ตราบเวลามิอาจกั้นรัก ...บทนำ
http://pantip.com/topic/32393471/comment7-1
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 1
พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงจากมรสุมที่ถูกพัดพามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ทั่วอาณาบริเวณโดยรอบของผืนป่ามีสภาพเจิ่งนองเต็มไปด้วยน้ำ กิ่งไม้น้อยใหญ่หักระเกะระกะจากลมพายุที่โหมกระหน่ำ เสียงอัสนีบาตฟาดผ่านชั้นบรรยากาศจนบ้านสะเทือนไปทั้งหลัง สายฝนโหมกระหน่ำรุนแรง สาดซัดตัวบ้านอย่างไร้ทิศทาง ราวกับวันนี้อาจเป็นวันสิ้นโลก
จานดาวเทียมที่ใช้รับสัญญาณอินเตอร์เน็ต และทีวีถูกตรึงไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ยึดไว้กับเสาปูนรวมถึงข้าวของต่างๆ ที่อาจปลิวเพราะลมถูกจัดเก็บไว้อย่างดีก่อนที่พายุลูกนี้จะแวะเข้ามาเยี่ยมเยือน
นั่นเป็นเพราะปีนี้เป็นปีซึ่งไม่ว่าอะไรต่อมิอะไรก็มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านสื่อหลากประเภท และนี่ก็เป็นผลพวงจากสื่อช่องทางหนึ่ง พยากรณ์อากาศทางทีวีทำให้รู้ล่วงหน้าไม่ต้องตื่นเต้นตกใจวิ่งเก็บโน่นเก็บนี่ยามพายุกระหน่ำ
“คุณหนูเบญครับ”
สิ้นเสียงเรียกนั้นหญิงสาวร่างสูง วงหน้ารูปไข่ขาวอมชมพูภายใต้คิ้วเข้มโค้งเรียว รับกับดวงตาสีดำสนิท ผมหยิกยักโศก สั้นปะบ่าหันกลับมามองชายยืนอยู่ที่โค้งประตูซึ่งเชื่อมห้องรับแขกและห้องทำงานเล็กๆ ของเธอ
“คะลุงสม”
“พายุแรงอย่าไปยืนเอาหน้าแนบกระจกแบบนั้นสิครับ เผื่อกิ่งไม้มันปลิวมาปะทะตัวกระจกแตกคุณหนูจะบาดเจ็บได้นะครับ”
ลุงสมคนสวนเก่าแก่เอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย เขาอยู่เฝ้าบ้านนี้มาตั้งแต่เธอจำความได้กับป้าศรีภรรยา ชายสูงวัยเป็นคนเก่าคนแก่ที่คุณตาของเธอรับเข้ามาอยู่ด้วยโดยแลกกับการทำงานในสวนและบ้าน พร้อมมีเงินเดือนให้ จนกระทั้งคุณตาสิ้นลุงสมก็ยังอยู่ที่นี่
ชายวัยชรา หากแข็งแรง มีบ้านไม้หลังหย่อม ซึ่งบิดาเธอสร้างแทนบ้านหลังเก่าซึ่งทรุดโทรมไปมากตามกาลเวลาที่หมุนผ่านไปให้ใหม่ แต่ไม่ว่าใครจะกล่อมยังไง ลุงสมก็ไม่ยอมรื้อบ้านหลังเก่า เพราะบ้านหลังนั้นมีความทรงจำมากมาย รวมถึงเป็นบ้านที่คุณตาเธอสร้างเป็นเรือนหอให้ลุงสมในวันแต่งงานของเขากับป้าศรี แต่เมื่อเธอเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้กับเขา ชายสูงวัยครุ่นคิดอยู่ไม่นาน ก่อนจะยอมให้มีการรื้อบ้านหลังเก่าท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่เกลี้ยกล่อมแก
เบญญารู้ว่าลุงสมรักเธอเหมือนลูกสาว และจงรักเหมือนที่เขามีให้กับตา เมื่อสิ้นคุณตา ความรัก จงรักนั้นจึงโอนถ่ายมายังเธอ ซึ่งเป็นหลานสาวสุดที่รักแทน เบญญาอมยิ้มนิดๆ เอ่ยปากบอกคนเก่าแก่ด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“ถ้ามันปลิวมาเบญก็หลบสิคะลุงสม”
“มันจะไม่ทันนะซิครับลมก็ยังแรงอยู่เลย อีกอย่างผมกังวลกลัวว่าฝ้ายน้ำหลังบ้านที่ทำเอาไว้มันจะพัง เพราะน้ำป่ารอบนี้คงจะแรงผิดปกตินะครับ” สีหน้ากังวลปรากฏให้เห็นในดวงตาของชายชรา
“ถ้ามันแตกเราก็ซ่อมมันใหม่ จะไปกังวลให้ปวดหัวทำไมละคะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ว่าแต่เบญไม่เคยเห็นพายุแรงเท่านี้มาก่อนเลยนะคะ ฟ้าคะรองยังกับโกรธใคร”
เบญญาเงยหน้ามองฟ้าสีเทาหม่น สายฟ้ายังคงแลบแปลบปราบอยู่เป็นระยะ สายฝนซาเม็ดลงบ้างแต่ก็ยังคงตกปะปรายสลับกับแรงบ้างเป็นบางครั้ง
“ทางลงเขาบ้านเรามันเป็นช่องลมด้วยน่ะครับคุณหนู เวลาฝนตกฟ้าคะนองลมจะแรงกว่าตรงอื่น เค้าเรียกว่าประตูลมครับ โน่นไงครับตรงนั้น”
ลุมสมเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ชี้มือไปยังภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้าบ้าน ตรงกลางระหว่างเขานั้นคือประตูลม ซึ่งทุกครั้งที่เกิดลมพายุหรือหน้ามรสุม ลมจะถูกพัดเข้ามาจากบริเวณนั้น ยังดีที่ตัวบ้านของเธอไม่ได้ปลูกอยู่ในแนวกวาดของประตูลม ไม่อย่างนั้นคงต้องกังวลทุกครั้งที่มีพายุหรือมรสุม
“หนูเพิ่งรู้ว่ามีประตูลมด้วยนอกจากประตูบ้าน ประตูรั้ว ประตูครัว” หญิงสาวพูดติดตลก เย้าคนสูงวัยข้างกาย ซึ่งยังมีทีท่ากังวลกับสภาพอากาศไม่คลาย
“คุณหนูอยู่ไปนานๆ ก็จะได้เห็นฤทธิ์ของประตูลมหน้าบ้านเรานี่แหละครับ วันดีคืนดีไม่ทันตั้งตัวพามาจนเรือนกล้วยไม้คลอนก็มีครับ นี่ผมก็ดึงสลิงไว้แล้ว กลัวมันหอบโรงกล้วยไม้คุณท่านไปกินซะ”
“แรงอย่างนั้นเชียวหรือคะลุงสม”
“ครับ ทั้งแรง ทั้งเสียงดังเชียวล่ะ ว่าแต่คืนนี้คุณหนูจะนอนคนเดียวได้ไหมครับ เสียงพายุมันดังอย่างนี้ ให้ยายศรีมานอนเป็นเพื่อนเอาไหมครับ”
“ไม่ต้องค่ะ เบญนอนได้ แหมนอนคนเดียวมาตั้งเดือนกว่าแล้วกับแค่พายุ ฝนตกฟ้าคะนอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะเบญไม่ใช่เด็กตัวเท่าเมี่ยงแล้วนะคะเลิกกลัวฟ้าผ่าฟ้าร้องแล้วค่ะลุงสม”
หญิงสาวปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน นึกชอบใจความทรงจำดีเยี่ยมของลุงสมเกี่ยวกับวัยเด็กของเธอ ซึ่งไม่ถูกโรคกับฟ้าผ่า ฟ้าร้องเลยสักครั้ง จึงทำให้มีหลายครั้งป้าศรีจะคอยเปิดประตูห้องนอนเล็กเข้ามานอนเป็นเพื่อน ครั้งที่เธอมาอยู่กับคุณตาช่วงปิดเทอม และอาจเพราะลุงสมกับป้าศรีไม่มีลูกด้วยกัน เธอจึงได้รับความเอาใจใส่จากทั้งสองอย่างเต็มที่ในทุกคราที่มาพักที่บ้านคุณตา
“อย่างนั้น ถ้าคุณหนูต้องการอะไรก็ตะโกนเรียกนะครับ
“จ้ะ ลุงสมไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเบญจะทำงานอีกสักหน่อยแล้วก็จะเข้านอนแล้วล่ะค่ะ”
“ครับงั้นผมขอตัวนะครับคุณหนู”
“จ้ะ”
เบญญามองตามแผ่นหลังของชายสูงวัยเดินออกไปจากห้อง ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานด้านใน คอมพิวเตอร์โน้ตบุคถูกปิดไปตั้งแต่ฝนฟ้าคะนองหนัก แต่เธอก็ปริ๊นงานส่วนหนึ่งออกมาก่อนแล้ว
นวนิยายเรื่องใหม่ของเธอ ตัวละครได้ชื่อ พร้อมคาแรตเตอร์ทุกตัวตามแล้ว เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ยังขาดไปก็คือพล็อต หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่ยังขาดไปและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเขียนนิยายอย่างเธอ โดยปกตินิสัยการเขียนของเธอแล้ว ชื่อตัวละคร กับคาแรตเตอร์จะเหมือนตัวเชื่อมทำให้พล็อต ปิ๊งขึ้นในสมอง แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ดูเหมือนมันมึน ๆ ตัน ๆ ไปหมด
ตราบเวลามิอาจกั้นรัก...บทที่ 1
http://pantip.com/topic/32393471/comment7-1
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 1
พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงจากมรสุมที่ถูกพัดพามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ทั่วอาณาบริเวณโดยรอบของผืนป่ามีสภาพเจิ่งนองเต็มไปด้วยน้ำ กิ่งไม้น้อยใหญ่หักระเกะระกะจากลมพายุที่โหมกระหน่ำ เสียงอัสนีบาตฟาดผ่านชั้นบรรยากาศจนบ้านสะเทือนไปทั้งหลัง สายฝนโหมกระหน่ำรุนแรง สาดซัดตัวบ้านอย่างไร้ทิศทาง ราวกับวันนี้อาจเป็นวันสิ้นโลก
จานดาวเทียมที่ใช้รับสัญญาณอินเตอร์เน็ต และทีวีถูกตรึงไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ยึดไว้กับเสาปูนรวมถึงข้าวของต่างๆ ที่อาจปลิวเพราะลมถูกจัดเก็บไว้อย่างดีก่อนที่พายุลูกนี้จะแวะเข้ามาเยี่ยมเยือน
นั่นเป็นเพราะปีนี้เป็นปีซึ่งไม่ว่าอะไรต่อมิอะไรก็มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านสื่อหลากประเภท และนี่ก็เป็นผลพวงจากสื่อช่องทางหนึ่ง พยากรณ์อากาศทางทีวีทำให้รู้ล่วงหน้าไม่ต้องตื่นเต้นตกใจวิ่งเก็บโน่นเก็บนี่ยามพายุกระหน่ำ
“คุณหนูเบญครับ”
สิ้นเสียงเรียกนั้นหญิงสาวร่างสูง วงหน้ารูปไข่ขาวอมชมพูภายใต้คิ้วเข้มโค้งเรียว รับกับดวงตาสีดำสนิท ผมหยิกยักโศก สั้นปะบ่าหันกลับมามองชายยืนอยู่ที่โค้งประตูซึ่งเชื่อมห้องรับแขกและห้องทำงานเล็กๆ ของเธอ
“คะลุงสม”
“พายุแรงอย่าไปยืนเอาหน้าแนบกระจกแบบนั้นสิครับ เผื่อกิ่งไม้มันปลิวมาปะทะตัวกระจกแตกคุณหนูจะบาดเจ็บได้นะครับ”
ลุงสมคนสวนเก่าแก่เอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย เขาอยู่เฝ้าบ้านนี้มาตั้งแต่เธอจำความได้กับป้าศรีภรรยา ชายสูงวัยเป็นคนเก่าคนแก่ที่คุณตาของเธอรับเข้ามาอยู่ด้วยโดยแลกกับการทำงานในสวนและบ้าน พร้อมมีเงินเดือนให้ จนกระทั้งคุณตาสิ้นลุงสมก็ยังอยู่ที่นี่
ชายวัยชรา หากแข็งแรง มีบ้านไม้หลังหย่อม ซึ่งบิดาเธอสร้างแทนบ้านหลังเก่าซึ่งทรุดโทรมไปมากตามกาลเวลาที่หมุนผ่านไปให้ใหม่ แต่ไม่ว่าใครจะกล่อมยังไง ลุงสมก็ไม่ยอมรื้อบ้านหลังเก่า เพราะบ้านหลังนั้นมีความทรงจำมากมาย รวมถึงเป็นบ้านที่คุณตาเธอสร้างเป็นเรือนหอให้ลุงสมในวันแต่งงานของเขากับป้าศรี แต่เมื่อเธอเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้กับเขา ชายสูงวัยครุ่นคิดอยู่ไม่นาน ก่อนจะยอมให้มีการรื้อบ้านหลังเก่าท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่เกลี้ยกล่อมแก
เบญญารู้ว่าลุงสมรักเธอเหมือนลูกสาว และจงรักเหมือนที่เขามีให้กับตา เมื่อสิ้นคุณตา ความรัก จงรักนั้นจึงโอนถ่ายมายังเธอ ซึ่งเป็นหลานสาวสุดที่รักแทน เบญญาอมยิ้มนิดๆ เอ่ยปากบอกคนเก่าแก่ด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“ถ้ามันปลิวมาเบญก็หลบสิคะลุงสม”
“มันจะไม่ทันนะซิครับลมก็ยังแรงอยู่เลย อีกอย่างผมกังวลกลัวว่าฝ้ายน้ำหลังบ้านที่ทำเอาไว้มันจะพัง เพราะน้ำป่ารอบนี้คงจะแรงผิดปกตินะครับ” สีหน้ากังวลปรากฏให้เห็นในดวงตาของชายชรา
“ถ้ามันแตกเราก็ซ่อมมันใหม่ จะไปกังวลให้ปวดหัวทำไมละคะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ว่าแต่เบญไม่เคยเห็นพายุแรงเท่านี้มาก่อนเลยนะคะ ฟ้าคะรองยังกับโกรธใคร”
เบญญาเงยหน้ามองฟ้าสีเทาหม่น สายฟ้ายังคงแลบแปลบปราบอยู่เป็นระยะ สายฝนซาเม็ดลงบ้างแต่ก็ยังคงตกปะปรายสลับกับแรงบ้างเป็นบางครั้ง
“ทางลงเขาบ้านเรามันเป็นช่องลมด้วยน่ะครับคุณหนู เวลาฝนตกฟ้าคะนองลมจะแรงกว่าตรงอื่น เค้าเรียกว่าประตูลมครับ โน่นไงครับตรงนั้น”
ลุมสมเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ชี้มือไปยังภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้าบ้าน ตรงกลางระหว่างเขานั้นคือประตูลม ซึ่งทุกครั้งที่เกิดลมพายุหรือหน้ามรสุม ลมจะถูกพัดเข้ามาจากบริเวณนั้น ยังดีที่ตัวบ้านของเธอไม่ได้ปลูกอยู่ในแนวกวาดของประตูลม ไม่อย่างนั้นคงต้องกังวลทุกครั้งที่มีพายุหรือมรสุม
“หนูเพิ่งรู้ว่ามีประตูลมด้วยนอกจากประตูบ้าน ประตูรั้ว ประตูครัว” หญิงสาวพูดติดตลก เย้าคนสูงวัยข้างกาย ซึ่งยังมีทีท่ากังวลกับสภาพอากาศไม่คลาย
“คุณหนูอยู่ไปนานๆ ก็จะได้เห็นฤทธิ์ของประตูลมหน้าบ้านเรานี่แหละครับ วันดีคืนดีไม่ทันตั้งตัวพามาจนเรือนกล้วยไม้คลอนก็มีครับ นี่ผมก็ดึงสลิงไว้แล้ว กลัวมันหอบโรงกล้วยไม้คุณท่านไปกินซะ”
“แรงอย่างนั้นเชียวหรือคะลุงสม”
“ครับ ทั้งแรง ทั้งเสียงดังเชียวล่ะ ว่าแต่คืนนี้คุณหนูจะนอนคนเดียวได้ไหมครับ เสียงพายุมันดังอย่างนี้ ให้ยายศรีมานอนเป็นเพื่อนเอาไหมครับ”
“ไม่ต้องค่ะ เบญนอนได้ แหมนอนคนเดียวมาตั้งเดือนกว่าแล้วกับแค่พายุ ฝนตกฟ้าคะนอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะเบญไม่ใช่เด็กตัวเท่าเมี่ยงแล้วนะคะเลิกกลัวฟ้าผ่าฟ้าร้องแล้วค่ะลุงสม”
หญิงสาวปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน นึกชอบใจความทรงจำดีเยี่ยมของลุงสมเกี่ยวกับวัยเด็กของเธอ ซึ่งไม่ถูกโรคกับฟ้าผ่า ฟ้าร้องเลยสักครั้ง จึงทำให้มีหลายครั้งป้าศรีจะคอยเปิดประตูห้องนอนเล็กเข้ามานอนเป็นเพื่อน ครั้งที่เธอมาอยู่กับคุณตาช่วงปิดเทอม และอาจเพราะลุงสมกับป้าศรีไม่มีลูกด้วยกัน เธอจึงได้รับความเอาใจใส่จากทั้งสองอย่างเต็มที่ในทุกคราที่มาพักที่บ้านคุณตา
“อย่างนั้น ถ้าคุณหนูต้องการอะไรก็ตะโกนเรียกนะครับ
“จ้ะ ลุงสมไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเบญจะทำงานอีกสักหน่อยแล้วก็จะเข้านอนแล้วล่ะค่ะ”
“ครับงั้นผมขอตัวนะครับคุณหนู”
“จ้ะ”
เบญญามองตามแผ่นหลังของชายสูงวัยเดินออกไปจากห้อง ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานด้านใน คอมพิวเตอร์โน้ตบุคถูกปิดไปตั้งแต่ฝนฟ้าคะนองหนัก แต่เธอก็ปริ๊นงานส่วนหนึ่งออกมาก่อนแล้ว
นวนิยายเรื่องใหม่ของเธอ ตัวละครได้ชื่อ พร้อมคาแรตเตอร์ทุกตัวตามแล้ว เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ยังขาดไปก็คือพล็อต หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่ยังขาดไปและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเขียนนิยายอย่างเธอ โดยปกตินิสัยการเขียนของเธอแล้ว ชื่อตัวละคร กับคาแรตเตอร์จะเหมือนตัวเชื่อมทำให้พล็อต ปิ๊งขึ้นในสมอง แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ดูเหมือนมันมึน ๆ ตัน ๆ ไปหมด