จอมเวทอมตะ ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 10

    วันนี้เซ็ทส์ได้รับคำมั่นจากท่านผู้นั้นว่าจะไม่จับตามองหนึ่งวัน แค่หนึ่งวันกับฝันลมๆแล้งๆตามสัญญาของท่านผู้นั้นจะเป็นไรไป พอเขาจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหลังงานหนักกับการต่อกรกับอินวิเดียวก็เกิดกลียุค พื้นดินสะเทือนเลื่อนไหวอย่างรุนแรงจนอาคารกรีดร้องเป็นลางร้ายกว่าสิบห้านาที เนื่องด้วยความเคยชินกับสถานการณ์เลวร้ายมากว่าสองพันปี เขาจึงเดินไปยังประตูหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เพียงเซเล็กน้อยเท่านั้น

    “ให้ฉันเข้าไปเถอะ พี่ชายของฉันต้องอยู่ข้างในแน่! ฉันต้องดูว่าเขาปลอดภัยหรือเปล่า”

    “ไม่ได้หรอกครับ ที่นี่จะเข้าได้ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น”

    เสียงคนพูดคุยกันตรงปากทางเข้าตึกที่พักของประธานาธิบดีไม่ดึงดูดความสนใจของเซ็ทส์ กระทั่งเดินเข้าไปใกล้จนเห็นใบหน้าชัด นางคือหญิงสาวผู้มีลักษณะเหมือนคนรักของเขานั่นเอง กำลังขอร้องยามเฝ้าประตูขอเข้าไปข้างใน ท่าทางคงตื่นกลัวเพราะแผ่นดินไหวเมื่อครู่

    “มีอะไรหรือท่านยาม” เซ็ทส์ละความพยายามพูดโดยใช้ลิ้นของยุคนี้ไปชั่วคราวด้วยความเหนื่อย

    “คุณผู้หญิงคนนี้จะเข้าไปข้างในโดยไม่ได้รับอนุญาตครับคุณเซ็ทส์” พนักงานรักษาความปลอดภัยพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ แผ่นดินไหวเมื่อครู่ทำให้รั้วเสียหายบางส่วน คงรวมถึงขวัญของเจ้าหน้าที่ด้วยกระมัง

    “ฉันอยากเข้าไปพบพี่ชายค่ะ เขาเป็นเด็กไม่รู้จักโต แม่ขอให้ฉันดูแลเขา อย่างน้อยขอให้รู้ว่าเขายังสบายดีหลังแผ่นดินไหวเมื่อครู่” หญิงสาวคร่ำครวญ ไม่ได้นึกถึงตนเองเลยว่าความตื่นกลัวแสดงออกมาทางแววตาเช่นกัน

    คราวแรกเขาไม่สนใจหากละเลยดวงตาที่เหมือนเธอคนนั้นไม่ได้ จึงขอให้เขาพาเธอเข้าไปข้างในเอง

    “พี่ของคุณเป็นผู้ใคร มาทำอะไรที่นี่” เซ็ทส์กระแอม พยายามใช้ภาษาของยุคนี้อีกครั้ง แล้วก็ล้มเหลวอีกครั้ง

    “พี่ของดิฉันเป็นนักโบราณคดี” หญิงสาวตอบอย่างสุภาพ ขณะที่พากันเดินเข้าไปในตัวอาคาร ไม่ใส่ใจคนรอบข้างที่ยังสับสนหลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ “เขามาติดต่อกับผู้ช่วยประธานาธิบดีค่ะ”

    อย่างนั้นก็พอเข้าใจได้ คงเป็นแหล่งข่าวของท่านผู้นั้นแน่ อาจกำลังคุยกันอยู่ที่ห้องรับรอง

    “ห่วงแต่พี่ชาย แล้วคุณไม่กลัวบ้างหรืออย่างไร”

    “กลัวสิคะ” หญิงสาวกอดอกตัวสั่นเล็กน้อย “แต่ดิฉันเป็นห่วงพี่ชายมากกว่า เขาเป็นคนไม่ค่อยดูแลตัวเอง ทำอะไรตามใจชอบ พ่อกับแม่ของเราไปทำงานต่างประเทศจึงต้องอยู่กันแค่สองคน”

    “แล้วคุณทำงานอะไรหรือ” อยู่ดีๆเซ็ทส์เกิดอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นขึ้นมา

    “นักเขียนอิสระค่ะ” ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายอย่างแปลกประหลาด “ไม่น่าอวดเลยใช่ไหม ดิฉันต้องดูแลบ้านดูแลพี่เลยไม่มีเวลาไปทำงานอื่นน่ะ”

    “มาหาพี่หรือรวิกานต์ กลัวแผ่นดินไหวเมื่อครู่ใช่ไหม น่ารักจริงๆ”

    ชายวัยกลางคนที่เดินลงมาจากบันไดทักขึ้น เขามีร่างกำยำและเส้นผมสีน้ำตาลขุ่นออกเหลืองผิดกับน้องสาว

    “ใครว่า ฉันน่ะเป็นห่วงพี่ต่างหาก กลัวเป็นอะไรไป” หญิงสาวร้อง นางรีบสอบพี่ชายว่าเป็นอะไรหรือไม่หลังเกิดเหตุเมื่อครู่ แล้วก็นึกถึงเซ็ทส์ซึ่งกำลังหันหลังกลับแล้วทำตามจุดประสงค์เดิม

    “นี่คือพี่ชายของดิฉันค่ะ ขอบคุณที่ช่วยพาเข้ามา” หญิงสาวยกมือไหว้ปะหลกๆด้วยความขอบคุณ นี่เป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันออกไม่น่าพบในทวีปนี้ได้ ชื่อก็ฟังดูแปลกๆด้วย “ดิฉันจะรีบพาพี่ออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”

    “เดี๋ยวก่อนคุณพี่ชาย” เซ็ทส์ร้องเตือน หญิงสาวคงเป็นคนหน้าเหมือนเขาจึงไม่ใส่ใจ คนพี่ต่างหากที่น่ากังวล ไม่รู้ว่าโดนท่านผู้นั้นทำอะไรบ้าๆหรือเปล่า “ข้าขอเตือน หากท่านผู้ช่วยทำข้อตกลงอะไรแปลกๆห้ามตอบตกลงเด็ดขาด”

    สองพี่น้องก้มหัวขอบคุณอย่างงุนงงแล้วเดินจากไป...


    “เป้าหมายต่อไปของเราอยู่ที่ป่าดำทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐนี้”

    ท่านผู้นั้นกล่าวในเย็นวันเดียวกันนั้น ระหว่างที่เซ็ทส์กำลังจดจ่อกับตำนานเบื้องหลังผู้ก่อการร้ายในศตวรรษ เขาแอบหวังจะพบชื่อของท่านผู้นั้นในหนังสือเล่มนี้บ้าง

    “ไม่พบเร็วไปหรือฝ่าบาท” เขาเชื่อแหล่งข้อมูลของท่านผู้นั้นมาตลอด หากคราวนี้ข้อมูลไหลเข้ามาเร็วกว่าปกติ จึงมีความเป็นไปได้ว่าท่านผู้นั้นกำลังวางแผนอะไรอยู่

    “ครั้งที่เท่าไรแล้วที่เจ้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นเซ็ทส์” ท่านผู้นั้นถอนหายใจเหมือนเล่นละคร “ข้าเชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นเชียวหรือ”

    ก็เชื่อไม่ได้น่ะสิ เซ็ทส์คิด

    “ข้าคิดว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยมีอาการจากคำสาปจึงเห็นควรต้องรีบทำงานให้เสร็จๆไป ก็เท่านั้น”

    เซ็ทส์หรี่ตาราวกับคว้าอะไรสักอย่างได้จากคำพูดของท่านผู้นั้น

    “ฝ่าบาทรู้หรือขอรับ ว่าเมื่อไรข้าจะเห็นภาพผู้หญิงคนนั้นจนคำสาปทำงานอีก! คนที่ฝ่าบาทปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลข้า”

    ท่านผู้นั้นเท้าคางกับแขนเก้าอี้นวมแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เซ็ทส์ใช้เวลานานแสนนานจนรู้ว่ามันหมายความว่า อย่าหวังว่าจะได้สิ่งที่ต้องการไปง่ายๆแบบนั้น

    “เห็นว่าคราวก่อนเจ้าถ่วงเวลาได้ยอดเยี่ยมจึงจะบอกให้ส่วนหนึ่ง” ท่านผู้นั้นทำหน้าเหมือนเห็นของหวานกองโตอยู่ตรงหน้า เพียงพูดออกมาก็ได้กินจนหมด “มันเป็นคำเตือนที่ส่งถึงข้าโดยเฉพาะ คนๆนั้นรู้ว่าจะเร่งข้าให้ทำงานนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร สำหรับข้าแล้วจะเอ้อละเหยอยู่สักห้าพันปีก็ได้”

    “ใครกันฝ่าบาท แล้วหากต้องการเตือนท่านเหตุใดจึงมาลงที่ข้า!”

    “คนที่เกือบฆ่าข้าอย่างไรละเซ็ทส์ เขาใช้ร่างเจ้า” เสียงไอวี่แหลมขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

    “หุบปาก!” ท่านผู้นั้นกัดฟันพูด ดวงตาฉายแสงแห่งความโกรธเกรี้ยว “ข้าเกลียดคนปากมาก!” ท่านผู้นั้นเน้นทุกพยางค์ด้วยพลังอำนาจล้นปรี่แทบเผาห้องอ่านหนังสือให้เป็นจุณ

    นี่ล่ะจอมหมกเม็ดอันดับหนึ่งของพวกเรา เซ็ทส์ทำใจปล่อยปริศนาให้ลอยผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าที่ควร

    “ยังมีเรื่องเกี่ยวกับตัวข้าแต่ข้ายังไม่รู้อีกหรือไม่ขอรับ” เซ็ทส์ถามลอยๆ

    “เป็นกระบุงโกย” ท่านผู้นั้นหัวเราะลั่น “ไม่ต้องกังวลหรอก เมื่อเจ้าทำงานนี้สำเร็จทั้งหมดก็จะจบลงเอง...ข้าต้องไปคุยกับสี่เสาหลักสักหน่อย จะได้รู้ว่าเมื่อไรนางมังกรครึ่งมนุษย์นั่นจะต้องไปตรวจกับองค์เทพี”

    “แล้วจะให้ข้าเตรียมเสื้อผ้าเลยหรือไม่ขอรับ”

    “ไม่ต้อง” ท่านผู้นั้นส่ายหน้า “คราวนี้เราจะรีบไปรีบกลับ สถานที่คือป่าดำที่เราเคยผ่านมาแล้วเมื่อเกือบพันปีก่อน ข้าสามารถใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปได้ทันที”

    “อย่างนั้นข้าจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับป่าดำในยุคนี้ก่อน ไม่รู้จะได้มากน้อยแค่ไหน”    

    “ไม่ลองใช้อินเตอร์เน็ทบ้างล่ะ เครือข่ายในเครื่องที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์น่ะ มันเร็วกว่าหาจากหนังสืออีกนะ” ท่านผู้นั้นวาดวงกลมในอากาศ เกิดหลุมดำสนิทราวหยดหมึกขึ้นตรงหน้า

    “ข้าไม่ถนัดแต่จะลองดูขอรับ เปรียบเทียบจากที่พวกเราเคยพบเมื่อก่อน”

    ในอดีต ป่าดำเคยเป็นชุมชนมังกรวิเศษขนาดใหญ่ ที่นั่นสงบสุขกว่าเมืองมนุษย์หลายเท่านัก มังกรที่นั่นสามารถใช้เวทมนตร์ได้เหนือกว่ามนุษย์ทว่ารักสงบ พวกมันอยู่กับต้นไม้ในป่าดำจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน สมัยก่อนเขากับท่านผู้นั้นเคยไปพักแรมอยู่เพื่อตามรอยมังกรแสง

    จะว่าไปเซ็ทส์ก็ไม่ค่อยถูกโรคกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์มากนัก มันเร็วเกินไป แสงเยอะเกินไป เสียงดังเกินไป ส่งกลิ่นเครื่องจักรมากเกินไปอีกต่างหาก เขาจึงตกลงใจว่าจะไปตามร้านหนังสือนำเที่ยวก่อน หากมันมีข้อมูลของทุกสถานที่ที่มีชื่อเสียง ย่อมมีเรื่องของป่าดำด้วยเช่นกัน...


    “ทำไมมาอยู่กับหนังสือรวมเรื่องสยองไปได้” เซ็ทส์เบ้ปาก เพราะเรื่องราวของป่าดำกลับไปอยู่ในหนังสือรวบรวมสถานที่อาถรรพณ์เสีย ตอนแรกเขาคิดว่าบรรณารักษ์คงหยิบให้ผิดเล่ม “ป่าแห่งการกัดกิน ยอดหายสาบสูญสูงลิ่ว”

    จากหนังสือดังกล่าว ป่าดำไม่ใช่ป่าที่เขารู้จักแล้ว มังกรเวทมนตร์สูญพันธุ์หมด สัตว์ป่าล้วนล้มหายโดยไม่พบซากศพ ผู้คนที่เข้าไปไม่เคยกลับออกมา ถูกกั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามเมื่อห้าสิบปีก่อน ว่ากันว่ามีสัตว์ร้ายคอยเฝ้าบางสิ่งอยู่ที่นั่น

    “อ่านอะไรอยู่หรือคะ” คำทักทายแทรกเข้ามาระหว่างเซ็ทส์ใช้ความคิด สตรีหน้าเหมือนเมื่อตอนนั้นนั่นเอง นางหอบหนังสือเล่มหนาไว้เต็มอ้อมแขน ยิ้มอย่างร่าเริงเมื่อเจอคนรู้จัก

    “เรื่องป่าดำน่ะ ผมคิดว่าน่าสนใจดี คุณชื่อรวิกานต์ใช่ไหม” เซ็ทส์ถาม หญิงสาวพยักหน้าอย่างสุภาพ

    “ลึกลับดีนะคะ ฉันเคยเขียนนิยายโดยใช้ป่าดำเป็นฉากด้วย ในเรื่องมีคู่รักพากันหนีเพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่พระเอกเป็นโจรจึงถูกตามล่า สุดท้ายทั้งคู่ก็ฆ่าตัวตายที่ป่าดำเพราะความโศกเศร้าที่ต้องสังหารคนจำนวนมากทั้งผู้รักษากฎหมายและพยานรู้เห็น”

    “แล้วคุณมาทำอะไรที่แห่งนี้” เซ็ทส์พยายามใช้ภาษาปัจจุบันโดยไม่จำเป็น “หาข้อมูลเขียนนิยายหรือ”

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่