สวัสดีค่ะ
เราเพิ่งกลับมาจากโปรแกรม Summer Institute for General Management ที่ Stanford University สหรัฐอเมริกามาค่ะ
ชื่อโปรแกรมมันฟังดูงงๆใช่มั้ยคะ ฟังแล้วคิดไม่ออกว่าไปเรียนเกี่ยวกับอะไร แต่ถ้าให้สรุปย่อๆก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโปรแกรม Pre-MBA น่ะแหละค่ะ
โปรแกรมนี้มีประโยชน์มากๆสำหรับคนที่สนใจจะเรียนต่อ MBA ในอเมริกา โดยเฉพาะถ้าใครสนใจจะเรียน MBA ที่ GSB Stanford อยู่แล้ว เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆค่ะ เพราะโปรแกรมนี้จะทำให้เห็นภาพว่าการเรียน MBA ในอเมริกาจริงๆแล้วเป็นยังไง เหมาะกับความต้องการของเรามั้ย ถ้ามาเรียนแล้วจะได้อะไร สังคมเป็นแบบไหน หรือเราชอบบรรยากาศสถานที่เรียนนี้รึเปล่า
มาเริ่มกันที่
ข้อมูลทั่วไป ก่อน
โปรแกรมนี้ระยะเวลา 1 เดือน ช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ สำหรับปีนี้ก็วันที่ 22 มิถุนา-19 กรกฎาค่ะ
ค่าใช้จ่าย $10,000 (330,000 บาท) รวมที่พัก อาหาร ค่าเรียน และทริปไปดูกีฬา 1 ทริป
เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ปี 3 ถึงคนที่เริ่มทำงานมาไม่นาน (เพื่อนในคลาสเราปีนี้มีตั้งแต่ 18-28 เลย) ทั้งหมดประมาณ 120 คน
เป็นคนอเมริกันประมาณครึ่งนึง และ international student อีกครึ่งนึง รวมๆแล้วก็มีคนมาจาก 24 ประเทศแน่ะ บรรยากาศการเรียนการอยู่อาศัยเลยผสมผสานมากๆ นอกจากความรู้ที่ได้ในห้องเรียนก็ได้ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของแต่ละประเทศอีกเยอะเลยค่ะ
หลักสูตร
หลักสูตรนี่เหมือนฉบับย่อของ MBA ที่นี่เลยค่ะ ครอบคลุมเนื้อหาหลักๆ 8 วิชา
Finance, Accounting, Statistics, Economics, Operations, Strategy, Human Resources, Marketing
กับวิชาเสริมเบาๆ
Negotiation, Ethics, Organizational Behavior, Leadership
อาจารย์ที่มาสอนก็เป็นอาจารย์ที่สอนวิชานั้นจริงๆในหลักสูตร MBA เลยค่ะ
ปล. อาจารย์ทุกคนเทพมาก บางคนก็ทำงานในทำเนียบขาวมาก่อน ดูแลเรื่องการวางแผนเศรษฐกิจอเมริกากับบิล คลินตันไรงี้
นี่รูปตารางเรียนสัปดาห์แรกค่ะ
การเรียนโปรแกรมนี้ไม่มีสอบนะคะ แต่มี final presentation ให้แต่ละกลุ่ม (โปรแกรมจัดกลุ่มให้เพื่อความหลากหลาย) เลือกบริษัทที่ตัวเองสนใจมาวิเคราะห์ตามหลักการที่เรียนไปค่ะ กลุ่มที่พรีเซนต์ดีที่สุด 4 กลุ่มจะได้มาพรีเซนต์ให้ตัวแทนจากบริษัทนั้นฟัง
กิจกรรมเสริม
- ทุกเย็นจะมี guest speaker มาพูดให้ฟังค่ะ ซึ่งจะสับเปลี่ยนเพื่อความหลากหลายของสาขาอาชีพ เช่น Investment Banking, Venture Capital, Start-up company, Consulting firm แล้วยังมีบางวันที่มี HR จากบริษัทดังๆ เช่น Google, Bain Company มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เค้ามองหาในคนที่มาสมัครงานค่ะ
- Resume assessment session อันนี้มีประโยชน์มาก คือจะมี HR ผู้โชกโชนในการดูเรซูเม่มาให้คำแนะนำติชมเรซูเม่ของเราตัวต่อตัวเลยค่ะ ทุกคนมีเวลา 30 นาทีกับผู้เชี่ยวชาญนี้ เค้าแก้ให้คำต่อคำเลย
- Mock interview หลังจากปรับแก้เรซูเม่กันไปแล้วก็ตามมาด้วยการลองสัมภาษณ์งานจาก HR มืออาชีพอีก ได้คนละ 30 นาทีเหมือนกันค่ะ ได้ประโยชน์มากๆอีกเหมือนกัน เพราะเค้าจะคอมเม้นต์หมดทั้งท่าทาง คำพูด สายตา การแต่งตัว
ทั้ง Resume session กับ mock interview นี้ เราถึงคิดว่ามีประโยชน์มาก เพราะเรายังไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมเค้า เราอาจจะทำได้ดีแล้วในบริบทสังคมไทย แต่พอไปทำที่นู่น สิ่งที่ดีที่นี่อาจจะดูแปลกไปเลยก็ได้ การมีโค้ชมาช่วยอย่างงี้จะเป็นประโยชน์กับ international student มากๆ
- 'What should I do with my life' session & 'It's all about networking' session สองอันนี้เหมือนเป็นคาบแนะแนวให้นักเรียนที่ส่วนใหญ่แล้วกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตได้เห็นภาพอนาคตที่ชัดเจนขึ้น และให้ช่วยกันทำให้ชีวิตกันและกันง่ายขึ้นค่ะ เช่น มีกิจกรรมให้ทุกคนเขียนสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือลงในโปสการ์ดแล้วส่งวนรอบห้อง ใครที่ช่วยเหลือเพื่อนได้ หรือรู้จักคนที่ช่วยได้ก็ให้เขียนชื่อ เบอร์โทร กับข้อความเล็กๆน้อยๆลงไป เป็นกิจกรรมที่น่ารักและมีประโยชน์มากๆ เราเองได้ความช่วยเหลือมาจากเพื่อนตั้ง 14 คนค่ะ ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นด้วย
- MBA session เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เข้าโปรแกรมนี้ก็น่าจะเล็งๆ MBA อยู่บ้าง ทางโปรแกรมเลยจัดให้มีสัมมนาให้ข้อมูล MBA ของที่นี่ชนิดละเอียดถี่ยิบ มีประโยชน์กับคนที่จะเข้าเรียนต่อมากๆค่ะ น่าจะได้เปรียบคนที่จะสมัครแต่ไม่ได้ฟังหลายขุมอยู่
- Study group เนื่องจากการเรียนแบบมหาลัยเมืองนอก นักเรียนจะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือไปก่อนเข้าห้องเรียน และเราเรียนกันแบบ intensive จัดเต็มทุกวิชาในเวลาแค่ 1 เดือน เลยมีหนังสือและเคสให้อ่านเยอะมากๆในหนึ่งคืน ทางโปรแกรมเลยจัดกลุ่มนักเรียนให้ทุกๆเย็นมาช่วยกันอ่าน เหมือนแบ่งเบาภาระกัน study group นี้สำคัญมากเพราะบางคนมาจากสายศิลป์จ๋า จะงงมากกับวิชาประเภทไฟแนนซ์ ก็จะได้เพื่อนจากในกลุ่มนี่แหละค่ะเข้ามาช่วย
- Company visit อันนี้เด็ดค่ะ ทุกคนตั้งตารอ คือเราจะได้ไปเยี่ยมชมบริษัทเจ๋งๆใน Silicon Valley กัน เราได้ไป Google สำนักงานใหญ่, ไป LinkedIn, ไป Intel ตอนแรกจะได้ไป Facebook กับ Tesla (บริษัทนี้เพื่อนๆผู้ชายเสียดายกันมากที่อดไป 5555) ด้วย แต่ผิดพลาดอะไรซักอย่าง เลยโดนแคนเซิล
ที่อยู่ แอนด์อาหารการกิน
พวกเราโชคดีมากค่ะที่เป็นช่วงซัมเมอร์ นักเรียนสแตนฟอร์ดจริงๆก็กลับบ้านไปกันหมด เลยได้อยู่ในห้องพักของนักเรียนปริญญาโทที่ปกติจะแพงมว๊ากในราคาที่พอรับได้ (เพราะสแตนฟอร์ดอยู่ใน Silicon Valley ซึ่งเป็นเขตที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนี้ทั้งนั้น ราคาที่พักเลยสูงมาก ได้ยินมาว่าแพงเป็นที่สองของอเมริกา)
ที่พักสวยหรูมากค่ะ อย่างกะโรงแรม (ยิ่งถ้าเทียบกับหอพักกนักเรียนปริญญาตรีนะ อู๊ย ฟ้ากะเหว) มีคนมาทำความสะอาดให้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ห้องพักมี 3 แบบคือ ห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องควอต(พักสี่คน) ห้องที่พักกันหลายๆคนคือทุกคนจะมีห้องงนอนเดี่ยวแต่ใช้ครัวกับห้องนั่งเล่นด้วยกัน
นอกเรื่อง ตอนแรกเราได้อยู่ห้องควอตค่ะ แต่ความแปลกคืออีกสามคนในห้องเป็นผู้ชาย!!! ต้องไปบอกเจ้าหน้าที่เลยได้เปลี่ยนห้องไปอยู่ห้องคู่ที่มีเมทเป็นผู้หญิงค่ะ
ส่วนอาหาร เป็นบุฟเฟต์ทุกมื้อค่ะ มีความหลากหลายเพื่อนักเรียนจากทั่วโลก บางทีก็อาหารฝรั่ง อาหารจีน อาหารเมดิเตอเรเนียน เอาใจทุกชาติ ทุกภาษาค่ะ 55555
ในภาพนี่อาหารเช้านะคะ
สังคม และบรรยากาศ
เพื่อนๆที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลกนี่ทำให้บรรยากาศการอยู่ด้วยกันสนุกมากค่ะ ทุกคนมีลักษณะนิสัยของประเทศตัวเองมากันทั้งนั้นซึ่งทั้งตลก ทั้งแอบมีสาระเบาๆ ได้เจอเพื่อนๆพวกนี้ทำให้เห็นว่าโลกเล็กลงเยอะเลยค่ะ บางประเทศที่เราเข้าถึงได้ยาก หรือบางประเทศคนไทยอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำก็ได้มารู้จากเพื่อนๆพวกนี้ แล้วที่แน่นอนอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อนๆทุกคนในโปรแกรมนี้
ฉลาดเป็นกรดมากค่ะ บรรยากาศการเรียนเลยสนุก ทุกคนแชร์ประสบการณ์ของตัวเองกันในห้องเรียน กล้าพูดกล้าแสดงออกมาก
แต่จะว่าไปการเรียนแบบอเมริกันก็แตกต่างจากของไทยที่เราเคยเรียนมาตลอดมากๆ จนเรียกได้ว่าเป็น culture shock สำหรับเราเลย คืออาจจะต้องบอกก่อนว่าเราเรียนในไทยมาตลอด แล้วก็เรียนโรงเรียนไทยด้วย ไม่เคยเรียนภาคอินเตอร์หรือไปซัมเมอร์ต่างประเทศเลย เราเลยช็อคกับวิธีการเรียนการสอนของเค้ามากๆ เช่น อาจารย์ถามว่ามีอะไรจะถามมั้ย ถ้าเป็นสิ่งที่เราชินก็คือทุกคนหลบตาอาจารย์ เก็บกระเป๋าเตรียมออกจากห้องเรียนใช่มั้ยคะ แต่ที่นี่ตรงข้ามเลย ยกมือกันให้พรึ่บ ถามๆๆถามจนหมดเวลา บางคนก็ยกมือขอตอบคำถามเพื่อน
สิ่งที่โปรแกรมนี้เน้นย้ำอีกอย่างนึงคือการ networking ค่ะ ทางโปรแกรมสนับสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรม ไปปาร์ตี้ ไปเที่ยวด้วยกันมากๆ เช่น หลังเลิกเรียนเราก็จะมาเล่นกีฬาด้วยกัน แล้วตอนนั้นยิ่งมีบอลโลกอยู่ด้วย มันส์สิคะ มีนักเรียนจากทุกประเทศ เพื่อนคนเยอรมันนี่ถึงกับแอบดูบอลในห้องเป็นบางคราว 55555 หรือทุกคืนจะมี study break ให้นักเรียนที่อ่านหนังสือเครียดๆมาเจอกัน นั่งเล่นนั่งคุยกันไป ส่วนคืนวันพฤหัส ศุกร์เหรอคะ อู๊ยยย ปาร์ตี้กันทั้งในหอ ทั้งไปคลับ จนหลายๆครั้งมีตำรวจมาสั่งเลิกปาร์ตี้อะค่ะ คนที่นี่เค้า work hard, play hard กันจริงๆ
ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ ส่วนใหญ่พวกเราก็จะจัดทริปไปเที่ยวกันเองค่ะ เช่น ไป Santa cruz ทะเลใกล้ๆ หรือไปเข้าเมือง San Francisco แต่จะมีอยู่เสาร์นึงที่ทางโปรแกรมจัดให้เราไปดูเบสบอลที่ทีม Giant ที่เป็นทีมประจำเมืองซานฟรานแข่งด้วยกัน ก็ดีค่ะ ถึงจะดูเบสบอลไม่รู้เรื่อง แต่ก็ได้เห็นวัฒนธรรมอเมริกันของแท้ 55555
พอจบโปรแกรมแล้ว เราทุกคนก็จะได้ประกาศนียบัตรค่ะ คล้ายๆกับรับปริญญา มี reception dinner พาแขกมาได้ คืนนั้นก็มีปาร์ตี้ ทุกคนคงเดากันได้ คืนนั้นก็ปาร์ตี้กันยันเช้าสิคะ
สรุปตามความคิดเห็นของเรานะคะ เราว่าโปรแกรมนี้คุ้มทุกบาททุกสตางค์มาก แค่ได้เข้ามาเรียนกับอาจารย์ระดับโลก ได้เข้ามาเจอเพื่อนๆที่เก่งขนาดนี้จากทั่วทุกมุมโลก ได้มาใช้ชีวิตอยู่กลาง silicon valley เดือนนึง สามแสนที่ดูจะแพงก็คุ้มค่ะ ประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วแน่นอน นี่เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทย ก็ยังคิดถึงเพื่อนๆอยู่เลยค่ะ
ใครสนใจถามเราเรื่องรายละเอียด การสมัคร หรือประสบการณ์นอกห้องเรียน (มีจะเล่าอีกเพียบ แสบๆทั้งนั้นค่ะ 55555) หลังไมค์เรามาได้นะคะ เราเสียดายที่โปรแกรมดีๆแบบนี้คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เลยอยากมาบอกให้เพื่อนๆทราบกันค่ะ
เพิ่มเติม : หลายๆคนถามมาถึงเว็บที่หาข้อมูลเพิ่มเติม นี่เลยค่ะ official website ของโปรแกรม
http://www.gsb.stanford.edu/programs/sigm/
เพิ่มเติม 2 : เดี๋ยวหาว่ามาขายของ นี่ค่ะ เราไปเจอมา โปรแกรมแบบนี้ที่มหาลัยอื่น ไปส่องๆดูได้นะคะ
http://poetsandquants.com/2012/06/26/guide-to-the-best-summer-business-programs/
[CR] มาดูโปรแกรม Pre-MBA ของ Stanford กันค่ะ
เราเพิ่งกลับมาจากโปรแกรม Summer Institute for General Management ที่ Stanford University สหรัฐอเมริกามาค่ะ
ชื่อโปรแกรมมันฟังดูงงๆใช่มั้ยคะ ฟังแล้วคิดไม่ออกว่าไปเรียนเกี่ยวกับอะไร แต่ถ้าให้สรุปย่อๆก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโปรแกรม Pre-MBA น่ะแหละค่ะ
โปรแกรมนี้มีประโยชน์มากๆสำหรับคนที่สนใจจะเรียนต่อ MBA ในอเมริกา โดยเฉพาะถ้าใครสนใจจะเรียน MBA ที่ GSB Stanford อยู่แล้ว เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆค่ะ เพราะโปรแกรมนี้จะทำให้เห็นภาพว่าการเรียน MBA ในอเมริกาจริงๆแล้วเป็นยังไง เหมาะกับความต้องการของเรามั้ย ถ้ามาเรียนแล้วจะได้อะไร สังคมเป็นแบบไหน หรือเราชอบบรรยากาศสถานที่เรียนนี้รึเปล่า
มาเริ่มกันที่ ข้อมูลทั่วไป ก่อน
โปรแกรมนี้ระยะเวลา 1 เดือน ช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ สำหรับปีนี้ก็วันที่ 22 มิถุนา-19 กรกฎาค่ะ
ค่าใช้จ่าย $10,000 (330,000 บาท) รวมที่พัก อาหาร ค่าเรียน และทริปไปดูกีฬา 1 ทริป
เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ปี 3 ถึงคนที่เริ่มทำงานมาไม่นาน (เพื่อนในคลาสเราปีนี้มีตั้งแต่ 18-28 เลย) ทั้งหมดประมาณ 120 คน
เป็นคนอเมริกันประมาณครึ่งนึง และ international student อีกครึ่งนึง รวมๆแล้วก็มีคนมาจาก 24 ประเทศแน่ะ บรรยากาศการเรียนการอยู่อาศัยเลยผสมผสานมากๆ นอกจากความรู้ที่ได้ในห้องเรียนก็ได้ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของแต่ละประเทศอีกเยอะเลยค่ะ
หลักสูตร
หลักสูตรนี่เหมือนฉบับย่อของ MBA ที่นี่เลยค่ะ ครอบคลุมเนื้อหาหลักๆ 8 วิชา
Finance, Accounting, Statistics, Economics, Operations, Strategy, Human Resources, Marketing
กับวิชาเสริมเบาๆ
Negotiation, Ethics, Organizational Behavior, Leadership
อาจารย์ที่มาสอนก็เป็นอาจารย์ที่สอนวิชานั้นจริงๆในหลักสูตร MBA เลยค่ะ
ปล. อาจารย์ทุกคนเทพมาก บางคนก็ทำงานในทำเนียบขาวมาก่อน ดูแลเรื่องการวางแผนเศรษฐกิจอเมริกากับบิล คลินตันไรงี้
นี่รูปตารางเรียนสัปดาห์แรกค่ะ
การเรียนโปรแกรมนี้ไม่มีสอบนะคะ แต่มี final presentation ให้แต่ละกลุ่ม (โปรแกรมจัดกลุ่มให้เพื่อความหลากหลาย) เลือกบริษัทที่ตัวเองสนใจมาวิเคราะห์ตามหลักการที่เรียนไปค่ะ กลุ่มที่พรีเซนต์ดีที่สุด 4 กลุ่มจะได้มาพรีเซนต์ให้ตัวแทนจากบริษัทนั้นฟัง
กิจกรรมเสริม
- ทุกเย็นจะมี guest speaker มาพูดให้ฟังค่ะ ซึ่งจะสับเปลี่ยนเพื่อความหลากหลายของสาขาอาชีพ เช่น Investment Banking, Venture Capital, Start-up company, Consulting firm แล้วยังมีบางวันที่มี HR จากบริษัทดังๆ เช่น Google, Bain Company มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เค้ามองหาในคนที่มาสมัครงานค่ะ
- Resume assessment session อันนี้มีประโยชน์มาก คือจะมี HR ผู้โชกโชนในการดูเรซูเม่มาให้คำแนะนำติชมเรซูเม่ของเราตัวต่อตัวเลยค่ะ ทุกคนมีเวลา 30 นาทีกับผู้เชี่ยวชาญนี้ เค้าแก้ให้คำต่อคำเลย
- Mock interview หลังจากปรับแก้เรซูเม่กันไปแล้วก็ตามมาด้วยการลองสัมภาษณ์งานจาก HR มืออาชีพอีก ได้คนละ 30 นาทีเหมือนกันค่ะ ได้ประโยชน์มากๆอีกเหมือนกัน เพราะเค้าจะคอมเม้นต์หมดทั้งท่าทาง คำพูด สายตา การแต่งตัว
ทั้ง Resume session กับ mock interview นี้ เราถึงคิดว่ามีประโยชน์มาก เพราะเรายังไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมเค้า เราอาจจะทำได้ดีแล้วในบริบทสังคมไทย แต่พอไปทำที่นู่น สิ่งที่ดีที่นี่อาจจะดูแปลกไปเลยก็ได้ การมีโค้ชมาช่วยอย่างงี้จะเป็นประโยชน์กับ international student มากๆ
- 'What should I do with my life' session & 'It's all about networking' session สองอันนี้เหมือนเป็นคาบแนะแนวให้นักเรียนที่ส่วนใหญ่แล้วกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตได้เห็นภาพอนาคตที่ชัดเจนขึ้น และให้ช่วยกันทำให้ชีวิตกันและกันง่ายขึ้นค่ะ เช่น มีกิจกรรมให้ทุกคนเขียนสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือลงในโปสการ์ดแล้วส่งวนรอบห้อง ใครที่ช่วยเหลือเพื่อนได้ หรือรู้จักคนที่ช่วยได้ก็ให้เขียนชื่อ เบอร์โทร กับข้อความเล็กๆน้อยๆลงไป เป็นกิจกรรมที่น่ารักและมีประโยชน์มากๆ เราเองได้ความช่วยเหลือมาจากเพื่อนตั้ง 14 คนค่ะ ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นด้วย
- MBA session เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เข้าโปรแกรมนี้ก็น่าจะเล็งๆ MBA อยู่บ้าง ทางโปรแกรมเลยจัดให้มีสัมมนาให้ข้อมูล MBA ของที่นี่ชนิดละเอียดถี่ยิบ มีประโยชน์กับคนที่จะเข้าเรียนต่อมากๆค่ะ น่าจะได้เปรียบคนที่จะสมัครแต่ไม่ได้ฟังหลายขุมอยู่
- Study group เนื่องจากการเรียนแบบมหาลัยเมืองนอก นักเรียนจะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือไปก่อนเข้าห้องเรียน และเราเรียนกันแบบ intensive จัดเต็มทุกวิชาในเวลาแค่ 1 เดือน เลยมีหนังสือและเคสให้อ่านเยอะมากๆในหนึ่งคืน ทางโปรแกรมเลยจัดกลุ่มนักเรียนให้ทุกๆเย็นมาช่วยกันอ่าน เหมือนแบ่งเบาภาระกัน study group นี้สำคัญมากเพราะบางคนมาจากสายศิลป์จ๋า จะงงมากกับวิชาประเภทไฟแนนซ์ ก็จะได้เพื่อนจากในกลุ่มนี่แหละค่ะเข้ามาช่วย
- Company visit อันนี้เด็ดค่ะ ทุกคนตั้งตารอ คือเราจะได้ไปเยี่ยมชมบริษัทเจ๋งๆใน Silicon Valley กัน เราได้ไป Google สำนักงานใหญ่, ไป LinkedIn, ไป Intel ตอนแรกจะได้ไป Facebook กับ Tesla (บริษัทนี้เพื่อนๆผู้ชายเสียดายกันมากที่อดไป 5555) ด้วย แต่ผิดพลาดอะไรซักอย่าง เลยโดนแคนเซิล
ที่อยู่ แอนด์อาหารการกิน
พวกเราโชคดีมากค่ะที่เป็นช่วงซัมเมอร์ นักเรียนสแตนฟอร์ดจริงๆก็กลับบ้านไปกันหมด เลยได้อยู่ในห้องพักของนักเรียนปริญญาโทที่ปกติจะแพงมว๊ากในราคาที่พอรับได้ (เพราะสแตนฟอร์ดอยู่ใน Silicon Valley ซึ่งเป็นเขตที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนี้ทั้งนั้น ราคาที่พักเลยสูงมาก ได้ยินมาว่าแพงเป็นที่สองของอเมริกา)
ที่พักสวยหรูมากค่ะ อย่างกะโรงแรม (ยิ่งถ้าเทียบกับหอพักกนักเรียนปริญญาตรีนะ อู๊ย ฟ้ากะเหว) มีคนมาทำความสะอาดให้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ห้องพักมี 3 แบบคือ ห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องควอต(พักสี่คน) ห้องที่พักกันหลายๆคนคือทุกคนจะมีห้องงนอนเดี่ยวแต่ใช้ครัวกับห้องนั่งเล่นด้วยกัน
นอกเรื่อง ตอนแรกเราได้อยู่ห้องควอตค่ะ แต่ความแปลกคืออีกสามคนในห้องเป็นผู้ชาย!!! ต้องไปบอกเจ้าหน้าที่เลยได้เปลี่ยนห้องไปอยู่ห้องคู่ที่มีเมทเป็นผู้หญิงค่ะ
ส่วนอาหาร เป็นบุฟเฟต์ทุกมื้อค่ะ มีความหลากหลายเพื่อนักเรียนจากทั่วโลก บางทีก็อาหารฝรั่ง อาหารจีน อาหารเมดิเตอเรเนียน เอาใจทุกชาติ ทุกภาษาค่ะ 55555
ในภาพนี่อาหารเช้านะคะ
สังคม และบรรยากาศ
เพื่อนๆที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลกนี่ทำให้บรรยากาศการอยู่ด้วยกันสนุกมากค่ะ ทุกคนมีลักษณะนิสัยของประเทศตัวเองมากันทั้งนั้นซึ่งทั้งตลก ทั้งแอบมีสาระเบาๆ ได้เจอเพื่อนๆพวกนี้ทำให้เห็นว่าโลกเล็กลงเยอะเลยค่ะ บางประเทศที่เราเข้าถึงได้ยาก หรือบางประเทศคนไทยอาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำก็ได้มารู้จากเพื่อนๆพวกนี้ แล้วที่แน่นอนอีกอย่างหนึ่งคือเพื่อนๆทุกคนในโปรแกรมนี้ฉลาดเป็นกรดมากค่ะ บรรยากาศการเรียนเลยสนุก ทุกคนแชร์ประสบการณ์ของตัวเองกันในห้องเรียน กล้าพูดกล้าแสดงออกมาก
แต่จะว่าไปการเรียนแบบอเมริกันก็แตกต่างจากของไทยที่เราเคยเรียนมาตลอดมากๆ จนเรียกได้ว่าเป็น culture shock สำหรับเราเลย คืออาจจะต้องบอกก่อนว่าเราเรียนในไทยมาตลอด แล้วก็เรียนโรงเรียนไทยด้วย ไม่เคยเรียนภาคอินเตอร์หรือไปซัมเมอร์ต่างประเทศเลย เราเลยช็อคกับวิธีการเรียนการสอนของเค้ามากๆ เช่น อาจารย์ถามว่ามีอะไรจะถามมั้ย ถ้าเป็นสิ่งที่เราชินก็คือทุกคนหลบตาอาจารย์ เก็บกระเป๋าเตรียมออกจากห้องเรียนใช่มั้ยคะ แต่ที่นี่ตรงข้ามเลย ยกมือกันให้พรึ่บ ถามๆๆถามจนหมดเวลา บางคนก็ยกมือขอตอบคำถามเพื่อน
สิ่งที่โปรแกรมนี้เน้นย้ำอีกอย่างนึงคือการ networking ค่ะ ทางโปรแกรมสนับสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรม ไปปาร์ตี้ ไปเที่ยวด้วยกันมากๆ เช่น หลังเลิกเรียนเราก็จะมาเล่นกีฬาด้วยกัน แล้วตอนนั้นยิ่งมีบอลโลกอยู่ด้วย มันส์สิคะ มีนักเรียนจากทุกประเทศ เพื่อนคนเยอรมันนี่ถึงกับแอบดูบอลในห้องเป็นบางคราว 55555 หรือทุกคืนจะมี study break ให้นักเรียนที่อ่านหนังสือเครียดๆมาเจอกัน นั่งเล่นนั่งคุยกันไป ส่วนคืนวันพฤหัส ศุกร์เหรอคะ อู๊ยยย ปาร์ตี้กันทั้งในหอ ทั้งไปคลับ จนหลายๆครั้งมีตำรวจมาสั่งเลิกปาร์ตี้อะค่ะ คนที่นี่เค้า work hard, play hard กันจริงๆ
ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ ส่วนใหญ่พวกเราก็จะจัดทริปไปเที่ยวกันเองค่ะ เช่น ไป Santa cruz ทะเลใกล้ๆ หรือไปเข้าเมือง San Francisco แต่จะมีอยู่เสาร์นึงที่ทางโปรแกรมจัดให้เราไปดูเบสบอลที่ทีม Giant ที่เป็นทีมประจำเมืองซานฟรานแข่งด้วยกัน ก็ดีค่ะ ถึงจะดูเบสบอลไม่รู้เรื่อง แต่ก็ได้เห็นวัฒนธรรมอเมริกันของแท้ 55555
พอจบโปรแกรมแล้ว เราทุกคนก็จะได้ประกาศนียบัตรค่ะ คล้ายๆกับรับปริญญา มี reception dinner พาแขกมาได้ คืนนั้นก็มีปาร์ตี้ ทุกคนคงเดากันได้ คืนนั้นก็ปาร์ตี้กันยันเช้าสิคะ
สรุปตามความคิดเห็นของเรานะคะ เราว่าโปรแกรมนี้คุ้มทุกบาททุกสตางค์มาก แค่ได้เข้ามาเรียนกับอาจารย์ระดับโลก ได้เข้ามาเจอเพื่อนๆที่เก่งขนาดนี้จากทั่วทุกมุมโลก ได้มาใช้ชีวิตอยู่กลาง silicon valley เดือนนึง สามแสนที่ดูจะแพงก็คุ้มค่ะ ประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วแน่นอน นี่เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทย ก็ยังคิดถึงเพื่อนๆอยู่เลยค่ะ
ใครสนใจถามเราเรื่องรายละเอียด การสมัคร หรือประสบการณ์นอกห้องเรียน (มีจะเล่าอีกเพียบ แสบๆทั้งนั้นค่ะ 55555) หลังไมค์เรามาได้นะคะ เราเสียดายที่โปรแกรมดีๆแบบนี้คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เลยอยากมาบอกให้เพื่อนๆทราบกันค่ะ
เพิ่มเติม : หลายๆคนถามมาถึงเว็บที่หาข้อมูลเพิ่มเติม นี่เลยค่ะ official website ของโปรแกรม http://www.gsb.stanford.edu/programs/sigm/
เพิ่มเติม 2 : เดี๋ยวหาว่ามาขายของ นี่ค่ะ เราไปเจอมา โปรแกรมแบบนี้ที่มหาลัยอื่น ไปส่องๆดูได้นะคะ
http://poetsandquants.com/2012/06/26/guide-to-the-best-summer-business-programs/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น