สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
ปกติเคยแต่อ่านพันทิพเฉยๆไม่เคยตั้งกระทู้กับเค้าเลยค่ะ (ยืมล็อกอินพี่สาวมาค่ะ)
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว (23-29 july 2014) จขกท.ไปเที่ยวปารีสมาค่ะ
เมื่อตอนไปหาซื้อหนังสือก็หาไม่ได้เลยที่ร้านหนังสือแถวๆบ้าน (จริงๆคือไปแค่สองสามร้านค่ะ 555) ก็เลยไปขอยืมหนังสือเพื่อนมาทำทริปค่ะ แต่ข้อมูลที่ช่วยได้มากกกกกกก (ก ไก่อีกยี่สิบห้าตัว ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) คือกระทู้ในพันทิพนี่แหละค่ะ
ก็เลยเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้ เพื่อเป็นการตอบแทนทุกๆคนที่ทำ review กันมา
ถึงแม้ว่า จะมีข้อมูลอยู่มากมายแล้วในนี้ แต่ขอให้ถือว่าการเขียนกระทู้นี้เป็นการทำเพื่ออัพเดทราคา เส้นทางต่างๆก็แล้วกันนะคะ
ข้อผิดพลาดประการใด จขกท.ขอยกให้เป็นความผิดของจขกท.เองค่ะ ส่วนคุณงามความดีใดๆของกระทู้นี้ จขกท.ขอยกให้เป็นความชอบของเพื่อนผู้เป็นเจ้าของหนังสือที่ให้ยืมมา และเป็นของคุณ log in “น้องวี we : wee” ด้วยค่ะ (คุณน้องวีได้ตอบความคิดเห็นเอาไว้มากมายหลายกระทู้เลยค่ะ เป็นประโยชน์สุดๆๆๆ)
เริ่มกันที่ทำไมต้องไปปารีส
เนื่องจากคุณผู้ชายของจขกท.ค่ะ เธอหลงไหลในการปั่นจักรยานอย่างมากมาย วันหนึ่งเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์เธอเดินมาบอกจขกท.ค่ะว่า “น้องคะ พี่อยากไปดูตูเดอฟร้องค่ะ” จริงๆจขกท.ก็ทำเนียนๆไม่ได้ยิน เปลี่ยนเรื่อง แต่เธอตั้งใจมากค่ะ ก็เลยเอ้า ไปก็ไป
ตอนแรกเลยก็เสาะหาข้อมูลค่ะ ว่าจะไปดูกันหลายๆ stage ดีไหม อะไร ยังไง แต่ปีนี้ เริ่มจากฝั่งอังกฤษ ปั่นมาจบที่ประตูชัยค่ะ ครั้นจะไปดูทุก stage ก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองอะไรหรอกนะคะ เพราะมันไม่มีอยู่แล้วค่ะ แต่วันลาก็คงจะไม่สามารถขอยาวได้เดือนนึงค่ะ เดี๋ยวเจ้านายเชิญลาออกจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ตามมาในภายภาคหน้า
ครั้นจะดูแค่ stage ท้ายๆ ก็ไม่ใช่จะตามไปง่ายดายดังใจหวังค่ะ สรุป ไปดูแค่วันสุดท้ายวันเดียว ที่ final stage ค่ะ วันอื่นๆก็เที่ยวกันไปก่อนประปรายแล้วกันนะคะ
วีซ่า
ฝรั่งเศสอยู่ในกลุ่มแชงเก้นค่ะ ต้องไปขอแชงเก้นวีซ่า รายละเอียดการยื่นขอ สามารถศึกษาได้จากเวปนี้เลยค่ะ
https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th
เป็นเอเจนซี่ที่รับยื่นให้กับฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ รายละเอียดคร่าวๆคือ เราควรยื่นล่วงหน้าก่อนวันเดินทางประมาณ 2 เดือนค่ะ เพราะในบางช่วงเวลาจะใช้เวลาการทำวีซ่าค่อนข้างนาน (คนยื่นเยอะค่ะ ฮอตฮิตมาก) ถ้าวีซ่าท่องเที่ยว ใช้เวลาทำการประมาณ 15 วัน
วิธีการก็คือ เตรียมเอกสาร เข้าไปลงทะเบียนในเวป นัดคิว แล้วไปยื่นเอกสารค่ะ
ปัจจุบันนี้ การยื่นขอแชงเก้นวีซ่า จำเป็นต้องไปด้วยตัวเองนะคะ เพื่อไปสแกนลายนิ้วมือ และถ่ายภาพค่ะ วันที่จขกท.ไปเห็นมีบางท่านใช้บริการทัวร์หรือเอเจนซี่ยื่นให้ แต่ก็ต้องไปพร้อมกันอยู่ดี เพื่อไปสแกนลายนิ้วมือค่ะ จริงๆยื่นเองไม่ยากเลยค่ะ ขอเพียงเตรียมเอกสารให้ไปครบก็เท่านั้นเองค่ะ
วันที่จขกท.ไป แต่งหน้าไปสวยงาม แบบว่าอยากได้รูปติดในพาสปอร์ตสวยๆไงคะ ปกติวันธรรมดาจขกท.มักจะหน้าสดค่ะ
พอถ่ายรูปพนักงานถามว่า ใส่คอนแทคเลนส์ไหมครับ ถ้าใส่ต้องถอดด้วยนะครับ
จขกท. : เปล่าค่ะ ติดแต่ขนตาปลอมต้องถอดไหมคะ
พนง. : ไม่ต้องคร้าบบบบ
(พนง.และคุณผู้ชายแอบขำกันใหญ่ ... ก็หนูไม่รู้อ้ะ)
ของจขกท.และคุณผู้ชายโชคดีค่ะ ไปทำช่วงปลายเดือนพค. ใช้เวลา 5 วันทำการก็ได้มาแล้วค่ะ
การเดินทางไปปารีส
ตรงหัวข้อนี้ขอไม่พูดอะไรมากมายค่ะ ส่วนตัวจขกท.ใช้บริการการบินไทย บิน direct จาก กรุงเทพไปปารีส เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่อง A380 ลำใหญ่สองชั้น
ที่พัก
จองกับ booking.com ค่ะ จขกท.เลือกที่พักที่คุณน้องวีแนะนำไว้คือ ibis d'Italie ค่ะ สะดวกมากมีรถไฟฟ้าผ่านสามสายค่ะ เป็นย่านที่ปลอดภัยกลับมาดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่น คนเดินเยอะแยะตลอดเลยค่ะ โรงแรมติดกับคาฟูร์ หาซื้อน้ำและของกินไม่ยากค่ะ จองไป 5 คืนเป็นยอดเงิน 389euro ค่ะ
ตอนแรกอยากไปพัก ibis eiffel ค่ะ แต่ว่า เต็ม จองไม่ทัน หลังจากอ่านรีวิวมากมาย คุณน้องวีได้แนะนำไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องนอนที่สถานีใหญ่ แต่ให้นอนสถานีที่ดูปลอดภัยดีกว่า ไม่ได้อยู่ใจกลางปารีสแต่ข้อดีคือราคาไม่แพงค่ะ ยังไงรถไฟฟ้าก็ไปถึงทุกที่อยู่แล้ว
ห้องพักที่นี่สะอาดดีค่ะ แม้ห้องจะเล็กไปหน่อยก็ตาม เครื่องอำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีให้ผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพูค่ะ อย่างอื่นไม่มี
ไม่มีตู้เย็นนะคะ กาน้ำร้อนไม่แน่ใจค่ะ ไม่ได้ใช้เลยไม่ได้เปิดหาดู
การเตรียมตัวอื่นๆ
เรื่องอื่นๆที่เตรียมตัวเอาไว้ก็มีแลกเงิน จัดเสื้อผ้า ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนพอดี เลยไม่ต้องแบกอะไรมากมายค่ะ กล้อง ยา ทำทริปการเดินทางซึ่งจะช่วยได้มากในการแลกเงินค่ะ จขกท.แลกเงินไปพอดีเป๊ะเลยเพราะคำนวณไว้แล้วว่าค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้าง (มีรูดการ์ดเพิ่มบ้างเป็นพวกของฝากค่ะ ลืมคิด)
เรื่องขึ้นชื่อของที่ปารีสคงไม่พ้นโจรจอมล้วงกระเป๋าทั้งหลาย จขกท.ก็ใช้กระเป๋าจิงโจ้คาดพุงแล้วใส่ไว้ในเสื้ออีกทีค่ะใส่พาสปอร์ต เงิน บัตรเครดิตเอาไว้
ส่วนเงินที่จะใช้ในวันนั้นๆก็แยกเอาออกมาค่ะ ปลอดภัยหายห่วงทั้งทริป ไม่มีเรื่องของหายเงินหายค่ะ
เอาล่ะค่ะ เริ่มออกเดินทางงงงงงงงงงง
วันแรก : โรงละคร Opera / หอไอเฟล
ไฟลท์ของเราออกกลางคืนค่ะ เราก็เช็คอินสี่ทุ่ม รอเครื่องออก บนเครื่องก็ไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ กิน นอน ดูหนัง กิน แล้วเครื่องก็มาถึงสนามบิน CDG (Charles de Gualle airport) ที่ปารีสมีสองสนามบินนะคะ อีกที่หนึ่งชื่อออร์ลี่ค่ะ แต่ถ้านั่งการบินไทย เราก็จะลงที่ CDG ค่ะ
บนเครื่องก็เจอคนไทยเยอะแยะเลยค่ะ คงจะมาเที่ยวกัน แอบเห็นบางคนไปพร้อมกันกลับพร้อมกันด้วยค่ะ
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว เราสองคนก็ออกเดินหา information counter เพื่อซื้อ museum pass ค่ะ จริงๆจะซื้อตั๋วรถไฟ ตั๋วรถบัสเข้าเมืองด้วย เพราะจขกท.ต้องการแปลงเงินสดที่หอบมาเป็นตั๋วให้หมดจะได้ไม่ต้องพกเงินไปมากๆค่ะ แต่ว่าที่สนามบินดันขายแพงกว่าซะงั้น เลยไม่ได้ซื้อค่ะ
museum pass ซื้อที่นี่ได้เลย ในเมืองหาซื้อค่อนข้างยากค่ะ
museum pass มีแบบ 2, 4, 6 วันแล้วแต่เราค่ะ ราคา 42, 56, 69 euro ค่ะ
พอได้มาก็เขียนชื่อและวันที่จะใช้งานด้านหลัง โดยกรุณาเขียนตัวบรรจงอย่างตั้งใจนะคะ ห้ามเขียนผิดหรือขีดฆ่าโดยเฉพาะวันที่ที่ใช้งานค่ะ ส่วนชื่อจะเขียนผิดก็ไม่มีใครว่าค่ะ เค้าไม่ขอดูเทียบกับพาสปอร์ตค่ะ
museum pass นี่เป็นการใช้งานแบบวันติดกันนะคะ เลือกใช้เป็นวันๆไม่ได้ค่ะ ของจขกท.เลือกแบบ 4 วันค่ะ เราสองคนชอบเข้าไปชื่นชมศิลปะอยู่แล้ว ไม่ใช่แนวขาชอปปิ้ง
จขกท.คำนวณไว้แล้วค่ะ ว่าใช้แล้วคุ้มเพราะเข้าหลายที่ นอกเหนือจากนี้ยังใช้เป็นบัตรเบ่งในการลัดคิวด้วยค่ะ มีช่องทางเข้าเฉพาะให้ อิอิ ชอบตรงนี้แหละค่ะ แต่ก็ไม่สามารถลัดคิวได้ทุกที่นะคะ และหลายๆที่มักจะคิวยาวเสมอเลยค่ะ ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งคนฝรั่งเศสเอง เช่น ลูฟ เป็นต้น
สามารถศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจได้ที่นี่ค่ะ
http://en.parismuseumpass.com/
จากนั้นเราก็เดินไปรอขึ้นรถบัสชื่อ รอยซี่บัส เพื่อเข้าไปในตัวเมืองค่ะ ตกราคาคนละ 10.5 euro ที่สนามบินมีจุดขึ้นรอยซี่บัสทุก terminal ค่ะ เดินออกมารับรองเจอเลย วิธีการกดซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ไม่เกินสิบนิ้วจิ้ม รับรองได้ตั๋วมาค่ะ
การเดินทางเข้าไปในเมืองสามารถขึ้นรถรอยซี่บัส หรือขึ้นรถบัสของ air france หรือใช้บริการรถไฟก็ได้ค่ะ แต่เนื่องจากสถานีรถไฟที่นี่เดินขึ้นลงใช้บันได ไม่มีลิฟต์ จขกท.เลยนั่งรถบัสชมเมืองแทนค่ะ ไม่อยากยกกระเป๋าขึ้นๆลงๆบันไดหลายรอบ ถึงจะมีคุณผู้ชายช่วยยกให้ก็เถอะ
ถ้ารอยซี่บัส จุดลงคือ Opera ค่ะ ถ้ารถบัสของ air france ลงที่ประตูชัยค่ะ
หลังจากลงที่โอเปร่าก็ต่อรถไฟใต้ดิน Metro ไปยังโรงแรมค่ะ เอาของเข้าไปฝากไว้ก่อน มาถึงเช้าห้องยังไม่พร้อมค่ะ เข้าห้องน้ำ จัดกระเป๋าเสร็จ ออกไปตะลุยกันเลย
นั่งรถไฟย้อนกลับไปที่ Opera ใหม่ค่ะ ก่อนจะเข้าไปก็แวะซื้อซิมโทรศัพท์ที่ shop Orange ค่ะ จ่ายไปคนละ 20 euro ได้ซิมมาสำหรับเล่น internet 500MB ในระยะเวลา 2 อาทิตย์ (ค่าซิม 10 ค่าเนท 10) ถ้าไม่พอก็ค่อยซื้อเติมได้เรื่อยๆค่ะ โทรออกได้ฟรี 12 นาทีในประเทศ
จขกท.ตกลงกับคุณผู้ชายเอาไว้ว่า ต้องมีเผื่อฉุกเฉินจะได้โทรหากันได้ หรือไม่งั้นก็ไลน์หากัน เคยมีประสบการณ์หลงกันในต่างประเทศครั้งนึง หลอกหลอนมากค่ะ ไม่เอาอีกแล้ว ส่วน internet ก็เอาไว้เช็คอินบ้าง โพสรูปบ้าง จขกท.ใช้ google maps ซะเยอะ สะดวกดีมากค่ะ
แผนที่ shop Orange ค่ะ
เรียบร้อยแล้วเราก็เข้าไปใน Opera กัน เย้... เพื่อนจขกท.เคยมาทำงานที่นี่พักนึงบอกว่าที่นี่สวยมาก ขอให้จงเข้าไปเถิด เราเสียค่าเข้าคนละ 10 euro ค่ะ Opera ไม่รวมอยู่ใน museum pass ค่ะ
ที่ปารีสมีสองโอเปร่านะคะ อันที่ชื่อดังที่ทุกคนรู้จักคือ Opera Garnier ค่ะ สถานที่แห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนิยายดังเรื่อง Phantom of The Opera เพราะโคมไฟตกลงมาทับคนดู
ประวัติสักเล็กน้อยจากวิกิค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย เป็นโรงอุปรากรตั้งอยู่ในกรุงปารีสในฝรั่งเศส ที่สร้างโดย ชาร์ล การ์นีเย โดยคำสั่งของจักรพรรดินโปเลียนที่สาม เป็นสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูบาโรก โรงอุปรากรปาแลการ์นีเยถือกันว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุค
เมื่อทำการเปิดในปี ค.ศ. 1875 โรงอุปรากรมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Académie Nationale de Musique - Théâtre de l'Opéra” (สถาบันดนตรีแห่งชาติ - โรงละครเพื่อการแสดงอุปรากร) แต่หลังจากคณะอุปรากรแห่งปารีส (Opéra National de Paris) เลือกโรงอุปรากรบัสตีย์ซึ่งเป็นโรงอุปรากรที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่เป็นโรงอุปรากรหลักแล้ว โรงละครแห่งชาติก็เปลี่ยนชื่อเป็น “ปาแลการ์นีเย” แม้ว่าจะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Académie Nationale de Musique” (สถาบันดนตรีแห่งชาติ) แม้ว่าคณะอุปรากรจะย้ายไปยังโรงอุปรากรบัสตีย์ แต่ “ปาแลการ์นีเย” ก็ยังคงเรียกกันว่า “โรงอุปรากรปารีส”
[CR] Summer in Paris & Tour de France 2014
ปกติเคยแต่อ่านพันทิพเฉยๆไม่เคยตั้งกระทู้กับเค้าเลยค่ะ (ยืมล็อกอินพี่สาวมาค่ะ)
เมื่อปลายเดือนที่แล้ว (23-29 july 2014) จขกท.ไปเที่ยวปารีสมาค่ะ
เมื่อตอนไปหาซื้อหนังสือก็หาไม่ได้เลยที่ร้านหนังสือแถวๆบ้าน (จริงๆคือไปแค่สองสามร้านค่ะ 555) ก็เลยไปขอยืมหนังสือเพื่อนมาทำทริปค่ะ แต่ข้อมูลที่ช่วยได้มากกกกกกก (ก ไก่อีกยี่สิบห้าตัว ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) คือกระทู้ในพันทิพนี่แหละค่ะ
ก็เลยเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้ เพื่อเป็นการตอบแทนทุกๆคนที่ทำ review กันมา
ถึงแม้ว่า จะมีข้อมูลอยู่มากมายแล้วในนี้ แต่ขอให้ถือว่าการเขียนกระทู้นี้เป็นการทำเพื่ออัพเดทราคา เส้นทางต่างๆก็แล้วกันนะคะ
ข้อผิดพลาดประการใด จขกท.ขอยกให้เป็นความผิดของจขกท.เองค่ะ ส่วนคุณงามความดีใดๆของกระทู้นี้ จขกท.ขอยกให้เป็นความชอบของเพื่อนผู้เป็นเจ้าของหนังสือที่ให้ยืมมา และเป็นของคุณ log in “น้องวี we : wee” ด้วยค่ะ (คุณน้องวีได้ตอบความคิดเห็นเอาไว้มากมายหลายกระทู้เลยค่ะ เป็นประโยชน์สุดๆๆๆ)
เริ่มกันที่ทำไมต้องไปปารีส
เนื่องจากคุณผู้ชายของจขกท.ค่ะ เธอหลงไหลในการปั่นจักรยานอย่างมากมาย วันหนึ่งเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์เธอเดินมาบอกจขกท.ค่ะว่า “น้องคะ พี่อยากไปดูตูเดอฟร้องค่ะ” จริงๆจขกท.ก็ทำเนียนๆไม่ได้ยิน เปลี่ยนเรื่อง แต่เธอตั้งใจมากค่ะ ก็เลยเอ้า ไปก็ไป
ตอนแรกเลยก็เสาะหาข้อมูลค่ะ ว่าจะไปดูกันหลายๆ stage ดีไหม อะไร ยังไง แต่ปีนี้ เริ่มจากฝั่งอังกฤษ ปั่นมาจบที่ประตูชัยค่ะ ครั้นจะไปดูทุก stage ก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองอะไรหรอกนะคะ เพราะมันไม่มีอยู่แล้วค่ะ แต่วันลาก็คงจะไม่สามารถขอยาวได้เดือนนึงค่ะ เดี๋ยวเจ้านายเชิญลาออกจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ตามมาในภายภาคหน้า
ครั้นจะดูแค่ stage ท้ายๆ ก็ไม่ใช่จะตามไปง่ายดายดังใจหวังค่ะ สรุป ไปดูแค่วันสุดท้ายวันเดียว ที่ final stage ค่ะ วันอื่นๆก็เที่ยวกันไปก่อนประปรายแล้วกันนะคะ
ถ้าใครอยากไปดูปีหน้า ติดตามกันได้ที่นี่ค่ะ
http://www.letour.fr/
วีซ่า
ฝรั่งเศสอยู่ในกลุ่มแชงเก้นค่ะ ต้องไปขอแชงเก้นวีซ่า รายละเอียดการยื่นขอ สามารถศึกษาได้จากเวปนี้เลยค่ะ
https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th
เป็นเอเจนซี่ที่รับยื่นให้กับฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ รายละเอียดคร่าวๆคือ เราควรยื่นล่วงหน้าก่อนวันเดินทางประมาณ 2 เดือนค่ะ เพราะในบางช่วงเวลาจะใช้เวลาการทำวีซ่าค่อนข้างนาน (คนยื่นเยอะค่ะ ฮอตฮิตมาก) ถ้าวีซ่าท่องเที่ยว ใช้เวลาทำการประมาณ 15 วัน
วิธีการก็คือ เตรียมเอกสาร เข้าไปลงทะเบียนในเวป นัดคิว แล้วไปยื่นเอกสารค่ะ
ปัจจุบันนี้ การยื่นขอแชงเก้นวีซ่า จำเป็นต้องไปด้วยตัวเองนะคะ เพื่อไปสแกนลายนิ้วมือ และถ่ายภาพค่ะ วันที่จขกท.ไปเห็นมีบางท่านใช้บริการทัวร์หรือเอเจนซี่ยื่นให้ แต่ก็ต้องไปพร้อมกันอยู่ดี เพื่อไปสแกนลายนิ้วมือค่ะ จริงๆยื่นเองไม่ยากเลยค่ะ ขอเพียงเตรียมเอกสารให้ไปครบก็เท่านั้นเองค่ะ
วันที่จขกท.ไป แต่งหน้าไปสวยงาม แบบว่าอยากได้รูปติดในพาสปอร์ตสวยๆไงคะ ปกติวันธรรมดาจขกท.มักจะหน้าสดค่ะ
จขกท. : เปล่าค่ะ ติดแต่ขนตาปลอมต้องถอดไหมคะ
พนง. : ไม่ต้องคร้าบบบบ
(พนง.และคุณผู้ชายแอบขำกันใหญ่ ... ก็หนูไม่รู้อ้ะ)
ของจขกท.และคุณผู้ชายโชคดีค่ะ ไปทำช่วงปลายเดือนพค. ใช้เวลา 5 วันทำการก็ได้มาแล้วค่ะ
การเดินทางไปปารีส
ตรงหัวข้อนี้ขอไม่พูดอะไรมากมายค่ะ ส่วนตัวจขกท.ใช้บริการการบินไทย บิน direct จาก กรุงเทพไปปารีส เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่อง A380 ลำใหญ่สองชั้น
ที่พัก
จองกับ booking.com ค่ะ จขกท.เลือกที่พักที่คุณน้องวีแนะนำไว้คือ ibis d'Italie ค่ะ สะดวกมากมีรถไฟฟ้าผ่านสามสายค่ะ เป็นย่านที่ปลอดภัยกลับมาดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่น คนเดินเยอะแยะตลอดเลยค่ะ โรงแรมติดกับคาฟูร์ หาซื้อน้ำและของกินไม่ยากค่ะ จองไป 5 คืนเป็นยอดเงิน 389euro ค่ะ
ขึ้นมาจากสถานีจะเจอห้างนี้ค่ะ มีคาฟูร์ในนี้ สบายแล้วเรา
รถไฟฟ้าสายที่ผ่านคือ 5 6 7 ค่ะ
ตอนแรกอยากไปพัก ibis eiffel ค่ะ แต่ว่า เต็ม จองไม่ทัน หลังจากอ่านรีวิวมากมาย คุณน้องวีได้แนะนำไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องนอนที่สถานีใหญ่ แต่ให้นอนสถานีที่ดูปลอดภัยดีกว่า ไม่ได้อยู่ใจกลางปารีสแต่ข้อดีคือราคาไม่แพงค่ะ ยังไงรถไฟฟ้าก็ไปถึงทุกที่อยู่แล้ว
ห้องพักที่นี่สะอาดดีค่ะ แม้ห้องจะเล็กไปหน่อยก็ตาม เครื่องอำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีให้ผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพูค่ะ อย่างอื่นไม่มี
ไม่มีตู้เย็นนะคะ กาน้ำร้อนไม่แน่ใจค่ะ ไม่ได้ใช้เลยไม่ได้เปิดหาดู
การเตรียมตัวอื่นๆ
เรื่องอื่นๆที่เตรียมตัวเอาไว้ก็มีแลกเงิน จัดเสื้อผ้า ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนพอดี เลยไม่ต้องแบกอะไรมากมายค่ะ กล้อง ยา ทำทริปการเดินทางซึ่งจะช่วยได้มากในการแลกเงินค่ะ จขกท.แลกเงินไปพอดีเป๊ะเลยเพราะคำนวณไว้แล้วว่าค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้าง (มีรูดการ์ดเพิ่มบ้างเป็นพวกของฝากค่ะ ลืมคิด)
เรื่องขึ้นชื่อของที่ปารีสคงไม่พ้นโจรจอมล้วงกระเป๋าทั้งหลาย จขกท.ก็ใช้กระเป๋าจิงโจ้คาดพุงแล้วใส่ไว้ในเสื้ออีกทีค่ะใส่พาสปอร์ต เงิน บัตรเครดิตเอาไว้
ส่วนเงินที่จะใช้ในวันนั้นๆก็แยกเอาออกมาค่ะ ปลอดภัยหายห่วงทั้งทริป ไม่มีเรื่องของหายเงินหายค่ะ
เอาล่ะค่ะ เริ่มออกเดินทางงงงงงงงงงง
วันแรก : โรงละคร Opera / หอไอเฟล
ไฟลท์ของเราออกกลางคืนค่ะ เราก็เช็คอินสี่ทุ่ม รอเครื่องออก บนเครื่องก็ไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ กิน นอน ดูหนัง กิน แล้วเครื่องก็มาถึงสนามบิน CDG (Charles de Gualle airport) ที่ปารีสมีสองสนามบินนะคะ อีกที่หนึ่งชื่อออร์ลี่ค่ะ แต่ถ้านั่งการบินไทย เราก็จะลงที่ CDG ค่ะ
บนเครื่องก็เจอคนไทยเยอะแยะเลยค่ะ คงจะมาเที่ยวกัน แอบเห็นบางคนไปพร้อมกันกลับพร้อมกันด้วยค่ะ
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว เราสองคนก็ออกเดินหา information counter เพื่อซื้อ museum pass ค่ะ จริงๆจะซื้อตั๋วรถไฟ ตั๋วรถบัสเข้าเมืองด้วย เพราะจขกท.ต้องการแปลงเงินสดที่หอบมาเป็นตั๋วให้หมดจะได้ไม่ต้องพกเงินไปมากๆค่ะ แต่ว่าที่สนามบินดันขายแพงกว่าซะงั้น เลยไม่ได้ซื้อค่ะ
museum pass ซื้อที่นี่ได้เลย ในเมืองหาซื้อค่อนข้างยากค่ะ
museum pass มีแบบ 2, 4, 6 วันแล้วแต่เราค่ะ ราคา 42, 56, 69 euro ค่ะ
พอได้มาก็เขียนชื่อและวันที่จะใช้งานด้านหลัง โดยกรุณาเขียนตัวบรรจงอย่างตั้งใจนะคะ ห้ามเขียนผิดหรือขีดฆ่าโดยเฉพาะวันที่ที่ใช้งานค่ะ ส่วนชื่อจะเขียนผิดก็ไม่มีใครว่าค่ะ เค้าไม่ขอดูเทียบกับพาสปอร์ตค่ะ
museum pass นี่เป็นการใช้งานแบบวันติดกันนะคะ เลือกใช้เป็นวันๆไม่ได้ค่ะ ของจขกท.เลือกแบบ 4 วันค่ะ เราสองคนชอบเข้าไปชื่นชมศิลปะอยู่แล้ว ไม่ใช่แนวขาชอปปิ้ง
จขกท.คำนวณไว้แล้วค่ะ ว่าใช้แล้วคุ้มเพราะเข้าหลายที่ นอกเหนือจากนี้ยังใช้เป็นบัตรเบ่งในการลัดคิวด้วยค่ะ มีช่องทางเข้าเฉพาะให้ อิอิ ชอบตรงนี้แหละค่ะ แต่ก็ไม่สามารถลัดคิวได้ทุกที่นะคะ และหลายๆที่มักจะคิวยาวเสมอเลยค่ะ ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งคนฝรั่งเศสเอง เช่น ลูฟ เป็นต้น
สามารถศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจได้ที่นี่ค่ะ
http://en.parismuseumpass.com/
จากนั้นเราก็เดินไปรอขึ้นรถบัสชื่อ รอยซี่บัส เพื่อเข้าไปในตัวเมืองค่ะ ตกราคาคนละ 10.5 euro ที่สนามบินมีจุดขึ้นรอยซี่บัสทุก terminal ค่ะ เดินออกมารับรองเจอเลย วิธีการกดซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ไม่เกินสิบนิ้วจิ้ม รับรองได้ตั๋วมาค่ะ
การเดินทางเข้าไปในเมืองสามารถขึ้นรถรอยซี่บัส หรือขึ้นรถบัสของ air france หรือใช้บริการรถไฟก็ได้ค่ะ แต่เนื่องจากสถานีรถไฟที่นี่เดินขึ้นลงใช้บันได ไม่มีลิฟต์ จขกท.เลยนั่งรถบัสชมเมืองแทนค่ะ ไม่อยากยกกระเป๋าขึ้นๆลงๆบันไดหลายรอบ ถึงจะมีคุณผู้ชายช่วยยกให้ก็เถอะ
ถ้ารอยซี่บัส จุดลงคือ Opera ค่ะ ถ้ารถบัสของ air france ลงที่ประตูชัยค่ะ
หลังจากลงที่โอเปร่าก็ต่อรถไฟใต้ดิน Metro ไปยังโรงแรมค่ะ เอาของเข้าไปฝากไว้ก่อน มาถึงเช้าห้องยังไม่พร้อมค่ะ เข้าห้องน้ำ จัดกระเป๋าเสร็จ ออกไปตะลุยกันเลย
นั่งรถไฟย้อนกลับไปที่ Opera ใหม่ค่ะ ก่อนจะเข้าไปก็แวะซื้อซิมโทรศัพท์ที่ shop Orange ค่ะ จ่ายไปคนละ 20 euro ได้ซิมมาสำหรับเล่น internet 500MB ในระยะเวลา 2 อาทิตย์ (ค่าซิม 10 ค่าเนท 10) ถ้าไม่พอก็ค่อยซื้อเติมได้เรื่อยๆค่ะ โทรออกได้ฟรี 12 นาทีในประเทศ
จขกท.ตกลงกับคุณผู้ชายเอาไว้ว่า ต้องมีเผื่อฉุกเฉินจะได้โทรหากันได้ หรือไม่งั้นก็ไลน์หากัน เคยมีประสบการณ์หลงกันในต่างประเทศครั้งนึง หลอกหลอนมากค่ะ ไม่เอาอีกแล้ว ส่วน internet ก็เอาไว้เช็คอินบ้าง โพสรูปบ้าง จขกท.ใช้ google maps ซะเยอะ สะดวกดีมากค่ะ
แผนที่ shop Orange ค่ะ
เรียบร้อยแล้วเราก็เข้าไปใน Opera กัน เย้... เพื่อนจขกท.เคยมาทำงานที่นี่พักนึงบอกว่าที่นี่สวยมาก ขอให้จงเข้าไปเถิด เราเสียค่าเข้าคนละ 10 euro ค่ะ Opera ไม่รวมอยู่ใน museum pass ค่ะ
ที่ปารีสมีสองโอเปร่านะคะ อันที่ชื่อดังที่ทุกคนรู้จักคือ Opera Garnier ค่ะ สถานที่แห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดนิยายดังเรื่อง Phantom of The Opera เพราะโคมไฟตกลงมาทับคนดู
ประวัติสักเล็กน้อยจากวิกิค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้