คุณรู้ไหมวิธีที่รุ่น 7 เซียนเคยเจอ มันเป็นวิธีที่ สมาคมฟุตบอลไทยเคยทำ และ แนวทางพัฒนาลีกในประเทศ

คุณรู้ไหมวิธีที่รุ่น 7 เซียนเคยเจอ มันเป็นวิธีที่ สมาคมฟุตบอลไทย ผ่านมาแล้วครับ คัดเลือกผู้เล่นมาชุดหนึ่ง แล้วมาจับซ้อมกันเป็นปีๆ เก็บตัวในที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานาน พยายามส่งออกผู้เล่นออกไปเล่นต่างประเทศ เพราะ ลีกในประเทศมันด้อยและเงินไม่พอเลี้ยง เช่น ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, เกีรยติศักดิ์ เสนาเมือง, วิทยา เลาหกุล เวลาอุ่นเครื่องก็อุ่นกันในประเทศ พวกนี้ ฟุตบอลไทย ผ่านมันมาหมดแล้วครับ

แล้วเป็นอย่างไรครับ มันก็เลยต้องทู่ซี้ใช้ผู้เล่นที่ฝึกกันมาจนแข่งต่อไม่ไหว แขวนสตั๊ดเดินออกจากสนามหญ้า โดยไม่มีผู้เล่นคนอื่นขึ้นมาทดแทนได้เลย จากการละเลยการพัฒนาลีกให้เข้มแข็งแล้วป้อนเข้าสู่ทีมชาติ โดยลดภาระให้ทีมชาติขัดเกลาฝีมือต่อให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ บวกกับการละเลยพัฒนาเยาวชนรุ่นถัดไป ในการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง และการติดต่ออุ่นเครื่องกับ ทีมชาติด้วยกันอย่างจริงจัง

ทีมชาติที่ดีควรจะต้องแบบ เรียกตัวผู้เล่นที่มีพื้นฐาน มีความสามารถพอสมควร และ ผ่านการเล่นในแนวเดียวทีมชาติ แล้วเล่นได้สะดุดตา มารวมตัวฝึกซ้อมหลังลีกแข่งจบ โดยสอนเฉพาะสกิลการเล่นขั้นสูงอย่างเดียว พร้อมการซ้อมที่เข้มข้นขึ้นกว่าสโมสรเท่านั้น จากนั้นอุ่นเครื่องจาก ทีมชาติเบาๆเพื่อทดสอบสมรรถภาพผู้เล่น ก่อนมีการอุ่นเครื่องเจอทีมแข็งๆ เพื่อตัดตัว และ วัดประสิทธิภาพที่ได้จากการซ้อม ถ้าผลการอุ่นเครื่องไม่ดี ก็ควรปรับการซ้อมใหม่ให้เหมาะสมขึ้น

สมาคมวอลเล่ย์บอลไทยต่างจากสมาคมฟุตบอลไทย ตรงที่มีแบบการเล่นที่ชัดเจน ค้นพบแบบแผนการเล่นที่ลงตัว มีแนวทางในการพัฒนาฝีมือ มีการพัฒนารุ่นเยาวชนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้อนเข้าสู่ทีมชาติ แต่ติดขัดตรงที่ พื้นที่ให้ผู้เล่นที่พ้นจากเยาวชนไปสู่รุ่นผู้ใหญ่ใหม่ๆ ได้มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพน้อย เนื่องจากลีกยังเพิ่งแค่ตั้งใข่ แถมยังเป็นแค่ลีกกึ่งอาชีพ หลายสโมสรยังผูกอยู่กับองค์กรณ์ของรัฐ โดยเฉพาะองค์การณ์บริหารส่วนตำบล อำเภอ หรือ จังหวัดเป็นเจ้าของสโมสร ไม่ใช่สโมสรที่เอกชนเข้ามาทำทีมจริงๆด้วยใจรัก ถ้าเจอนายก อบต. ที่รักทีม สนใจกีฬานี้ก็ดีไป แต่ก็ดีไม่ที่สุด เพราะ เงินที่เจียดมาจากงบประมาณของ อบต. มันน้อยมากที่จะพัฒนาสโมสรให้ก้าวหน้าได้ ยิ่งเจอนายก อบต. ที่ไม่สนใจกีฬาชนิดนี้ หรือ ไม่ชอบกีฬา ก็จะทิ้งขว้างทีม ส่งแข่งบ้างไม่ส่งแข่งบ้าง เวลาส่งแข่งก็แบบขอไปที สักแต่เล่นให้จบๆอย่างเดียว เงินเดือนระหว่างแข่งก็ตามยถากรรม จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง นี้ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาผู้เล่นที่เพิ่งขึ้นจากเยาวชนให้เป็นไปตามแนวทีมชาติ ลืมได้เลย

ส่วนสมาชิกบางท่าน อยากให้ส่งออกผู้เล่นที่อยู่ในทีมชาติไปเล่นในลีกต่างประเทศตั้งแต่ยังเยาว์ ก็ตามที่ผมเคยตั้งกระทู้ไป ในเมื่อฝีมือที่มีอยู่ในตัวคุณยังงัดออกมาไม่เต็มที่ หรือ เต็มที่แล้วแต่มันยังไม่เด่น ยังมีข้อผิดพลาดอยู่เยอะ แล้วแมวมองลีกอาชีพที่แข็งกว่าจะมองไหมครับ เอามาให้เป็นตัวถ่วงพวกเขาหรือ มันก็จะเป็นการตัดโอกาสให้ ผู้เล่นหน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมามีโอกาสได้พัฒนาฝีมือเพื่อให้แข็งแกร่งพอที่จะโชว์โดดเด่นในตำแหน่งนั้นได้ และ โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในฟอร์มที่ตกเพียงใดก็ตาม ลีกอาชีพเขาจะไม่มองแค่โปรไฟล์ผู้เล่นแล้วซื้อเลย เขามองด้วยตาตัวเองและข้อมูลสถิติที่ตัวพวกเขาเองเพิ่มเติมที่เชื่อถือได้กว่าด้วย

เพราะฉะนั้นเวทีให้ผู้เล่นใหม่ๆที่เพิ่งขึ้นมาจากเยาวชนที่ดี คือ ลีกในประเทศ ที่ควรต้องพัฒนาจนแข็งแกร่ง ให้ได้ โดยมีแนวทางการพัฒนาจากที่ประเทศที่ทำลีกอาชีพแล้วสำเร็จดังนี้

1. สมาคมวอลเล่ย์บอล ควร บังคับ ย้ำอีกที บังคับ ให้สโมสรวอลเล่ย์บอลทั้งหมดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลซะ แล้วให้บุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ อบต. มาดูแล และผ่านการตรวจสอบทรัพย์สิน แผนการทำทีมว่า จะสามารถประคองสโมสรให้อยู่รอดไปให้นานที่สุดจนตลอดไปได้ เพื่อกันการเกิดปัญหาเจอนายก อบต. ที่ทิ้งขว้างทีม ไม่สนใจเพราะ ไม่ชอบกีฬานี้มาปู้ยี่ปู้ยำสโมสร

2. ให้สโมสรวอลเล่ย์บอลที่เป็นของถิ่นฐานต่างจังหวัด แข่งที่จังหวัดตัวเอง พร้อมเช่าหรือทำสนามแข่งในบ้านเกิดตามมาตรฐาน FIVB โดยค่อยๆพัฒนาสร้างสิ่งที่กำหนดไว้ใน FIVB กำหนด เช่น ต้องให้สนามกว้างเท่านี้ สูงเท่านี้ ไฟเท่านี้ ยานพาหนะต้องขนส่งภายในเวลาเท่านี้ เป้นต้น แล้วสโมสรนั้นประชาสัมพันธ์ ชักชวนให้ คนในบ้านเกิด มาดูวอลเล่ย์บอลสโมสรตัวเอง เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกความนิยมท้องถิ่นขึ้นมา ว่าสโมสรนี้ของบ้านเรา จังหวัดเรา พื้นที่เรา แล้วพวกเขาก็จะมาคอยสนับสนุนเรื่องเงินให้เองจากซื้อตั๋วดูการแข่งขัน ซื้อของที่ระลึก กิจกรรมพิเศษที่ทำขึ้นในโอกาสพิเศษกับนักกีฬา โรงแรม เป็นต้น ซึ่งส่งผลพลอยได้ให้มีการสร้างสนามวอลเล่ย์บอลที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 จังหวัด ต่อ 1 สนาม และใช้พร้อมปรับปรุงสนามตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้รกร้าง คราวนี้สมาชิกท่านใดอยากให้สมาคมวอลเล่ย์บอลดึงการแข่งขันไปแข่งในจังหวัดตัวเองก็ทำได้สบายเลย, มีการจ้างคน จ้างแรงงาน เพิ่มอาชีพให้พ่อค้าแม่ค้า เงินทองไหลเวียนภายในจังหวัดมากขึ้นด้วย

3. สมาคมวอลเล่ย์บอลควรจัดการแข่งขันให้ลดความซับซ้อนลง อันนี้ผมขอติงมา โดยจัดให้แข่งลีกในประเทศไทยในเดือน มีนาคม ถึง พฤษภาคม ในเลกแรก และ ตุลาคม ถึง ธันวาคม ในเลกสอง เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงฤดูฝนที่ทำให้คนออกเดินทางมาดูแข่งขันลดลงจนส่งผลกระทบการเก็บเงินค่าตั๋วในแต่ละสโมสร และ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการแข่งขันระดับนานาชาติ จะได้มารวมเข้าค่ายฝึกซ้อมได้ด้วย โดยทิ้งห่างจากรายการแรก คือ รายการ world grandprix 2 เดือน

4. สมาคมวอลเล่ย์บอลควรยกเลิกการจัด โปรชาเลนจ์ แต่เปลี่ยนเป็นจัด วอลเล่ย์บอลไทยด.1, ไทยด.2, ไทยด.3 ตามสโมสรที่สามารถจดทะเบียนนิติบุคคลได้ โดยจัดแข่งในช่วงเวลาเดียวกับ วอลเล่ย์บอลไทยลีก โดยที่สมาคมไม่ต้องไปกลัวพวก สโมสรในวอลเล่ย์บอลไทยด.1 คนดูจะน้อย ประคับประคองสโมสรไม่รอด เพราะผ่านการรับรองจากสมาคมว่ามีเงินมากพอที่จะดูแลสโมสรตัวเอง และ เป็นการให้สโมสรในลีกต่ำกว่าพัฒนาตัวเองให้ไปสู่ลีกสูงขึ้นให้ได้ถ้าอยากได้เงินมากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่มีเวทีในการโชว์ศักยภาพมากขึ้น เพราะ มีลีกน้อย ตัวจริงในสโมสรก็น้อยไปด้วย ซึ่งพวกสโมสรใหญ่ๆมีเงินก็จะทุ่มซื้อผู้เล่นคนที่เก่งๆแล้วอยู่ในทีม เหลือสโมสรที่มีเงินน้อยกว่าในการมีโอกาสจ้างผู้เล่นใหม่น้อยลงด้วย

5. วอลเล่ย์บอล ไทยด.1 ให้จัดแข่งเป็นระบบลีกมาตรฐานเดียวกับ วอลเล่ย์บอลไทยลีก แต่เจอสโมสรที่แข็งน้อยกว่า ไทยลีก เท่านั้น จะได้เป็นเวทีพัฒนาสโมสรที่ขึ้นชั้นมาจาก ไทยด.2 ได้ปรับปรุงมาตรฐานสโมสร ส่วนวอลเล่ย์บอลไทยด.2 ให้หย่อนมาตรฐานจาก FIVB บางประการตามเหมาะสม เพราะเป็นเวทีของสโมสรกึ่งอาชีพ และแข่งระบบลีกกันตามภูมิภาค คือ เหนือ อีสาน กลางและตะวันออก กลางและตะวันตก กรุงเทพและปริมณฑล และ ใต้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่สโมสรกึ่งอาชีพพวกนี้ยังไม่แข็งแรงพอจะทำตาม FIVB แบบเป๊ะๆทุกข้อ และยังมีเงินไม่พอจะตะลอนแข่งในที่ไกลๆ แล้วค่อยคัดสุดยอดสโมสรในแต่ภาคตามโควต้าที่ สมาคมวอลเล่ย์บอลกำหนด ส่วนวอลเล่ย์บอลไทยด.3 ขึ้นไป อาจจัดเป็นลีกประจำจังหวัด หรือ จัดเป็นแบบทัวนาเม้นต์ ไว้รองรับสโมสรที่จะเกิดขึ้นใหม่ๆในอนาคตได้เตรียมความพร้อมสโมสรได้ (อาจโยก วอลเล่ย์บอลประชาชนถ้วย ข. แยกตามภูมิภาคมาแข่งเป็น วอลเล่ย์บอล ไทยด.3 แทน)

6. สมาคมวอลเล่ย์บอลควรกำหนดผู้เล่นต่างชาติให้มีอยู่ในทีมขั้นต่ำกี่คน สูงสุดไม่เกินกี่คน เป็นผู้เล่นในทวีปสูงสุดได้กี่คน นอกทวีปอย่างน้อยต้องมีกี่คน สูงสุดมีกี่คน มาจากที่มีอันดับโลกสูงกว่า ไทย อย่างน้อยกี่คน ลงสนามแข่งขันได้กี่คน เพื่อป้องกันการทะลักของนักกีฬาต่างชาติ ถ้าเกิดสนใจลีกเราขึ้นมาเหมือนลีก อาร์เซอร์ไบจัน จนไปเบียดบังผู้เล่นในประเทศหน้าใหม่ๆไม่ให้เกิด และก็เป็นการบังคับให้สโมสรลงทุนซื้อผู้เล่นต่างชาติที่มีศักยภาพมาช่วยพัฒนาในการเจอผู้เล่นบล็อกสูงๆ แน่นๆ, ผู้เล่นที่มีความเหนียวในเกมส์รับเป็นเลิศ, ผู้เล่นที่ตบหนักจนยากแก่การรับ แต่กฏนี้จะผ่อนปรนให้ สโมสรที่อยู่ใน วอลเล่ย์บอลไทยด.2 เป็นต้นไป ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อตัวผู้เล่นนอกทวีปมา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายลงในฐานะเป็นเพียงสโมสรกึ่งอาชีพ ยิ่งลีกไหนที่สมาคมจัดเป็นแบบ ทัวนาเม้นต์ ก็ให้ยกเลิกโควต้านักกีฬาที่อันดับสูงกว่า ไทย ด้วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงอีกเช่นกัน ในฐานะสโมสรสมัครเล่นอยู่

7. มีการตกชั้นในวอลเล่ย์บอลลีกแต่ละระดับ ยกเว้น ลีกที่ตํ่าที่สุด เพื่อป้องกันสโมสรที่ตีกิน ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง และ กำหนดโควต้าตกชั้นอย่างแน่นอน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

8. สโมสรที่ได้แชมป์ และ อันดับต้นๆ ของวอลเล่ย์บอลไทยลีก เมื่อจบฤดูกาลก็สามารถส่งชื่อไปแข่ง วอลเล่ย์บอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย เป็นการเจอสโมสรอื่นๆที่แข็งแกร่งในระดับเอเชีย เพื่อพัฒนาฝีมือ และมีหนทางรายได้เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันรายการนี้

ถ้าสมาคมวอลเล่ย์บอลทำได้ตามที่กล่าวมา ผมรับรองว่า ลีกเราจะแข็งแกร่งแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และสามารถยืนด้วยลำแข็งตัวเองได้ก่อนที่จะไปพึ่งสโมสรต่างชาติในการขัดเกลาต่อ มันจะดีกว่าครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่