โมนา ลิซ่าเธออยู่หนายยย

มาตามหาโมนา ลิซ่า ที่ Musee de Louvre กันคะ



วันนี้เราวางแผนออกเดินทางแต่เช้ามาตั้งแต่พิพิธภัณฑ์เปิด เพราะเราได้ศึกษามาแล้วว่าถ้ามาตอนสายคนจะเยอะ แถวต่อคิวเพื่อเข้าลูฟร์จะยาวมาก เราไม่อยากเสียเวลาเลยมาเป็นที่แรกแต่เช้าเลย พอมาถึงคนก็มาเยอะเท่าไหร่ต่อคิวแป๊บเดียวก็ได้เข้าไปด้านในแล้วจ้า วันนี้มีน้องอาร์ม เด็กถวบ้าน น้องสาวเพื่อนเราสมัยเดกมาเป็นไกด์ให้ด้วย น้องอาร์มมาดูงานที่ฝรั่งเศส 6 เดือน ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ พี่หล่ะอิจฉาน้องจริงๆเลยยยยยย




เอกลักษณ์ที่ทุกคนรู้จักลูฟร์กันเป็นอย่างดี คือ พีระมิดแก้ว ซึ่งออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิก ชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ.1988 ริเริ่มโดยประธานาธิบดีฟร็องซัว มีแตร็อง เพื่อใช้เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เข้าชมจะต้องเข้าผ่านล็อบบี้ใต้ดิน ที่อยู่ใต้ฐานพีระมิด  



โครงการนี้รวมไปถึง พีระมิดกลับหัว หรือ The Inverse Pyramid ซึ่งเป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกัน แต่กลับหัวลงไปที่ชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์  โดยฐานพีระมิดจะอยู่บนพื้นผิวระดับถนน ซึ่งโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1993




แรกเริ่มเดิมที ลูฟร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นป้อมปราการของเมือง ในปี คศ 1190 แต่ได้ถูกเปลี่ยนเพื่อใช้เป็นพระราชวังใน ศตวรรษที่ 16 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ย้ายวังไปอยู่ที่พระราชแวร์ซาย
หลังจากนั้น ลูฟกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะการแสดงสะสมของพระราชวงศ์และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ  ในยุคการปกครองของนโปเลียน  สิ่งของต่างๆในพิพิธภัณฑ์ได้มาจากดินแดนที่พระเจ้านโปเลียนไปพิชิตมาได้ ในยุคนั้น พิพิธภัณฑ์ก็รู้จักในนาม พิพิธภัณฑ์นโปเลียน  แต่หลังจากความพ่ายแพ้ของนโปเลียน ที่วอเตอร์ลูพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็กลับไปใช้ชื่อเดิมคือ ลูฟร์ โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) หรือกว่า 200 ปีมาแล้ว และ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า งานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์  คือ ภาพ Mona Lisa ที่วาดโดย ลีโอนาโด ดาวินชี  แม้ภาพจะมีขนาดเล็กเพียง 30 นิ้ว แต่ด้วยรอยยิ้มอันแสนจะลึกลับของเธอนี้ มีสเน่ห์นี้ดึงดูดผู้เข้าชมกว่าหลายล้านคนต่อปี



ด้วยความที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์  ช่างกว่างใหญ่ไพศาลเหลือเกินเราเลยเลือกเดินไปยังซีกที่มีรูปโมนาลิซ่าอยู่ ยังไงต้องไปดูให้ได้






ระหว่างทางเดินไปยังห้องภาพ โมนา ลิซ่า เราก็ได้เจอภาพวาดมากมาย ระหว่างทางก่อนเรามา เราก็ไม่ได้คิดว่าจะมาชมศิลปะอะไรมากมายที่ลูฟร์ แค่อยากจะมาดูโมนา ลิซ่าเท่านั้นเอง แต่ภาพวาดต่างๆ ที่เราเดินผ่านนั้น มันช่างสวยงามมากจริงๆ เราสัมผัสได้ว่าภาพนั้นๆ มีชีวิตจริงๆ  



นักท่องเที่ยวกำลังชื่นชมภาพวาดในลูฟร์กันอย่างจริงจัง บางกลุ่มมีไกด์ส่วนตัวมาด้วยคะ
ภาพวาดแต่ละภาพสวยงามมากจริงๆ    










ในลูฟร์เราจะพบเห็นศิลปินมาวาดภาพเหมือนตามโถงแสดงภาพอยู่ด้วยนะคะ








ระหว่างทางเดินเพื่อไปตามหาโมนา ลิซ่า มีภาพนึงสะดุดตาเรามากๆ คือภาพวาดของเด็กชายเท้าเปล่าคนหนึ่ง รูปร่างดูไม่สมประกอบ ในมือถือไม้เท้าของคนพิการ แต่งตัวมอซอแถมไม่ใส่รองเท้าด้วย แต่รอยยิ้มของเค้าช่างดูสดใสและมีความสุขเสียนี่กระไร  



ภาพวาดชั้นนี้ชื่อว่า Boy with Club-Footed (เด็กชายเท้าปุก ) โดย Jusepe de Ribera ศิลปินชาวสเปน (ปี ค.ศ.1642) ในมือของหนูน้อยคนนี้ยังถือกระดาษไว้แผ่นนึง มีข้อความว่า  “ Da mihi elimosinam propter amorem dei”  แปลว่า" สำหรับความรักของพระเจ้า โปรดให้ฉันขอ " เหมือนเป็น ใบอนุญาตจากพระเจ้าของเขา เพื่อให้เขาสามารถขอได้นะ เพราะแท้จริงแล้ว หนูน้อยคนนี้เป็นขอทานนั่นเองคะ น่ารักเนอะมีใบอนุญาตขอทานด้วย  ปล. อาการเท้าปุกคือลักษณะของเท้าที่ผิดรูป

เดินหลงไปมากว่าจะหาภาพ โมนา ลิซ่า เจอซะที หลายคนอาจจะสงสัยเมื่อไปถึงภาพๆนี้ว่าทำมั๊ย ทำไม ภาพนี้จะต้อง ล้อมด้วย กระจก  แถมเป็นกระจกกันกระสุนอีกต่างหาก  ทั้งยังกั้นให้ผู้เข้าชมได้ในระยะห่างๆอีกต่างหาก และยังขนาบข้างด้วยยาม  นี่ก็เป็นผลมาจากการ ที่มันถูกขโมยไป ในปี 1911 (แต่ตามกลับมาได้ในปี 1913) เพราะพี่นักโจรกรรมนี่เองที่ทำให้คนทั้งโลกต้องมองโมนา ลิซ่า ได้เพียงผ่านกระจกอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ (ว่าจะถูกขโมยอีก)



ปล. คนทีขโมยภาพโมนาลิซ่า ออกไปจากลูฟร์เมื่อปี  1911 คือ ช่างไม้ผู้สมถะ ลูกจ้างในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้นี่เอง นามว่า เปรูเจียถูกจ้างมาให้ขโมยไปให้ผู้มีอิทพลคนหนึ่ง ต่อมาหลังจากโดนตามล่าอย่างหนัก คนสั่งก็ไม่ยอมมารับ เปรูเจียซ่อนภาะวาดโมนาลิซ่าไว้ที่ใต้เตียงนอนของเค้าในย่านสลัมในปารีส ถึง 2 ปี จนตัดสินใจขนไปที่อิตาลี่เพราะเห็นว่าเป็นสมบัติของคนอิตาลี่ ก็ลีโอนาโด ดาวินชี่ ผู้วาดภาพนี้เป็นชาวอิตาเลี่ยน เปรูเจียเองก็เป็นชาวอิตาเลี่ยน จนถูกจับได้ในที่สุด ระหว่างการนำภาพกลับไปยังพิพิธภัณฑ์ในอิตาลี่

แต่ต่อมานายเปรูเจีย กลับได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระโดยศาลฝรั่งเศส ศาลจึงตัดสินลดโทษให้เหลือจำคุกเพียง 7 เดือน แต่ระหว่างการพิจารณาคดีเปรูเจีย ก็อยู่ในคุกมาเป็นเวลา 7 เดือนแล้วศาลจึงพิจารณาให้จำเลยพ้นโทษนับจากวันพิพากษาเป็นต้นไป หลายคนอาจจะสงสัยว่า ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอขโมยภาพโมนาลิซ่าไปตั้ง 2 ปีโนลงโทษแค่นี้เองเหรอ ทำไมศาลช่างใจดีขนาดนี้

ก่อนการพิจารณาคดีไม่กี่วัน เปรูเจียได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
“ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ในฐานะคนอิตาเลียนผู้รักชาติและสมบัติของชาติด้วยความภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิด และไม่เคยคิดที่จะส่งคืนภาพอันล้ำค่านี้ให้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าอาจได้รับการยกย่องสรรเสริญหรือค่าตอบแทนเป็นรางวัลหลายแสนฟรังก์ แต่ข้าพเจ้าก็คิดอยู่เสมอที่จะนำภาพนี้กลับคืนอิตาลีบ้านเกิดที่ข้าพเจ้ารักและผูกพันตลอดเวลา แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับเป็นการตอบแทนคือ การถูกลงโทษ และถูกประณามอย่างคนไร้ศักดิ์ศรี ทั้งที่ไม่ใช่คนทรยศ เช่นนี้หรือ”

ศาลฝรั่งเศส ใจอ่อนเลย ...คณะผู้พิพากษาให้ความเห็นว่า เหตุผลของความรู้สึกรักชาติของจำเลย ได้ช่วยลบล้างความเกลียดชังและความสาหัสของคดีที่จำเลยก่อขึ้น จึงได้พิพากษาให้จำเลยถูกลงโทษด้วยการจองจำเป็นเวลา 1 ปี กับอีก 15 วันอีกทั้งจำเลยเองก็ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน คำสารภาพของจำเลยมีประโยชน์ต่อรูปคดี

รู้ไว้ ใช่ว่า Louvre มีผลงานศิลปะและวัตถุโบราณ รวมกว่า 380,000 ชิ้นที่ และมีประมาณ 4000 เป็นผลงานของศิลปินชาว ฝรั่งเศส
-    วัตถุโบราณ ที่เก่าแก่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์ เป็นวัตถุโบราณสมัยกรีกและโรมัน
-    ลูฟร์ มีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการมากกว่า 650,000 ตารางฟุต
-    พิพิภัณฑ์ได้รับเงินสนับสนุนค่าพื้นที่การถ่ายทำถึง 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากภาพยนตร์ชื่อดัง จากนวนิยายเรื่อง ดาวินชี่โค้ด ของแดน บราวน์  
- ในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส

เด็กนักเรียนฝรั่งเศสโชคดีมากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ จากภาพจริงของศิลปินเอกต่างๆ โดยเราคนไทยเรียนรู้จากหนังสือเท่านั้น



ลูฟร์มันช่างกว้างใหญ่ ไพศาลจริงๆ เดินจนเหนื่อยละ ของีบนิดนึงนะ



ก่อนกลับ น้องอาร์ม ที่มาดูงานที่ฝรั่งเศสบอกเล่าให้ฝังว่า ผมมาที่นี่ ไม่ได้ไปไหนเลยพี่ นอนเล่นที่พัก  นานๆ ออกมาเที่ยวที คิดถึงบ้านมากเลย อยากกลับแล้ว เราก็ตอบกลับไปว่า อาร์ม แก จะมีซักกี่คนที่ได้โอกาสดีๆแบบนี้มาดูงานที่ปารีส ตั้ง 6 เดือน แกจะมานอน เล่นไปมาที่ห้อง แล้วนั่งนับวันกลับบ้านอยู่ได้ยังไง บ้านเรายังไงแกก็ได้กลับอยู่แล้ว มีโอกาสดีๆแบบนี้ ให้ชีวิตให้เต็มที่ ไปเที่ยวให้ทั่วทุกซอกทุกมุมเลย แล้วกลับบ้านเราแบบไม่ไห้เสียใจทีหลัง

คร้าบบบพี่ อาร์มตอบแบบขอไปที  แต่หลังจากนั้นเราก็เห็นอาร์มอัพเดทรูปที่ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในปารีสบ่อยมากขึ้น จากเดิมที่ไม่มีเลย..แต่มันก็ขอเค้ากลับบ้านก่อนกำหนดอยู่ดี

facebook page:
https://www.facebook.com/theworldasiseeitbyjung
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่