เรื่องมันมีอยู่ว่า
เมื่อช่วงปลายปีที่ที่แล้ว ดิฉันไปฝึกงานที่สนามบิน
วันนึง ดิฉันยืนอยู่ตรงหน้าตม.กับเพื่อนอีกคน คอยให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารปกติ
คนก็เยอะเป็นปกติ ชุลมุนวุ่นวาย เวลามีไฟลท์มาลง ผู้โดยสารก็มากันทีเป็นร้อยๆ
มีลุงแก่ๆคนนึงเป็นคนจีน แกเดินเข้ามาถามเราเรื่องวีซ่า ว่าทำวีซ่าตรงไหน เราก็บอกแกไปว่าอยู่ตรงไหน
ตอนนั้นมีผู้โดยสารอีกคนเดินเข้ามาพอดี เป็นผู้ชาย น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน เค้าเดินมาขอใบตม. พร้อมกับใบหน้ายิ้มแยม
เค้าได้ยินเราคุยกับลุงคนจีนคนนั้น เค้าก็บอกกับเราว่า โห พูดจีนได้ด้วยอะ สำเนียงเค้าฟังดูก็เหมือนไม่ใช่คนไทย ดิฉันตอบไปว่า พูดได้แค่นี้แหละค่ะ
แล้วเค้าก็ขอใบตม.ไปเขียน ในตอนนั้นดิก็ไม่ได้สนใจอะไร
ดิฉันเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ชายอีกกลุ่มนึงประมาณ10คน (น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ชายที่เข้ามาคุยกับดิฉันตอนแรก)
เค้าใส่สูทกันทั้งกลุ่ม แล้วที่แขนก็มีป้ายผ้าติดคำภาษาญี่ปุ่นไว้ว่า "จิทชูเซ" แปลว่าเด็กฝึกงานค่ะ
เพื่อนดิฉันเห็นก็สนใจค่ะ เพราะมันอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นมาก เลยอยากถามว่าไปยังไง ไปทำอะไร แต่ก็ลังเลไม่กล้าถาม
ดิฉันไม่ได้สนใจอะไรมาก เลยไม่ได้เข้าไปถามให้ ก็เลยยืนอยู่เฉยๆ
ประมาณ2นาทีต่อมา ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาขอใบตม. เค้าเดินมาหาดิฉัน พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม แล้วก็พูดว่าขออีก1ใบ เค้าเขียนผิด
ดิฉันก็ส่งให้ ตอนนี้ผู้โดยสารเริ่มทยอยกันเข้าตม.ไปแล้ว คนก็เลยไม่เยอะ ดิฉันยืนอยู่เฉยๆ ก็หันไปมองผู้ชายคนนั้น เค้ายืนเขียนอยู่พักนึง
พอเสร็จแล้วก็จะเดินเข้าตม.ไปตรวจ เค้าเดินมากับเพื่อน3-4คน แต่เค้ามาหยุดตรงหน้าดิฉัน แล้วก็ยื่นหน้ามาพร้อมกับพูดอะไรสักอย่าง เป็นภาษาจีน
ดิฉันไม่เข้าใจภาษาจีนหรอกค่ะ ฟังและพูดได้เฉพาะประโยคที่จำเป็นต้องใช้ในสนามบินเท่านั้น
ดิฉันได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เพราะไม่เข้าใจ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันหยุดเคลื่อนไหว เหมือนเวลามันหยุด เหมือนอยู่ในภวังค์ และไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย
เรายืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น คงไม่นานแต่รู้สึกเหมือนนานมาก เหมือนถูกฟรีซไว้ แล้วเค้าก็ยิ้มและหัวเราะ และเดินจากไป เค้าเดินเข้าช่องตรวจสำหรับคนไทย
ผ่านไปประมาณ2นาที ตอนนี้ผู้โดยสารเข้าตม.และเริ่มทยอยออกไปด้านนอกแล้ว เพื่อนดิฉันบอกว่า อยากรู้จริงๆนะว่าพวกเค้าไปฝึกงานอะไรที่ญี่ปุ่น
ดิฉันเลยบอกเพื่อนว่า อยากรู้ใช่ไหม เดี๋ยวไปถามให้ สารภาพเลยว่าตอนนั้น ดิฉันอยากออกไปพบผู้ชายคนนั้นอีก ไม่ได้เพราะอยากรู้เรื่องฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรอกค่ะ 55555
ดิฉันรีบวิ่งผ่านตม.เพื่อออกไปข้างนอก ก็เห็นกลุ่มผู้ชายพวกนั้นกำลังยืนแลกเงินกันอยู่ ดิฉันพยายามมองหาผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่เจอ ก็เลยรวบรวมความกล้าเข้าไปถามผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นว่า ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรอคะ พอดีว่าเราอยากรู้ เราอยากไป เค้าก็บอกว่าไปโครงการนี้ๆๆนะ กี่ปีๆ แต่เค้ารับแต่ผู้ชายนะ
เราก็ อ่อ หรอคะ เสียดายจัง ขอบคุณนะคะ แล้วก็เดินออกมา
ดิฉันพยายามมองหาผู้ชายคนนั้น แต่ก็หาไม่เจอแล้วค่ะ เค้าคงจะเดินไปก่อนแล้ว
หลังจากนั้นดิฉันก็ลืมเรื่องนี้ไป ลืมไปสนิทเลย
ผ่านมาสองสามเดือน ดิฉันฝันถึงเค้าค่ะ ฝันถึงภาพเหตุการณ์เดิมๆอยู่หลายครั้ง จนทำให้ดิฉันเผลอนึกถึงเค้าบ่อยๆ บ่อยเข้าๆจนกลายเป็นนึกถึงทุกวัน
และตอนนี้มันก็กลายเป็นนึกถึงตลอดเวลา
ตอนนี้ผ่านมาเกือบปีแล้ว ดิฉันยังนึกถึงเค้าอยู่ค่ะ เวลาที่มึความสุข ดิฉันก็อยากให้เค้ามายืนอยู่ตรงนี้ เวลาทุกข์ดิฉันก็จะคิดว่าถ้ามีเค้า ต้องทำให้ดิฉันยิ้มได้แน่
ฉันไม่รู้ว่าชอบ หรือรัก หรือเพ้อ หรือหลง อะไรก็ตาม ดิฉันมีความสุขที่ได้เจอเค้าในวันนั้น แต่มีบางครั้งที่ดิฉันทุกข์ใจมาก คือมันทั้งสุขทั้งทุกข์อะค่ะที่เป็นแบบนี้
ดิฉันพยายามตามหาเค้า แต่ก็ไม่คืบหน้าหรอกค่ะ ดิฉันไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อ แม้กระทั่งเป็นคนไทยหรือคนจีนดิฉันก็ไม่แน่ใจ หรือคนจีนที่อยู่ในไทย หรือคนไทยที่เคยไปอยู่จีน 55555 อะไรก็ตาม ดิฉันไม่รู้เลย
ดิฉันไม่รู้จริงๆค่ะ ว่ารู้สึกแบบนี้กับคนๆนึงได้ยังไง ทั้งๆที่ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันเลย ดิฉันพูดกับเค้าแค่ประโยคเดียวจริงๆในวันนั้น
ดิฉันเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง หลายคนบอกว่าดิฉันเพ้อเจ้อ งมงาย อยู่กับเรื่องลมๆแล้งๆ 5555 ดิฉันก็คิดเหมือนกันค่ะ
แต่ทุกครั้งจะมีเค้าเข้ามาอยู่ในความคิดตลอด พยายามอย่างที่สุดเพื่อจะลบออกไปแต่ก็ยังทำไม่ได้
อย่างที่บอกค่ะ ว่าบางครั้งดิฉันก็เป็นทุกข์
แต่คนเรา ถ้ามีใครสักคนอยู่ในหัวใจ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราสุขตลอดเวลาใช่มั้ยคะ
ดิฉันอยากเจอเค้าอีก ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเราคงเจอกัน และเค้าคงจำเราได้ T__T
หรือเผื่อเค้าผ่านมาในพันทิปและเห็นกระทู้นี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง100% ไม่ได้มีการแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งสิ้นค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะ กระทู้แรก ไม่รู้ต้องแท็กอะไร _/\_
ความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าเพ้อจนบ้าแล้วรึเปล่า?
เมื่อช่วงปลายปีที่ที่แล้ว ดิฉันไปฝึกงานที่สนามบิน
วันนึง ดิฉันยืนอยู่ตรงหน้าตม.กับเพื่อนอีกคน คอยให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารปกติ
คนก็เยอะเป็นปกติ ชุลมุนวุ่นวาย เวลามีไฟลท์มาลง ผู้โดยสารก็มากันทีเป็นร้อยๆ
มีลุงแก่ๆคนนึงเป็นคนจีน แกเดินเข้ามาถามเราเรื่องวีซ่า ว่าทำวีซ่าตรงไหน เราก็บอกแกไปว่าอยู่ตรงไหน
ตอนนั้นมีผู้โดยสารอีกคนเดินเข้ามาพอดี เป็นผู้ชาย น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน เค้าเดินมาขอใบตม. พร้อมกับใบหน้ายิ้มแยม
เค้าได้ยินเราคุยกับลุงคนจีนคนนั้น เค้าก็บอกกับเราว่า โห พูดจีนได้ด้วยอะ สำเนียงเค้าฟังดูก็เหมือนไม่ใช่คนไทย ดิฉันตอบไปว่า พูดได้แค่นี้แหละค่ะ
แล้วเค้าก็ขอใบตม.ไปเขียน ในตอนนั้นดิก็ไม่ได้สนใจอะไร
ดิฉันเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ชายอีกกลุ่มนึงประมาณ10คน (น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ชายที่เข้ามาคุยกับดิฉันตอนแรก)
เค้าใส่สูทกันทั้งกลุ่ม แล้วที่แขนก็มีป้ายผ้าติดคำภาษาญี่ปุ่นไว้ว่า "จิทชูเซ" แปลว่าเด็กฝึกงานค่ะ
เพื่อนดิฉันเห็นก็สนใจค่ะ เพราะมันอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นมาก เลยอยากถามว่าไปยังไง ไปทำอะไร แต่ก็ลังเลไม่กล้าถาม
ดิฉันไม่ได้สนใจอะไรมาก เลยไม่ได้เข้าไปถามให้ ก็เลยยืนอยู่เฉยๆ
ประมาณ2นาทีต่อมา ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาขอใบตม. เค้าเดินมาหาดิฉัน พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม แล้วก็พูดว่าขออีก1ใบ เค้าเขียนผิด
ดิฉันก็ส่งให้ ตอนนี้ผู้โดยสารเริ่มทยอยกันเข้าตม.ไปแล้ว คนก็เลยไม่เยอะ ดิฉันยืนอยู่เฉยๆ ก็หันไปมองผู้ชายคนนั้น เค้ายืนเขียนอยู่พักนึง
พอเสร็จแล้วก็จะเดินเข้าตม.ไปตรวจ เค้าเดินมากับเพื่อน3-4คน แต่เค้ามาหยุดตรงหน้าดิฉัน แล้วก็ยื่นหน้ามาพร้อมกับพูดอะไรสักอย่าง เป็นภาษาจีน
ดิฉันไม่เข้าใจภาษาจีนหรอกค่ะ ฟังและพูดได้เฉพาะประโยคที่จำเป็นต้องใช้ในสนามบินเท่านั้น
ดิฉันได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เพราะไม่เข้าใจ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันหยุดเคลื่อนไหว เหมือนเวลามันหยุด เหมือนอยู่ในภวังค์ และไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย
เรายืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น คงไม่นานแต่รู้สึกเหมือนนานมาก เหมือนถูกฟรีซไว้ แล้วเค้าก็ยิ้มและหัวเราะ และเดินจากไป เค้าเดินเข้าช่องตรวจสำหรับคนไทย
ผ่านไปประมาณ2นาที ตอนนี้ผู้โดยสารเข้าตม.และเริ่มทยอยออกไปด้านนอกแล้ว เพื่อนดิฉันบอกว่า อยากรู้จริงๆนะว่าพวกเค้าไปฝึกงานอะไรที่ญี่ปุ่น
ดิฉันเลยบอกเพื่อนว่า อยากรู้ใช่ไหม เดี๋ยวไปถามให้ สารภาพเลยว่าตอนนั้น ดิฉันอยากออกไปพบผู้ชายคนนั้นอีก ไม่ได้เพราะอยากรู้เรื่องฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรอกค่ะ 55555
ดิฉันรีบวิ่งผ่านตม.เพื่อออกไปข้างนอก ก็เห็นกลุ่มผู้ชายพวกนั้นกำลังยืนแลกเงินกันอยู่ ดิฉันพยายามมองหาผู้ชายคนนั้นแต่ก็ไม่เจอ ก็เลยรวบรวมความกล้าเข้าไปถามผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นว่า ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรอคะ พอดีว่าเราอยากรู้ เราอยากไป เค้าก็บอกว่าไปโครงการนี้ๆๆนะ กี่ปีๆ แต่เค้ารับแต่ผู้ชายนะ
เราก็ อ่อ หรอคะ เสียดายจัง ขอบคุณนะคะ แล้วก็เดินออกมา
ดิฉันพยายามมองหาผู้ชายคนนั้น แต่ก็หาไม่เจอแล้วค่ะ เค้าคงจะเดินไปก่อนแล้ว
หลังจากนั้นดิฉันก็ลืมเรื่องนี้ไป ลืมไปสนิทเลย
ผ่านมาสองสามเดือน ดิฉันฝันถึงเค้าค่ะ ฝันถึงภาพเหตุการณ์เดิมๆอยู่หลายครั้ง จนทำให้ดิฉันเผลอนึกถึงเค้าบ่อยๆ บ่อยเข้าๆจนกลายเป็นนึกถึงทุกวัน
และตอนนี้มันก็กลายเป็นนึกถึงตลอดเวลา
ตอนนี้ผ่านมาเกือบปีแล้ว ดิฉันยังนึกถึงเค้าอยู่ค่ะ เวลาที่มึความสุข ดิฉันก็อยากให้เค้ามายืนอยู่ตรงนี้ เวลาทุกข์ดิฉันก็จะคิดว่าถ้ามีเค้า ต้องทำให้ดิฉันยิ้มได้แน่
ฉันไม่รู้ว่าชอบ หรือรัก หรือเพ้อ หรือหลง อะไรก็ตาม ดิฉันมีความสุขที่ได้เจอเค้าในวันนั้น แต่มีบางครั้งที่ดิฉันทุกข์ใจมาก คือมันทั้งสุขทั้งทุกข์อะค่ะที่เป็นแบบนี้
ดิฉันพยายามตามหาเค้า แต่ก็ไม่คืบหน้าหรอกค่ะ ดิฉันไม่รู้จักแม้กระทั้งชื่อ แม้กระทั่งเป็นคนไทยหรือคนจีนดิฉันก็ไม่แน่ใจ หรือคนจีนที่อยู่ในไทย หรือคนไทยที่เคยไปอยู่จีน 55555 อะไรก็ตาม ดิฉันไม่รู้เลย
ดิฉันไม่รู้จริงๆค่ะ ว่ารู้สึกแบบนี้กับคนๆนึงได้ยังไง ทั้งๆที่ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันเลย ดิฉันพูดกับเค้าแค่ประโยคเดียวจริงๆในวันนั้น
ดิฉันเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง หลายคนบอกว่าดิฉันเพ้อเจ้อ งมงาย อยู่กับเรื่องลมๆแล้งๆ 5555 ดิฉันก็คิดเหมือนกันค่ะ
แต่ทุกครั้งจะมีเค้าเข้ามาอยู่ในความคิดตลอด พยายามอย่างที่สุดเพื่อจะลบออกไปแต่ก็ยังทำไม่ได้
อย่างที่บอกค่ะ ว่าบางครั้งดิฉันก็เป็นทุกข์
แต่คนเรา ถ้ามีใครสักคนอยู่ในหัวใจ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราสุขตลอดเวลาใช่มั้ยคะ
ดิฉันอยากเจอเค้าอีก ได้แต่ภาวนาว่าสักวันเราคงเจอกัน และเค้าคงจำเราได้ T__T
หรือเผื่อเค้าผ่านมาในพันทิปและเห็นกระทู้นี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง100% ไม่ได้มีการแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งสิ้นค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะ กระทู้แรก ไม่รู้ต้องแท็กอะไร _/\_