อนจะหนีไป
นั่นเป็นสัญญาณอันตรายว่า การนำคนเข้าปล้นยึดเมืองไม่ใช่ข่าวลือ และคนเหล่านั้นใกล้เข้ามาทุกที
มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่า สิ่งที่หวั่นเกรงกันจะมาถึงภายในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็ภายในมะรืนนี้
ดูเหมือนช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ชุ่มเห็นกัปตันดื่มกาแฟต่างน้ำแทนที่จะเป็นโกโก้อย่างที่เคยเป็นมา
-------------------------------------------------------------------------------
4) ลำปาง, ต้นสิงหาคม 1902
ทุกอย่างสงบลงแล้ว เหลือไว้แต่เพียงซากความเสียหาย ศพของผู้เสียชีวิต กลิ่นคาวเลือด และควันที่ตลบไปทั่ว
นายร้อยโทหนุ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของตนเองอย่างแทบไม่เชื่อสายตา รู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นจากฝันร้าย
หัวใจของเขายังคงเต้นแรง เหงื่อไหลโทรมกาย หูยังอื้อไม่หายจากเสียงปืนที่เขาลั่นออกไปนัดแล้วนัดเล่า
ไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาจะรอดชีวิตจากนรกบนดินเช่นนี้มาได้ ข่าวที่เข้าหูมาว่า
ด่านที่ตั้งเอาไว้กั้นขวางกองโจรจากเมืองลองที่บุกเข้ามาถูกตีแตกด่านแล้วด่านเล่า
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่คอยเฝ้าอยู่หรือก็พากันถอดเครื่องแบบทิ้ง แล้วหลบหนีเอาชีวิตรอด
เพราะฝ่ายตรงข้ามประกาศอย่างเด็ดขาดว่าจะฆ่าคนสยามและทหารตำรวจในเครื่องแบบให้หมด
เหลือแต่ด่านของเขาที่อยู่ใจกลางเมือง และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะยอมให้ใครเอาไปไม่ได้เด็ดขาด
แม้กำลังจะเหลือน้อย แต่เขาและเพื่อนร่วมตายต่างตกลงใจจะสู้อย่างสุดกำลัง และรักษาที่มั่นเอาไว้ได้
และภารกิจต่อมา คือ การชิงด่านสำคัญด่านหนึ่งกลับคืนมาให้ได้
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ มองเพื่อนร่วมตายอีกสามนาย ซึ่งร่วมทำภารกิจที่บ้าบิ่นและเสี่ยงตายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
นอกจากเพื่อนตำรวจด้วยกันแล้ว ยังมีใครอีกคนหนึ่งซึ่งวิ่งนำหน้า และสู้เคียงบ่าเคียงไหล่โดยไม่ถือนายถือลูกน้อง
เขายังสงสัย หากไม่มีคนผู้นี้แล้ว ทุกอย่างจะลงเอยด้วยชัยชนะและสามารถป้องกันเมืองทั้งเมืองเอาไว้ได้อย่างนี้หรือไม่
ใครเลยจะเชื่อว่า คนไม่ถึงสิบ จะเอาชนะฝ่ายที่บุกรุกเข้ามาโดยมีอาวุธครบมือที่มากกว่าหลายเท่าได้
เมื่อแพ้ที่จำนวน การซุ่มยิงโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัวจึงเป็นยุทธวิธีที่ถูกนำมาใช้ และได้ผลเป็นอย่างดี
กระสุนที่ยิงออกไปพร้อมกันตามจังหวะการให้สัญญาณของผู้บังคับบัญชา ซึ่งนำพวกเขามาถึงที่นี่
ไม่เพียงแต่เด็ดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามไปพร้อมกันทีละหลายคน แต่เป็นสิ่งที่ปลุกกำลังใจของฝ่ายตนให้ฟื้นคืน
เพราะเมื่อเห็นแววว่าจะไม่แพ้ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่หนีไปซุ่มซ่อนตัวแต่แรกต่างกลับมาช่วยรบจนชนะ
“ชุ่ม” เสียงผู้บังคับบัญชาที่เรียกชื่อของเขาปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงความคิด “มีใครบาดเจ็บไหม”
เขามองสำรวจตัวเองและเพื่อนที่เหลือ ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ “ทุกคนปลอดภัยดีขอรับ”
ในเวลานั้นเอง ความเครียดที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของคนถามค่อยเบาบางลงไป “ดีแล้ว”
“กัปตันขอรับ” เขาถามขึ้นเพื่อความแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป “เราชนะแล้วใช่ไหมขอรับ”
เจ้าของผมสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงและเครื่องแบบซึ่งเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัวไม่ต่างจากผู้ใต้บังคับบัญชาสบตากับเขา
“ใช่…” แม้จะเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งแปลก หากหนักแน่นและเต็มไปด้วยความหมาย “เราชนะแล้ว”
กัปตันยื่นมือออกมาจับมือกับเขาและนายตำรวจที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน และหากพลาดก็อาจตายด้วยกัน
แม้จะมีข้อจำกัดด้านภาษาที่ใช้สื่อสาร เพราะแม้เขาจะฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ แต่นายตำรวจคนอื่นฟังไม่ออก
ในขณะที่แม้กัปตันจะพูดภาษาไทยได้ดีพอใช้ แต่ก็ไม่ถึงกับแตกฉานอย่างเจ้าของภาษา แต่คำง่าย ๆ ของเขา
ถึงคำพูดนั้นจะสั้น แต่ก็เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในอก จนพูดไม่ออก
“ขอบใจที่มาด้วยกัน” กัปตันเอ่ยกับเขาและเพื่อนตำรวจนายอื่น “และไม่ทิ้งกัน”
(มีต่อนะคะ)
โกโก้และรองเท้าบู๊ต : Six Tins of Cacao and A Pair of Boots
เรือสินค้าของบริษัทอีสต์เอเชียติกเดินทางมาเทียบท่าในบางกอกตามกำหนด
สินค้า จดหมาย และพัสดุที่มีผู้ฝากมาถูกลำเลียงลงจากเรือไปเก็บรอจำหน่ายและส่งต่อไปยังผู้รับ
หากมีพัสดุอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีต้นทางจากโอเดนส์ สะดุดสายตาของ มร. โกล์แบร์ก ผู้ดูแลกิจการของบริษัทในสยาม
มันมาถึงช้าเกินไป… เขานึก เมื่อเห็นชื่อผู้รับที่ถูกระบุเอาไว้บนห่อพัสดุ… ช้าไปเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
เมื่อไม่มีผู้รับ พัสดุดังกล่าวจึงถูกส่งต่อไปยังรักษาการกงสุลประจำประเทศ ซึ่งเป็นผู้เปิดมันออกมา
สิ่งของที่อยู่ภายในนั้น คือ โกโก้ผงหกกระป๋อง และ รองเท้าบู๊ตหนังใหม่เอี่ยมหนึ่งคู่
-----------------------------------------------------------------------------------
2) เชียงใหม่, ต้นกรกฎาคม 1902
“กัปตันมีอะไรให้ช่วยไหมขอรับ” เขาถามชายหนุ่มซึ่งกำลังง่วนกับการเก็บสัมภาระส่วนตัวเตรียมเดินทาง
บุคคลที่เขาสนทนาด้วยเงยหน้าขึ้นมา ส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่มีแล้ว ขอบใจมาก”
เขาจำได้ว่า ข้าวของเครื่องใช้ของอีกฝ่ายมีน้อยมากและมีเท่าที่จำเป็น เช่นเดียวกับในวันที่มาถึงที่นี่
เพื่อมารับตำแหน่งครูฝึกตำรวจภูธรแทนร้อยโทไครเกอร์ ลาสเซน ครูฝึกตำรวจชาติเดียวกันที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาจำได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติยศนายร้อยเอกผู้นี้ คือ
กลิ่นหอมของเครื่องดื่มร้อนสีน้ำตาลเข้มข้นในถ้วยสังกะสีที่เขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก
กลิ่นของเครื่องดื่มถ้วยนั้นเป็นกลิ่นหอมนุ่มนวลกว่ากลิ่นกาแฟที่นายทหารฝรั่งคนอื่นนิยมกัน
“โกโก้… เขาเรียกว่า โกโก้” กัปตันบอกเมื่อเห็นว่าเขาสนใจ พร้อมถามว่า “ชุ่มอยากลองไหม”
ในเวลานั้น เขาตอบปฏิเสธ ส่วนกัปตันก็ทำเพียงยิ้ม ๆ มิได้คะยั้นคะยอให้เขาทดลองแต่อย่างใด
แม้กัปตันจะเป็นคนที่หยิบจับงานใดแล้ว ไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย แต่ก็ไม่ชอบบังคับจิตใจของผู้อื่น
เว้นเสียแต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องด้วยวินัยหรือการฝึกซึ่งผู้รับคำสั่งต้องทำให้ได้ จึงค่อยเคี่ยวเข็ญ
การอันใดที่ทำด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่น กัปตันมักจะลงมือปฏิบัติเสียเองโดยไม่ไหว้วานใคร
ซึ่งเขาไม่แน่ใจนักว่า เพราะอีกฝ่ายยังหนุ่มนักจึงใจร้อนโดยนิสัย ไม่อยากเสียเวลารอให้คนมาช่วย
หรือเพราะไม่อยากรบกวนกำลังและเวลาของผู้อื่นในการที่จะมาลงแรงช่วยเหลือเปล่า ๆ กันแน่
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การที่กัปตันเป็นคนเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจนิ่งดูดายโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้
“ไม่มีอะไรแล้วก็ไปนอนเสียเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล” กัปตันบอก เมื่อเห็นเขายังยืนอยู่กับที่
“กัปตันอยากได้น้ำร้อนไว้สำหรับชงชาหรือโกโก้ไหมขอรับ” เขาถาม
นายของเขาทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ พยักหน้ารับ “ดีเหมือนกัน ขอบใจ”
เขาทำความเคารพ ก่อนออกไปจากห้อง ภาพที่เขาเห็นก่อนปิดประตูให้ คือ
ภาพกัปตันที่กำลังทำความสะอาดรองเท้าบู๊ตหนังคู่เก่าคร่ำคร่าและยับเยินจากการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน
กว่าจะได้รองเท้าคู่ใหม่มาแทนคู่เก่าจะเป็นเมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแล้วนึกแปลกใจ คือ รอยยิ้มที่แสดงออกมาทั้งในดวงตาและริมฝีปากของอีกฝ่าย
เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาเห็นกัปตันนั่งดื่มโกโก้และมองภาพของใครคนหนึ่งในวันนั้น
กัปตันยังโสด และยังไม่เห็นว่าชอบพอหญิงคนใด คนในรูปคงเป็นกำลังใจสำคัญของเขาซึ่งอยู่ในที่ที่ไกลออกไปเป็นแน่
-----------------------------------------------------------------------------------
3) ลำปาง, ปลายกรกฎาคม 1902
ดึกแล้ว แต่กัปตัน กับ มร. เลียวโนเวนส์ยังปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการป้องกันเมืองและการตำแหน่งการสร้างด่านไม่เสร็จ
ไม่ใช่เพราะเป็นฝรั่งต่างชาติเหมือนกันจึงสนทนากันรู้เรื่องแต่เพียงอย่างเดียว หากเป็นเพราะไม่เหลือใครอื่นให้ปรึกษาอีก
พระมนตรีฯ ข้าหลวงเมืองลำปาง และข้าราชการชาวสยามคนอื่นเก็บข้าวของพาลูกเมียไปยังเชียงใหม่กันเกือบหมด
คงเหลือแต่เจ้าหลวงเมืองลำปางและข้าราชการซึ่งเป็นคนท้องถิ่นที่เหลืออยู่ ซึ่งพอจะพึ่งพาได้บ้าง
งานในมือของกัปตันจึงหนักหนาเกินคนอายุยี่สิบเศษจะแบกเอาไว้คนเดียวได้ แต่ก็เป็นงานที่มอบหมายให้ใครไม่ได้
กำลังตำรวจภูธรที่นำมาจากเชียงใหม่ ทั้งที่เป็นคนเหนือและคนภาคกลางซึ่งได้รับการฝึกฝนมาดีแล้ว ยังไม่เพียงพอ
จึงต้องนำคนท้องถิ่นในลำปางและพลตำรวจในเมืองที่มีอยู่มาฝึกฝนเพิ่มเติมให้พอรับมือกับสถานการณ์ได้
ในขณะที่กลุ่มกำลังที่บุกเมืองแพร่และสังหารชาวสยามไปหลายคนประชิดเมืองเข้ามาทุกที
ถึงไม่พูด ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่เมื่อมองตาแล้ว เขาก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาของเขากำลังหนักใจ
หนักใจกับแผนการพากำลังตำรวจจากเชียงใหม่ไปเตรียมรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตามคำสั่งของทางการ
ในการทำงานเป็นผู้ช่วยครูฝึกมาโดยตลอดเขาเชื่อมั่นในความห้าวหาญ กล้าเสี่ยง และไม่เคยยอมแพ้ของกัปตัน
แต่เขาไม่แน่ใจว่า เมื่อเข้าตาจนแล้ว จะมีสักกี่คนที่ยืนหยัดสู้ต่อตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่เป็นคนต่างชาติ
อย่างไรเสีย เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นข้าราชการซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ก็ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
เมื่อเช้านี้ เขาและกัปตันออกตรวจตราและดูแลความเรียบร้อยของกำแพงป้อมตามตำแหน่งต่าง ๆ ตามปกติ
และพบกลุ่มคนต้องสงสัยอยู่ใกล้ ๆ กับประตูเมือง เมื่อกัปตันของตรวจค้น คนพวกนั้นก็ออกต่อสู้ขัดขืน ก่อนจะหนีไป
นั่นเป็นสัญญาณอันตรายว่า การนำคนเข้าปล้นยึดเมืองไม่ใช่ข่าวลือ และคนเหล่านั้นใกล้เข้ามาทุกที
มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่า สิ่งที่หวั่นเกรงกันจะมาถึงภายในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็ภายในมะรืนนี้
ดูเหมือนช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ชุ่มเห็นกัปตันดื่มกาแฟต่างน้ำแทนที่จะเป็นโกโก้อย่างที่เคยเป็นมา
-------------------------------------------------------------------------------
4) ลำปาง, ต้นสิงหาคม 1902
ทุกอย่างสงบลงแล้ว เหลือไว้แต่เพียงซากความเสียหาย ศพของผู้เสียชีวิต กลิ่นคาวเลือด และควันที่ตลบไปทั่ว
นายร้อยโทหนุ่มมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของตนเองอย่างแทบไม่เชื่อสายตา รู้สึกเหมือนยังไม่ตื่นจากฝันร้าย
หัวใจของเขายังคงเต้นแรง เหงื่อไหลโทรมกาย หูยังอื้อไม่หายจากเสียงปืนที่เขาลั่นออกไปนัดแล้วนัดเล่า
ไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาจะรอดชีวิตจากนรกบนดินเช่นนี้มาได้ ข่าวที่เข้าหูมาว่า
ด่านที่ตั้งเอาไว้กั้นขวางกองโจรจากเมืองลองที่บุกเข้ามาถูกตีแตกด่านแล้วด่านเล่า
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่คอยเฝ้าอยู่หรือก็พากันถอดเครื่องแบบทิ้ง แล้วหลบหนีเอาชีวิตรอด
เพราะฝ่ายตรงข้ามประกาศอย่างเด็ดขาดว่าจะฆ่าคนสยามและทหารตำรวจในเครื่องแบบให้หมด
เหลือแต่ด่านของเขาที่อยู่ใจกลางเมือง และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จะยอมให้ใครเอาไปไม่ได้เด็ดขาด
แม้กำลังจะเหลือน้อย แต่เขาและเพื่อนร่วมตายต่างตกลงใจจะสู้อย่างสุดกำลัง และรักษาที่มั่นเอาไว้ได้
และภารกิจต่อมา คือ การชิงด่านสำคัญด่านหนึ่งกลับคืนมาให้ได้
เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ มองเพื่อนร่วมตายอีกสามนาย ซึ่งร่วมทำภารกิจที่บ้าบิ่นและเสี่ยงตายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
นอกจากเพื่อนตำรวจด้วยกันแล้ว ยังมีใครอีกคนหนึ่งซึ่งวิ่งนำหน้า และสู้เคียงบ่าเคียงไหล่โดยไม่ถือนายถือลูกน้อง
เขายังสงสัย หากไม่มีคนผู้นี้แล้ว ทุกอย่างจะลงเอยด้วยชัยชนะและสามารถป้องกันเมืองทั้งเมืองเอาไว้ได้อย่างนี้หรือไม่
ใครเลยจะเชื่อว่า คนไม่ถึงสิบ จะเอาชนะฝ่ายที่บุกรุกเข้ามาโดยมีอาวุธครบมือที่มากกว่าหลายเท่าได้
เมื่อแพ้ที่จำนวน การซุ่มยิงโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัวจึงเป็นยุทธวิธีที่ถูกนำมาใช้ และได้ผลเป็นอย่างดี
กระสุนที่ยิงออกไปพร้อมกันตามจังหวะการให้สัญญาณของผู้บังคับบัญชา ซึ่งนำพวกเขามาถึงที่นี่
ไม่เพียงแต่เด็ดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามไปพร้อมกันทีละหลายคน แต่เป็นสิ่งที่ปลุกกำลังใจของฝ่ายตนให้ฟื้นคืน
เพราะเมื่อเห็นแววว่าจะไม่แพ้ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่หนีไปซุ่มซ่อนตัวแต่แรกต่างกลับมาช่วยรบจนชนะ
“ชุ่ม” เสียงผู้บังคับบัญชาที่เรียกชื่อของเขาปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงความคิด “มีใครบาดเจ็บไหม”
เขามองสำรวจตัวเองและเพื่อนที่เหลือ ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ “ทุกคนปลอดภัยดีขอรับ”
ในเวลานั้นเอง ความเครียดที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของคนถามค่อยเบาบางลงไป “ดีแล้ว”
“กัปตันขอรับ” เขาถามขึ้นเพื่อความแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฝันไป “เราชนะแล้วใช่ไหมขอรับ”
เจ้าของผมสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงและเครื่องแบบซึ่งเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัวไม่ต่างจากผู้ใต้บังคับบัญชาสบตากับเขา
“ใช่…” แม้จะเป็นภาษาไทยสำเนียงแปร่งแปลก หากหนักแน่นและเต็มไปด้วยความหมาย “เราชนะแล้ว”
กัปตันยื่นมือออกมาจับมือกับเขาและนายตำรวจที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน และหากพลาดก็อาจตายด้วยกัน
แม้จะมีข้อจำกัดด้านภาษาที่ใช้สื่อสาร เพราะแม้เขาจะฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ แต่นายตำรวจคนอื่นฟังไม่ออก
ในขณะที่แม้กัปตันจะพูดภาษาไทยได้ดีพอใช้ แต่ก็ไม่ถึงกับแตกฉานอย่างเจ้าของภาษา แต่คำง่าย ๆ ของเขา
ถึงคำพูดนั้นจะสั้น แต่ก็เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในอก จนพูดไม่ออก
“ขอบใจที่มาด้วยกัน” กัปตันเอ่ยกับเขาและเพื่อนตำรวจนายอื่น “และไม่ทิ้งกัน”
(มีต่อนะคะ)