พระบาลี วีมังสกสูตร มู. ม. ๑๒/๕๗๖/๕๓๖ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายที่เชตวัน
(อ้างสำนวนแปลจาก พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๖๓ - ๑๖๗ / พุทธทาสภิกขุ / ในวงเล็บ ผมเพิ่มเองเพื่อขยายความฯ)
ภิกษุทั้งหลาย
วิธีการทดสอบ
อันเป็นสิ่งที่ภิกษุผู้มีปัญญาใคร่ครวญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ต่างจาก คิด-เจเจติ / ดำริ-ปกัปเปติ ถึงสิ่งใดอยู่ ย่อมมีจิตอนุเสติ (ปักฝังลงไป) ในสิ่งใดอยู่ ฯ หรือไม่ สอบทานเอง)
แต่ ไม่มี ญาณเป็นเครื่อง
รู้จิตแห่งผู้อื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ดู สิ่งที่เรียกว่า จิตก็ดี ว่ามโนก็ดี ว่าวิญญาณก็ดี อุปมาดั่งวานรท่องไปในป่าฯ / กับ / ดู จิตที่เนื่องกับ การกระทำที่ถูกต้องตามกาละ คือพึงทำใน (มโนทวาร คือ) ใจซึ่งสมาธินิมิต - ปัคคาหนิมิต - อุเบกขานิมิต โดยกาลอันควร ผลคือ กาลนั้น จิตนั้น ย่อมเป็น จิตอ่อนโยน (ไม่ใช่จิตเบา ตามมหาตัณหาสังขยสูตร?) ควรแก่การงาน (จึง ตรงนี้ ผมเสนอเอง) เป็น จิตประภัสสร ไม่รวนเร (เพราะ อุปกิเลสคือนิวรณ์ ดุจอาคันตุกะ จรมาฯ) ย่อมตั้งมั่นชอบ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ)
จะพึงกระทำในตถาคต
เพื่อให้ (ตนเอง) รู้ว่า
ตถาคตเป็นสัมมาสัมพุทธะ หรือหาไม่
ดังนี้ มีอยู่
ฯลฯ
ฯลฯ
เมื่อถูก (สาวกเดียรถีย์อื่นจากเธอผู้ทรงอยู่ที่ท่า (เดียรถีย์) ธรรมวินัยนี้) ถาม (ตถาคต) ว่า
ธรรมที่ผ่องแผ้ว
ที่พึงรู้ได้ด้วยจักษุและโสตะ (เป็นต้น) มีอยู่แก่ตถาคต หรือหาไม่? ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย
เมื่อตถาคตจะพยากรณ์ (แก่ผู้ถาม ที่ ถามอย่างวิญญูชนในสมัยนั้น)
ก็จะพยากรณ์ว่า (แสดงธรรม ตามที่ทรงทรงอยู่ในฐานะ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมนั้นเช่น ธรรมที่ตรัสใน จูฬสุญญตสูตร เป็นต้น)
ธรรมที่ผ่องแผ้ว ที่พึงรู้ได้ด้วยจักษุและโสตะ มีแก่ตถาคต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(มีแบบไหน ? มีแบบ ปรมานุตตรสุญญตา ตามจูฬสุญญตสูตร หรือ มีแบบ ที่อ้าง ปรมัตถ์ ๔ ที่มาจาก ตำราชั้นสาวก พศ 1200 คือ อภิธัมมัตถสังคหะ?) ไม่ใช่ ประเด็น สนทนา / กระทู้นี้ ไม่ใช่ กระทู้สนทนา
ตถาคต มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั่นแหละเป็นหนทาง (ปถ) -------------- ธรรมที่ผ่องแผ้ว คือ จิตว่าง ตามคำว่า ปรมานุตตรสุญญตา ตามจูฬสุญญตสูตร นั่น
มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั้นแหละเป็นที่เที่ยวไป (โคจร) -------------------
จิตว่าง ขั้น ปรมานุตตรสุญญตา คือ อภิมหาจิตประภัสสร
แต่ว่า ------------------------------------------------------------------ ตรัสเพื่อให้ ผู้นั้น (เดียรถีย์นั้น ที่ไม่ใช่ ภิกษุใน "ท่า = เดียรถีย์" ธรรม วินัยนี้) ฯ
ตถาคตมิได้เป้น "ตมฺมโย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ท่านพุทธทาส เสนอความหมายคำนี้ว่า ผู้ที่ธรรมอันผ่องแผ้วนั้น สร้าง (ตถาคต) ขึ้น)
ด้วยเหตุนั้น
^^^^^^^^
พระสูตรนี้
เมื่อเพ่งพินิจ แบบจิตว่างจากอรรถกถา จิตว่างจากวิสุทธิมัคค์ จิตว่างจากอภิธัมมัตถสังคหะ จิตว่างจาก อภิธรรม ๗ คัมภีร์ (ปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก)
และ คำว่า "จิตว่างจากสิ่งนั้น" หมายความว่า
มีสติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ เพียงพอ ที่จะกั้น มโน (ลิง จับกิ่งไม้ คือ ข้อความใดนั้น) ที่ จะเนื่องกับ อาการ (ทางมนายตนะแบบนั้น) ตามคำที่ตรัสไว้ว่า "ยังมีจิตอนุเสติ(ปักฝังลงไป) ในสิ่งใดอยู่ ในที่นี้ สิ่งใดนั้น คือ "ตำรา สำนัก คณะ อาจารย์" ที่เนื่องกับ อรรถกถา วิสุทธิมัคค์ อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมปิฎก
แต่
จิต (อาการ ทาง มโน เมื่อ ถึงกับ ธัมมารมณ์ใดนั้น ด้วย กุศลธรรมใดนั้น)
ไม่ว่างจาก "สติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ" (เมื่ออ่าน ข้อความข้างบนไม่ว่า ส่วนใดก็ตาม)
ซึ่ง "สติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ" ที่ ว่างจาก อาการ คือ "จิตอนุเสติ(ปักฝังลงไป) ในสิ่งใดอยู่ (ในที่นี้) สิ่งใดนั้น คือ "ตำรา สำนัก คณะ อาจารย์" ที่เนื่องกับ อรรถกถา วิสุทธิมัคค์ อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมปิฎก" นี้แหละ คือ จิตว่าง แบบหนึ่ง
แต่ ยังไม่ใช่ จิตว่างขั้น ปรมานุตตรสุญญตา (จูฬสุญญตสูตร) ซึ่ง ผมเสนอว่า คือสภาวะธรรม (ทางมโนทวาร) ที่ตรัสว่า
ตถาคต มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั่นแหละเป็นหนทาง (ปถ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งคือธรรมที่ผ่องแผ้ว คือ จิตว่าง ตามคำว่า ปรมานุตตรสุญญตา ตามจูฬสุญญตสูตร นั่น
มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั้นแหละเป็นที่เที่ยวไป (โคจร)
ตลอด ๔๕ พรรษา ใน ๑๖ แคว้น ครั้งก่อน ปฐมสังคายนา
จบกระทู้ข่าว
///////////////
พระสูตรนี้ ทรงชี้ จิตว่าง (= จิตประภัสสร) ?
(อ้างสำนวนแปลจาก พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๖๓ - ๑๖๗ / พุทธทาสภิกขุ / ในวงเล็บ ผมเพิ่มเองเพื่อขยายความฯ)
ภิกษุทั้งหลาย
วิธีการทดสอบ
อันเป็นสิ่งที่ภิกษุผู้มีปัญญาใคร่ครวญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ ไม่มี ญาณเป็นเครื่องรู้จิตแห่งผู้อื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะพึงกระทำในตถาคต
เพื่อให้ (ตนเอง) รู้ว่า
ตถาคตเป็นสัมมาสัมพุทธะ หรือหาไม่
ดังนี้ มีอยู่
ฯลฯ
ฯลฯ
เมื่อถูก (สาวกเดียรถีย์อื่นจากเธอผู้ทรงอยู่ที่ท่า (เดียรถีย์) ธรรมวินัยนี้) ถาม (ตถาคต) ว่า
ธรรมที่ผ่องแผ้ว
ที่พึงรู้ได้ด้วยจักษุและโสตะ (เป็นต้น) มีอยู่แก่ตถาคต หรือหาไม่? ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย
เมื่อตถาคตจะพยากรณ์ (แก่ผู้ถาม ที่ ถามอย่างวิญญูชนในสมัยนั้น)
ก็จะพยากรณ์ว่า (แสดงธรรม ตามที่ทรงทรงอยู่ในฐานะ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมนั้นเช่น ธรรมที่ตรัสใน จูฬสุญญตสูตร เป็นต้น)
ธรรมที่ผ่องแผ้ว ที่พึงรู้ได้ด้วยจักษุและโสตะ มีแก่ตถาคต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตถาคต มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั่นแหละเป็นหนทาง (ปถ) -------------- ธรรมที่ผ่องแผ้ว คือ จิตว่าง ตามคำว่า ปรมานุตตรสุญญตา ตามจูฬสุญญตสูตร นั่น
มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั้นแหละเป็นที่เที่ยวไป (โคจร) ------------------- จิตว่าง ขั้น ปรมานุตตรสุญญตา คือ อภิมหาจิตประภัสสร
แต่ว่า ------------------------------------------------------------------ ตรัสเพื่อให้ ผู้นั้น (เดียรถีย์นั้น ที่ไม่ใช่ ภิกษุใน "ท่า = เดียรถีย์" ธรรม วินัยนี้) ฯ
ตถาคตมิได้เป้น "ตมฺมโย"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยเหตุนั้น
^^^^^^^^
พระสูตรนี้
เมื่อเพ่งพินิจ แบบจิตว่างจากอรรถกถา จิตว่างจากวิสุทธิมัคค์ จิตว่างจากอภิธัมมัตถสังคหะ จิตว่างจาก อภิธรรม ๗ คัมภีร์ (ปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก)
และ คำว่า "จิตว่างจากสิ่งนั้น" หมายความว่า
มีสติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ เพียงพอ ที่จะกั้น มโน (ลิง จับกิ่งไม้ คือ ข้อความใดนั้น) ที่ จะเนื่องกับ อาการ (ทางมนายตนะแบบนั้น) ตามคำที่ตรัสไว้ว่า "ยังมีจิตอนุเสติ(ปักฝังลงไป) ในสิ่งใดอยู่ ในที่นี้ สิ่งใดนั้น คือ "ตำรา สำนัก คณะ อาจารย์" ที่เนื่องกับ อรรถกถา วิสุทธิมัคค์ อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมปิฎก
แต่ จิต (อาการ ทาง มโน เมื่อ ถึงกับ ธัมมารมณ์ใดนั้น ด้วย กุศลธรรมใดนั้น) ไม่ว่างจาก "สติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ" (เมื่ออ่าน ข้อความข้างบนไม่ว่า ส่วนใดก็ตาม)
ซึ่ง "สติในสมาธิสัมมาทิฏฐิ" ที่ ว่างจาก อาการ คือ "จิตอนุเสติ(ปักฝังลงไป) ในสิ่งใดอยู่ (ในที่นี้) สิ่งใดนั้น คือ "ตำรา สำนัก คณะ อาจารย์" ที่เนื่องกับ อรรถกถา วิสุทธิมัคค์ อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมปิฎก" นี้แหละ คือ จิตว่าง แบบหนึ่ง
แต่ ยังไม่ใช่ จิตว่างขั้น ปรมานุตตรสุญญตา (จูฬสุญญตสูตร) ซึ่ง ผมเสนอว่า คือสภาวะธรรม (ทางมโนทวาร) ที่ตรัสว่า
ตถาคต มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั่นแหละเป็นหนทาง (ปถ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มี ธรรมที่ผ่องแผ้วนั้นแหละเป็นที่เที่ยวไป (โคจร)
ตลอด ๔๕ พรรษา ใน ๑๖ แคว้น ครั้งก่อน ปฐมสังคายนา
จบกระทู้ข่าว
///////////////