สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
โดยรวม ผมมองว่าเมืองไทยเป็นตลาดของผู้ขายครับ คือผู้ซื้อไม่มีตัวเลือกให้เลือกเท่าไหร่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มีปัญหาทั้งสองมุมครับ ทั้งมุมของผู้ให้บริการเองที่ขาดวิสัยทัศน์ และมุมของผู้ใช้บริการ
เริ่มแบบนี้ก่อนแล้วกันนะครับ ผมเล่าของอเมริกาให้ฟังว่าระบบเขาเป็นยังไง
ถามว่ามีคนมานั่งนับไหม คำตอบคือไม่มีหรอกครับ เขามองว่าเสียเวลา วิธีการของเขามีสองแบบคือ ถ้าไม่มีเครื่องนับเหรียญให้ ก็คือมี "coin sleeve/wrapper" แจกให้ลูกค้าไปนับเอง
เอาแบบที่สองก่อนแล้วกันนะครับ ไอ้ตัวที่ว่าจะเป็นตามรูป

ลูกค้าเอาไปนับเอง เหรียญ $0.25 จะใส่เป็น $10 (40 เหรียญ) เหรียญ $0.10 จะใส่เป็น $5 (50 เหรียญ) เป็นต้น
เวลาเอาไปฝากก็จะเอาม้วนตรงนี้ไปฝาก ซึ่งเขาก็จะสามารถชั่งเพื่อวัดปริมาณเงินได้
ในกรณีของเครื่องนับ ก็จะเป็นเครื่องนับที่มีไว้ให้ในตัวธนาคาร (อาจจะไม่ได้มีทุกสาขา) ซึ่งปกติเครื่องนับจะคิดราวๆ 3% แต่ถ้าเป็นลูกค้า สามารถเอาสลิปจากการนับไปฝากได้เลยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ทีนี้ถ้าเอาระบบนี้มาใช้ที่เมืองไทย ก็จะเกิดปัญหาเพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยมักจะ "abuse" ระบบ คือใช้ช่องโหว่ของระบบเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือไม่ก็โกงไปเลย
1) ถ้าใช้ซองเหรียญ ก็จะมีปัญหาเรื่องการโกงขึ้น คือเกิดการสอดไส้ด้วยสิ่งแปลกปลอมอื่น
2) ถ้าใช้เครื่องนับเหรียญ ซึ่งให้บริการสำหรับลูกค้า แต่ทีนี้คำถามคือยังไงเรียกว่าเป็นลูกค้า ถ้าเปิดบัญชีเงินฝากไว้ 100 บาท ก็ถือว่าเป็นลูกค้า เพราะฉะนั้นก็จะมีคนอาศัยช่องโหว่ตรงนี้โดยการเปิดบัญชี จะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม
สรุปว่าธนาคารซึ่งเป็นผู้ให้บริการก็คงต้องมองว่าถ้ามีเครื่องนับเหรียญให้บริการฟรีจะคุ้มไหม โดยเฉพาะว่าถ้ามีจะต้องมีวางไว้ที่สาขาไหนบ้าง
ในอีกมุมหนึ่ง ปัญหานี้ค่อนข้างเป็นประเด็นที่มีกระแสเยอะเหมือนกัน
ผู้บริหารธนาคารก็คงอาจจะต้องมองว่าถ้านำเครื่องนับเหรียญมาใช้ จะดึงดูดลูกค้ามาได้เยอะไหม ซึ่งก็คงได้เยอะอยู่ แต่ที่แน่ๆ ต้นทุนสูงแน่นอน (สูงกว่าปัจจุบันที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย)
แต่เอาเข้าจริง ถ้ามีธนาคารหนึ่งนำมาใช้ ธนาคารอื่นๆก็คงต้องนำเข้ามาแข่ง มันก็เลยกลายเป็นว่าธนาคารต่างๆก็เหมือนฮั้วกันโดยปริยาย เพราะถ้าไม่มีธนาคารไหนนำมาใช้ ก็ไม่ต้องแข่งขัน สรุปแล้วลูกค้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะตัวเลือกก็มีแค่นี้
สรุปว่าเป็นตลาดของผู้ขายอย่างที่กล่าวไปแล้วครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็มีปัญหาทั้งสองมุมครับ ทั้งมุมของผู้ให้บริการเองที่ขาดวิสัยทัศน์ และมุมของผู้ใช้บริการ
เริ่มแบบนี้ก่อนแล้วกันนะครับ ผมเล่าของอเมริกาให้ฟังว่าระบบเขาเป็นยังไง
ถามว่ามีคนมานั่งนับไหม คำตอบคือไม่มีหรอกครับ เขามองว่าเสียเวลา วิธีการของเขามีสองแบบคือ ถ้าไม่มีเครื่องนับเหรียญให้ ก็คือมี "coin sleeve/wrapper" แจกให้ลูกค้าไปนับเอง
เอาแบบที่สองก่อนแล้วกันนะครับ ไอ้ตัวที่ว่าจะเป็นตามรูป

ลูกค้าเอาไปนับเอง เหรียญ $0.25 จะใส่เป็น $10 (40 เหรียญ) เหรียญ $0.10 จะใส่เป็น $5 (50 เหรียญ) เป็นต้น
เวลาเอาไปฝากก็จะเอาม้วนตรงนี้ไปฝาก ซึ่งเขาก็จะสามารถชั่งเพื่อวัดปริมาณเงินได้
ในกรณีของเครื่องนับ ก็จะเป็นเครื่องนับที่มีไว้ให้ในตัวธนาคาร (อาจจะไม่ได้มีทุกสาขา) ซึ่งปกติเครื่องนับจะคิดราวๆ 3% แต่ถ้าเป็นลูกค้า สามารถเอาสลิปจากการนับไปฝากได้เลยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ทีนี้ถ้าเอาระบบนี้มาใช้ที่เมืองไทย ก็จะเกิดปัญหาเพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยมักจะ "abuse" ระบบ คือใช้ช่องโหว่ของระบบเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือไม่ก็โกงไปเลย
1) ถ้าใช้ซองเหรียญ ก็จะมีปัญหาเรื่องการโกงขึ้น คือเกิดการสอดไส้ด้วยสิ่งแปลกปลอมอื่น
2) ถ้าใช้เครื่องนับเหรียญ ซึ่งให้บริการสำหรับลูกค้า แต่ทีนี้คำถามคือยังไงเรียกว่าเป็นลูกค้า ถ้าเปิดบัญชีเงินฝากไว้ 100 บาท ก็ถือว่าเป็นลูกค้า เพราะฉะนั้นก็จะมีคนอาศัยช่องโหว่ตรงนี้โดยการเปิดบัญชี จะได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม
สรุปว่าธนาคารซึ่งเป็นผู้ให้บริการก็คงต้องมองว่าถ้ามีเครื่องนับเหรียญให้บริการฟรีจะคุ้มไหม โดยเฉพาะว่าถ้ามีจะต้องมีวางไว้ที่สาขาไหนบ้าง
ในอีกมุมหนึ่ง ปัญหานี้ค่อนข้างเป็นประเด็นที่มีกระแสเยอะเหมือนกัน
ผู้บริหารธนาคารก็คงอาจจะต้องมองว่าถ้านำเครื่องนับเหรียญมาใช้ จะดึงดูดลูกค้ามาได้เยอะไหม ซึ่งก็คงได้เยอะอยู่ แต่ที่แน่ๆ ต้นทุนสูงแน่นอน (สูงกว่าปัจจุบันที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย)
แต่เอาเข้าจริง ถ้ามีธนาคารหนึ่งนำมาใช้ ธนาคารอื่นๆก็คงต้องนำเข้ามาแข่ง มันก็เลยกลายเป็นว่าธนาคารต่างๆก็เหมือนฮั้วกันโดยปริยาย เพราะถ้าไม่มีธนาคารไหนนำมาใช้ ก็ไม่ต้องแข่งขัน สรุปแล้วลูกค้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะตัวเลือกก็มีแค่นี้
สรุปว่าเป็นตลาดของผู้ขายอย่างที่กล่าวไปแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 15
บ้านผมใช้เครื่องแบบนี้เลยครับ แค่คนละยี่ห้อ เทเหรียญทั้งหลายลงด้านบน เดี๋ยวมันนับให้เอง แบบแยกประเภทเหรียญออกมาด้วย
แถมกำหนดได้ด้วยว่าครบ 100 เหรียญแล้วให้ pause ไว้ (เพื่อนำใส่ถุงพลาสติก ธนาคารชอบให้แยกแบบนี้)
จากนั้นก็กด continue ให้มันนับต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้ทั้งยอดรวม พร้อมแยกประเภท เรียบร้อย
แถมกำหนดได้ด้วยว่าครบ 100 เหรียญแล้วให้ pause ไว้ (เพื่อนำใส่ถุงพลาสติก ธนาคารชอบให้แยกแบบนี้)
จากนั้นก็กด continue ให้มันนับต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้ทั้งยอดรวม พร้อมแยกประเภท เรียบร้อย

ความคิดเห็นที่ 19
เครื่องนับเหรียญ ตามในรูปด้านบนๆ เหมาะสำหรับมาไว้ใช้ตามบ้านครับ
พวกนี้จะเหมือนๆกับ เครื่องพิมพ์ เครื่องชงกาแฟ ที่คุณภาพและความคงทนจะสู้ที่เอามาใช้งานธุรกิจประจำๆไม่ได้
เครื่องที่ใช้ตามธนาคารจะเป็นแบบคล้ายๆตามรูปนี้ครับ อาจจะมีแตกต่างหน้าตากันไปบ้าง แต่เครื่องจะใหญ่ๆ เทเหรียญลงไปทีได้เป็นถุงๆ

สังเกตป้ายดูครับ ที่มีเขียนว่าฟรีสำหรับลูกค้า
ยังไงก็แล้วแต่ ถึงแม้จะมีเครื่องนับเหรียญ ปัญหาของที่เมืองไทยก็ไม่ได้อยู่ที่ตรงเรื่องการนับอยู่ดี
สังเกตครับว่า คนที่บ่นหลายๆคนมักจะบอกว่า เรานับมาแล้ว แต่ธนาคารต้องการนับใหม่แล้วคิดค่านับ คือคนฝากไม่อยากเสียค่านับ ในขณะที่ธนาคารก็เรียกว่าไม่นับเองก็เชื่อลูกค้าไม่ได้หรอกว่านับมาถูกหรือเปล่า เลยต้องนับใหม่ พอนับใหม่ก็ต้องคิดค่านับ
พวกนี้จะเหมือนๆกับ เครื่องพิมพ์ เครื่องชงกาแฟ ที่คุณภาพและความคงทนจะสู้ที่เอามาใช้งานธุรกิจประจำๆไม่ได้
เครื่องที่ใช้ตามธนาคารจะเป็นแบบคล้ายๆตามรูปนี้ครับ อาจจะมีแตกต่างหน้าตากันไปบ้าง แต่เครื่องจะใหญ่ๆ เทเหรียญลงไปทีได้เป็นถุงๆ

สังเกตป้ายดูครับ ที่มีเขียนว่าฟรีสำหรับลูกค้า
ยังไงก็แล้วแต่ ถึงแม้จะมีเครื่องนับเหรียญ ปัญหาของที่เมืองไทยก็ไม่ได้อยู่ที่ตรงเรื่องการนับอยู่ดี
สังเกตครับว่า คนที่บ่นหลายๆคนมักจะบอกว่า เรานับมาแล้ว แต่ธนาคารต้องการนับใหม่แล้วคิดค่านับ คือคนฝากไม่อยากเสียค่านับ ในขณะที่ธนาคารก็เรียกว่าไม่นับเองก็เชื่อลูกค้าไม่ได้หรอกว่านับมาถูกหรือเปล่า เลยต้องนับใหม่ พอนับใหม่ก็ต้องคิดค่านับ
แสดงความคิดเห็น
เครื่องนับเหรียญในธนาคาร