[CR] ทริปเชียร์บอล ตะลอนทัวร์ ยุโรป 7 วัน 7 คืน(Switzerland&Germany) Day#2

กระทู้รีวิว

ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ เที่ยวภูเขา บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ รถไฟ

Europe trip Day#2 : เดินทางขึ้นเขา เล่าเรื่องลูเซิร์น เพลินๆยามเย็น

วันนี้เราเดินทางไปขึ้นภูเขาหิมะ “Titlis” ส่วนตอนบ่ายเราเดินเล่นที่เมืองลูเซิร์น(ประทับใจบรรยากาศเมืองนี้มากครับ) และยังมีต่อตอนเย็นที่ซูริกอีกนิดหน่อยด้วยครับ เชิญรับชมได้เลยครับ

ติดตามตอนอื่นๆได้ที่นี้เลยครับ
Europe Trip Day#0 : การเตรียมตัวและเดินทางไป Switzerland “ดินแดนแห่งช๊อกโกแลต” : http://pantip.com/topic/32426455
Europe trip Day#1 : สไตน์แอมไรน์ สายน้ำตกไรน์ สบายๆเชียร์บอล : http://pantip.com/topic/32430482
Europe trip Day#3 : เข้าสู่เยอรมัน ลั้นลาสตุจการ์ด ฟาดอาหารจานยักษ์ : http://pantip.com/topic/32434213
Europe trip Day#4 : ปราสาทดิสนี่ Taxiลงเขา เมาเบียร์มิวนิค : http://pantip.com/topic/32443263
Europe trip Day#5 : ขึ้นหอคอยชมเมือง เลื่องลือวู๊ดบวก ผู้คนหลงทาง : http://pantip.com/topic/32454006
Europe trip Day#6 : ไวน์ดีมีชื่อ ซื้อกางเกงใส่ ชัยชนะเยอรมัน : http://pantip.com/topic/32470887

ตื่นมาก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าหนาๆ และลงไปทานข้าวเช้าเลยครับ
อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ของโรงแรม มีทั้งซีเรียล แฮม ชีส ขนมปัง เอแคล สลัดผลไม้ ชา และกาแฟ

ต้องต้มไข่เอง โดยเขาระบุไว้ว่า ต้ม 5 นาทีได้ไข่ยางมะตูม ต้ม 8 นาทีไข่จะสุกทั้งหมด

รูปร่างอาหารที่ตักมา (เอแคลอร่อยมาก)

เมื่ออิ่มแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทาง ก่อนอื่นเดินทางไปเมืองลูเซิน[Luzern] แล้วจึงต่อรถไฟอีกขบวนไปแองเกลเบิร์ก[Engelberg]

ระหว่างทางบนรถไฟ…..ถึงแม้วันนี้จะมีเมฆมากเหมือนเมื่อวานแต่เมฆก็ทำให้เกิดวิวสวยๆ

ในที่สุดก็มาถึง Engelberg พร้อมจะขึ้นภูเขาTitlis(ทิสลิส)แล้ว ><

เดินจากสถานีประมาณ10 นาทีก็จะถึงกระเช้าขึ้นภูเขา เมืองนี้เหมือนอยู่กลางหุบเขามองไปทางไหนก็มีแต่ภูเขาสูง

หลังจากนั้นเราก็ซื้อตั๋วและขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา (แต่ละกระเช้านั่ง 4-6 คน)

มองเห็นวัวด้วยครับ ซึ่งวัวก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ร้าน Gift shop ทุกร้านจะมีขายกระดิ่งวัว และบางแห่งก็มีให้แกะสลักวัวจากไม้ด้วย

เจอกระเช้าติดธงประเทศไทยด้วยครับ

เมื่อขึ้นมาสักพัก ทุกคนก็ต้องลงจากกระเช้าแรก รวมตัวกันและขึ้นกระเช้าที่2 ซึ่งจุคนประมาณ 40-50 คน กระเช้าที่2นี้มีลักษณะพิเศษคือหมุนได้ (ผู้โดนสารในกระเช้าจะหมุนไปเรื่อยๆเพื่อชมวิวทั้ง 360 องศา)

มีป้ายต้อนรับภาษาไทยบนกระเช้าด้วยครับ ><

และแล้วเราก็มาถึงยอดเขาสักที มองกลับลงไปไม่เห็นอะไรเลยมีแต่หมอก

อาคารบนยอดเขามี5 ชั้น ชั้น1 มีถ้ำน้ำแข็ง ชั้น2เป็นร้านอาหาร ชั้น3เป็นร้านไอติม (กินไอติมท่ามกลางหิมะ ฟินจริงๆครับ) ชั้น4 มีมุมถ่ายภาพ panorama (หมอกลงพอดี ถ่ายไปไม่เห็นอะไรเลย) ชั้น5 มีลานหิมะและสะพานแขวน

พวกเราตัดสินใจขึ้นไปชั้น5 ก่อนแล้วค่อยลงมาถ้ำน้ำแข็งที่ชั้น1
บรรยากาศบนชั้น5 ตอนนั้นหิมะกำลังตกพอดีและหมอกก็ลงด้วยครับ

จะส่องดูอะไรดีหว่า มองลงมองไม่เห็นอะไรเลย

เนื่องจากอากาศข้างบนมันหนาวมาก ผมจึงขอออกไปเดินเล่นคนเดียว (ผู้สูงวัยยอมแพ้ความหนาวไปแล้วครับ)
เดินจากตัวอาคารต่อไปเรื่อยๆก็จะพบกับ หิมะ หิมะ แล้วก็ หิมะ (แล้วสะพานแขวนอยู่ไหนครับ)

หลังเดินย่ำหิมะมาสักพักก็จะเจอทางแยก ถ้าเดินไปทางซ้ายจะตกเขา ส่วนทางขวาไปสะพานแขวนครับ
ทางซ้าย

ทางขวา

เมื่อเดินบนสะพานแขวนไปเรื่อยๆก็เจอกับฝรั่งกลุ่มหนึ่งมาจาก USA ผมจึงถามเขาว่าสะพานแขวนมันไปสิ้นสุดที่ไหน แต่พวกเขาดันไม่รู้และบอกให้ผมตามกลุ่มเขาไปเรื่อยๆแล้วกัน (คนอเมริกาก็เฟรนรี่ดีครับชวนคุยเรื่องต่างๆและก็ขอถ่ายรูปด้วยกันด้วยครับ)
เดินไปเรื่อยๆจนสุดสะพาน ก็เจอบันได ลงไปชั้น1

พอเข้าประตูดันไปเจอถ้ำน้ำแข็ง (มันเชื่อมกันนี้เอง) // จริงๆแล้วคนส่วนมากจะเข้าถ้ำน้ำแข็งที่ชั้น1 แล้วเดินไปขึ้นสะพานแขวนชั้น5

ในถ้ำมีรูปแกะสลักด้วยแต่ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร (ฝีมือแกะสลักสู้แกะสลักผลไม้บ้านเราไม่ได้เลย // เกี่ยวไหม)

เดินไปเรื่อยๆจนสุดทางก็สามารถออกจากถ้ำได้ ผมจึงรีบไปกับคณะที่ร้านอาหาร
อาหารเที่ยงเป็นแกงแบบตักเท่าไหร่ก็ได้แล้วมาชั่งน้ำหนักเอา หนักมากก็จ่ายมาก (ถ้าตักน้ำแกงมากก็จะทำให้น้ำหนักรวมหนักมากครับ ดังนั้นตักแต่เนื้อคุ้มที่สุด)