สวัสดีครับ
ต้องออกตัวก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ยาวๆครั้งแรกของผม ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องมั้ย ถ้าไม่ก็ทนอ่านไป และขออภัยน่ะครับ
คืออารมณ์ที่มานั่งเขียนกระทู้นี้ มันมาจากการที่ผมนั่งๆอยู่ แล้วเกิดเบื่องานครับ 555 ผมว่าทุกคนคงเป็นบ้างไม่มากก็น้อย
พอเบื่องาน มันก็โยงไปถึงสิ่งที่เราคิดถึง สิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่เคยทำ แล้วเรื่องนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจตลอด.....เริ่มเรื่องล่ะน่ะครับ
ผมกลับมาจากบ้านเพื่อนย่านบางนา ซอยลาซาลได้หมาดๆ ตอนนั้นผมอยู่บนรถไฟฟ้า ที่กำลังจะเข้าสถานีสยามเพื่อเปลี่ยนขบวน ในใจคิดถึงเรื่องต่างๆนานา เผอิญหูช่างเผือกของผมก็ได้ยินเข้าว่า แก็งสาวๆข้างๆกำลังจะไปดูเดี่ยวของพี่โน้ส อุดม (ตอนนั้นเดี่ยว 6 F4 กำลังดัง) ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบงานพี่โน้ส เค้าอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสไปดูแบบสดๆเลย ผมเลยตั้งปณิธานในใจว่า เอาว่ะ!! กลับบ้านไปขอตังค์แม่มาดูดีกว่า (ตอนเด็กๆแม่ผมดุมากครับ จะขอไรทีนึงต้องคิด 10 ตลบ)....
ในที่สุดบัตรถูกที่สุด 300 บาทก็มาอยู่ในมือจนได้ ผมจำได้ว่าดูรอบเย็น แต่เล่นไปรอซะตั้งเที่ยง เด็กอ่ะครับ ตื่นเต้นจัด เอาสมุดไปเล่มนึง เอาไปนั่งวาดรูปบรรยากาศที่สกาล่าวันนั้น วาดไปเรื่อย จน......หลับ......ตื่นมาอีกทีก็ ใกล้ได้เวลาพอดี งัวเงีย หิวก็หิว แต่ความตื่นเต้นยังอยู่ ไม่กินครับ อดทนไป กลัวเข้าไม่ทัน
ภาพการแสดงวันนั้นผมยังคงจำได้ การแสดงย่อมมีวันเลิกรา ผมเดินออกมาด้วยความคิดเต็มไปหมด อยากเป็นแบบนี้ อยากทำแบบนั้น บลาๆๆ สุดท้ายลงเอยด้วย VCD 2 แผ่น กับ กระเป๋าหนึ่งใบ กลับมาถึงบ้าน ได้รับคำสรรเสิญจากมารดาเป็นการใหญ่ 555 แต่ก็ไม่เข้าสมองเท่าไหร่ ก็คนมันชอบนี่ครับ
VCD อันนึงเป็นเดี่ยว ครั้งก่อนๆ ผมจำไม่ได้ว่าเดี่ยวไหน อีกอันเป็น VCD พิเศษ ที่หน้าปกเป็นรูปพี่โน้ส ตอนหนุ่มกับแก่อ่ะครับ เปิดมาจะเป็น พี่น้อย โพธิ์งามเป็น ทาทา ที่จะโกอินเตอร์ และอีกคนเป็น ปราบดา หยุ่น ตัวปลอมที่อ้วนๆ อ่ะครับ ผมจำได้ว่าดูเป็นสิบรอบ คือดูทุกช้อต ทุกอิริยาบท ทุกๆรายละเอียดโดยไม่เบื่อ ถึงขนาดล๊อคเวลาขอแบ่งเครื่องเล่น VCD จากแม่ เพราะแม่ผมชอบเปิดเพลง มาลีวัล ตอนบ่ายๆ
จนมีความคิดนึงวิ่งเข้ามาในหัว "เฮ้ย.....อยากเจอพี่โน้สหว่ะ" ด้วยความไม่รู้เดียงสา และมีความกล้าที่ไม่ทราบว่าตอนนี้หายไปไหนหมด เราจึงพยายามสืบเสาะว่าจะไปเจอเค้าได้ยังไง และความบ้านั้นเอง ก็ทำให้เราได้ สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือ (คือจริงๆอยากเล่าน่ะครับ ว่าได้เบอร์มือถือพี่โน้สมาได้ไง แต่ขอเก็บไว้ดีกว่าครับ อย่าหาว่างกเลยครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นเยี่ยวแทบราดตอนได้มา)
เสาร์ อาทิตย์แห่งการหยุดเรียนมาถึง 55555 หัวเราะลั่นบ้าน หน้าตาเบิกบาน เตรียมตัวมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในที่สุดก็ได้เวลาที่จะออกเดินทางไปหาดารา........คือมานั่งนึกตอนนี้ เราก็คงเป็นเหมือนติ่งโรคจิต คนนึงที่คลั่งดารา......ผมศึกษาเส้นทาง หาวิธีไปที่อยู่ในงบ เพราะตังค์น้อย
สัปหงกหัวโขกหน้าต่างรถเมล์จนปวด แต่ด้วยอำนาจแห่งความง่วง เราจะผ่านมันไปได้ จนในที่สุด เสียงกระเป๋ารถเมล์ที่บอกเอาไว้ว่า ถ้าถึงที่หมายแล้วให้ปลุก ส่งเสียงเอะอะ มาจากด้านหน้า "ว่าถึงที่แล้ว ลงได้แล้ว" ซึ่งถ้าทำบนรถเมล์เดี๋ยวนี้ก็จะมีเสียงถอนหายใจ แต่ถ้าแย่หน่อยก็บ่นเสียงดังเลย ผมลงมาแบบงัวเงีย จากเส้นทางที่ศึกษามาอย่างดิบดี จากตรงนี้ มันไม่ไกลนี่นา เอาว่ะ ด้วยความที่ชอบเดินเป็นชีวิตจิตใจ..................................20 นาทีผ่านไป ยังไม่ถึงอีก!!! เพราะเด็กๆคิดว่า ในแผนที่มันใกล้แค่นี้เอง คงเดินได้ -_-
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อเรามุ่งมั่นแล้ว "พี่ๆ ไปหมู่บ้าน....เท่าไหร่อ่ะ"............"ลดหน่อยดิพี่ นักเรียนอ่ะ น่ะน่ะ" พี่วินลดให้อย่างสมยอม ไม่ใช่เพราะน่ารัก ดูเรียบร้อยน่ะ แต่ด้วยความที่ผอมแห้งแรงน้อย เค้าคงอยากให้เอาเงินไปซื้อข้าวกินดีกว่า
ใจเต้น ตุบๆ จุดมุ่งหมายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเลือกที่จะลงหน้าปากซอย เพื่อที่จะไม่ใกล้กับเป้าหมายเกินไปนัก ผมเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ มองไปมารอบๆ ก็จะเห็นสิ่งต่างๆที่พี่โน้สได้พูดไว้ในเดี่ยวต่างๆ มันก็มีจริงๆ มีรถคันนึงที่พี่โน้ส น่าจะประกอบ เพื่อที่จะเล่นมุข สปอยเลอร์ จอดอยู่ข้างๆ บ้านคุณนายทองสุข
มองเค้าไป บ้านยังคงเงียบสงัด ลดสายตาลงมาเจอกับหมาแก่ตัวนึง ที่แทบจะยกคอไม่ไหว น่าจะเป็น ไวไว หมาแก่ประจำบ้าน ผ่านบ้านคุณนายทองสุขไปแล้ว บ้านท้ายซอยที่เป็นทางสามแพ่งก็ปรากฎ ลักษณะเหมือนในหนังสือที่เราเคยเห็น ใจเต้น ไม่เป็นจังหวะ ความคิดในหัววิ่งวุ่น ถ้าเจอแล้วจะทำไงว่ะ จะคุยไรดีอ่ะ พี่เค้าจะด่าเรามั้ย ทำตัวแบบนี้ บลาๆๆๆ
ในที่สุดผมก็มีเพียงประตูรั้วเหล็กสีดำกั้นระหว่างผม กับตัวบ้าน ทุกอย่างนิ่งสงัด ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจตัวเอง ผมเริ่มสังเกตและเห็นว่าพี่โน้สคงไม่อยู่บ้าน โลกพลันหมุน ความเวิ้งว้างว่างเปล่าถาโถมเข้ามาเป็นชุด ผมเดินคอตกย้อนกลับมาทางซอยเดิน ในมือถือสมุดที่เอาไปวาดที่สกาล่าวันนั้นไปด้วย เตรียมตัวเต็มที่ กะว่ามีกอดแน่ๆ แต่ก็ลงเอยด้วยความว่างเปล่า ตาละห้อย เห็นแต่พื้น ไม่เห็นฟ้าเลย
ระหว่างที่ผมกลับ ผมต้องเดินผ่านบ้านคุณนายทองสุข เพราะมันคือทางเดิมที่มา (กลัวหลง) หางตาก็ได้เห็นคุณนายทองสุขตัวจริงเสียงจริงนั่นเอง ความหวังเปล่งประกายอีกครั้งหนึ่ง คุณนานทองสุขต้องรู้แน่ๆว่าพี่โน้สไปไหน แต่เอาเข้าจริงก็กล้าๆกลัวๆน่ะครับ คนแปลกหน้าอ่ะ เค้าจะโอเคมั้ย จะด่าเรามั้ย......แต่สุดท้าย ยังไงจะโดนด่า หรืออะไร ยังไงก็พยายามเต็มที่แล้ว ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปถาม
"โทษน่ะครับ เอ่ออ คือ ผมชอบพี่โน้สอ่ะครับ คืออยากจะมาขอลายเซ็นอ่ะครับ"
"หือ....มาทำไรน่ะ"
เอาแล้วไง โดนด่าแน่ๆ
"เอ่อ มาขอลายเซ็นพี่โน้สอ่ะครับ"
"......." คุณนายทองสุขขยับแว่น เพื่อมองเราให้ชัดขึ้น "เอ้าๆ เข้ามาก่อน โน้สมันไม่อยู่หรอก ไปต่างจังหวัด"
"อ่อครับ" หัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้า
หลังจากนั่งก้มหน้าอยู่พักนึง ขนมจากเผาสองอันก็โผล่เข้ามาในตา ผมเงยหน้ามอง คุณนายทองสุข ยื่นพร้อมยิ้มให้ "เอ้าๆ กินก่อน"
ผมแกะกินด้วยความหิว และพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยไป ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าไม่เกร็งอีกต่อไป
"นี่ๆ ไหนๆมาแล้ว งั้นฝากสมุดไว้ให้เซ็นมั้ยหล่ะ แล้วค่อยกลับมาเอา"
"ก็ได้ครับ"
"อ่ะนี่ อีกอย่างเอาบัตรนี่ไป อุตส่าห์มาแล้ว"
คุณนายทองสุขยื่นบัตร all area ของเดี่ยว 6 ให้ผม อย่างน้อยมาครั้งนี้ก็ไม่เสียเที่ยว
ผมดูดนิ้วที่เปิ้อนขนมจาก และกล่าวลาคุณนายทองสุข ผมออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกที่ประทับใจ คืออย่างน้อยเราก็ได้รับสิ่งดีๆกลับมา ถึงแม้จะไม่ได้เจอพี่โน้สเอง ในใจลอยล่องไป พ้นปากซอยมีร้านขายข้าวแกงเปิดอยู่ ผมไม่รอช้าที่จะเข้าไปสั่งซักจาน กินไป คิดไป "โหยยย ดีหว่ะ ได้บัตรมาด้วย"
หลังจากคิดตังค์เรียบร้อยแล้ว ผมก็เตรียมคิดว่าจะกลับบ้านอย่างไร แต่ก็ถูกแทรกด้วยอาการปวดขี้ขั้นสุด ที่อยู่ดีๆ จะมาก็มา ผมเดินคิดเหงื่อตกอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะเอาไงดี ถ้าปล่อยเพลงล่วงไป เห็นทีกำแพงถลายเป็นแน่ ผมย้อนกลับไปที่บ้านคุณนายทองสุขโดยพลัน
ผมกลั้นอารมณ์ที่จะไม่กดกริ่งถี่เกินไป เพื่อที่จะไม่ให้เจ้าบ้านด่าเอา คุณนายทองสุขโผล่มาจากประตูที่แง้มอยู่
"ไอหนู มีไรอีกลูก"
"เอ่อออ ผมขอเข้าห้องน้ำได้มั้ยครับ ไม่ไหวแล้วอ่ะครับ" น้ำเสียงสั่นเทา
"เออๆ เข้ามาๆ เดินเข้าไปสุดบ้านเลย ขวามือ"
ผมปรี่เข้าบ้านอย่างไม่รอช้า แต่ก็ชะงักด้วย นางงามคนนึงนั่งอยู่ในบ้าน เหมือนกำลังพูดคุยกับคุณนายทองสุขอยู่ ต่างคนต่างงงกัน แต่ด้วยอานุภาพขี้ ผมไม่อาจจะรีรอได้ ผมพรวดไปที่ห้องน้ำโดยพลัน ปลดปล่อยทุกสิ่งอย่าง เมื่อได้สติเราก็มานั่งสำรวจว่าห้องน้ำบ้านแม่ดารานี่มันเป็นไงน่ะ มีขายหัวเราะตั้งอยู่ข้างๆ ห้องน้ำเล็กๆไม่ใหญ่มากนัก
หลังจากขับไล่พม่ารามัน ออกไปจากค่ายเรียบร้อย ก็เดินออกมาขอบคุณเป็นการใหญ่ นางงามคนนั้น ยังคงนั่งงงอยู่ เค้าคงคิดว่าไอบ้านี่เป็นใคร มาขอขี้แล้วก็ไป ผมจากลามาด้วยความประทับใจ และขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณนายทองสุข
ผมกลับมาถึงบ้านตามปกติ นั่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในวันนั้น แม่ก็เรียกไปซื้อของตามปกติ แต่พอกลับมาถึงบ้าน แม่ถามเราว่าไปไหนมา เมื่อกี้โน้ส อุดมโทรมาบอกว่าได้รับสมุดแล้ว จะวาดรูปให้ ผมจำได้ว่าผมใส่เบอร์โทรศัพท์บ้านเข้าไปด้วยในสมุด
และทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่คิดถึงในวันที่เบื่องาน 5555
คือผมมานั่งคิดน่ะครับว่า เมื่อก่อนเราอยากทำอะไร เราพยายามที่จะทำมันให้ได้ มีความกล้า มากกว่าความกลัว บางครั้งเราละทิ้งอะไรบางอย่างไปจากตัวเรา จนกลายมาเป็นเราที่นั่งบ่นนั่งด่าตัวเองว่า ทำไมน่ะ.... รู้งี้น่าจะ.... บลาๆๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองซักที ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
ผมไม่รู้น่ะครับว่า สิ่งที่ผมทำไป ที่เล่าให้ฟังนั้นมันดีหรือไม่ดี ที่ไปบุกบ้านคนอื่น แต่ผมแค่มองว่า ตอนนั้นมันคือความสุข ที่ได้รับ และความประทับใจที่ได้มา และอยากจะเล่าให้เพื่อนๆฟัง ก็แค่นั้นครับ
ขอบคุณมากครับ
จากเด็กคนนึง ที่ฝันอยากเจอพี่โน้ส อุดม
ต้องออกตัวก่อนว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ยาวๆครั้งแรกของผม ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องมั้ย ถ้าไม่ก็ทนอ่านไป และขออภัยน่ะครับ
คืออารมณ์ที่มานั่งเขียนกระทู้นี้ มันมาจากการที่ผมนั่งๆอยู่ แล้วเกิดเบื่องานครับ 555 ผมว่าทุกคนคงเป็นบ้างไม่มากก็น้อย
พอเบื่องาน มันก็โยงไปถึงสิ่งที่เราคิดถึง สิ่งที่เราอยากทำ และสิ่งที่เคยทำ แล้วเรื่องนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจตลอด.....เริ่มเรื่องล่ะน่ะครับ
ผมกลับมาจากบ้านเพื่อนย่านบางนา ซอยลาซาลได้หมาดๆ ตอนนั้นผมอยู่บนรถไฟฟ้า ที่กำลังจะเข้าสถานีสยามเพื่อเปลี่ยนขบวน ในใจคิดถึงเรื่องต่างๆนานา เผอิญหูช่างเผือกของผมก็ได้ยินเข้าว่า แก็งสาวๆข้างๆกำลังจะไปดูเดี่ยวของพี่โน้ส อุดม (ตอนนั้นเดี่ยว 6 F4 กำลังดัง) ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบงานพี่โน้ส เค้าอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสไปดูแบบสดๆเลย ผมเลยตั้งปณิธานในใจว่า เอาว่ะ!! กลับบ้านไปขอตังค์แม่มาดูดีกว่า (ตอนเด็กๆแม่ผมดุมากครับ จะขอไรทีนึงต้องคิด 10 ตลบ)....
ในที่สุดบัตรถูกที่สุด 300 บาทก็มาอยู่ในมือจนได้ ผมจำได้ว่าดูรอบเย็น แต่เล่นไปรอซะตั้งเที่ยง เด็กอ่ะครับ ตื่นเต้นจัด เอาสมุดไปเล่มนึง เอาไปนั่งวาดรูปบรรยากาศที่สกาล่าวันนั้น วาดไปเรื่อย จน......หลับ......ตื่นมาอีกทีก็ ใกล้ได้เวลาพอดี งัวเงีย หิวก็หิว แต่ความตื่นเต้นยังอยู่ ไม่กินครับ อดทนไป กลัวเข้าไม่ทัน
ภาพการแสดงวันนั้นผมยังคงจำได้ การแสดงย่อมมีวันเลิกรา ผมเดินออกมาด้วยความคิดเต็มไปหมด อยากเป็นแบบนี้ อยากทำแบบนั้น บลาๆๆ สุดท้ายลงเอยด้วย VCD 2 แผ่น กับ กระเป๋าหนึ่งใบ กลับมาถึงบ้าน ได้รับคำสรรเสิญจากมารดาเป็นการใหญ่ 555 แต่ก็ไม่เข้าสมองเท่าไหร่ ก็คนมันชอบนี่ครับ
VCD อันนึงเป็นเดี่ยว ครั้งก่อนๆ ผมจำไม่ได้ว่าเดี่ยวไหน อีกอันเป็น VCD พิเศษ ที่หน้าปกเป็นรูปพี่โน้ส ตอนหนุ่มกับแก่อ่ะครับ เปิดมาจะเป็น พี่น้อย โพธิ์งามเป็น ทาทา ที่จะโกอินเตอร์ และอีกคนเป็น ปราบดา หยุ่น ตัวปลอมที่อ้วนๆ อ่ะครับ ผมจำได้ว่าดูเป็นสิบรอบ คือดูทุกช้อต ทุกอิริยาบท ทุกๆรายละเอียดโดยไม่เบื่อ ถึงขนาดล๊อคเวลาขอแบ่งเครื่องเล่น VCD จากแม่ เพราะแม่ผมชอบเปิดเพลง มาลีวัล ตอนบ่ายๆ
จนมีความคิดนึงวิ่งเข้ามาในหัว "เฮ้ย.....อยากเจอพี่โน้สหว่ะ" ด้วยความไม่รู้เดียงสา และมีความกล้าที่ไม่ทราบว่าตอนนี้หายไปไหนหมด เราจึงพยายามสืบเสาะว่าจะไปเจอเค้าได้ยังไง และความบ้านั้นเอง ก็ทำให้เราได้ สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือ (คือจริงๆอยากเล่าน่ะครับ ว่าได้เบอร์มือถือพี่โน้สมาได้ไง แต่ขอเก็บไว้ดีกว่าครับ อย่าหาว่างกเลยครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นเยี่ยวแทบราดตอนได้มา)
เสาร์ อาทิตย์แห่งการหยุดเรียนมาถึง 55555 หัวเราะลั่นบ้าน หน้าตาเบิกบาน เตรียมตัวมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ในที่สุดก็ได้เวลาที่จะออกเดินทางไปหาดารา........คือมานั่งนึกตอนนี้ เราก็คงเป็นเหมือนติ่งโรคจิต คนนึงที่คลั่งดารา......ผมศึกษาเส้นทาง หาวิธีไปที่อยู่ในงบ เพราะตังค์น้อย
สัปหงกหัวโขกหน้าต่างรถเมล์จนปวด แต่ด้วยอำนาจแห่งความง่วง เราจะผ่านมันไปได้ จนในที่สุด เสียงกระเป๋ารถเมล์ที่บอกเอาไว้ว่า ถ้าถึงที่หมายแล้วให้ปลุก ส่งเสียงเอะอะ มาจากด้านหน้า "ว่าถึงที่แล้ว ลงได้แล้ว" ซึ่งถ้าทำบนรถเมล์เดี๋ยวนี้ก็จะมีเสียงถอนหายใจ แต่ถ้าแย่หน่อยก็บ่นเสียงดังเลย ผมลงมาแบบงัวเงีย จากเส้นทางที่ศึกษามาอย่างดิบดี จากตรงนี้ มันไม่ไกลนี่นา เอาว่ะ ด้วยความที่ชอบเดินเป็นชีวิตจิตใจ..................................20 นาทีผ่านไป ยังไม่ถึงอีก!!! เพราะเด็กๆคิดว่า ในแผนที่มันใกล้แค่นี้เอง คงเดินได้ -_-
แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อเรามุ่งมั่นแล้ว "พี่ๆ ไปหมู่บ้าน....เท่าไหร่อ่ะ"............"ลดหน่อยดิพี่ นักเรียนอ่ะ น่ะน่ะ" พี่วินลดให้อย่างสมยอม ไม่ใช่เพราะน่ารัก ดูเรียบร้อยน่ะ แต่ด้วยความที่ผอมแห้งแรงน้อย เค้าคงอยากให้เอาเงินไปซื้อข้าวกินดีกว่า
ใจเต้น ตุบๆ จุดมุ่งหมายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเลือกที่จะลงหน้าปากซอย เพื่อที่จะไม่ใกล้กับเป้าหมายเกินไปนัก ผมเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ มองไปมารอบๆ ก็จะเห็นสิ่งต่างๆที่พี่โน้สได้พูดไว้ในเดี่ยวต่างๆ มันก็มีจริงๆ มีรถคันนึงที่พี่โน้ส น่าจะประกอบ เพื่อที่จะเล่นมุข สปอยเลอร์ จอดอยู่ข้างๆ บ้านคุณนายทองสุข
มองเค้าไป บ้านยังคงเงียบสงัด ลดสายตาลงมาเจอกับหมาแก่ตัวนึง ที่แทบจะยกคอไม่ไหว น่าจะเป็น ไวไว หมาแก่ประจำบ้าน ผ่านบ้านคุณนายทองสุขไปแล้ว บ้านท้ายซอยที่เป็นทางสามแพ่งก็ปรากฎ ลักษณะเหมือนในหนังสือที่เราเคยเห็น ใจเต้น ไม่เป็นจังหวะ ความคิดในหัววิ่งวุ่น ถ้าเจอแล้วจะทำไงว่ะ จะคุยไรดีอ่ะ พี่เค้าจะด่าเรามั้ย ทำตัวแบบนี้ บลาๆๆๆ
ในที่สุดผมก็มีเพียงประตูรั้วเหล็กสีดำกั้นระหว่างผม กับตัวบ้าน ทุกอย่างนิ่งสงัด ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจตัวเอง ผมเริ่มสังเกตและเห็นว่าพี่โน้สคงไม่อยู่บ้าน โลกพลันหมุน ความเวิ้งว้างว่างเปล่าถาโถมเข้ามาเป็นชุด ผมเดินคอตกย้อนกลับมาทางซอยเดิน ในมือถือสมุดที่เอาไปวาดที่สกาล่าวันนั้นไปด้วย เตรียมตัวเต็มที่ กะว่ามีกอดแน่ๆ แต่ก็ลงเอยด้วยความว่างเปล่า ตาละห้อย เห็นแต่พื้น ไม่เห็นฟ้าเลย
ระหว่างที่ผมกลับ ผมต้องเดินผ่านบ้านคุณนายทองสุข เพราะมันคือทางเดิมที่มา (กลัวหลง) หางตาก็ได้เห็นคุณนายทองสุขตัวจริงเสียงจริงนั่นเอง ความหวังเปล่งประกายอีกครั้งหนึ่ง คุณนานทองสุขต้องรู้แน่ๆว่าพี่โน้สไปไหน แต่เอาเข้าจริงก็กล้าๆกลัวๆน่ะครับ คนแปลกหน้าอ่ะ เค้าจะโอเคมั้ย จะด่าเรามั้ย......แต่สุดท้าย ยังไงจะโดนด่า หรืออะไร ยังไงก็พยายามเต็มที่แล้ว ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปถาม
"โทษน่ะครับ เอ่ออ คือ ผมชอบพี่โน้สอ่ะครับ คืออยากจะมาขอลายเซ็นอ่ะครับ"
"หือ....มาทำไรน่ะ"
เอาแล้วไง โดนด่าแน่ๆ
"เอ่อ มาขอลายเซ็นพี่โน้สอ่ะครับ"
"......." คุณนายทองสุขขยับแว่น เพื่อมองเราให้ชัดขึ้น "เอ้าๆ เข้ามาก่อน โน้สมันไม่อยู่หรอก ไปต่างจังหวัด"
"อ่อครับ" หัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้า
หลังจากนั่งก้มหน้าอยู่พักนึง ขนมจากเผาสองอันก็โผล่เข้ามาในตา ผมเงยหน้ามอง คุณนายทองสุข ยื่นพร้อมยิ้มให้ "เอ้าๆ กินก่อน"
ผมแกะกินด้วยความหิว และพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยไป ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าไม่เกร็งอีกต่อไป
"นี่ๆ ไหนๆมาแล้ว งั้นฝากสมุดไว้ให้เซ็นมั้ยหล่ะ แล้วค่อยกลับมาเอา"
"ก็ได้ครับ"
"อ่ะนี่ อีกอย่างเอาบัตรนี่ไป อุตส่าห์มาแล้ว"
คุณนายทองสุขยื่นบัตร all area ของเดี่ยว 6 ให้ผม อย่างน้อยมาครั้งนี้ก็ไม่เสียเที่ยว
ผมดูดนิ้วที่เปิ้อนขนมจาก และกล่าวลาคุณนายทองสุข ผมออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกที่ประทับใจ คืออย่างน้อยเราก็ได้รับสิ่งดีๆกลับมา ถึงแม้จะไม่ได้เจอพี่โน้สเอง ในใจลอยล่องไป พ้นปากซอยมีร้านขายข้าวแกงเปิดอยู่ ผมไม่รอช้าที่จะเข้าไปสั่งซักจาน กินไป คิดไป "โหยยย ดีหว่ะ ได้บัตรมาด้วย"
หลังจากคิดตังค์เรียบร้อยแล้ว ผมก็เตรียมคิดว่าจะกลับบ้านอย่างไร แต่ก็ถูกแทรกด้วยอาการปวดขี้ขั้นสุด ที่อยู่ดีๆ จะมาก็มา ผมเดินคิดเหงื่อตกอยู่นาน ไม่รู้ว่าจะเอาไงดี ถ้าปล่อยเพลงล่วงไป เห็นทีกำแพงถลายเป็นแน่ ผมย้อนกลับไปที่บ้านคุณนายทองสุขโดยพลัน
ผมกลั้นอารมณ์ที่จะไม่กดกริ่งถี่เกินไป เพื่อที่จะไม่ให้เจ้าบ้านด่าเอา คุณนายทองสุขโผล่มาจากประตูที่แง้มอยู่
"ไอหนู มีไรอีกลูก"
"เอ่อออ ผมขอเข้าห้องน้ำได้มั้ยครับ ไม่ไหวแล้วอ่ะครับ" น้ำเสียงสั่นเทา
"เออๆ เข้ามาๆ เดินเข้าไปสุดบ้านเลย ขวามือ"
ผมปรี่เข้าบ้านอย่างไม่รอช้า แต่ก็ชะงักด้วย นางงามคนนึงนั่งอยู่ในบ้าน เหมือนกำลังพูดคุยกับคุณนายทองสุขอยู่ ต่างคนต่างงงกัน แต่ด้วยอานุภาพขี้ ผมไม่อาจจะรีรอได้ ผมพรวดไปที่ห้องน้ำโดยพลัน ปลดปล่อยทุกสิ่งอย่าง เมื่อได้สติเราก็มานั่งสำรวจว่าห้องน้ำบ้านแม่ดารานี่มันเป็นไงน่ะ มีขายหัวเราะตั้งอยู่ข้างๆ ห้องน้ำเล็กๆไม่ใหญ่มากนัก
หลังจากขับไล่พม่ารามัน ออกไปจากค่ายเรียบร้อย ก็เดินออกมาขอบคุณเป็นการใหญ่ นางงามคนนั้น ยังคงนั่งงงอยู่ เค้าคงคิดว่าไอบ้านี่เป็นใคร มาขอขี้แล้วก็ไป ผมจากลามาด้วยความประทับใจ และขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณนายทองสุข
ผมกลับมาถึงบ้านตามปกติ นั่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในวันนั้น แม่ก็เรียกไปซื้อของตามปกติ แต่พอกลับมาถึงบ้าน แม่ถามเราว่าไปไหนมา เมื่อกี้โน้ส อุดมโทรมาบอกว่าได้รับสมุดแล้ว จะวาดรูปให้ ผมจำได้ว่าผมใส่เบอร์โทรศัพท์บ้านเข้าไปด้วยในสมุด
และทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่คิดถึงในวันที่เบื่องาน 5555
คือผมมานั่งคิดน่ะครับว่า เมื่อก่อนเราอยากทำอะไร เราพยายามที่จะทำมันให้ได้ มีความกล้า มากกว่าความกลัว บางครั้งเราละทิ้งอะไรบางอย่างไปจากตัวเรา จนกลายมาเป็นเราที่นั่งบ่นนั่งด่าตัวเองว่า ทำไมน่ะ.... รู้งี้น่าจะ.... บลาๆๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองซักที ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ
ผมไม่รู้น่ะครับว่า สิ่งที่ผมทำไป ที่เล่าให้ฟังนั้นมันดีหรือไม่ดี ที่ไปบุกบ้านคนอื่น แต่ผมแค่มองว่า ตอนนั้นมันคือความสุข ที่ได้รับ และความประทับใจที่ได้มา และอยากจะเล่าให้เพื่อนๆฟัง ก็แค่นั้นครับ
ขอบคุณมากครับ