คดี noble สรุป กระทรวงพาณิชย์ไม่รับคำร้องของกลุ่มที่ยื่นร้องเรียนกรณีการให้เพิกถอน มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน

กระทู้ข่าว
หุ้นใหญ่-ผู้บริหารโนเบิล ร้องหน่วยงานรัฐ ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมนอมินีต่างชาติ ที่เข้ามาถือหุ้นบริษัท 24.06%



ตามที่บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในที่ประชุมมีการพิจารณาวาระการเพิ่มทุนจดทะเบียนเร่งด่วน จากทุน 1,369.41 ล้านบาท เป็น 1,969.41 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่ 200 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง รวมทั้งในที่ประชุมดังกล่าว

บริษัทเอบีเอ็น แอมโร นอมินี สิงคโปร์ ถือหุ้น 24.06%ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมและลงมติ เนื่องจากเอกสารการรับมอบฉันทะไม่ครบถ้วน จากนั้น มีตัวแทนกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยได้ยื่นร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ และยื่นฟ้องต่อศาล เพราะมองว่าบริษัทมีการประกาศเพิ่มทุนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับความเสียหาย

นายกิตติ ธนากิจอำนวย หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ และประธานกรรมการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐหลายๆ แห่ง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานก.ล.ต. กระทรวงพาณิชย์ และอื่นๆ เพื่อชี้แจงเรื่องราวต่างๆ รวมถึงยื่นขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมนอมินีที่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 24.06% และขอให้เปิดรายชื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ซึ่งหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นผ่านมา

เขากล่าวด้วยว่า บริษัทได้เข้าตรวจสอบกลุ่มนอมินีของบริษัทเอบีเอ็น แอมโร มีฐานะเป็นคัสโตเดียนให้กับ บริษัท Esteemed Netwarks Group Limited เป็นบริษัทจดทะเบียนในเกาะไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่หลีกเลี่ยงภาษี และการฟอกเงิน รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้ทำรายการระบุในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไป (246-2) ของสำนักงาน ก.ล.ต. คือ บริษัท VISTRA ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทนี้ไม่มีการดำเนินธุรกิจอะไร นอกจากรับเป็นนอมินีเท่านั้น

ดังนั้นบริษัทจึงตั้งข้อสงสัย และกล่าวหาว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นที่แท้จริงที่เข้ามาลงทุน น่าจะมีเป้าหมายการลงทุนไม่ปกติ รวมทั้งจากข้อมูลที่ค้นหา บริษัทตั้งข้อสังเกตว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นที่แท้จริงน่าจะเป็นคนไทย ที่จงใจเข้ามาลงทุนแบบไม่ปกติ เพราะถ้าหากถือหุ้นเข้าใกล้เกณฑ์เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ก็ควรจะทำให้ถูกต้องได้

"บริษัทได้ตั้งข้อสังเกตและยื่นร้องเรียนให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบ ในเรื่องความไม่ชอบมาพากลของบริษัทนอมินี ในลักษณะการปกปิดเจ้าของหลักทรัพย์ที่แท้จริง การรายงานการถือหุ้นที่ผิดกฎหมาย การหลีกเลี่ยงการทำคำเสนอซื้อ การมีลักษณะร่วมกันเพื่อครอบงำกิจการ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำต่ออำนาจรัฐ ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีผลกระทบต่อตลาดทุนและผู้ถือหุ้น และการออกมาร้องเรียนเพื่อปกป้องชื่อเสียงเพราะถูกผลกระทบจากการกลั่นแกล้งในคดีอาญา แพ่งและการกล่าวหาว่าไม่ทำตามหลักธรรมาภิบาล"นายกิตติกล่าว

เขากล่าวหาว่า การที่บริษัทออกมาร้องเรียน เพราะเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง จนทำให้เกิดคดีความ และกลุ่มตัวแทนรายย่อยที่ไปยื่นฟ้องร้องกับบริษัทนั้น ก็ประเมินได้ว่า เป็นตัวแทนของกลุ่มนอมินี ที่ตั้งใจจะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องภาพลักษณ์ขององค์กร

"ในฐานะผู้บริหาร มั่นใจว่าการดำเนินการของบริษัทเป็นไปตามกฎหมาย และไม่ได้ขัดต่อหลักบรรษัทภิบาล เพราะในที่ประชุมมีผู้ถือหุ้นเสนอให้เพิ่มทุน และกรรมการบริษัทไม่ได้รับทราบเรื่อง หรือมีแนวคิดว่าจะเพิ่มทุนในครั้งนี้"

เขากล่าวต่อว่า ต้องยอมรับการเพิ่มทุนจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นทุกราย แต่เมื่อการเพิ่มทุน จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทมีสัดส่วนที่ดีขึ้น จาก 3 เท่า เหลือ ไม่ถึง 2 เท่า และหนี้สิน 1 ใน 3 เป็นหนี้ระยะสั้น หรือตั๋วบีอีที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี

ทั้งนี้ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันไม่รับคำร้องของกลุ่มที่ยื่นร้องเรียนกรณีการให้เพิกถอน มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน ซึ่งปัจจุบันการเพิ่มทุนจดทะเบียนสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นแบบพีพี ยังไม่ได้มีการเจรจาหรือติดต่อหารือกลุ่มนักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้น แต่หากพิจารณาแนวทางการจัดสรรก็เปิดกว้าง และหวังว่าจะเป็นกลุ่มที่สามารถเพิ่มศักยภาพของบริษัทได้ในอนาคต

ขณะเดียวกัน สำนักงานก.ล.ต.ก็รับเรื่องร้องเรียนแล้วอยู่ระหว่างการตรวจ ซึ่งมีความหวังว่า จะมีความคืบหน้าในการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ดี หากการตรวจสอบมีข้อมูลที่ชัดเจน และสามารถนำส่งฟ้องร้องต่อศาลได้บริษัทอาจจะพิจารณายื่นฟ้องต่อศาลด้วย แต่ตอนนี้จะต้องรอผลสรุปของข้อมูลให้ชัดเจนก่อน

ส่วนภาพรวมธุรกิจของบริษัทโนเบิลในปีนี้คาดว่า จะมียอดขายประมาณ 6 พันล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย หลังจากที่ครึ่งปีแรกมียอดขายแล้ว 2.7 พันล้านบาท และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการในปีนี้มูลค่ารวมประมาณ 6 พันล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีหลังสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงและมีความชัดเจนมากขึ้น

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20140807/597537/%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4.html

ปล ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะหันหน้าพึ่งใครได้ละครับ เมื่อ กลต และ กระทรวงพานิชย์ไม่รับฟ้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่