สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตอนนี้มีปัญหากลุ้มใจมาก ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ตอนนี้รับราชการอยู่ต่างจังหวัด ทำงานที่เดียวกันกับแฟน แต่งงานมาได้ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีลูก แต่เราสองคนมีปัญหากันมาตลอด ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ก่อนหน้านั้นเราทำงานคนละที่ แต่เราขอย้ายมาช่วยราชการที่เดียวกับแฟน จนปรึกษากันว่า ถ้ามาแบบนี้เราควรจะแต่งงานกันให้มันถูกต้อง บ้านสามีไม่รวยค่ะ ตอนเริ่มคิดจะแต่งงาน เราก็ตัดสินใจกู้เงินมาจัดงานแต่งงาน สินสอดทองหมั้น ก็ยืมเอาจากญาติพี่น้อง พอให้มีมาเข้าพิธี เนื่องจากพ่อแม่ฝ่ายชายไม่มีเงินเท่าไหร่ เราก็เข้าใจ ไม่เป็นไร เพราะเรารักกัน จัดงานเสร็จค่าซองก็พอมีจ่ายค่าจัดงาน สินสอดก๋คืนให้ญาติหมด แม่เราไม่ได้ติดต่ัวไปสักบาท เราก็อดสงสารแม่ไม่ได้ แต่ก็ให้สัญญากับแม่ว่า จะเก็บเงินเอามาคืนแม่ เนื่องจากแม่เราก็ช่วยออกค่างานแต่งเยอะเหมือนกัน หลังจากเสร็จงานแต่ง เหมือนทุกอย่างจะไปด้วยดี ผ่านไปสักระยะ เราเริ่มมีข้อสงสัยถามสามีว่า เราจะจดทะเบียนสมรสกันไหม สามีก็บอกว่า เขาขอคิดดูก่อน ดูพฤติกรรมเราก่อน เราก็งง ว่าอะไร ทำไมในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ประกาศให้คนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว ยังไม่มั่นใจ หรืออะไรยังไงกับเรา เราก็เอิ่ม ไม่เป็นไร ไม่จดก็ไม่จด พอมีลูกค่อยจดก็ได้ แต่พอถามเรื่องมีลุก ก็บอกว่ายังไม่พร้อม ยังมีภาระต้องส่งรถ ไหนจะหนี้ที่ไปกู้มาแต่งงาน ก็โอเค ไม่เป็นไร เราก็จับมือกับเขา ก็บอกว่าเรามาช่วยกันหาเงิน เก็บเงิน เดี๋ยวหนี้ต่างๆก็หมดเอง เราจะบอกว่าสามีเราก่อนแต่งงาน ตอนเป็นแฟนกันเขาดูแลเอาใจใส่เราดีมาก เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยแม้แต่จะดุด่าเรา ไม่เคยตวาดเราแรงๆ ให้เกียรติเราทุกอย่าง แต่พอหลังแต่งงาน เขาเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยดูแลเอาใจใส่ เขาเริ่มหาทำในสิ่งที่เขาชอบ (ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงค่ะ) เราก็ยอมรับว่าเราก็เริ่มบ่น เริ่มน้อยใจว่าทำไมแต่ก่อนกับเดี๋ยวนี้เขาดูแลเราน้อยลง เอิ่มลืมบอกไปว่า เขาทำงานได้เงินเดือนน้อยกว่าเรา เงินเดือนของเราเป็นค่างวดรถ ส่วนเงินเดือนสามีโดนหักจากการไปกู้เงินมา เหลือไม่กี่พัน เราก็เริ่มคุยกับสามีว่า เราน่าจะหางานอะไรมาทำเพื่อให้เงินมันเพิ่มขึ้นดีไหม คำตอบที่ได้จากเขาคือ อยู่แบบนี้แหละ ตัวอยู่เฉยๆ ไม่ต้องคิด ต้องทำอะไร อย่ามากดดันเขา เด๋วมันก็ดีเอง มันเป็นคำพูดที่มันจับต้องไม่ได้เลย ไม่มีคำมั่นสัญญาอะไรที่ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า มันจะดีได้อย่างไร กับการอยู่เฉยๆ เราชวนขายของเปิดท้าย หาอะไรมาขายเผื่อได้กำไรหลังเลิกงาน เขาก็ไม่ทำ กลัวอายเพื่อน ทำตัวไฮโซ ทั้งๆที่หนี้สินเราเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เราสองคนเริ่มทะเลาะกัน เครียด เริ่มไม่คุยกัน เราคิดแต่จะหาเงินเพิ่ม แต่เขากลับไม่ทำอะไรเลย รอแต่เงินที่ไม่รู้จะได้มาเมื่อไร (เป็นเงินจากผู้รับจ้าง) บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ ทำไมเราไม่หาทำอะไรที่มันได้เป็นประจำ จะอายทำไม เราไม่ไดขอใครกินสักหน่อย ในเมื่อความคิดเราเริ่มไม่ตรงกัน เราก็ต่างคนต่างทำ ทุกวันนี้เราหาเงินได้มากกว่าเขามาก เขายังคงได้แต่เงินเดือน ไม่ยอมหาเพิ่มอะไรเลย เราเหนื่อยมาก ยอมรับว่าเหนื่อยสุดๆ ถ้าเราคิด ตัดสินใจ พิจารณาไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ เราคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ เราไม่ได้ดูถูกความจนของเขานะ แต่ในเมื่อเรารู้ว่าเราจน เราก็ควรจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่นี่ไม่คิดจะทำอะไรเลย ไม่คิดถึงอนาคต ไม่มีหลักประกันอะไรให้เราได้มั่นใจเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะดูแลเรา ไปได้ตลอดชีวิต พอเริ่มทะเลาะกันหนักเข้า พฤติกรรมก้าวร้าวของเขาก็เริ่มแสดงให้เราเห็น เริ่มตวาด เริ่มใช้กำลัง เราพยายามอดทน อดทนมาโดยตลอด เพราะไม่อยากให้คนอื่นนินทาว่า แต่งงานมาได้ไม่เท่าไร ก็มีปัญหา กลัวแม่ ญาติพี่น้องต้องอับอายและผิดหวังกับการตัดสินใจผิดๆของเรา ทุกวันนี้ เรามาทำงานที่ต่างจังหวัด กลับไปเสาร์ อาทิตย์ แต่อีกไม่นานเราก็ต้องกลับไปทำงานที่เดียวกันกับเขาอีก เราไม่รู้จะอยู่ยังไง อยากจะขอย้ายไปทำงานที่อื่น เราเครียด หาทางออกไม่เจอ เราอยากจะเลิกกับสามีไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว
แต่งงานได้ปีกว่า มีปัญหากับสามีตลอด อยากจะเลิก แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ยังไม่มีลูก แต่ทำงานรับราชการที่เดียวกัน