ทอย (49)

กระทู้สนทนา
ชั่วขณะหนึ่งแห่งการหยุดนิ่งของเหตุการณ์ภายในลานกว้าง เกรทที่ซ่อนตัวอยู่กับพี่ชาย กำลังเกิดความรู้สึกสับสนกับการตัดสินใจเรื่องผีดูดเลือดเพื่อนใหม่ของตนที่ได้ทำลงไปเมื่อครู่ หลังจากที่ความแน่วแน่ ความเชื่อมั่นอันทรงพลังนั้นได้จางหายไปจนหมด ราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก็เหลือทิ้งไว้เพียงความลังเล ความไม่แน่นอนที่จะติดค้างอยู่ภายในใจไปตราบนานเท่านาน จนกว่าเธอจะได้เรียนรู้ถึงวิธีจัดการกับมัน หรือไม่ก็เลิกคิดถึงมันไป

    แต่แล้วเธอก็พลันนึกถึงเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้อง 'แกนของแอปเปิ้ลที่ถูกกินไปมีอยู่สิบเอ็ดชิ้น' ซึ่งตัวเลขที่ว่ากลับมีความหมายบางอย่างขึ้นมา

'พวกโจรมีทั้งหมดสิบสามคน' เธอทำการลบเลขอย่างรวดเร็ว ต้องมีอยู่สองคนที่ไม่ได้กินแอปเปิ้ล คนหนึ่งย่อมเป็นตัวจอมโจรอาลีเอง แต่อีกคนนั้นเป็นผู้ใดกัน
    
โจรที่เคยนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆ กับร่างของคุณนายวิกเซ่นพลันผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับได้ยินคำถามจากภายในใจของเกรท ดาบสีดำสนิทในมือนั้นฟาดฟันเข้าใส่ทอยอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วทอยสมควรถอยหลบออกมาให้พ้นจากรัศมีของดาบนี้แล้วจึงค่อยลงมือตอบโต้ แต่น่าเสียดายที่ด้านหลังของเขาคือสโนว กับคุณนายวิกเซ่น เขาจึงจำเป็นต้องกัดฟันยกเคียวเก่าๆ ในมือด้ามนั้นขึ้นต้านรับเอาไว้ทั้งที่ยังอยู่ในท่านั่ง ซึ่งทำให้ไม่อาจใช้การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในชั่วขณะของมือสังหารที่จะทำให้เขาได้เปรียบออกมา

    โจรผู้นั้นจึงใช้แรงผ่านทางดาบกดร่างของทอยเอาเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว

    “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม รีบยอมแพ้ต่อหัวหน้าแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นจะต้องตายเป็นคนแรก” โจรผู้นี้นับว่าประเมินความสัมพันธ์ของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่พูดก็ไม่ยอมละความสนใจไปจากร่างของทอยเลย เมื่อเป็นเช่นนี้จอมโจรอาลีจึงค่อยๆ ขยับเข้ามาหาพรรคพวกของตน ในขณะที่กู๊ดแมนก็จำเป็นต้องยอมถอยห่างออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทีอ่อนล้าของมนุษย์หมาป่าที่เคยพยายามปกปิดเอาไว้นั้นค่อยๆ เปิดเผยออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นบ้างแล้ว

    “เยี่ยมมาก จอห์น เจ้าแกล้งทำเป็นต้องมนต์นอนหลับได้เยี่ยมมาก” มันฟังดูเหมือนจะเป็นคำชื่นชม แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกในทางตรงข้ามกับผู้ที่ถูกกล่าวถึงได้เช่นกัน

    “เจ้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปใช่ไหม” อาลีคล้ายถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ จอห์นซึ่งได้ติดตามหัวหน้าโจรผู้นี้มาจนนานพอที่จะรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้หัวหน้าจะเลือกเดินในหนทางใด 'หากไม่อยากตาย ก็ต้องฆ่าให้ได้มากที่สุด ฆ่าจนกว่าพวกที่เหลือจะยอมแพ้หนีไปเอง'

    จอห์นพยักหน้าช้าๆ

    “ดี...” อาลีพุ่งความสนใจทั้งหมดกลับไปที่อสุรกายอีกครั้ง ตอนนี้เขาดูออกแล้วว่าร่างกายของมันได้ถูกใช้งานจนเกินขีดจำกัดไปแล้ว รออีกเพียงไม่นานมันก็ต้องล้มลงไปเอง แต่เขาย่อมไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้น การสังหารอสุรกายจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับอาลีบาบาหัวหน้ากองโจรสี่สิบ พร้อมกับเรื่องราวของการกวาดล้างหมู่บ้านแห่งนี้จนราบ ความหวาดกลัวของผู้คนนับเป็นอาวุธชิ้นสำคัญของเขา

    'และอาจดียิ่งกว่า ถ้าในตำนานนั้นจะเล่าขานกันไปว่าเป็นฝีมือของข้าเพียงลำพัง' ซึ่งเขาคิดว่าคงทำให้เป็นแบบนั้นได้ไม่ยากนัก

    จอมโจรอาลีนั้นเคยเป็นเพียงโจร เป็นขโมย เป็นคนผู้หนึ่ง และไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น เขาเคยไร้ตัวตน จนกระทั่งได้ค้นพบเส้นทางซึ่งไม่มีสิ่งใดนอกจากตัวของเขา หนทาง สิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า กับดาบในมือที่เขาต้องทุ่มเทชีวิตทั้งหมดลงไปเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาอาจหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดในค่ำคืนนี้ แต่เขามีเพียงดาบที่จะใช้สำหรับตอบสนอง โดยไม่พะวงสนใจในพวกพ้อง บางทีอาจไม่สนใจแม้แต่ตัวเองก็เป็นได้

    บางคนอาจแสวงหาเป้าหมายบางอย่างให้ชีวิต บางคนอาจต้องการแค่บางสิ่งเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป และคนส่วนใหญ่คิดว่าตนเองมีเป้าหมาย แต่กลับใช้ชีวิตเลื่อนลอยได้อย่างเป็นปกติสุข

    จอมโจรอาลีพลันรู้สึกถึงอันตราย เขาสัมผัสได้ถึงสายลมแหลมคมที่กำลังพุ่งมาจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เฉียบขาด เต็มไปด้วยพลัง และความมุ่งมั่นตั้งใจ อุปสรรคที่ไม่คาดฝันได้เข้ามาขัดขวางหนทางเดินของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนในค่ำคืนนี้ ดาบที่รวดเร็ว เพลงดาบนางแอ่นหวนคืนถูกนำออกมาใช้อีกครั้ง

    ดาบของจอห์นที่แทงเข้ามาถูกนางแอ่นหวนคืนปัดออกไปให้พ้นจากเป้าหมาย ซึ่งแม้จะบั่นทอนกำลังใจของจอห์นลงไป แต่ก็ไม่ได้มากเกินกว่าที่เขาคาดหมายจากหัวหน้าผู้เก่งกาจคนนี้ ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงฝีมือของจอมโจรอาลีได้ดีเท่ากับผู้ที่อยู่ในกองโจรสี่สิบ ซึ่งมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยที่ต้องจบชีวิตลงภายใต้คมดาบของหัวหน้าผู้นี้เอง

    “ข้ามีชื่อว่าจอห์น พวกเจ้าทุกคนจงฟังให้ดี” เขาตะโกนเสียงดังโดยไม่ยอมละสายตาจากอาลี “ถ้ายังไม่ยอมร่วมมือกันกำจัดมัน พวกเจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือ...ถ้าหากจะมีใครรอดชีวิตจากมันผู้นี้ไปได้นะ”

    เขาไม่คิดจะร่วมเส้นทางกับกองโจรสี่สิบไปจนชั่วชีวิต โดยเฉพาะเมื่อมีหัวหน้าอย่างจอมโจรอาลีผู้นี้ เขาคิดถึงเมื่อกลางวัน ยามที่เหม่อมองข้ามแม่น้ำกว้าง ใช้สายตาสำรวจดูผืนดินอันอุดมสมบูรณ์เหล่านั้น เขาไม่รู้ว่าเด็ก
หญิงตัวเล็กๆ ที่นำแอปเปิ้ลของแม่มดซึ่งเขาไม่ได้กินมาให้จะพูดถูกหรือไม่ ตอนแรกเขาแกล้งทำเป็นนอนนิ่งเหมือนโจรคนอื่นๆ แล้วคิดว่าทุกอย่างอาจจะสำเร็จลงได้โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย และเขาก็ยังคิดอะไรวุ่นวายอีกหลายอย่างในขณะที่แกล้งนอนอยู่นั้นด้วย

    “มันมีเพียงคนเดียว และไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้กับคนจำนวนมากพร้อมกันได้” เขารู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด นักดาบผู้นี้อาจสามารถทำได้ “พวกเราจะต้องร่วมแรงร่วมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน” แต่การที่มีคนมากขึ้นย่อมหมายถึงโอกาสที่จะมากตามไปด้วย

    เขาเคยนึกฝันถึงโอกาสที่จะแยกตัวจากกองโจรสี่สิบได้อย่างปลอดภัย เมื่อครู่นี้เองเขาก็ยังคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีอยู่ จนกระทั่งการลงมือของเขาล้มเหลว แต่เมื่อเริ่มไปแล้วเขาก็ไม่อาจถอยกลับได้ “จงมองดูดวงดาวบนขอบฟ้าทางทิศเหนือนั่น” แต่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย “นั่นคือดวงดาวแห่งความกล้าหาญ...และความถูกต้อง”

    'หรืออาจจะเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ถิ่นที่พวกเจ้าเดินทางไปถึง แต่มันจะมีอยู่เพียงดวงเดียว ที่จะอยู่ตรงนั้นเสมอ และในช่วงเวลานี้ของปีมันจะมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด' มันเป็นหนึ่งในอีกหลายเรื่องที่เขาคิดอยู่ในขณะที่แกล้งนอนอยู่ และเขาก็พูดมันออกมา

    “จงลุกขึ้นมาร่วมกันต่อสู้” เขาตะโกนก้อง “อย่ายอมให้ใครเข้ามาข่มขู่คุกคาม มาตักตวงพืชผล มาเข่นฆ่าพวกเจ้าแบบนี้” มีเสียงตะโกนตอบรับดังกลับมา ชาวบ้านที่เคยเกาะกลุ่มกันอยู่ในตอนแรกต่างขยับเข้ามาพร้อมกับท่อนฟืนซึ่งลุกติดไฟ พร้อมกับที่ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งซึ่งแตกกระจายหนีไปในตอนแรกนั้นก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาวุธ ซึ่งก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำไร่ไถนานั่นเอง

    “แสดงให้พวกโจรทั้งหมดได้เห็น ให้พวกมันได้รับรู้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีกฎว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด ไม่ให้มีพวกโจรที่ไหนกล้าเหยียบย่างเข้ามาภายในหมู่บ้านแห่งนี้อีกต่อไป”

    คุณนายวิกเซ่นพยายามฝืนตนเองให้มองไปที่กู๊ดแมนซึ่งกำลังนั่งหลบหอบลิ้นห้อยอย่างหมดเรี่ยวแรง และไม่คิดถึงในสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่

    วงล้อมของชาวบ้านนั้นค่อยๆ บีบแคบเข้ามาอย่างช้าๆ จอห์นเองก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย และเป็นส่วนที่อาลีให้ความสนใจมากที่สุด อาลียังคงมีท่าทีหนักแน่นเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ศัตรูรู้สึกแย่ และเขาก็รู้เรื่องนั้นดี

    'คนทรยศจะต้องตายเป็นคนแรก' อาลีตั้งใจอย่างนั้น และเมื่อเริ่มมีคนตาย ฝูงชนก็จะตอบสนองได้สองแบบ หนึ่งคือยิ่งรุมกันเข้ามา หรือไม่ก็วิ่งหนีจากไป ซึ่งหากมีชาวบ้านเลือกคำตอบแรกเป็นจำนวนมาก เขาก็อาจจะไม่รอดชีวิต แต่ในเมื่อมันยังไม่เกิดขึ้น และเขายังคงสามารถทำให้ศัตรูรู้สึกแย่ได้ เขาก็จะทำเป็นไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อไป

    อาลีเหลือบไปเห็นท่าทางแปลกๆ ของคุณนายวิกเซ่น และมันสะกิดเขาเข้าอย่างจัง เขาต้องนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญให้ออกก่อนที่จะสาย แต่มันคืออะไร มีสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น และเวลาก็กำลังจะหมดลง

    อาลีเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขึ้นภายในใจ

    วงล้อมพลันหยุดการเคลื่อนไหว และก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จอห์นก็พุ่งออกไปพร้อมกับใช้ดาบแทงเข้าใส่ร่างที่กลางวงนั้นล้อมจนมิด ร่างที่ยืนนิ่งไม่ยอมตอบโต้ จบตำนานของอาลีบาบากับกองโจรสี่สิบในหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล โดยที่ด้านหลังของอาลีนั้นมีของสิ่งหนึ่งจมลึกติดอยู่ มันเป็นเคียวด้ามยาวเก่าๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใด

    คุณนายวิกเซ่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ทอยก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมของตนราวกับไม่เคยหายไปไหน

    “คุณทอย ไหนคุณบอกว่าสู้เขาไม่ได้” นางเอ่ยถามในขณะที่สโนวพึ่งเดาได้ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น

    “ผมสู้เขาไม่ได้ ไม่มีทางเลย” ทอยฝืนยิ้ม “...แต่ผมเป็นมือสังหารอาชีพครับ คุณนาย” เขาตอบออกไปอย่างนั้น แต่การหายตัวอย่างสมบูรณ์แบบที่เขาพึ่งทำได้เป็นครั้งที่สองในชีวิตนั้นกำลังค่อยๆ จางหายไปจากร่าง และเขาเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ทั่วไปเขาคงไม่อาจทำมันได้อีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่