เนื่องจาก ได้สมัครสินเชื่อ Speedy Cash ของไทยพานิชย์
ครั้งแรกที่สมัคร ไม่ผ่านการอนุมัติ เซล(พนักงานไทยพานิชย์) แจ้งเหตุผลว่ารายได้ไม่ผ่านเกณ ทั้งที่เงินผ่านบัญชีเดือนเป็นล้าน เซลแจ้งว่าเป็นการหมุนบัญชี
ครั้งที่ 2 เซลคนเดิมก็โทรมาตามบอกว่าให้ลองยื่นดูใหม่ ก้ไม่ผ่านการอนุมัติเช่นเดิม แต่เหตุผลให้ว่าใช้เอกสารเดินบัญชีไม่ใช้ฉบับจริง (เอกสารพิมพ์มาจากระบบ Internet Banking ) ครั้งนี้เซลบอกว่า แบงค์ประเมินรายได้ให้ 3 แสนกว่าต่อเดือน เซลบอกว่าให้ยื่นเรื่องอีกครั้งเดือนหน้า รับรองได้แน่โดยใช้เอกสารการเดินบัญชีฉบับจริงที่ต้องไปขอกับทางธนาคาร
ครั้งที่ 3 ก็ไม่ผ่านเช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่า ทำธุรกรรมทาง Internet เยอะเกินไป เซลแนะนำว่าให้หยุดใช้ Internet Banking สัก 3 เดือนแล้วยื่นใหม่
ซึ่งทางเราก็แจ้งกลับไปว่า คงเป้นไปไม่ได้เพราะการทำธุรกรรมทาง Internet เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว (ซึ่งธุรกิจเราคือค้าขายพืชไร่ ซื้อขายกันทุกวันวันละเป็น แสนๆ จะให้เอาเงินสดไป โอนเข้า โอนออกคงไม่สะดวก )
ครั้งที่ 4 มีเจ้าหน้าที่ไทยพานิชย์ ( คนละสาขากับ 3 ครั้งแรก ) บอกว่าให้ลองยื่นดูใหม่ เพราะ ถ้าใช้ สาขาที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันกับที่ทำธุรกิจจะง่ายขึ้น
( อันนี้คือเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ให้มา หลังจากที่เราแจ้งไปว่าเรายื่นไปแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่ผ่านการอนุมัติทั้ง 3 ครั้ง ) และผลก้เหมือนเดิมคือไม่อนุมัติ แต่เหตุผลที่ให้ว่า คือ ไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคาร ก็เป็นอันว่าคงจบกับไทยพานิชยืแค่นี้เพราะเราหรือธุรกิจเราคงไม่เข้าเงื่อนไขกับทาง ไทยพานิชย์
จนทิ้งช่วงห่างมาหลายเดือน เจ้าหน้าที่คนเดิมที่ยื่น ครั้งที่ 1-3 ก็โทรกลับมาบอกว่าให้ลองยื่นกู้ใหม่ ซึ่งครั้งนี้ เรามี วงเงิน โอดีจาก กรุงศรี มีบัตรเครดิต จาก กสิกรไทย ซึ่งเราก็ย้ำกับทางเจ้าหน้าที่แล้วว่าจะได้เหรอ ไม่อยากเสียความรู้สึกและเสียเวลา เตรียมเอกสารก็เยอะ ( statement เยอะมาก ) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า มีโอกาสแน่นอนได้ปรึกษากับผู้การแล้ว ก็เลยลองยื่นดู
และผลก็เป็นไปตามคาดคือไม่ผ่านการอนุมัติ เราไม่ได้ผิดอะไรมากมายกับการที่ไม่ได้รับอนุมัติ แต่เรารู้สึกว่าความไม่ชัดเจนไม่โปร่งใสของการทำงานของ ไทยพานิชย์ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ให้เหตุผล ตอนแรกว่า เราจ่ายโอดีมีล่าช้า ซึ่งเราก็ตกใจ เพราะเราจำได้ว่ามีช้าจริงเพราะลืมจ่าย แค่ 2 วันพอมีข้อความมาเตือน เราก็จ่ายทันทีเลย เจ้าหน้าที่ก็อ่ำอึ้ง บอกว่าจะไปเช็คให้ใหม่ และกลับมาบอกว่า เป็นเพราะเราใช้วงเงินโอดีเติม เราก็เลยถามไปว่า เราขอเหตุผลที่ชัดเจนหรือเชิงลึกมากว่านี้ได้ไหม และถามต่อไปว่าถ้าสมมติเราเอาเงินเข้าโอดีโดยไม่ให้เต็มวงเงินแล้วลองยื่นเดือนหน้าคุณกล้ารับประกันไหมว่าผ่าน เพราะในแต่ละครั้งที่ให้เหตุผลเรามันฟังดูแปลกๆๆ เหมือนเหตุผลปัญญาอ่อนยังไงไม่รู้ จนเจ้าหน้าที่ตอบอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ก็เลยบอกว่าจะให้ผู้การ โทรมาอธิบายเหตุผลแต่ รอแล้วรออีก โทรตามอยู่ 2-3 รอบ ผู้การก็ไม่โทรมาอธิบายเหตุผล ไม่รู้ว่าผู้การเองก้ไม่มีเหตุผลอื่นเหมือนกัน หรือเป็นเพราะเราขู่ไปว่าขอเหตุผลที่ ฟังแล้วไม่ใช้เด็ก ป.4 ฟังนะ เลยไม่กล้าโทรมา
ซึ่งตอนนี้เราไม่เข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไร สรุปเหตุผล ทั้ง 5 รอบ
1.รายได้ไม่ผ่านเกณฑ์ ( ธนาคารมองว่าเป็นหมุนบัญชี )
2.เอกสาร Statement ไม่ใชฉบับจริง ( ซึ่งต้องไปขอออกจากธนาคาร )
3.ทำธุรกรรมทาง Internet มากเกินไป ( มันมีเหตุผลข้อนี้ด้วยเหรอ )
4.ไม่เข้าเกณฑ์ของธนาคาร ( เจ้าหน้าที่ต่างสาขา )
5.ใช้วงเงินโอดีเต็ม ( ซึ่ง ธนาคารกสิกรก็ยังอนุมัติบัตรเครดิต วงเงินโอดีก็ใช้เต็มเหมือนกัน เพราะโอดีเราใช้กรุงศรีแต่บัญชีที่ทำธุรกรรมการค้าเป็นกสิกรก็เลยต้องเอาเงินจากโอดีมาอยู่ในบัญชีกสิกรทั้งหมดเพื่อสะดวกในการทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งมีทุกวัน )
ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า เหตุผลของ ไทยพานิชย์ไม่ชัดเจนหรือเจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้ด้านสินเชื่ออย่างถูกต้อง จึงทำให้ลูกค้าต้องเสียความรุ้สึกเสียเวลา
ต้องการถาม เหตุผลจาก SCB
ครั้งแรกที่สมัคร ไม่ผ่านการอนุมัติ เซล(พนักงานไทยพานิชย์) แจ้งเหตุผลว่ารายได้ไม่ผ่านเกณ ทั้งที่เงินผ่านบัญชีเดือนเป็นล้าน เซลแจ้งว่าเป็นการหมุนบัญชี
ครั้งที่ 2 เซลคนเดิมก็โทรมาตามบอกว่าให้ลองยื่นดูใหม่ ก้ไม่ผ่านการอนุมัติเช่นเดิม แต่เหตุผลให้ว่าใช้เอกสารเดินบัญชีไม่ใช้ฉบับจริง (เอกสารพิมพ์มาจากระบบ Internet Banking ) ครั้งนี้เซลบอกว่า แบงค์ประเมินรายได้ให้ 3 แสนกว่าต่อเดือน เซลบอกว่าให้ยื่นเรื่องอีกครั้งเดือนหน้า รับรองได้แน่โดยใช้เอกสารการเดินบัญชีฉบับจริงที่ต้องไปขอกับทางธนาคาร
ครั้งที่ 3 ก็ไม่ผ่านเช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่า ทำธุรกรรมทาง Internet เยอะเกินไป เซลแนะนำว่าให้หยุดใช้ Internet Banking สัก 3 เดือนแล้วยื่นใหม่
ซึ่งทางเราก็แจ้งกลับไปว่า คงเป้นไปไม่ได้เพราะการทำธุรกรรมทาง Internet เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว (ซึ่งธุรกิจเราคือค้าขายพืชไร่ ซื้อขายกันทุกวันวันละเป็น แสนๆ จะให้เอาเงินสดไป โอนเข้า โอนออกคงไม่สะดวก )
ครั้งที่ 4 มีเจ้าหน้าที่ไทยพานิชย์ ( คนละสาขากับ 3 ครั้งแรก ) บอกว่าให้ลองยื่นดูใหม่ เพราะ ถ้าใช้ สาขาที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันกับที่ทำธุรกิจจะง่ายขึ้น
( อันนี้คือเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ให้มา หลังจากที่เราแจ้งไปว่าเรายื่นไปแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่ผ่านการอนุมัติทั้ง 3 ครั้ง ) และผลก้เหมือนเดิมคือไม่อนุมัติ แต่เหตุผลที่ให้ว่า คือ ไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคาร ก็เป็นอันว่าคงจบกับไทยพานิชยืแค่นี้เพราะเราหรือธุรกิจเราคงไม่เข้าเงื่อนไขกับทาง ไทยพานิชย์
จนทิ้งช่วงห่างมาหลายเดือน เจ้าหน้าที่คนเดิมที่ยื่น ครั้งที่ 1-3 ก็โทรกลับมาบอกว่าให้ลองยื่นกู้ใหม่ ซึ่งครั้งนี้ เรามี วงเงิน โอดีจาก กรุงศรี มีบัตรเครดิต จาก กสิกรไทย ซึ่งเราก็ย้ำกับทางเจ้าหน้าที่แล้วว่าจะได้เหรอ ไม่อยากเสียความรู้สึกและเสียเวลา เตรียมเอกสารก็เยอะ ( statement เยอะมาก ) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า มีโอกาสแน่นอนได้ปรึกษากับผู้การแล้ว ก็เลยลองยื่นดู
และผลก็เป็นไปตามคาดคือไม่ผ่านการอนุมัติ เราไม่ได้ผิดอะไรมากมายกับการที่ไม่ได้รับอนุมัติ แต่เรารู้สึกว่าความไม่ชัดเจนไม่โปร่งใสของการทำงานของ ไทยพานิชย์ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ให้เหตุผล ตอนแรกว่า เราจ่ายโอดีมีล่าช้า ซึ่งเราก็ตกใจ เพราะเราจำได้ว่ามีช้าจริงเพราะลืมจ่าย แค่ 2 วันพอมีข้อความมาเตือน เราก็จ่ายทันทีเลย เจ้าหน้าที่ก็อ่ำอึ้ง บอกว่าจะไปเช็คให้ใหม่ และกลับมาบอกว่า เป็นเพราะเราใช้วงเงินโอดีเติม เราก็เลยถามไปว่า เราขอเหตุผลที่ชัดเจนหรือเชิงลึกมากว่านี้ได้ไหม และถามต่อไปว่าถ้าสมมติเราเอาเงินเข้าโอดีโดยไม่ให้เต็มวงเงินแล้วลองยื่นเดือนหน้าคุณกล้ารับประกันไหมว่าผ่าน เพราะในแต่ละครั้งที่ให้เหตุผลเรามันฟังดูแปลกๆๆ เหมือนเหตุผลปัญญาอ่อนยังไงไม่รู้ จนเจ้าหน้าที่ตอบอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ก็เลยบอกว่าจะให้ผู้การ โทรมาอธิบายเหตุผลแต่ รอแล้วรออีก โทรตามอยู่ 2-3 รอบ ผู้การก็ไม่โทรมาอธิบายเหตุผล ไม่รู้ว่าผู้การเองก้ไม่มีเหตุผลอื่นเหมือนกัน หรือเป็นเพราะเราขู่ไปว่าขอเหตุผลที่ ฟังแล้วไม่ใช้เด็ก ป.4 ฟังนะ เลยไม่กล้าโทรมา
ซึ่งตอนนี้เราไม่เข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไร สรุปเหตุผล ทั้ง 5 รอบ
1.รายได้ไม่ผ่านเกณฑ์ ( ธนาคารมองว่าเป็นหมุนบัญชี )
2.เอกสาร Statement ไม่ใชฉบับจริง ( ซึ่งต้องไปขอออกจากธนาคาร )
3.ทำธุรกรรมทาง Internet มากเกินไป ( มันมีเหตุผลข้อนี้ด้วยเหรอ )
4.ไม่เข้าเกณฑ์ของธนาคาร ( เจ้าหน้าที่ต่างสาขา )
5.ใช้วงเงินโอดีเต็ม ( ซึ่ง ธนาคารกสิกรก็ยังอนุมัติบัตรเครดิต วงเงินโอดีก็ใช้เต็มเหมือนกัน เพราะโอดีเราใช้กรุงศรีแต่บัญชีที่ทำธุรกรรมการค้าเป็นกสิกรก็เลยต้องเอาเงินจากโอดีมาอยู่ในบัญชีกสิกรทั้งหมดเพื่อสะดวกในการทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งมีทุกวัน )
ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า เหตุผลของ ไทยพานิชย์ไม่ชัดเจนหรือเจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้ด้านสินเชื่ออย่างถูกต้อง จึงทำให้ลูกค้าต้องเสียความรุ้สึกเสียเวลา