◆ สิ่งที่เราเห็นบ่อยๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์คือการแชร์รูปภาพน่ารักๆ เช่น หมา หรือแมว งานวิจัยล่าสุดจากอังกฤษโดย Kevin Paterson อาจจะบอกว่าเราควรมองภาพเหล่านี้บ่อยๆ ถ้าต้องทำงานทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งานวิจัยสำรวจกลุ่มตัวอย่างนักเรียน 48 คนชายหญิงเท่าๆ กัน ช่วงอายุ 18-22 ปี (ไปเกณฑ์น้องปริญญาตรีมาร่วมนั่นเอง) ที่เลือกแล้วว่าถนัดมือขวา โดยให้เล่นเกมสำหรับเด็กที่ให้ใช้แหนบคืบสิ่งของออกจากหลุมโดยไม่แตะข้างหลุม ถ้าทำสิ่งของตกจากแหนบถือว่าแพ้ ทำซ้ำไป 14 ด่านจนจบ จากนั้นระหว่างพักจึงให้ดูภาพทั้งหมด 7 ภาพ แล้วเรียงลำดับตามความชอบ แล้วกลับไปเล่นเกมอีกครั้ง เมื่อจบการทดลองจึงให้ผู้ร่วมทดลองให้คะแนนภาพทั้ง 7 ภาพ ใน 4 ด้านคือ ความน่ารัก (cute), ความเด็ก (infantile), ความชอบ (pleasant), และความตื่นเต้น (exciting)
ภาพทั้ง 7 ภาพนั้นจริงๆ แล้วมีสองชุด คือ ชุดลูกแมวและลูกหมา และชุดแมวและหมา สุ่มเลือกให้กับผู้ร่วมทดลองแต่ละคน
การทดลองต้องการเก็บผลคะแนนของก่อนและหลังจากดูภาพ โดยเฉลี่ยแล้วพบว่าทุกกลุ่มมีคะแนนสูงขึ้นทั้งหมด แต่คะแนนของกลุ่มที่ดูภาพลูกหมาและลูกแมวนั้นสูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ดีภาพหมาแมวตามปกติมาก และใช้เวลาในการเล่นเกมนานขึ้นมาด้วย
การทดลองที่สองคล้ายการทดลองแรก โดยใช้ผู้เข้าร่วม 48 คนที่ไม่ได้ร่วมในการทดลองแรกมาเล่นสองเกม คือ เกมนับจำนวนตัวเลขที่กำหนดจาก 40 ตัวเลขที่แสดง โดยเล่น 2 รอบเช่นเดิม แต่ภาพที่ให้ดูเปลี่ยนเป็น 3 กลุ่มคือ ภาพลูกหมาและลูกแมว, ภาพหมาและแมว, และภาพอาหารที่น่ากิน [ดูแผนภูมิรูปแท่งประกอบในรูป]
ผลการทดลองยังคงยืนยันผลเดิมว่ากลุ่มที่ดูภาพลูกหมาและลูกแมวได้คะแนนสูงขึ้นอย่างมาก
การทดลองนี้ยืนยันว่าความน่ารักไม่ได้เป็นเพียงความพึงพอใจของตัวเราอย่างเดียว มันยังมีผลไปถึงพฤติกรรมของเรา คนที่ได้ชมภาพน่ารักมีแนวโน้มจะมีสมาธิที่ดี ใจเย็นลง และเอาใจใส่ต่อสิ่งที่ทำอยู่มากขึ้น
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ใน PLoS ONE DOI:10.1371/journal.pone.0046362
ถึงเวลาที่เราจะต้องหาโปสเตอร์ภาพน่ารักๆ มาติดฝาผนังข้างโต๊ะทำงานแล้วล่ะ!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้credit https://www.facebook.com/jubjitTU/photos/pb.477571715618562.-2207520000.1407132456./638508246191574/?type=3&theater
งานวิจัยจิตวิทยา เผย การดู(ภาพ)แมวเด็กช่วยให้มนุษย์มีสมาธิ! =0w0=
◆ สิ่งที่เราเห็นบ่อยๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์คือการแชร์รูปภาพน่ารักๆ เช่น หมา หรือแมว งานวิจัยล่าสุดจากอังกฤษโดย Kevin Paterson อาจจะบอกว่าเราควรมองภาพเหล่านี้บ่อยๆ ถ้าต้องทำงานทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
งานวิจัยสำรวจกลุ่มตัวอย่างนักเรียน 48 คนชายหญิงเท่าๆ กัน ช่วงอายุ 18-22 ปี (ไปเกณฑ์น้องปริญญาตรีมาร่วมนั่นเอง) ที่เลือกแล้วว่าถนัดมือขวา โดยให้เล่นเกมสำหรับเด็กที่ให้ใช้แหนบคืบสิ่งของออกจากหลุมโดยไม่แตะข้างหลุม ถ้าทำสิ่งของตกจากแหนบถือว่าแพ้ ทำซ้ำไป 14 ด่านจนจบ จากนั้นระหว่างพักจึงให้ดูภาพทั้งหมด 7 ภาพ แล้วเรียงลำดับตามความชอบ แล้วกลับไปเล่นเกมอีกครั้ง เมื่อจบการทดลองจึงให้ผู้ร่วมทดลองให้คะแนนภาพทั้ง 7 ภาพ ใน 4 ด้านคือ ความน่ารัก (cute), ความเด็ก (infantile), ความชอบ (pleasant), และความตื่นเต้น (exciting)
ภาพทั้ง 7 ภาพนั้นจริงๆ แล้วมีสองชุด คือ ชุดลูกแมวและลูกหมา และชุดแมวและหมา สุ่มเลือกให้กับผู้ร่วมทดลองแต่ละคน
การทดลองต้องการเก็บผลคะแนนของก่อนและหลังจากดูภาพ โดยเฉลี่ยแล้วพบว่าทุกกลุ่มมีคะแนนสูงขึ้นทั้งหมด แต่คะแนนของกลุ่มที่ดูภาพลูกหมาและลูกแมวนั้นสูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ดีภาพหมาแมวตามปกติมาก และใช้เวลาในการเล่นเกมนานขึ้นมาด้วย
การทดลองที่สองคล้ายการทดลองแรก โดยใช้ผู้เข้าร่วม 48 คนที่ไม่ได้ร่วมในการทดลองแรกมาเล่นสองเกม คือ เกมนับจำนวนตัวเลขที่กำหนดจาก 40 ตัวเลขที่แสดง โดยเล่น 2 รอบเช่นเดิม แต่ภาพที่ให้ดูเปลี่ยนเป็น 3 กลุ่มคือ ภาพลูกหมาและลูกแมว, ภาพหมาและแมว, และภาพอาหารที่น่ากิน [ดูแผนภูมิรูปแท่งประกอบในรูป]
ผลการทดลองยังคงยืนยันผลเดิมว่ากลุ่มที่ดูภาพลูกหมาและลูกแมวได้คะแนนสูงขึ้นอย่างมาก
การทดลองนี้ยืนยันว่าความน่ารักไม่ได้เป็นเพียงความพึงพอใจของตัวเราอย่างเดียว มันยังมีผลไปถึงพฤติกรรมของเรา คนที่ได้ชมภาพน่ารักมีแนวโน้มจะมีสมาธิที่ดี ใจเย็นลง และเอาใจใส่ต่อสิ่งที่ทำอยู่มากขึ้น
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ใน PLoS ONE DOI:10.1371/journal.pone.0046362
ถึงเวลาที่เราจะต้องหาโปสเตอร์ภาพน่ารักๆ มาติดฝาผนังข้างโต๊ะทำงานแล้วล่ะ!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้